เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        “เสี่ยวเส้า ให้เธอรอเสียนานเลย เธอช่างมีน้ำใจงามเหลือเกิน...”

        หลิวเฟินก็รู้จักการเข้าสังคมเหมือนกัน ทักทายด้วยถ้อยคำตามมารยาทนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แม้ว่าเส้ากวงหรงจะสนิทกับหลิวหย่งกว่าเล็กน้อย แต่หลิวเฟินคือว่าที่แม่ภรรยาของโจวเฉิง เส้ากวงหรงย่อมไม่เมินเฉย เซี่ยเสี่ยวหลานแนะนำเฉินวั่งต๋าต่อเส้ากวงหรง

        “ท่านนี้คือหัวหน้าหมู่บ้านของพวกฉัน ฉันเรียกเขาว่าปู่เฉิน ท่านดูแลครอบครัวฉันเป็๲อย่างดี พี่เฉินชิ่งก็มาปักกิ่งเพื่อรายงานตัวด้วยเช่นกัน”

        เส้ากวงหรงรู้๻ั้๫แ๻่ตอนสนทนาในโทรศัพท์แล้ว

       ฟังจากโจวเฉิง ชายหนุ่มนามว่าเฉินชิ่งคนนี้ยังคงเป็๲ศัตรูหัวใจของโจวเฉิงสินะ?

        เส้ากวงหรงอยากเจอเฉินชิ่งมานานแล้ว พอเห็นว่าเ๯้าหนุ่มนี่ผิวคล้ำ ตัวผอมสูง ถือกระเป๋าพะรุงพะรัง การแต่งกายเชย๻ั้๫แ๻่ศีรษะจรดปลายเท้า! ปู่เป็๞หัวหน้าหมู่บ้าน ครอบครัวนับขึ้นไปหลายชั่วอายุคนล้วนเป็๞ชาวไร่ชาวนา และเพราะเฉินชิ่งสอบติดมหาวิทยาลัย ถึงมีโอกาสมาปักกิ่งได้นั่นแล ส่วนปู่โจวนั้นตำแหน่งอะไร! ไม่ว่าเปรียบเทียบจากมุมไหน ก็สู้โจวเฉิงไม่ได้เลย

        เส้ากวงหรงโล่งใจมากกว่าครึ่งหนึ่ง พี่สะใภ้ไม่ได้มีอะไรบังตา ดังนั้นไม่มีทางเลือกเด็กหนุ่มชนบทคนนี้แทนพี่เฉิงจื่อได้หรอก

        ทว่ามีส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ยังไม่สบายใจน่ะสิ เนื่องจากเส้ากวงหรงพบว่าเฉินชิ่งไม่มีท่าทางประหม่าแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มจากสถานที่ไกลปืนเที่ยง ซอมซ่อสิ้นดี กลับยังมีความดื้อรั้นที่น่ากลัวด้วย พออยู่ต่อหน้าพี่สะใภ้มีท่าทีค่อนข้างเขินอาย เส้ากวงหรงมองออกว่านี่คือมีใจปรารถนาบางอย่าง!

        เพศเดียวกันมักดีดออกจากกันเหมือนขั้วแม่เหล็กนี่นา อย่างไรก็ตามเส้ากวงหรงทักทายเฉินวั่งต๋าด้วยรอยยิ้มแจ่มใส

        “ขึ้นรถก่อนค่อยว่ากันดีกว่า คุณคอยดูแลครอบครัวพี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอเรียกคุณว่าปู่เฉินอย่างไม่อายอีกคนแล้วกันนะครับ”

        มิเช่นนั้นจะให้เรียกหัวหน้าหมู่บ้านเฉิน?

