จวินเย่าเฉิงมีพระชนมายุเกือบจะสามสิบพรรษา ร่างกายกำยำ ทันทีที่เขาเสด็จเข้ามา ข้าราชการทุกคนก็ยืนขึ้นโน้มกายแสดงความเคารพ แม้แต่จวินจิ่วเฉินก็ยืนขึ้นด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ กูเฟยเยี่ยนจึงทนต่อความเ็ปที่เท้า พลางลุกขึ้นมาโน้มตัวคารวะ
แม้ว่าจวินจิ่วเฉินจะลุกขึ้น ทว่าก็ไม่ได้ให้ความเกรงใจมากนัก เขาเพียงเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเ็าว่า “พี่ชายใหญ่” ก่อนจะสั่งให้คนนำเก้าอี้มาให้ จวินเย่าเฉิงกลับมีความเกรงอกเกรงใจมากกว่า เขาแสดงเจตจำนงให้จวินจิ่วเฉินนั่งลงก่อน พร้อมกับสั่งให้ทุกคนที่ลุกขึ้นนั่งลงได้แทนจวินจิ่วเฉิน
กูเฟยเยี่ยนแทบอยากจะรีบนั่งลง นางลอบถอนหายใจด้วยความปลง จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเป็ผู้ที่สูงศักดิ์ที่สุดจริงเสียด้วย องค์ชายใหญ่แม้ว่าจะมีศักดิ์เป็พี่ชายแต่ก็ยังต้องถอยให้เขาเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
กูเฟยเยี่ยนเข้าใจเื่ราวขององค์ชายหลายพระองค์ แน่นอนว่ารวมไปถึงองค์ชายใหญ่ด้วย
ในฐานะโอรสองค์โตของราชวงศ์ เดิมทีจวินเย่าเฉิงควรที่จะได้เป็บุคคลที่ได้รับคัดเลือกให้เป็รัชทายาทมากที่สุด ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่ได้เกิดจากภรรยาเอก มารดาของเขาและองค์หญิงหวายหนิงคืออวิ้นกุ้ยเฟยที่มีนามว่าจี้อวิ้นจือ ซึ่งมีฐานะต่ำต้อย
ก่อนที่จะก่อตั้งอาณาจักรเทียนเหยียน จวินสิงคุนฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเหยียนยังไม่ได้ถูกขนานนามให้เป็กษัตริย์ อวิ้นกุ้ยเฟยเป็เพียงแค่บ่าวรับใช้ส่วนตัวของเขาเท่านั้น หลังจากที่ให้กำเนิดจวินเย่าเฉิงจึงถูกรับเข้ามาเป็อนุภรรยาและในภายหลังก็ได้ให้กำเนิดองค์หญิงหวายหนิง
เมื่อสิบปีที่ผ่านมาตระกูลจวินได้รวบรวมดินแดนเสวียนคงทางเหนือ จากนั้นจึงก่อตั้งระบอบกษัตริย์ขึ้น จี้อวิ้นจือจึงถูกแต่งตั้งให้เป็กุ้ยเฟย จวินเย่าเฉิงกลายมาเป็องค์ชายใหญ่ องค์หญิงหวายหนิงถูกพระราชทานยศให้เป็องค์หญิง
ในขณะที่จวินสิงคุนอยู่ใน่วัยหนุ่มเขามีรูปร่างลักษณะหล่อเหลาและสง่างาม เขามีอนุภรรยาไม่น้อย ให้กำเนิดบุตรชายและธิดามากมาย หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็กษัตริย์แล้วก็ยิ่งมีสาวงามมากมายภายในพระราชวังหลัง แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่เขารักและทะนุถนอมมากที่สุดก็ยังเป็อวิ้นกุ้ยเฟย ทว่าผู้ที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดกลับเป็บุตรชายสองคนที่เกิดจากภรรยาเอก จวินจิ่วเฉินและรัชทายาท
ไม่ใช่อะไรแต่เป็เพราะสายเื
