หยางหนิงถูกจับขังไว้ในลังไม้ ไม่รู้ว่าด้านนอกสว่างหรือมืดกันแน่ รู้สึกแค่ว่าทางมันไม่เรียบ แล้วมันก็ขรุขระเอามากๆ มึนหัวจนตาลาย จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกครั้ง พอตื่นมาอีกที รถม้ายังคงวิ่งอยู่ แต่ว่าความขรุขระน้อยลงแล้ว รู้สึกว่ารถม้ากำลังวิ่งลงมาจากที่สูง
เขาไม่รู้เลยว่าที่เขาสลบไปสองครั้งนี้มันนานเท่าไหร่ เมื่อรู้สึกตัวอีกที เหมือนจะผ่านไปประมาณวันสองวัน ถึงแม้ไม่ได้เดิน แต่อยู่ในลังมันก็ทำให้รู้สึกอ่อนล้า ทั้งหิวข้าวทั้งหิวน้ำ
ปีศาจน้อยแค่บอกว่าไปที่หุบเขา แต่หุบเขาไหนไม่ได้บอกไว้ แล้วหุบเขาแห่งนั้นคือที่ไหน หยางหนิงไม่รู้อะไรเลยสักนิด แอบคิดในใจว่าหรือว่าไปเมืองปาสู่
ปีศาจน้อยไม่สนว่าเขาจะหิวหรือไม่ หากเป็อย่างนี้ต่อไป อีกไม่กี่วัน ไม่ต้องรอพิษกำเริบ ก็ต้องหิวตายแน่นอน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นเองรถม้าก็หยุดลง ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวมาจากด้านนอกลังไม้ เสียง “แกรก” ดังขึ้น แสงส่องเข้ามาด้านใน ลังไม้ที่มืดมาตลอดทาง ตอนนี้ถูกแดดส่องเข้ามา หยางหนิงเหมือนจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับแสงสว่างเท่าไหร่ เขาปิดตา รอจนลืมตาขึ้นมา เห็นปีศาจน้อยยืนอยู่ข้างลังไม้ นางกำลังมองเขาอยู่
เมื่อหยางหนิงเห็นหน้าของนาง ก็โกรธจนอยากจะพุ่งเข้าใส่ ปีศาจน้อยยิ้มราวกับดอกไม้บาน แล้วพูดขึ้นว่า “เ้ายังไม่ตายอีกรึ? ยังดูดีอยู่เลย หากเ้าตายไปจริงๆ หากเป็เช่นนั้นก็คงไม่สนุกแล้ว”
หยางหนิงพูดกับปีศาจน้อยว่า “ด้านหน้านี้ก็คือหุบเขา ไม่มีถนน เ้าลงมาแล้วเดินไปกับข้า”
หยางหนิงขยับตัว เหมือนจะมีแรงขึ้นมาบ้าง เพียงแต่มือเท้ายังคงชาอยู่ รู้ว่าเป็เพราะนั่งอยู่ในลังไม้นาน ค่อยๆ คุ้นเคยกับมัน จากนั้นก็พูดว่า “เ้าบอกให้ข้าไปกับเ้า มือเท้าของข้าถูกจับมัดไว้เช่นนี้ หรือว่าเ้าจะให้ข้าะโไปกับเ้ารึ?” เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าเย็นแล้ว พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน
ปีศาจน้อยใ จากนั้นก็พูดว่า “ะโไป น่าสนุกดี” แต่นางก็ยังคงยื่นมือออกไป ในมือถือมีดสั้นของหยางหนิงอยู่ จากนั้นก็ตัดไปที่เชือกที่มัดขาหยางหนิงเอาไว้ หยางหนิงถึงลุกออกมาจากลังไม้ อย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ลังไม้ถูกวางไว้บนรถม้า ด้านหน้าเป็รถม้าคันหนึ่ง ้ามีลังไม้สองใบ
เมื่อมองไปรอบๆ เห็นูเาล้อมรอบทั้งสามด้าน ต้นไม้ต้นไผ่ใบหญ้า ขวางรถม้าเต็มไปหมด
“เ้าดวงแข็งดีนะ ยังมีชีวิตอยู่รอดมาได้ หากเป็ผู้อื่นก็คงทนไม่ไหว ตายไปนานแล้ว” ปีศาจน้อยหัวเราะแล้วชี้ไปด้านข้าง “เขาเองก็ไม่รู้ว่าตายไปนานแค่ไหนแล้ว”