        ตำแหน่งเล็กน้อยถึงเพียงนี้ การตั้งใจเน้นอาจเหมือนกำลังหักหน้าคนอื่นเขาเสียมากกว่า ในปักกิ่งนี้หากป้ายโฆษณาตกจากกลางอากาศลงมาทับ 10 คนจนล้ม ใน 10 คนนั้นอาจมีถึง 7 คนเป็๞ข้าราชการรัฐก็ได้ ไม่ลงใต้ไม่รู้ว่าตนยากจน ไม่ขึ้นเหนือไม่รู้ว่าตนมีตำแหน่งต่ำต้อย! ที่นี่คือสถานีรถไฟซึ่งผู้คนสัญจรไปมา สถานะอย่าง ‘หัวหน้าหมู่บ้าน’ นี้ก็อย่าตั้งใจเน้นย้ำเลย

        เฉินวั่งต๋าเหลือบมองเส้ากวงหรงอยู่หลายหน เขาไม่ถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานว่า ‘พี่สะใภ้’ และไม่ถามว่า ‘พี่เฉิง’ คือใคร ตัวเส้ากวงหรงเองก็อยากบอกเสียแทบขาดใจตายได้

        เฉินวั่งต๋าทำงานในระดับท้องถิ่นมาหลายสิบปี จริงอยู่ที่หัวหน้าหมู่บ้านเป็๞เพียงตำแหน่งเล็กน้อยเท่าเมล็ดงา แต่เขาจะไม่เคยต่อกรกับอำนาจอิทธิพลชั่วร้ายใดเลยเชียวหรือ?

        เส้ากวงหรงมารับที่สถานีในวันนี้ด้วยท่าทีออกจะโอ้อวด

        เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรัก เฉินวั่งต๋าไม่ได้ประหลาดใจ หญิงสาวผู้เป็๞เลิศย่อมไม่ร้างคนไขว่คว้า และเขาก็รู้ว่าเฉินชิ่งชอบเสี่ยวหลานด้วยเช่นกัน ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานคบหาดูใจกับผู้อื่น นั่นเพราะความสามารถของเฉินชิ่งยังไม่พอ อย่างน้อยเฉินชิ่งในตอนนี้ยังไม่คู่ควรกับเด็กสาวอย่างเสี่ยวหลาน เ๹ื่๪๫ในอนาคตนั้นไม่แน่นอน ๻้๪๫๷า๹อนาคตแบบใด ๻้๪๫๷า๹ขอใครเป็๞ภรรยา ครอบครัวช่วยอะไรเฉินชิ่งไม่ได้ ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเขาเอง!

        แค่การพบกันที่สถานี ชายสามวัยสามสถานะก็ได้เริ่มปะทะกันแล้ว

        เซี่ยเสี่ยวหลานพูดไม่ออกจริงๆ หลี่เฟิ่งเหมยกับหลิวเฟินมองอะไรไม่ออกทั้งนั้น ส่วนหลิวจื่อเทาก็เอาแต่หัวเราะ หลังถูไถรอบรถจี๊ปคันโตแล้ว หลี่เฟิ่งเหมยก็จับเ๯้าลูกชายผู้น่าขายหน้าคนนี้ไว้อย่างแน่นหน้า

        เฉินวั่งต๋าถูกเชิญเข้าไปนั่งในห้องโดยสารข้างคนขับ ส่วนพวกเซี่ยเสี่ยวหลานที่เหลือ ผู้ใหญ่สี่คน เด็กอีกหนึ่งคน พากันเบียดในที่นั่งด้านหลัง

        นอกจากหลี่เฟิ่งเหมยที่เ๯้าเนื้อนิดหน่อยแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานกับอีกสองคนผอมมาก ที่นั่งด้านหลังสามารถรองรับได้ สำหรับหลิวจื่อเทาให้หลี่เฟิ่งเหมยกอดแนบกับอกก็พอ หัวชิงและจิงเม่าไม่ได้อยู่ในละแวกเดียวกัน หัวชิงอยู่เขตไห่เตี้ยน จิงเม่าอยู่เขตเฉาหยาง ระยะทางตรงก็ห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตรแล้ว ถนนทางอ้อมนั้นยิ่งไกลเข้าไปใหญ่ เพื่อสะดวกในการไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย คนสองกลุ่มจะไม่พักในบ้านพักแห่งเดียวกัน

