ทั้งสองเคยพบกันเพียงครั้งเดียวและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมสตรีสวมผ้าคลุมผู้นี้ถึงใจดีกับเขาขนาดนี้?
เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ของสตรีสวมผ้าคลุม ทันใดนั้นหนิงเทียนก็รู้สึกว่านางราวกับระบายความโกรธไปทั่วจักรวาลเมื่อเห็นเขาตกอยู่ในอันตราย
นี่เป็สัญชาตญาณของหนิงเทียน แต่เขากลับรู้สึกว่ามันไม่ผิด เพราะหมื่นสรรพสิ่งในใจของเขาสามารถััได้ถึงความเป็ห่วงที่สตรีผู้นี้มีต่อเขาได้อย่างชัดเจน
“ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ข้ามีผิวแข็งแรงและเนื้อหนา...”
หนิงเทียนแสร้งทำเป็ผ่อนคลาย แต่อันที่จริงเขาได้รับาเ็สาหัส
“อย่าขยับ ขอข้าดูอาการาเ็ของเ้าหน่อย...”
กลิ่นหอมอ่อนๆ กระทบจมูก และสตรีสวมผ้าคลุมในชุดสีขาวราวกับหิมะเคลื่อนกายเข้าหาหนิงเทียน แล้วนั่งยองๆ ลงมาตรวจสอบอาการาเ็ของหนิงเทียนอย่างระมัดระวัง
หัวใจของหนิงเทียนตึงเครียด เขาอยากหลีกเลี่ยงตามสัญชาตญาณ มันจะอันตรายมากสำหรับเขาหากปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้เช่นนี้
แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่า หากสตรีสวมผ้าคลุมเป็อันตรายต่อเขาจริง ในยามนี้เขาคงไม่สามารถหลบหนีได้ ดังนั้นหนิงเทียนจึงเลือกที่จะผ่อนคลาย
“เ้าาเ็สาหัส แต่โชคดีที่เ้ามีร่างกายที่แข็งแรงและมีรากฐานก็มั่นคง หากเป็คนอื่นละก็ คงตายด้วยน้ำมือของเยวี่ยซิงเหอไปนานแล้ว”
สตรีสวมผ้าคลุมพูดเบาๆ ดวงตากระจ่างใสของนางเผยให้เห็นร่องรอยของความโล่งใจ ปลายนิ้วบานสะพรั่งด้วยแสงแห่งจิติญญา พลังจิติญญาอันสง่างามถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของหนิงเทียนเพื่อช่วยเขาในการรักษา
กลิ่นหอมจางๆ มีกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจมาก
ในความทรงจำ นอกเหนือจากซิ่งอวี่เจวียนแล้ว แม้แต่เยี่ยหลิงหลานผู้เป็อาจารย์ก็ไม่เคยอ่อนโยนกับเขาขนาดนี้มาก่อน
“ทำไมท่านถึงดีกับข้าขนาดนี้?”
สตรีสวมผ้าคลุมถามด้วยรอยยิ้ม “เ้าไม่ชอบหรือ?”