ภรรยาคนแรกของจวินสิงคุนคือเมิ่งซื่อ นางคือมารดาของจวินจิ่วเฉินและรัชทายาท ภูมิหลังมีความลึกลับซับซ้อน สายเืสูงศักดิ์เป็อย่างมาก นางเสียชีวิตลงเมื่อสิบปีก่อนด้วยโรคระบาด หลังจากนั้นได้รับการขนานนามให้เป็หวงโฮ่ว [1] จวินจิ่วเฉินไม่ได้มาเข้าร่วมพิธีฌาปนกิจของนาง และั้แ่ตอนนั้นเป็ต้นมาก็มีข่าวลือว่าจวินจิ่วเฉินหายตัวไป แต่เมื่อสามปีที่แล้วจวินจิ่วเฉินกลับมาที่เมืองจิ้นหยาง เื่นี้จึงค่อยๆ ถูกผู้คนลืมเลือนไป
เมื่อได้พบกับจวินเย่าเฉิง กูเฟยเยี่ยนจึงนึกได้ถึงเื่ของการสืบข่าว สำหรับจวินจิ่วเฉินแล้วนางมีข้อสงสัยมากมาย แต่ก่อนที่จะมีฉากเด็ดนางไม่มีเวลามาคิดเื่อื่น
จวินเย่าเฉิงคงจะเป็ผู้ที่องค์หญิงหวายหนิงเรียกมาช่วยเหลือสินะ เพื่อที่จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลฉี จวินเย่าเฉิงสนับสนุนเื่ของการแต่งงานระหว่างองค์หญิงหวายหนิงกับฉีอวี้มาโดยตลอด ทว่าจากคำพูดของเขาตรงหน้าประตูเมื่อสักครู่นี้แล้วเห็นได้ชัดว่าจะยอมแพ้เพื่อปกป้องตนเอง
เมื่อจวินเย่าเฉิงนั่งลงเรียบร้อยก็ประณามองค์หญิงหวายหนิงเสียงดังทันที “หวายหนิง ฉีฟู่ฟางใส่ร้ายเ้าเช่นนี้ เ้าจะไม่พูดจาสักคำหน่อยหรือ? ” เดิมทีองค์หญิงหวายหนิงถูกฉีอวี้ทำให้ใจนแทบจะสูญเสียสติสัมปชัญญะ แต่เมื่อถูกจวินเย่าเฉิงประณามเสียงดังขึ้นมานางก็ได้สติกลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ โทษใหญ่ขนาดนี้ อย่าว่าแต่นางเลย ต่อให้เป็พี่ชายใหญ่และหมู่เฟยก็แบกรับไม่ไหว!
นางไม่ยินยอม ทว่าจำใจต้องหลบหลีกสายตาของฉีอวี้พลางเดินไปนั่งที่ด้านข้างของจวินเย่าเฉิง
จวินเย่าเฉิงยังคงไม่พอใจจึงะโขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด “พูดสิ! ”
องค์หญิงหวายหนิงเกือบจะร้องไห้ออกมา เมื่อดีขึ้นแล้วจึงเอ่ยออกมา “คุณหนูใหญ่ฉีใส่ร้ายข้า ข้าไม่เคยสั่งการนางมาก่อน! ”
ฉีอวี้คุกเข่า ร่างกายไร้เรี่ยวแรง เขารู้จักจวินเย่าเฉิงเป็อย่างดี เขารู้แล้วว่าไม่มีหวังแล้ว
ฉีฟู่ฟางตื่นใจนสติวิปลาสไปแล้วเล็กน้อย จู่ๆ นางก็ะโขึ้นมาเสียงดัง “อาจารย์แพทย์เจี่ยน! ใช่ ยังมีอาจารย์แพทย์เจี่ยน! จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย อาจารย์แพทย์เจี่ยนสามารถเป็พยานได้! อาจารย์แพทย์เจี่ยนเป็ผู้มอบลิ่วตันซางลู่ให้แก่องค์หญิงหวายหนิง! อาจารย์แพทย์เจี่ยนสามารถเป็พยานให้ข้าได้! ”
ในตอนนี้เองที่ฉีอวี้นึกขึ้นได้ว่าองค์หญิงหวายหนิงเคยพูดถึงอาจารย์แพทย์เจี่ยนท่านนี้ เขาหันไปมององค์หญิงหวายหนิงด้วยความเกลียดชังพลางเอ่ยออกมาเสียงดัง “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยโปรดเรียกตัวอาจารย์แพทย์เจี่ยน ล้างมลทินตระกูลฉีคืนให้ข้า! ”
