แค่ผีเสื้อในป่าแอมะซอนกระพือปีก ปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดขึ้นก็อาจทำให้อเมริกาพบกับพายุงวงช้างภายในเวลาสองสัปดาห์ต่อมาได้เลยทีเดียว
จากอุบัติของเหตุการณ์หนึ่ง มักจะส่งผลต่อเหตุการณ์อื่นด้วยเช่นกัน
ภาพของเซี่ยเสี่ยวหลานที่หยุดนิ่งไปเป็เวลา 3 วินาทีนั้น ส่งผลต่อคนและเหตุการณ์มากมายเท่าไร ตอนนี้เธอไม่รับรู้โดยสิ้นเชิง
โชคดีที่ในตอนนั้นเธอกระตือรือร้นถึงขีดสุด สมบูรณ์พร้อมทั้งจิติญญาแห่งคุณธรรมและศักยภาพ เป็เหตุให้ความงามเย้ายวนใจโดยกำเนิดของเธอเจือจางลงมาก และหลงเหลือเพียงความมีชีวิตชีวาอย่างหญิงสาววัยรุ่นเท่านั้น
ช่างเจริญตาเจริญใจจริงๆ
หวังก่วงผิงและหร่านซูอวี้กำลังดูโทรทัศน์อยู่เช่นกัน
หร่านซูอวี้พยายามมองหาหวังเจี้ยนหัวผู้เป็ลูกชายในขบวน ทว่าในขบวนมีคนมากมายขนาดนั้น หร่านซูอวี้มองหาจนปวดตาก็ยังหาไม่เจอ พอขบวนนักศึกษาสิ้นสุดลง ก็เริ่มการสวนสนามของกองทหารแล้ว หร่านซูอวี้ถึงละสายตาจากโทรทัศน์ด้วยความขุ่นเคือง
“มหาวิทยาลัยเจี้ยนหัวนี่ยังด้อยอยู่หน่อยสินะ คุณย้ายมหาวิทยาลัยให้เจี้ยนหัวไม่ได้หรือ? คุณดูขบวนเกียรติยศของหัวชิงเมื่อครู่นี้สิ ตำแหน่งที่นักศึกษาหญิงคนนั้นยืน นักศึกษาหญิงหัวชิงที่มีกล้องจับภาพระยะใกล้โดยเฉพาะนั่นน่ะ...”
หญิงสาวคนนั้นหน้าตาสะสวยเสียด้วยน่ะสิ
หร่านซอวี้กลับไม่ได้ให้ค่าใครที่หน้าตา สิ่งที่เธอให้ค่าคือตำแหน่งยืนนั่น
หวังก่วงผิงไม่อิจฉาบ้างหรือไร?
ถ้าหวังเจี้ยนหัวยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกันนั้น และมีภาพค้างสามวินาทีแบบนี้บ้าง เขาจะให้หวังเจี้ยนหัวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์อย่างแน่นอน!
ให้นักศึกษาหญิงแสนสวยคนหนึ่งยืนตรงนั้นแล้วจะได้อะไร ใช้ประโยชน์ไม่ได้ คือการสูญเปล่าโดยแท้
หวังก่วงผิงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “จะย้ายมหาวิทยาลัยได้อย่างไร คุณคิดว่ามหาวิทยาลัยอย่างหัวชิงกับจิงต้านี่สามารถย้ายเข้าไปได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นเชียว?”