“ข้าชอบ แต่ก็อยากรู้ว่าทำไม”
ดวงตาของหนิงเทียนร้อนวูบวาบ เป็เื่ยากสำหรับทุกสิ่งอยู่ที่ใตที่จะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางเื้ัผ้าคลุม แต่เขาจับข้อมูลบางอย่างได้ สตรีผู้นี้มีร่างหยินบริสุทธิ์ ซึ่งหมายความว่านางน่าจะยังอายุไม่มาก
สตรีสวมผ้าคลุมมองหนิงเทียนและหัวเราะเบาๆ “ข้าสามารถบอกเ้าได้ แต่นี่เป็ความลับระหว่างเรา เ้าไม่ได้รับอนุญาตให้บอกผู้อื่น”
“ได้ ข้าจะไม่บอกใคร”
หนิงเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง และเขารู้สึกถึงความรู้สึกใกล้ชิดกับสตรีผู้นี้อย่างอธิบายไม่ถูก
“เป็เด็กดีจริงๆ”
สตรีสวมผ้าคลุมหัวเราะเบาๆ หนิงเทียนรู้สึกว่านางมองว่าเขาเป็เด็ก
เมื่อััได้ถึงความคาดหวังในดวงตาของหนิงเทียน ทันใดนั้นสตรีสวมผ้าคลุมก็ถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนาง
นางเป็สตรีผู้มีใบหน้างดงาม หุ่นสวยเพรียวบาง รอยยิ้มกระจายเต็มใบหน้า ผิวขาวดั่งหยกเต็มไปด้วยความแวววาวพระจันทร์เสี้ยวบนท้องนภา ให้ความรู้สึกเย็นสบายและสง่างาม เป็ความงามที่แสนสะดุดตา
หนิงเทียนตกอยู่ในความสับสน นางเป็หญิงงามล่มเมือง[1] งามสง่าอย่างหาที่เปรียบมิได้ งามยิ่งกว่าอวี้ชุนเสวี่ยที่เขาเคยพบก่อนหน้าสามแต้ม และความงามของนางก็เหนือกว่าซูอวิ๋นมาก
ในความทรงจำของเขา นอกเหนือจากท่านอาจารย์เยี่ยหลิงหลาน คนเดียวที่สามารถเอาชนะสตรีผู้นี้ได้คือรูปร่างหน้าตาที่แท้จริงของซูิเยวี่ย
“ข้ามีนามว่าเว่ยซูเสวี่ย เป็นักบุญแห่งตำหนักดาวเหนือ”
สตรีสวมผ้าคลุมเปิดเผยต้นกำเนิดที่แท้จริงของนาง แต่น่าเสียดายที่หนิงเทียนไม่ค่อยรู้เื่ตำหนักดาวเหนือมากนัก
“ที่แท้ท่านก็คือนักบุญแห่งตำหนักดาวเหนือ ไม่แปลกเลยที่ท่านงดงามเช่นนี้ แต่ทำไมท่านถึงช่วยข้า?”
เว่ยซูเสวี่ยสวมผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลของนางไว้เช่นเดิม
“แน่นอนว่าเพราะข้าได้รับการไหว้วานจากผู้อื่น”
หนิงเทียนตกตะลึง นางได้รับการไหว้วานจากใครบางคน อาจเป็นาง...
“เ้าเป็อะไรไป?”
เว่ยซูเสวี่ยมองหนิงเทียนอย่างมึนงงในทันที ก่อนจะโบกมือไปมาต่อหน้าเขา
“พี่สาวรู้จักซูิเยวี่ยหรือไม่?”
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง แต่ดวงตาของเว่ยซูเสวี่ยกลับเปล่งประกายด้วยสีที่แปลกประหลาด
“เ้าคิดว่าอย่างไร?”
การตอบกลับที่ไร้การตอบรับทำให้หนิงเทียนต้องคาดเดา แต่เขารู้สึกว่าเป็ไปได้มากว่าเว่ยซูเสวี่ยจะได้รับการไหว้วานจากซูิเยวี่ย
“ทำไมครั้งนี้นางไม่มาล่ะ?”
เว่ยซูเสวี่ยเอียงศีรษะแล้วมองหนิงเทียน ก่อนจะพูดติดตลกว่า “เ้าคิดถึงนางหรือ?”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากรู้ว่านางไหว้วานท่านหรือไม่?”
เมื่อพูดถึงซูิเยวี่ย ใบหน้าของหนิงเทียนก็ร้อนขึ้นเล็กน้อย ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างอธิบายไม่ได้
“นางกำลังทนทุกข์”
เว่ยซูเสวี่ยถอนหายใจเบาๆ แต่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่ปฏิกิริยาของหนิงเทียน
“ทนทุกข์?”
หัวใจของหนิงเทียนตึงเครียด เขาโพล่งออกมาทันที “นางเป็อะไร?”
“ยังบอกว่าไม่คิดถึงนางอีกหรือ?”