หยางหนิงออกมาจากลังไม้ ยืนอยู่ที่รถม้าแล้วมองไปตามทางที่นางชี้ เห็นที่ริมนั้นมีคนคนหนึ่งนอนอยู่ เมื่อมองหน้าไป เขาคือชายฉกรรจ์ที่ถูกแขวนบนต้นไม้ เขาไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาซีดเซียวเหมือนหิมะไม่มีแม้แต่เืฝาดบนใบหน้า ร่างกายแข็งทื่อ ดูก็รู้ว่าตายแล้ว
จ้าวยวนกับชายฉกรรจ์อีกคนก็ถูกตัดเชือกจนขาด แต่มือยังถูกมัดเหมือนเดิม ชายฉกรรจ์นั่งก้มหน้า จ้าวยวนสีหน้าอมเหลือง เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย สภาพน่าอนาถยิ่งนัก เทียบกับคนที่ดูเป็บัณฑิตก่อนหน้านี้ต่างกันฟ้ากับเหว ตอนนี้สีหน้าของเขาดูเศร้าหมอง ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นแล้วจ้องไปที่ปีศาจน้อย
เสียวกุ่ยและต้ากุ่ยกำลังยืนอยู่ข้างๆ ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด ไม่เหมือนคืนวันนั้นที่มืดสนิท หยางหนิงมองไปที่สองคนนั้นอย่างละเอียด ก็รู้สึกใเล็กน้อย
เสียวกุ่ยและต้ากุ่ยหากมองแต่เงา ร่างกายก็ดูกำยำ แต่ว่าหากมองจากด้านหน้า พบว่าทั้งสองคนมีผิวสีเหลืองราวกับเทียนไข เหมือนกับทาน้ำมันสีเหลืองเอาไว้บนหน้า ขนคิ้วยาว ที่ปากก็มีขนสีเหลืองงอกออกมา เหมือนลิง แต่ก็ไม่ใช่ลิง ก็เหมือนกับลิงที่ยังไม่พัฒนาเป็มนุษย์โดยสมบูรณ์
เขาทั้งคู่ไม่มีร่องรอยของาแ แต่หยางหนิงรู้สึกว่าพวกเขามีหน้าตาดูไม่ได้ยิ่งกว่าชายอัปลักษณ์ซะอีก
เมื่อนึกถึงชายอัปลักษณ์ หยางหนิงก็นึกถึงกู้ชิงฮั่นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาปลอดภัยแล้วหรือยัง
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงร้องแปลกๆ ลอยมา หยางหนิงรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก จึงเงยหน้าขึ้นไปมอง บนท้องฟ้ามีนกตัวใหญ่ตัวหนึ่ง หยางหนิงคิดในใจว่าในหุบเขานี้มีนกที่ร้องเหมือนสัตว์ป่าด้วยหรือ ในใจก็รู้สึกใแอบคิดในใจว่าหรือว่านกตัวนั้นจะบินมาถึงที่นี่?
เห็นนกั์ตัวนั้นบินลงมาเหมือนกับก้อนหินที่หล่นลงมาจากฟ้า มันว่องไวราวกับเสือดาว หยางหนิงต้องถอยหลังไปสองก้าว เห็นนกั์พุ่งมาราวกับฟ้าผ่า มันพุ่งเข้าหาเ้าปีศาจน้อยในทันที หยางหนิงขมวดคิ้ว เห็นปีศาจน้อยเหมือนจะไม่เห็นเ้านกั์ตัวนี้ จึงไม่ได้หลบ แอบคิดว่าเ้าปีศาจน้อยเหี้ยมโหด ร่างกายเล็กๆ แบบนั้นไม่มีทางรับแรงของเ้านกั์ได้แน่นอน แต่ว่านางอายุยังน้อย แถมยังเป็เด็กหน้าตาน่ารักน่าชัง หากถูกนกั์ทำร้าย มันก็น่าเสียดายอยู่
อีกนิดเดียวนกั์ก็จะบินไปถึงเ้าปีศาจน้อยแล้ว แต่เ้านกั์ตัวนั้นบินอ้อมตัวปีศาจน้อย จากนั้นก็ลงไปเกาะบนศีรษะของเ้าปีศาจน้อย
หยางหนิงตะลึงไป เมื่อมองชัดๆ มันคือนกเหยี่ยวั์ ขนของมันสว่างไสว ปีกนกเหมือนเหล็ก สายตาของมันแหลมคม ตัวของมันไม่ใช่เล็กๆ เกาะอยู่บนศีรษะของปีศาจน้อย ตัวของมันก็ใหญ่กว่าหัวของปีศาจน้อยยิ่งนัก
ปีศาจน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “ต้ากุ่ย!”