การย้ายมหาวิทยาลัยนั้นสามารถทำได้
แต่เป็การย้ายจากมหาวิทยาลัยที่ดีไปยังมหาวิทยาลัยที่ด้อยกว่า และต่อให้แย่แค่ไหนก็ต้องย้ายไปยังมหาวิทยาลัยระดับเท่าเทียมกันเท่านั้น จะให้ย้ายจากวิทยาลัยฝึกหัดครูไปยังหัวชิงหรือจิงต้า เป็ไปได้รึ? หากตระกูลใครที่พอมีอิทธิพลทำเช่นนี้กันทุกตระกูล ในแต่ละปีหัวชิงและจิงต้าคงรับนักศึกษาที่โยกย้ายไม่หวาดไม่ไหว นอกจากนี้หวังก่วงผิงกลับมารับราชการได้เพียงไม่นานนัก อีกทั้งงานในอดีตของเขาไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาแม้แต่น้อย เป็เหตุให้คนมากมายจับจ้องรอคอยให้เขาทำความผิด และหวังก่วงผิงจะไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเขายังคงเสียดายที่หวังเจี้ยนหัวสอบเกาเข่าได้ไม่ดีพออยู่ดี
----------------------------------------
สองสามีภรรยาบ้านหวังกังวลใจแทนบุตรชายคนเดียว ส่วนบุตรชายคนเดียวของพวกเขากำลังเอาแต่คิดถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน
หลังจากงานเฉลิมฉลองเลิกรา หวังเจี้ยนหัวเสาะหาเงาของเซี่ยเสี่ยวหลานทุกที่
เซี่ยจื่ออวี้ย่อมรู้สึกโกรธเคืองอยู่ภายในใจ จู่ๆ เธอก็ดึงแขนเสื้อของหวังเจี้ยนหัวไว้ “เจี้ยนหัว ฉันปวดท้อง”
หวังเจี้ยนหัวเห็นเธอหน้าซีดเผือด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก จึงทำได้เพียงลืมเซี่ยเสี่ยวหลานไปชั่วคราว ในจัตุรัสมีคนร่วมหมื่น จะหาเจอง่ายดายเสียที่ไหน นอกจากพิธีฉลองใน่เช้า ตอนเย็นจัตุรัสเทียนอันเหมินยังจัดงานเต้นรำอีกด้วย เอาไว้ค่อยออกมาพร้อมกับพวกเพื่อนร่วมหอดีกว่า
วันนี้เป็วันที่บ้าบอจริงๆ
ทุกคนร้องเพลงเต้นรำบนจัตุรัส เซี่ยเสี่ยวหลานะโจนเสียงแหบแห้งแล้ว ขณะนี้ประธานเซี่ยได้ปล่อยกายปล่อยใจเป็พิเศษ วันนี้ตอนกำลังเดินผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมิน เธอรู้ว่าตนเองมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงภายนอก มันคือสภาพจิตใจ!
มีนักศึกษาชายหัวชิงใจกล้ามาขอเธอเต้นรำ เซี่ยเสี่ยวหลานก็เต้น!
หลังเต้นรำเสร็จแล้วรุ่นพี่หัวชิงเพิ่งหน้าแดงเรียกน้องเซี่ยได้คำเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานก็บอกเขาอย่างหนักแน่นมาก ตัวเธอมีแฟนแล้ว และยังไม่มีแผนจะเปลี่ยนคนรัก
“น้องสาว เธอ เมื่อครู่ที่เต้นเธอเหยียบเท้าฉัน”
รุ่นพี่ชายหัวชิงแทบจะหนีหัวซุกหัวซุน
เซี่ยเสี่ยวหลานตัวแข็งค้างเป็หินในบัดดล นี่รุ่นพี่พูดเพื่อกู้ศักดิ์ศรีหรือว่าพูดความจริงกันแน่
หลิวหัวเจิงเปิดเผยความจริงอันแสนโหดร้ายทันที “เธอเต้นแข็งขนาดนั้นได้อย่างไร? มือเท้าไปพร้อมกัน!”
พวกซูจิ้งกลับสนใจเกี่ยวกับคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานมากกว่า “เธอมีแฟนจริงๆ หรือว่าเอามาเป็ข้ออ้างกัน คราวก่อนจี้เจียงหยวนชวนเธอคุย เธอก็บอกว่ามีแฟนเหมือนกัน!”
น้ำเสียงของซูจิ้งกล่าวเหมือนเธอสนทนากับจี้เจียงหยวนเพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถคบหาดูใจกันได้!