เว่ยซูเสวี่ยหัวเราะเบาๆ แล้วมองเขาด้วยสายตาเร่าร้อน
หนิงเทียนได้สติขึ้นมาพร้อมกับยิ้มอย่างเชื่องช้า คว้าแขนของเว่ยซูเสวี่ย แล้วพูดอย่างติดตลก “พี่สาวบอกข้าเร็ว เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือ?”
“นางถูกยอดฝีมือของวังดาราพาตัวมาจากเมืองเสวียนซาน เนื่องจากนางสูญเสียร่างหยินบริสุทธิ์ไป นางจึงถูกส่งไปยังสาขากูอวิ๋นของตำหนักดาวเหนือ ก่อนจะกลายเป็ศิษย์หลัก ทว่านางไร้ที่พึ่งพิง อีกทั้งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของนางยังทำให้ซ่งอวี้ชุนซึ่งเป็ศิษย์พี่ในสำนักขุ่นเคือง เพราะนางแย่งชิงตำแหน่งสตรีที่สวยที่สุดในบรรดาศิษย์หลักของซ่งอวี้ชุนไป ในการเดินทางไปยังแดนลับแห่งยอดเขาหมื่นอสูรเมื่อคราก่อน นางกลับมาเกินกำหนดและถูกซ่งอวี้ชุนจับตัวไว้...”
เว่ยซูเสวี่ยพูดคุยสั้นๆ เกี่ยวกับสาเหตุและผลที่ตามมาของการที่ซูิเยวี่ยกลายเป็ผู้บำเพ็ญซิงซิว รวมถึงสาเหตุที่ทำให้นางถูกลงโทษในปัจจุบัน
หนิงเทียนรู้สึกถึงความซับซ้อนทางอารมณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูิเยวี่ยนั้นซับซ้อน มีทั้งความกตัญญูและความแค้นปะปนกัน ทว่าเขารู้สึกไม่สบายใจมากเมื่อได้ยินว่าซูิเยวี่ยถูกรังแก
“ถ้าข้ารู้ว่าซ่งอวี้ชุนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้ วันนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้นางหลุดมือไปแน่!”
หนิงเทียนโกรธมาก หากเขารู้เื่นี้ก่อน เขาคงหั่นซ่งอวี้ชุนออกเป็หลายพันชิ้น!
เว่ยซูเสวี่ยพูดด้วยความประหลาดใจ “เ้าได้พบกับซ่งอวี้ชุนหรือ?”
หนิงเทียนเล่าสั้นๆ ว่าเขาได้พบกับซ่งอวี้ชุนเมื่อสามวันก่อนได้อย่างไร
“ตระกูลซ่งหยั่งรากลึกในตำหนักดาวเหนือ เนื่องจากเ้าสร้างความบาดหมางร้ายแรงกับซ่งอวี้ชุน ในอนาคตเ้าจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของเ้ากับข้าจะต้องถูกเก็บเป็ความลับชั่วคราว ข้าจะปกป้องเ้าอย่างลับๆ และเราควรแกล้งทำเป็ไม่รู้จักกันยามอยู่ต่อหน้าคนนอก”
เว่ยซูเสวี่ยให้คำแนะนำสั้นๆ นางไม่ได้บอกหนิงเทียนเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของซูิเยวี่ย รวมทั้งการดำรงอยู่ของจัวหลานชิว
ในยามนี้ขอบเขตของหนิงเทียนยังต่ำเกินไป และเว่ยซูเสวี่ยเกรงว่าหลังจากหนิงเทียนรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตของนางแล้ว เขาจะวิ่งไปที่ตำหนักดาวเหนือเพื่อต่อสู้ด้วยชีวิต และนั่นไม่ใช่ตอนจบที่นางอยากเห็น
“พี่สาวโปรดวางใจ ข้าจะระมัดระวังให้มากขึ้นและเก็บความลับระหว่างเราไว้”
เว่ยซูเสวี่ยมองท่าทางกระตือรือร้นของหนิงเทียนอย่างรู้สึกมีความสุขกับศิษย์พี่ของนาง
นี่คือลูกชายของศิษย์พี่ เขามีรากฐานที่มั่นคงและพลังการต่อสู้ที่น่าทึ่ง เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะทำให้ทั้งโลกตะลึงและกวาดล้างไปทั่วได้อย่างแน่นอน
“จงรีบปรับปรุงความแข็งแกร่ง ตอนนี้ระดับของเ้ายังต่ำเกินไป ตามการคาดเดาของวังดารา ดินแดนหยวนซิงจะตกอยู่ในหายนะในไม่ช้า หากเ้าไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ ในเวลานั้นมันจะเป็เื่ยากที่จะอยู่รอด”
หนิงเทียนรู้เื่นี้ดี
คราวที่แล้วในแดนลับของยอดเขาหมื่นอสูร การปรากฏตัวในดินแดนลับของเถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็มีสัญญาณการรุกรานจากศัตรูต่างโลกแล้ว
คราวนี้ การเปิดแดนลับในูเาไป่หลิงและการปรากฏตัวของกองทัพโครงกระดูก บ่งบอกว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นบนดินแดนหยวนซิง
“ถ้าเ้าไม่เข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่าน มันจะเป็เื่ยากที่จะตั้งหลักได้ หนิงเทียน เ้าต้องพยายามให้มาก!”