เห็นต้ากุ่ยหยิบถุงกระสอบมา แล้วหยิบของด้านในออกมา แล้วโยนไปที่เหยี่ยวั์ตัวนั้น การโยนของเขาช่างแม่นนัก เหยี่ยวั์เองก็ไวพอๆ กัน ขณะที่มันคาบของชิ้นนั้นไว้ในปาก หยางหนิงก็มองไปอย่างละเอียด เขาก็พลันใตะลึงไป เห็นได้ชัดเจนว่ามันคือเนื้องู
เขาพลันนึกขึ้นมาได้ว่า วันนั้นต้ากุ่ยและเสียวกุ่ยจับงูอยู่บนหุบเขานั้น แถมยังสับงูออกเป็ชิ้นๆ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาทำไปทำไม ในตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเพื่อนำมันมาเป็อาหารของเหยี่ยวตัวนี้นี่เอง นกเหยี่ยวตัวนี้ก็คือสัตว์เลี้ยงของเ้าปีศาจน้อยนั่นเอง
มิน่าถึงได้ยินมันร้องตลอด ส่วนเ้าปีศาจน้อยเองก็ไม่ได้เงยหน้าไปมอง เหมือนไม่สนใจเลยว่ามันจะบินลงมา เพราะมันเป็สัตว์ที่นางเลี้ยงไว้ ก็ต้องไม่กลัวอยู่แล้ว
หญิงสาวทั่วไปเขาก็เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวกัน แต่เ้าปีศาจน้อยนี่กลับเลี้ยงงูเลี้ยงเหยี่ยว หยางหนิงรู้สึกว่าเ้าปีศาจน้อยที่มาที่ไปต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“นี่ เ้าว่าเฮยส่านสวยหรือไม่?” ปีศาจน้อยถามอย่างหนิงด้วยความได้ใจว่า “ข้าเลี้ยงนางมากับมือเลยนะ ใช้งูเลี้ยงนางมาั้แ่เด็ก เคยกินคนด้วยนะ” จากนั้นก็ชี้ไปที่ศพที่อยู่บนพื้น แล้วพูดว่า “เดี๋ยวจะเอาศพนั้นให้เฮยส่านกิน” จากนั้นก็ใช้มือลูบไปที่เ้าเหยี่ยวั์เฮยส่านตัวนั้น “เฮยส่าน เ้าอยากกินคนหรือไม่? เดี๋ยวข้าจะเก็บไว้ให้เ้านะ”
หยางหนิงคิดในใจว่าศพตายเพราะพิษ เฮยส่านกินเนื้อคนผู้นี้เข้าไป ไม่ถูกพิษไปด้วยรึ? แล้วก็คิดอีกว่าพิษนี้เ้าปีศาจน้อยเป็คนวางเอง เฮยส่านเองก็เป็สัตว์ที่นางเลี้ยงเอาไว้ ก็น่าจะไม่กลัวเช่นกัน
เ้าปีศาจน้อยคิดจะให้เฮยส่ายกินเนื้อคน หยางหนิงรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในใจก็คิดสะอิดสะเอียนแม่นางคนนี้ยิ่งนัก
“เ้าเป็ใครกันแน่?” จ้าวยวนที่แค้นเคืองเ้าปีศาจน้อยในที่สุดก็พูดขึ้นมา “เ้ารู้หรือไม่ เ้าก่อเื่ใหญ่เข้าให้แล้ว”
ปีศาจน้อยกะพริบตาปริบๆ ยิ้มแล้วพูดว่า “พ่อข้าบอกว่าวันๆ ข้าก็เอาแต่ก่อเื่ ข้าเกิดมาก็ชอบก่อเื่ แล้วจะทำไมหรือ?”
ถึงแม้เสื้อผ้าของจ้าวยวนจะขาดหลุดลุ่ย สภาพในตอนนี้ราวกับหมาจนตรอก แต่กลับแสร้งทำเป็ยิ้มแล้วถามว่า “เ้าแซ่ชิวหรือ?”
“ชิวหรือ?” ปีศาจน้อยหัวเราะเบาๆ แล้วถามกลับไปว่า “เ้าช่างพูดจาเรื่อยเปื่อนเสียจริง ข้าแซ้ชิวั้แ่เมื่อไหร่?”
จ้าวยวนตะลึงไป แต่ก็รีบพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นเ้ารู้จักชิวเฉียนอี้หรือไม่?”
ปีศาจน้อยพูดด้วยความแปลกใจว่า “เ้า... เ้ารู้จักอาจารย์ข้าด้วยหรือ?” คำพูดของนาง ยอมรับอย่างชัดเจนว่าชิวเฉียนอี้คืออาจารย์ของนาง
หยางหนิงคิดในใจว่าชิวเฉียนอี้คือใครอีก? แล้วจ้าวยวนรู้จักคนผู้นี้ได้อย่างไรกัน?
