ยิ่งได้ยินผู้คนรอบข้างพากันถกเถียงไปต่างๆ นานา ยิ่งทำให้ฮ่องเต้ฉงเต๋อเกิดความสับสนกับเื่นี้เข้าไปอีก
พระองค์ไม่รู้ความจริงที่ว่าพระชายาตกลงไปในทะเลสาบได้อย่างไร แต่ละคนต่างก็มีเหตุผลของตนเอง ไม่รู้ว่าที่แท้เป็อย่างไรกันแน่
หากทำเพื่อ้าเอาใจอวี้ฉู่จาวก็ต้องเอาชีวิตนาง แล้วผู้คนเหล่านี้ก็อาจจะมองว่าเขาเป็ทรราช
ดังนั้น ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงเลือกที่จะรักษาภาพลักษณ์ฮ่องเต้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ ห่วงใยรักราษฎร
“แต่…” หลังจากได้ฟังที่ฮองเฮาช่วยพูดให้กับหลินเสี่ยวฉีแล้ว ฮ่องเต้ฉงเต๋อพลันเกิดความลังเล
คำพูดของฮองเฮาฟังดูมีเหตุผล รอบๆ ยังมีสายตาหลายต่อหลายคู่ที่กำลังจับตามองอยู่ อีกทั้งตอนนี้อวี้ฉู่จาวก็ไม่อยู่แล้ว พระองค์จึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่ที่อี้ฉู่จาวยังอยู่ทำให้พระองค์รู้สึกกดดันเป็อย่างสูง
“เอาเช่นนี้ดีหรือไม่เพคะฝ่าา เนื่องด้วยเื่นี้เกิดขึ้นในงานเทศกาลชมดอกไม้ของหม่อมฉัน ฉะนั้นหม่อมฉันจะตรวจสอบเื่นี้เอง หม่อมฉันจะตรวจสอบให้ละเอียดเลยเพคะ”
ฮองเฮามองเห็นท่าทีลำบากใจและความลังเลของฮ่องเต้จึงได้เอ่ยปากขึ้น
ในเมื่อฮองเฮายื่นมือเข้ามาจัดการเื่วุ่นวายแล้ว ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงได้ส่งต่อเื่นี้ด้วยความเต็มใจ
หากเื่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอวี้ฉู่จาว พระองค์ก็ไม่อยากจะลงมายุ่ง
“เช่นนั้นก็ต้องลำบากฮองเฮาแล้ว”
เมื่อมอบหมายเื่นี้ให้ฮองเฮาเป็ผู้ดำเนินการเรียบร้อย ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงได้เดินออกไป
อันที่จริง วันนี้ฮ่องเต้ฉงเต๋อมีกำหนดการเรียกหารือกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ รวมไปถึงอวี้ฉู่จาวและองค์ชายสองอวี้ฉู่ซวน เพื่อปรึกษาและติดตามจางเหยียนที่เข้าต่อสู้กับชาวซยงหนู
หลังจากหารือกันเป็ที่เรียบร้อย อวี้ฉู่จาวได้กราบทูลขออนุญาตเข้าไปในสวนอวี้ฮวาของฮองเฮาเพื่อไปดูพระชายา เนื่องจากตนเองค่อนข้างเป็ห่วงเพราะนี่เป็ครั้งแรกที่พระชายาเข้ามาวังหลวงเพียงคนเดียว เกรงว่าจะรู้สึกไม่คุ้นชิน
ฮ่องเต้ฉงเต๋อยังเย้าแหย่อวี้ฉู่จาวด้วยวาจาอยู่เลยว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับพระชายายิ่งนัก
ท้ายที่สุด ฮ่องเต้ฉงเต๋อที่มิได้มีกิจอันใดจึงได้มาร่วมงานนี้พร้อมกับพระโอรส ใครจะไปคิดว่าเมื่อมาถึงแล้วจะได้พบเจอเื่ราวเช่นนี้
สำหรับอวี้ฉู่จาวแล้ว เื่ที่หลินหร่านตกลงไปในทะเลสาบ ทำให้ฮ่องเต้ฉงเต๋อได้รับรู้ถึงความรู้สึกในมุมมองใหม่ของบุตรชายที่มีต่อพระชายา
ไม่ใช่แค่เพียงฮ่องเต้ฉงเต๋อเท่านั้น แม้แต่ผู้คนในงานก็ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องผู้นี้จะรักและหวงแหนผู้เป็พระชายาได้ถึงเพียงนี้ เป็เหตุให้ใครต่อใครล้วนพากันอิจฉา
.........