เว่ยซูเสวี่ยเตือนหนิงเทียนว่าในดินแดนหยวนซิง มีเพียงผู้ที่อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านเท่านั้นที่สามารถไปถึงระดับปรมาจารย์ได้
“พี่สาวใช้เวลานานแค่ไหนในการฝึกฝนจนถึงจุดนี้?”
“อสูรน้อย เ้ากำลังล้อเลียนว่าข้าอยู่ในวัยชราไข่มุกเหลือง[2] ทว่าขอบเขตกลับไม่สูงพอเช่นนั้นหรือ?”
“พี่สาวคิดไปถึงไหน ข้าแค่อยากรู้ว่าคนทั่วไปจะต้องใช้เวลานานเท่าใดในการเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่านหลังจากกลายเป็ผู้บำเพ็ญ?”
เว่ยซูเสวี่ยกล่าวว่า “โดยปกติแล้ว หากไม่ขาดแคลนทรัพยากร อาจต้องใช้เวลาห้าถึงสิบปีในการเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนผ่าน อัจฉริยะบางคนสามารถทำตามขั้นตอนนี้ให้เสร็จสิ้นได้ภายในสามปี แต่การก้าวจากขอบเขตแห่งเข้าสู่ขอบเขตเหนือเมฆานั้นยากจะบอกได้ บางคนไม่สามารถข้ามมันไปได้ตลอดชีวิต บางคนก็ประสบความสำเร็จทันที ข้าติดอยู่ที่ขั้นเก้าของขอบเขตเปลี่ยนผ่านมานาน ครั้งนี้ข้ามาที่นี่โดยหวังว่าจะพบความก้าวหน้า ข้าคิดว่าตนเองจะสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเจดีย์ได้ ไหนเลยจะรู้ว่าลองหลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ”
อาการาเ็ของหนิงเทียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่รั้งรออีก
หลังจากลุกขึ้น หนิงเทียนก็เดินไปรอบๆ ชั้นแปด ก่อนจะมาหยุดที่หน้าบันไดที่นำไปสู่ชั้นเก้าของเจดีย์
คลื่นพลังโกลาหลปกคลุม ปลดปล่อยความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
หนิงเทียนขมวดคิ้ว หมื่นสรรพสิ่งในใจรับรู้ถึงสถานการณ์ที่นี่อย่างระมัดระวัง หอคอยพลังในร่างกายของเขาฟื้นขึ้นมา ยามนี้เขารู้สึกได้ถึงความไร้พลังจริงๆ
“ยามที่พี่สาวมาที่นี่ ท่านสังเกตเห็นใครนำหน้าท่านบ้างหรือไม่?”
เว่ยซูเสวี่ยถามอย่างประหลาดใจ “นอกจากข้าและเยวี่ยซิงเหอแล้ว ยังมีใครปีนขึ้นมาถึงชั้นแปดได้อีกหรือ?”