ในที่สุดองค์หญิงหวายหนิงก็หันไปมองฉีอวี้ หัวใจของนางเต้นถี่รัวและจมลึกอยู่ในความตึงเครียดที่ยากจะพรรณนาได้
ในขณะเดียวกันจวินเย่าเฉิงก็เอ่ยออกมาเสียงดัง “จิ้งหวาง ในเมื่อเขาเอ่ยถึงพยานบุคคล ลองเรียกมาไต่สวนต่อหน้าทุกคนดูก็ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตกเป็ขี้ปากของคนอื่น! ” ไม่จำเป็ต้องให้พวกเขาบอก จวินจิ่วเฉินก็จะเรียกตัวอาจารย์แพทย์เจี่ยนมาอยู่แล้ว
แต่ใครจะไปทราบว่าหลังจากที่หยาเว่ยกลับมาแล้ว เขาไม่ได้นำตัวอาจารย์แพทย์เจี่ยนมา แต่นำกระดาษขาวหนึ่งแผ่นกลับมา เมื่อไม่นานมานี้อาจารย์แพทย์เจี่ยนหวาดกลัวที่จะต้องโทษจึงได้แขวนคอฆ่าตัวตายไปแล้ว นางเขียนเอาไว้บนกระดาษอย่างชัดเจนว่าตนเองได้รับความไว้วางใจจากฉีฟู่ฟางให้ไปประมูลลิ่วตันซางลู่มา ตนเองเสียใจในภายหลังจึงได้ขอตายเพื่อรับผิดและขอประทานโทษ
องค์หญิงหวายหนิงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็เช่นนี้ แต่ว่าความเกร็งของนางได้ผ่อนคลายลงแล้ว นางอดไม่ได้ที่จะทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทางด้านของฉีอวี้ เขาไม่แม้แต่จะมีเรี่ยวแรงในการมองไปที่องค์หญิงหวายหนิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่การชี้แจงข้อเท็จจริงเลย ฉีอวี้ราวกับคนโง่เขลาที่พึมพำกับตนเองไม่หยุด “ปรักปรำ ปรักปรำ…”
ภายในสถานที่แห่งนี้ล้วนจมลึกอยู่ในความเงียบ เสียงพึมพำจากความคับแค้นใจของฉีฟู่ฟางดังขึ้นเป็พิเศษ
จวินจิ่วเฉินก้มหน้ามองสิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ขนตางอนยาวของเขาทำให้เกิดเงาขึ้นภายในดวงตา ท่าทางที่เงียบสงบทำให้เขาดูโดดเดี่ยวและเ็ามากขึ้นไปอีกจนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ารบกวน
เดิมทีจวินเย่าเฉิง้าจะกล่าวอะไรออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทีของจวินจิ่วเฉิน คำที่จะกล่าวออกมาก็จุกอยู่ที่ปากได้แต่กลืนมันกลับไป ในใจเขามีพิรุษ กลัวว่าหากยิ่งพูดอะไรออกมามากก็ยิ่งจะผิดมาก
บัดนี้กูเฟยเยี่ยนจมลึกอยู่ในความคิดของตัวเองเช่นกัน
นางสงสัยมาโดยตลอดว่าลิ่วตันซางลู่มาอยู่ในมือขององค์หญิงหวายหนิงได้อย่างไร ในตอนนี้ทราบแล้วว่ามีตัวละครอย่างอาจารย์แพทย์เจี่ยนด้วย อาจารย์แพทย์เจี่ยนก็เป็คนของจิ้งจอกเฒ่าด้วยเช่นกัน เพียงแต่นางไม่เข้าใจว่าการตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยนเกิดจากจิ้งจอกเฒ่าหรือเกิดจากจวินเย่าเฉิง?
นางครุ่นคิดถึงช่องโหว่ในการเดินเกมของจิ้งจอกเฒ่ามาโดยตลอด ดูเหมือนว่าตอนนี้การตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยนจะมีความเป็ไปได้ว่าสามารถทำลายช่องโหว่นี้ได้!