อีกด้านหนึ่ง
อวี้ฉู่จาวเกรงว่าหากออกไปจากวังหลวงตอนนี้อาจไม่ทันกาล จึงรีบพาหลินหร่านไปตำหนักอู๋ถงย่วนของตนที่พำนักอยู่ในวังหลวง ก่อนที่จะออกไปตำหนักที่อยู่นอกวัง
หลานจื่อถูกส่งให้ไปตามหมอหลวงมาดูอาการ
ถึงแม้อวี้ฉู่จาวจะออกไปสร้างตำหนักอยู่นอกวังหลวง แต่ตำหนักอู๋ถงย่วนในวังหลวงก็ยังคงถูกรักษาเอาไว้ให้เขาอยู่อาศัย
อวี้ฉู่จาวรีบทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าอันเปียกโชกของหลินหร่านด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังให้คนจุดถ่านไว้ด้านในห้องบรรทมอีกด้วย
ทว่า ร่างกายของหลินหร่านกลับยังคงสั่นเทา
“อวิ๋นซี…หนาวงั้นหรือ?” อวี้ฉู่จาวรีบโอบกอดชายาตัวน้อย
หลินหร่านซุกเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นของอวี้ฉู่จาว เขาไม่เอ่ยพูดอะไรแต่อาการสั่นก็ค่อยๆ หายไป
ก่อนที่หลานจื่อจะออกไปนั้น นางให้ข้ารับใช้ในตำหนักอู๋ถงย่วนที่คุ้นเคยกับเส้นทางในวังเป็อย่างดีช่วยเหลือ ไม่นานจึงพาหมอหลวงเจี่ยง หมอที่ดีที่สุดมาได้
หมอหลวงเจี่ยงตรวจดูอาการแล้วจึงได้โค้งตัวแจ้ง “ท่านอ๋องวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระชายาเพียงแค่เป็หวัดและใเท่านั้น มิได้ร้ายแรงอะไร กระหม่อมจะเทียบยาให้ ไม่นานอาการก็ดีขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ลำบากท่านหมอหลวงแล้ว หลานจื่อ พาท่านหมอไปเทียบยา”
“เพคะ”
หลังจากรอให้ทุกคนออกไป อวี้ฉู่จาวไม่ได้รีบเร่งเอ่ยถามหลินหร่านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาเอ่ยกับหลินหร่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อวิ๋นซี นอนพักสักหน่อยเถิด”
สายตาของหลินหร่านจ้องมองอวี้ฉู่จาวตลอด แต่ก็มักจะเหม่อลอยเป็่ๆ
“ท่านอ๋อง” หลินหร่านเรียกด้วยน้ำเสียงแ่เบาและสั่นเครือ
อวี้ฉู่จาวรู้สึกปวดหัวใจ “ข้าอยู่นี่ อวิ๋นซีไม่ต้องกลัว”
อวี้ฉู่จาวรีบถอดรองเท้าออกแล้วขึ้นไปโอบกอดหลินหร่านบนเตียงพร้อมลูบหลังให้อีกคนอย่างแ่เบา
หลินหร่านยื่นมือออกมาโอบกอดเอวของอวี้ฉู่จาวเอาแน่น เพื่อให้ตนเองรู้สึกปลอดภัย
จากนั้นไม่นาน ในขณะที่อวี้ฉู่จาวคิดว่าหลินหร่านหลับไปแล้ว จู่ๆ หลินหร่านกลับเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋อง”
น้ำเสียงของหลินหร่านดูสงบลงมากกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อมีอวี้ฉู่จาวอยู่ใกล้ๆ แล้ว เขาถึงเริ่มหลุดพ้นจากความหวาดกลัว
“ข้าอยู่นี่”
“วันนี้ ตอนที่ถวายบังคมฮองเฮา ติงหร่วนกับหลานจื่อบอกว่าข้าทำได้ดีมาก ข้ารู้สึกดีใจมากเลยพ่ะย่ะค่ะ ข้ารู้สึกว่าในที่สุดตนเองก็เข้มแข็งขึ้น แต่ข้ายังไม่ทันได้เล่าให้ท่านอ๋องฟังเลย กลับถูกทำให้กลับมาอ่อนแออีกแล้ว หรือว่าข้ายังทำได้ไม่ดีพอพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง?”