แม้จี้เจียงหยวนค่อนข้างต่างจากนักศึกษาชายอายุไล่เลี่ยกันก็จริง เขามีทั้งความมั่นใจในตัวเองและมีอารมณ์ขัน รู้ว่าจะทำอย่างไรให้หญิงสาวชอบ... นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเธอต้องใจโลเลนี่นา
“มีแฟนแล้วจริงๆ พวกเธอก็เคยกินไก่พะโล้ของเขาไม่ใช่หรือ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดประโยคนี้จบก็หนีทันที ซูจิ้งกับเพื่อนๆ พากันร้องฮือฮา
เสี่ยวหลานเป็คนซื้อไก่พะโล้ แล้วมันกลายเป็ของที่คนรักเสี่ยวหลานซื้อให้ได้อย่างไรเล่า! อีกอย่างพวกเธออยู่ระหว่างการฝึกวิชาทหารในมณฑลจี้เป่ย เช่นนั้นคนรักของเสี่ยวหลานตามไปถึงมณฑลจี้เป่ยเชียวหรือ?
แววตาของหนิงเสวี่ยวูบไหว
กลุ่มคนที่เต้นรำเบียดไปเบียดมา หนิงเสวี่ยเบียดตัวเข้าไปใกล้จี้เจียงหยวนโดยไม่รู้ตัว
เธอดูเหมือนรวบรวมความกล้าสูงสุด ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนแค่เอ่ยปากตามใจชอบเท่านั้น
“จี้เจียงหยวน ฉันมีเื่จะคุยกับเธอ”
จี้เจียงหยวนและสยฺงไป่เหยียนเป็ดั่งเมิ่งเจียวไม่ห่างกัน [1] เสมอมา ดังนั้นสยฺงไป่เหยียนย่อมตื่นเต้นยิ่งกว่าจี้เจียงหยวนเสียอีก สหายหนิงเสวี่ยชวนจี้เจียงหยวนสนทนา ให้ตายสิเ้าบ้าจี้เจียงหยวนนี่โชคดีเกินไปแล้วหรือเปล่า! จี้เจียงหยวนเหมือนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าเขาก็แสดงรอยยิ้มตามมาตรฐานออกมาอย่างรวดเร็ว
“สหายหนิงเสวี่ย เธอมีเื่อะไรกับฉันหรือ?”
หนิงเสวี่ยหันกลับและจากไปทันที ภายใต้สายตากดดันของสยฺงไป่เหยียน จี้เจียงหยวนทำได้เพียงแทรกตัวออกจากวงรื่นเริงของหัวชิงอย่างเนิบนาบ และไปยังสถานที่ที่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวพร้อมกับหนิงเสวี่ย
“จี้เจียงหยวน แฟนหนุ่มของสหายเซี่ยเสี่ยวหลานคือหัวหน้าครูฝึกของพวกเราสินะ?”
น้ำเสียงของหนิงเสวี่ยแสดงออกถึงความมั่นใจยิ่งนัก
จี้เจียงหยวนอดไม่ได้ที่จะใ “ใครบอกเธอ?”
หลังพูดจบเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที นี่มันคือการสารภาพแต่โดยดีมิใช่หรือ
หนิงเสวี่ยเม้มริมฝีปาก “เดิมทีฉันยังไม่แน่ใจสักเท่าไร ขอบคุณเธอจริงๆ ที่เมื่อครู่บอกฉันนะ”
ทำไมหนิงเสวี่ยถึงเรียกเขาออกมาเพื่อพูดเื่นี้?