        โชคดีที่เ๽้าหนุ่มเฉินชิ่งนี่สอบติดมหาวิทยาลัยจิงเม่า

        ไม่ใช่ว่ามหาวิทยาลัยนี้ไม่ดีเลิศพอ ทว่ามันไกลจากหัวชิง

        ถ้าคะแนนดีกว่านี้อีกหน่อย สอบติดเหรินต้าอะไรพวกนั้น ที่นั่นอยู่บนถนนเส้นเดียวกับหัวชิงมิใช่หรือ?

        “ปู่เฉินครับ ผมจะพาพวกปู่ไปส่งที่บ้านพักข้างมหาวิทยาลัยจิงเม่าก่อน พอเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยไปที่หัวชิง จัดหาที่พักให้พวกพี่สะใภ้เสี่ยวหลาน และทุกคนก็กินข้าวเย็นด้วยกัน จากนั้นส่งพวกคุณกลับไปที่จิงเม่า คุณว่าเป็๞อย่างไร?”

        เส้ากวงหรงวางแผนได้ดีมาก เฉินวั่งต๋าหาข้อติเตียนไม่ได้เลย

        นอกจากเซี่ยเสี่ยวหลานที่เคยมาปักกิ่ง และเส้ากวงหรงผู้เป็๞คนปักกิ่งโดยกำเนิดแล้ว คนอื่นๆ ล้วนสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเมืองหลวงยิ่งนัก

        เส้ากวงหรงสามารถเป็๲มัคคุเทศก์ได้อย่างแน่นอน ตั้งใจขับรถรอบจัตุรัสเทียนอันเหมินโดยเฉพาะด้วย เมื่อเฉินวั่งต๋าเห็นภาพของผู้นำบนประตูเมือง เขาอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา หลิวเฟินกับหลี่เฟิ่งเหมยเองก็กลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่เช่นกัน หลี่เฟิ่งเหมยเรียกลูกชายลงจากรถเพื่อโค้งคำนับด้วย

        คนยุคพวกเขาต่างมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ สำหรับทหารผ่านศึกอย่างเฉินวั่งต๋าคนนี้ยิ่งล้นเหลือกว่าใคร เฉินวั่งต๋าแสดงความเคารพตามแบบแผนของชายชาติทหารต่อภาพท่านผู้นำ

        พอเส้ากวงหรงเห็นพวกเขาเป็๲เช่นนี้ ความคะนองบนใบหน้าก็หายไป

        เส้าหวงหรงเงียบ เป็๞เพราะว่าเมื่อครู่เขาดูแคลนหัวหน้าหมู่บ้านผู้มีตำแหน่งกระจ้อยร่อย เมื่อได้ยินว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนนี้เป็๞อดีตทหาร เขาเองก็เกิดละอายใจขึ้นมา

        ไม่มีทหารผ่านศึกษาเหล่านี้ ก็ไม่มีชีวิตในวันนี้... แน่นอน ความละอายใจนั่นมันก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น หลังผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมินไป เส้ากวงหรงเริ่มปากอยู่ไม่สุขเพื่อทำให้บรรยากาศร่าเริงอีกครั้ง พาเฉินวั่งต๋าและเฉินชิ่งมาถึงมหาวิทยาลัยจิงเม่า การลงทะเบียนเข้าพักในบ้านพักไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากเฉินชิ่งมีหนังสือตอบรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยอยู่กับตัว

        อีกอย่างก็มีห้องว่างด้วย พวกเขาเข้าปักกิ่งล่วงหน้าราวสองสามวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่มารายงานตัว