ท่ามกลางความเงียบ จวินจิ่วเฉินหันหน้าไปกระซิบข้างใบหูของหยาเว่ย “ไปชันสูตรศพและไม่อนุญาตให้คนอื่นแตะต้องร่างศพ”
หยาเว่ยรีบเร่งออกไป ผู้คนในที่นี้ล้วนอยากรู้อยากเห็นว่าเขาสั่งการอะไรลงไปทว่าไม่มีใครกล้าถาม
“ทหาร คุมตัวฉีฟู่ฟางกับคนพวกนี้ไปยังคุกที่ขังนักโทษปะาชีวิตเพื่อรอคอยบทลงโทษจากฝ่าา! อีกทั้งคุมตัวฉีอวี้กลับไปที่จวนตระกูลฉี หากไม่มีคำอนุญาตจากเปิ่นหวาง ไม่ว่าจะเป็ใครก็ตามล้วนไม่อนุญาตให้เข้าไปในตระกูลฉีแม้แต่ครึ่งก้าว! ”
การลงโทษของจวินจิ่วเฉินร้ายแรงกว่าเมื่อสักครู่นี้อย่างเห็นได้ชัด
ฉีอวี้ไม่มีอะไรจะพูดออกมาได้ เขาปล่อยให้หยาเว่ยคุมตัวออกไปท่ามกลางการยิ้มเยาะ ทางด้านของฉีฟู่ฟางเมื่อถูกหยาเว่ยควบคุมตัวก็ดิ้นรนอย่างรุนแรง นางะโร้องราวกับคนบ้า “ข้าไม่ผิด! ข้าไม่ผิด! ช่วยด้วย! องค์หญิงหวายหนิง ช่วยด้วย! ข้าไม่ผิด ข้าไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น…องค์หญิงหวายหนิงช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย…”
นางะโโวยวายพลางเตรียมจะหันไปกระโจนเข้าหาองค์หญิงหวายหนิง องค์หญิงหวายหนิงใจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น นางพยายามหลบอยู่ด้านหลังของจวินเย่าเฉิง หยาเว่ยสองคนเข้ามาช่วยเหลือจึงสามารถหยุดยั้งฉีฟู่ฟางและนำตัวนางออกไปได้
ฉีอวี้มองดูพี่สาววิปลาสของตนเองที่ถูกคุมตัวไป เขาไร้ความสามารถและพละกำลัง จู่ๆ ก็หยุดเดินพลางหันกลับไปมององค์หญิงหวายหนิง ความจงเกลียดจงชังภายในดวงตาราวกับว่าไม่อาจจางหายไปได้ตลอดกาล
ในที่สุดองค์หญิงหวายหนิงก็ทนไม่ไหวฟุบใบหน้าลงไปร้องไห้ในอ้อมอกของจวินเย่าเฉิง ที่นางทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็เพราะฉีอวี้หรอกหรือ เหตุใดฉีอวี้จึงไม่คิดเพื่อนางบ้าง? นางก็ไม่ได้อยากให้เื่ราวกลายเป็เช่นนี้! นางก็ไม่อาจทำตามใจตนเองและไม่สามารถพูดความจริงออกมาได้!
ดวงตาของกูเฟยเยี่ยนมองดูทุกอย่างเอาไว้ นางไม่มีความเห็นใจเลยสักนิด นางไม่ทราบด้วยว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะทรงสงสัยในการตายของอาจารย์แพทย์เจี่ยนหรือไม่ว่ามันมีลับลมคมใน หญิงสาวลอบครุ่นคิดว่าตนเองว่าต้องรีบเตือนจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยถึงการมีอยู่ของจิ้งจอกเฒ่าแล้ว มิฉะนั้นหากเวลายืดเยื้อออกไป ด้วยฝีมือของจิ้งจอกเฒ่าแล้วคดีนี้เกรงว่าคงจะไม่มีจุดเปลี่ยน
ถึงแม้ว่าตระกูลฉีจะน่าเคียดแค้นก็ตาม แต่องค์หญิงหวายหนิงก็ไม่สามารถลอยนวลเช่นนี้ได้ สิ่งที่สำคัญคือต้องไม่ให้แผนชั่วร้ายของจิ้งจอกเฒ่าประสบผลสำเร็จ!
เมื่อคิดเกี่ยวกับเื่นี้จู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็นึกถึงนายก้อนน้ำแข็งเหม็นขึ้นมา ชายผู้นั้นก็คงจะสนใจในเื่นี่ด้วยใช่หรือไม่? เขาจะเข้ามาแทรกแซงหรือไม่นะ?
กูเฟยเยี่ยนจมลึกอยู่ในความคิดของตนเองจึงไม่ได้สังเกตว่าจวินจิ่วเฉินลุกขึ้นเดินมาทางนางแล้ว…
————————-
เชิงอรรถ
[1] หวงโฮ่ว หมายถึง ฮองเฮาหรือพระอัครมเหสีเอก