จี้เจียงหยวนนึกว่าเธอไม่ใช่คนที่สนใจเื่ของผู้อื่นเสียอีก
“เื่แบบนี้อย่าพูดซี้ซั้วไปทั่วดีกว่านะ นี่เป็เื่ส่วนตัวของสหายเซี่ย... ถ้าเธอคิดว่าครูฝึกโจวคือคนรักของสหายเซี่ยและสิ่งนี้ทำให้สหายเซี่ยได้รับตำแหน่งผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารดีเด่น ความกังวลนี้ไม่จำเป็แม้แต่น้อย ครูฝึกโจวเขาไม่ใช่คนประเภทนั้น”
โจวเฉิงเป็คนอย่างไร จี้เจียงหยวนไม่อาจประเมินได้
แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเป็บุรุษคนหนึ่ง
แค่เขาเปิดเผยเื่ที่ช่วยชีวิตพวกจี้เจียงหยวนทั้งสามคนไว้ นักศึกษาหัวชิงก็จะไม่คิดว่าทักษะแม่นปืนของครูฝึกโจวธรรมดาอีกต่อไป แต่โจวเฉิงกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น ครูฝึกโจวช่วยปกปิดให้พวกเขาหลังจากลงโทษวิ่ง 20 รอบสนาม ไม่มีใครรับรู้ว่าโจวเฉิงเคยช่วยนักศึกษาสามคนไว้ หลังจากการฝึกทหารสิ้นสุด นักศึกษาชายที่ไม่รู้ความจริงพวกนั้นอาจยังคิดว่าความสามารถของโจวเฉิงอยู่ในระดับทั่วไปด้วยซ้ำ!
โจวเฉิงไม่้ากิตติศัพท์นี้ จี้เจียงหยวนจึงเชื่ออีกฝ่ายว่าจะไม่ลำเอียงเพียงเพื่อตำแหน่งผู้สำเร็จการฝึกดีเด่นแน่นอน
หนิงเสวี่ยดูเหมือนทั่วทั้งร่างกำลังแผ่ความเยือกเย็นออกมา
“จี้เจียงหยวน เธอเห็นฉันเป็คนแบบไหน! ฉันแค่อยากยืนยันบางเื่กับเธอให้แน่ใจเท่านั้น และอยากขอให้เธอสงวนพฤติกรรมของตัวเองด้วย ความแพรวพราวชวนฝันของเธอน่ะ ถ้าใช้กับเซี่ยเสี่ยวหลาน เกรงว่าพวกนักศึกษาคนอื่นจะเข้าใจเซี่ยเสี่ยวหลานผิดยิ่งกว่าเดิม!”
จี้เจียงหยวนยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม
ทำไมหนิงเสวี่ยถึงโกรธขนาดนี้?
----------------------------------------
ความสุขของวันชาติอันรื่นเริงยังไม่หมดไป
เช้าวันต่อมา เซี่ยเสี่ยวหลานก็ถูกอาจารย์ในสาขาเรียกไปคุย
“นักศึกษาเสี่ยวหลาน การคัดเลือกผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารดีเด่นครั้งนี้ เธอรู้ไหมว่าเธอคือหนึ่งในผู้เข้ารอบที่ทางค่ายรายงานมา? ผู้รับคัดเลือกของสาขาสถาปัตยกรรมอีกคนหนึ่งคือนักศึกษาหนิงเสวี่ย แต่เช้าวันนี้เธอมาขอถอนตัวจากการคัดเลือกนี้ด้วยตัวเอง...”
อาจารย์แจ้งไปพลางสังเกตสีหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานไปพลาง
เซี่ยเสี่ยวหลานดูสับสนงุนงง
เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ หนิงเสวี่ยถึงถอนตัว?
เชิงอรรถ
[1]孟不离焦 เมิ่งเจียวไม่ห่างกัน มีที่มาจากตำนานในสมัยราชวงศ์ซ่งเหนือเื่ ขุนศึกตระกูลหยาง (杨家将) เมิ่งและเจียวคือเมิ่งเหลียงและเจียวจ้าน นายพลใต้บังคับบัญชาของหยางเหยียนเจา ทั้งสองเป็พี่น้องร่วมสาบาน และอยู่ด้วยกันเสมอ เมิ่งเจียวไม่ห่างกันจึงนำมาเปรียบเทียบว่าคนสองคนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและมิตรภาพลึกซึ้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้