        จากนั้นจึงขับรถไปยังหัวชิง ตลอดทางปากของเส้ากวงหรงไม่เคยหยุดพักเลย ปักกิ่งมีของกินอะไรบ้าง มาเที่ยวปักกิ่งต้องไปเยี่ยมชมที่ใด เส้ากวงหรงเล่าทั้งหมดแล้ว พระราชวังต้องห้ามคือสถานที่ที่พลาดไม่ได้ กำแพงเมืองจีนก็ต้องขึ้นเหมือนกัน

        “นี่ใกล้วันชาติแล้วไม่ใช่หรือ? ปีนี้ครบรอบ 35 ปี เร็วๆ นี้พระราชวังต้องห้ามเพิ่งบูรณะครั้งย่อยไปรอบหนึ่ง ไปชมตอนนี้ช่างเหมาะเจาะยิ่งนัก!”

        หลังสร้างชาติ ต้าเยวี่ยนกำแพงสูงซึ่งเดิมเป็๲ที่ประทับของจักรพรรดิกลายเป็๲สถานที่ที่คนธรรมดาสามารถเข้าชมได้ รัฐดำเนินการบูรณะพระราชวังต้องห้ามครั้งที่สองอย่างยิ่งใหญ่ในปี 74 ซึ่งเงื่อนไขจำกัด จึงทำได้เพียงซ่อมแซมจุดที่เสียหายเท่านั้น การบูรณะครั้งนี้ยาวนานถึง 7 ปีเต็ม ใน๰่๥๹ปี 81 สามพระที่นั่งหน้า สามวังหลัง และหกหมู่พระตำหนักตะวันออกตะวันตกล้วนได้รับการบูรณะแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปในสถานที่เหล่านี้ได้

        ดังนั้นความหมายของเส้ากวงหรงคือไปชมพระราชวังต้องห้ามในเวลานี้ช่างเหมาะสมยิ่งนัก

        เมื่อถึงถนนเสวียเยวี่ยน ก็มองเห็นประตูใหญ่ของหัวชิงแล้ว

        เส้ากวงหรงไม่อาจหยอกล้อกับสิ่งนี้ได้ คนไม่เชี่ยวชาญการเรียนอย่างเขานี้ พอผ่านประตูใหญ่ของหัวชิงยังรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง เส้ากวงหรงไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเช่นกัน เขาเรียนจงจวนต่อทันทีหลังจบมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนนี้ทำงานมาหลายปีแล้ว ทว่าหลังจากฟื้นฟูเกาเข่าประเทศก็ให้ความสำคัญกับวุฒิการศึกษา วุฒิจงจวนของเส้ากวงหรงจึงไม่ได้เลิศเลออีกต่อไป นักเรียนท้ายแถวขี้ประหม่าเกิดใจเสียเล็กน้อย ทำไมเด็กบ้านนอกอย่างเฉินชิ่งไม่ตระหนกน่ะหรือ คงไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าที่ดูเชยบนตัวเขาหรอกมั้ง?

        หรือเป็๲เพราะว่าหนังสือตอบรับเข้าศึกษามหาวิทยาลัยจิงเม่าฉบับนั้น!

        หลังจากเฉินชิ่งจบการศึกษา ถ้าผลการเรียนยอดเยี่ยมหน่อย ก็ย่อมถูกบรรจุเข้าหน่วยงานดีๆ

        นอกจากชาติตระกูลที่เทียบเส้ากวงหรงไม่ได้ เขาก็ไม่พ่ายแพ้อะไรให้แก่เส้ากวงหรงเลย ทำไมยังต้องประหม่าอีกเล่า

        บุรุษคงไม่ควรเทียบหน้าตาสินะ? เพราะเขาขาวผ่องไม่พอจริงๆ

        “นี่คือมหาวิทยาลัยของเสี่ยวหลาน?”

        ทุกคนยืนรอหน้าประตูไม่ถึง 5 นาที ก็มีสองบุคคลลักษณะคล้ายกับนักศึกษาชายหนึ่งหญิงหนึ่งเข้ามาถาม

        “พวกคุณมารายงานตัวสินะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่มหาวิทยาลัยหัวชิง!”

 

 

 


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้