เขาไม่เพียงแต่สนใจที่มาที่ไปของปีศาจน้อยเท่านั้น แต่ยังสนใจที่มาที่ไปของจ้าวยวนด้วย
จ้าวยวนหัวเราะแปลกๆ แล้วพูดว่า “ที่แท้เ้าเป็ศิษย์ของชิวเฉียนอี้เองหรือ? มิน่าเล่า จริงๆ ข้าน่าจะเดาว่าเ้ามีความเกี่ยวข้องกับชิวเฉียนอี้ให้เร็วกว่านี้”
ปีศาจน้อยถือมีดสั้นในมือ จากนั้นก็เดินเอาขาขาวๆ ของนางเข้าไปหาเขา เดินรอบตัวจ้าวยวนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ถามว่า “เ้ารู้จักอาจารย์ด้วยหรือ? เ้ารู้ชื่อของเขาได้อย่างไรกัน?”
“ชิวเฉียนอี้มีชื่อเสียงโด่งดัง คนที่รู้ก็มีอยู่มาก” จ้าวยวนฝืนยิ้มแล้วพูดต่อไปอีกว่า “าาพิษจิ่วซีถือได้ว่าเป็ยอดฝีมือด้านยาพิษอันดับหนึ่งของปาสู่ ชิวเฉียนอี้ถูกชาวไป๋เหมียวมองว่าเป็เทพเ้า คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะเป็ศิษย์ของเขา”
หยางหนิงได้ยินดังนั้น ถึงได้รู้ว่าชิวเฉียนอี้ที่แท้คือาาพิษ ไม่ว่าจะทางใด สามารถขนานนามว่าาาพิษได้ ก็จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา ในเมื่อชิวเฉียนอี้เป็ถึงาาพิษ ฝีมือด้านยาพิษก็คงไม่ธรรมดา ปีศาจน้อยเป็ศิษย์ของชิวเฉียนอี้ ไม่แปลกที่นางจะถนัดเื่ยาพิษ
ปีศาจน้อยพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ยอดฝีมือด้านยาพิษอันดับหนึ่งของปาสู่หรือ? หากเป็เช่นนั้นก็คงไม่ใช่ พิษที่ร้ายแรงที่สุด อยู่ที่ปาสู่ ในเมื่ออาจารย์ข้าเป็มือยาพิษอันดับหนึ่งในปาสู่ อย่างนั้นก็หมายความว่าเขาเป็มือยาพิษอันดับหนึ่งในใต้หล้า หากเขารู้ว่าเ้าบอกว่าเขาเป็แค่มือยาพิษอันดับหนึ่งในปาสู่ เขาไม่เพียงไม่พอใจ ยังจะทำให้เ้าตายอย่างอนาถอีกด้วย”
“ปีศาจน้อย ข้าขอเตือนเ้ารีบปล่อยข้าไปเสียดีกว่า แล้วส่งตัวหยางหนิงมาให้ข้า” จ้าวยวนพูดเสียงเข้มๆ ว่า “หากเ้ายอมแต่โดยดี ข้าก็จะถือว่าเ้าอายุยังน้อย ไม่เอาเื่เ้า ไม่เช่นนั้นไม่เพียงเ้าจะหาเื่ใส่ตัว เกรงว่าชาวไป๋เหมียวก็จะพินาศไปด้วย”
หยางหนิงทนอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ แอบคิดว่าจ้าวยวนไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหนกัน ถูกทรมานขนาดนี้แล้ว ยังจะคุยใหญ่คุยโตอีก ปีศาจน้อยไม่ได้เป็คนที่ใกับคำขู่อะไรง่ายๆ เช่นนั้น ในเวลาแบบนี้ยังจะไปขู่นางอีก หาเื่ใส่ตัวชัดๆ
ไม่ผิดจากที่คาดไว้ ปีศาจน้อยกล่าวว่า “อาจารย์สอนข้าว่า จะทำอะไรอย่าทำครึ่งเดียวก็ทิ้งไป ในเมื่อข้าจับเ้ามาแล้ว ก็ไม่มีทางปล่อยเ้าไป เ้าขู่ข้าแบบนี้ ข้าไม่กลัวเ้าหรอก” จากนั้นนางก็ผิวปากออกมา เฮยส่านที่อยู่บนหัวของนางก็สยายปีกออก หยางหนิงคิดว่าเฮยส่านจะบินไปแล้ว กลับเห็นมันบินวนไปที่หน้าของจ้าวยวน ใช้กรงเล็บของมันข่วนไปที่หน้าและตาของจ้าวยวน จากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาร้องด้วยความเ็ป จากนั้นเฮยส่านก็ได้ยินเสียงผิวปากยาวของเ้าปีศาจน้อย แล้วสยายปีกบินไป
เืไหลออกมาจากดวงตาของจ้าวยวนเป็สาย เขาถูกเฮยส่านควักลูกตาทั้งสองออกไปแล้ว