แม้จะไม่ได้เห็นสีหน้าของหลินหร่าน แต่เมื่ออวี้ฉู่จาวได้ฟังน้ำเสียงก็รู้ในทันทีว่าตอนนี้ พระชายาคงกำลังรู้สึกผิดหวังและเสียใจอยู่
อวี้ฉู่จาวประทับจูบที่เส้นผมนุ่มของหลินหร่านแล้วกล่าวออกมา “ไม่หรอก อวิ๋นซียอดเยี่ยม อวิ๋นซีของข้าก้าวหน้าขึ้น”
“เมื่อครู่ที่ท่านอ๋องโกรธเช่นนั้น ทั้งหมดเป็เพราะข้า”
“ไม่หรอก ขอแค่เ้าไม่เป็อะไรก็พอ”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เงียบไปพักหนึ่ง
“ฮ่องเต้จะปะาหลินเสี่ยวฉีจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ” หลินหร่านถามขึ้นมา
“ทำไมหรือ อวิ๋นซีไม่อยากให้นางตายหรือไร” น้ำเสียงของอวี้ฉู่จาวกดต่ำลง ซึ่งหลินหร่านรับรู้ได้โดยพลันว่าท่านอ๋องไม่พอใจหญิงผู้นั้นยิ่งนัก
“ถึงนางจะเป็บุตรสาวของท่านพ่อ แต่ข้าก็ไม่เคยคิดสนใจ…”
ในใจของหลินหร่านเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่รู้จะพูดเื่นี้อย่างไร ั้แ่ชาติภพก่อนเขาเป็คนไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์ รวมถึงไม่เข้าสังคมนัก
ทว่าเื่ในวันนี้ เพียงเพราะเขาตกลงไปในทะเลสาบถึงกับต้องจบชีวิตคนผู้หนึ่ง เขาคิดว่าบทลงโทษนี้มันหนักหนาเกินไป
ความคิดเช่นนี้ เหตุใดอวี้ฉู่จาวจะไม่รู้
สิ่งที่หลินหร่านรู้สึกกับผู้อื่นนั้นเป็เพียงความเกลียดชังที่แสนตื้นเขิน อย่างวันนี้หลินเสี่ยวฉีทำกับตนเองถึงเพียงนี้ เมื่อเื่นี้ผ่านไปแล้วหลินหร่านก็จะไม่เก็บมาใส่ใจ
“เช่นนั้นอวิ๋นซีอยากปล่อยนางไปอย่างนั้นหรือ” อวี้ฉู่จาวถามกลับ
“ข้า…” หลินหร่านขยับตัวออกเล็กน้อย เขา้าเห็นใบหน้าอวี้ฉู่จาวให้ชัดเจนขึ้น
สีหน้าของท่านอ๋องที่เห็นนั้นแสดงออกถึงท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย เขาจึงทำได้เพียงตอบกลับไป “ถ้าหาก...ท่านอ๋องยังโกรธอยู่ และ้าที่จะจัดการกับนาง เช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านอ๋อง้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านเป็คนที่โกรธง่ายหายเร็ว แต่อวี้ฉู่จาวนั้นเป็คนคิดเล็กคิดน้อย ตาแข็งจนกระทั่งเม็ดทรายก็ไม่อาจกระเด็นเข้าไปได้เลยทีเดียว
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดอวี้ฉู่จาวก็ระบายยิ้มออกมา เขาดึงหลินหร่านเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง
“นางพูดอะไรกับเ้า” อวี้ฉู่จาวไม่คิดถามว่านางผลักหลินหร่านหรือไม่ หรือเหตุใดนางจึงผลัก แต่เอ่ยถามถึงสิ่งที่ทั้งคู่ควรพูดคุยกัน
เพราะอวี้ฉู่จาวรู้ดีว่าความรู้สึกของหลินเสี่ยวฉีที่มีต่อหลินหร่านเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ฉะนั้น เื่ที่หลินหร่านตกลงไปในทะเลสาบ อย่างไรก็ต้องเป็ฝีมือของนาง
สาเหตุที่หลินเสี่ยวฉีผลักหลินหร่านลงไป อวี้ฉู่จาวรู้อยู่แก่ใจ เขาพยายามบังคับให้หลินฮวาเหนียนจัดการให้นางแต่งงานออกไปจากตระกูล อีกทั้งยังให้คนคอยจัดหาลูกเขยที่ ‘เหมาะสม’ ด้วยตนเองอีกด้วย
นอกจากนี้ เพราะเื่ของมารดา ทำให้ตัวนางเริ่มที่จะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในจวนแม่ทัพ รวมไปถึงสิ่งต่างๆ ที่อวี้ฉู่จาวได้เตรียมการ ส่งผลให้ยิ่งเวลาผ่านไปชื่อเสียงของนางยิ่งเหม็นเน่า คนที่จะยังสนใจนางก็คงมีเพียงเหล่าคนรับใช้แสนต่ำต้อยที่้าผูกมิตรกับตระกูลแม่ทัพผู้สูงส่งเท่านั้น
ผู้ที่เคยอยู่ในตำแหน่งอันสูงส่ง เป็บุตรสาวของท่านแม่ทัพ ในวันนี้กลับกลายเป็หญิงที่ผู้คนต่างพากันรังเกียจ แน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบไม่น้อย
อีกทั้งหากหลินเสี่ยวฉีขัดเกลาความเกลียดชังจนกลายเป็ความกล้าหาญ เป็ไปได้อย่างแน่นอนที่นางอาจใช้วิธีนี้ทำร้ายพระชายา
นี่คือความคิดของอวี้ฉู่จาว
สำหรับหลินหร่านหลินหร่าน เขาเกิดความลังเลขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรบอกสาเหตุการเสียชีวิตของตนเอง่ที่ยังเด็ก
ท่านอ๋องเพิ่งจะคลายความโกรธลงได้ หากเขาพูดออกไป ท่านอ๋องต้องยิ่งโกรธมากขึ้นแน่
“ข้า...ข้าง่วงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินหร่านคิดว่าเื่นี้ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน รอให้เื่นี้เงียบค่อยหาโอกาสบอกกับท่านอ๋องน่าจะดีกว่า
เวลานี้เขามีท่านอ๋องอยู่ข้างกาย จึงค่อยๆ รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่น่ากลัวอีกต่อไป
อย่างไรนั่นก็เป็เื่ที่นานมาแล้ว อาจเป็เพราะเขาไม่อยากที่จะจดจำเื่ราวใน่นั้น แม้จะถูกปลุกความรู้สึกขึ้นมา มันก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี
เมื่อหลินหร่านเอ่ยออกมาเช่นนั้น อวี้ฉู่จาวจึงไม่คิดจะถามต่อ
เขาเปลี่ยนมาสนใจกล่อมหลินหร่านให้เข้าสู่ห้วงนิทรา
----------------------------------------------------