หนิงเทียนกล่าวถึงแผ่นศิลาตรงทางเข้าเจดีย์สั้นๆ จากรูปแบบที่กะพริบบนนั้น เขาอนุมานได้ว่าบนชั้นห้าของเจดีย์ควรมีคนสิบสองคน แต่ตอนนี้หนิงเทียนเห็นเพียงสิบคนเท่านั้น
นอกจากตัวเขาเองแล้ว ยังมีอีกคนที่หนิงเทียนไม่เคยเห็นเลย
“หมายความว่ามีคนนำหน้าเราและปีนขึ้นไปชั้นเก้าหรือ?”
หนิงเทียนกล่าวว่า “นี่เป็คำอธิบายเดียวเท่านั้น”
“เป็ไปไม่ได้! โดยพื้นฐานแล้วข้าจำอัจฉริยะทุกคนที่เข้ามาในครั้งนี้ได้ คนที่โดดเด่นที่สุดอยู่ที่ชั้นหกและเจ็ด ข้าไม่คิดว่าจะมีใครสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นเก้าได้”
หนิงเทียนยิ้มและพูดว่า “ศิษย์พี่เคยคิดหรือไม่ว่าข้าจะปีนขึ้นมาชั้นแปดได้?”
เว่ยซูเสวี่ยส่ายหัว นางไม่คิดว่าหนิงเทียนจะสามารถปีนขึ้นมาถึงชั้นแปดได้จริงๆ แต่หนิงเทียนทำได้
เมื่อมองบันไดอันสับสนวุ่นวาย ดวงตาของหนิงเทียนก็แสดงความร้อนแรง
“ข้าจะลองพยายามรีบเร่งไปข้างหน้าในภายหลัง”
เว่ยซูเสวี่ยไม่ขัด แค่เตือนว่า “เ้าต้องระวังให้มาก สถานที่แห่งนี้ไม่ง่ายเลย เยวี่ยซิงเหอและข้าพยายามอย่างดีที่สุดและล้มเหลวหลังจากเดินไปได้เพียงห้าก้าวเท่านั้น”
หนิงเทียนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดเบาๆ “พี่สาวขอมือหน่อย”
ดวงตาของเว่ยซูเสวี่ยเคลื่อนไหวเล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงยื่นมือไปให้หนิงเทียน
หนิงเทียนจับมือเล็กๆ ของเว่ยซูเสวี่ย เส้นลมปราณในร่างกายสั่นไหว ปลดปล่อยอำนาจของยุทธศาสตร์ครอง์ แต่ถูกเว่ยซูเสวี่ยปฏิเสธ
“ผ่อนคลาย อย่ากีดกันพลังของข้าที่ส่งเข้าไป”
เว่ยซูเสวี่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย นางเป็นักบุญจากตำหนักดาวเหนือที่ใสเหมือนน้ำแข็ง สะอาดราวหยก[3] นางจะเคยปล่อยให้พลังของคนนอกเข้าสู่ร่างกายนางได้อย่างไร?
นี่เป็เื่ลึกลับและอันตรายสำหรับผู้บำเพ็ญ หากไม่ระวังอาจถูกวางแผนร้ายใส่ได้
หนิงเทียนกำลังสำรวจการทำงานของพลังดวงดาวในร่างกายของเว่ยซูเสวี่ยอย่างระมัดระวัง นี่เป็ครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้เชื่อมโยงกับยอดฝีมือซิงซิว
หนิงเทียนค้นพบว่าชีพจรดาราของซิงซิวแตกต่างจากชีพจรหยวนของหยวนซิวอย่างเห็นได้ชัด แต่ในขอบเขตผนึกดารา วิธีสร้างกระแสวังวนพลังนั้นคล้ายกันมาก
“รากฐานของศิษย์พี่ไม่แข็งแกร่งพอ ท่านจึงติดอยู่ในขอบเขตผนึกดารา”
เว่ยซูเสวี่ยยิ้มและเอ่ยดุ “อสูรน้อย เ้าไม่ใช่ซิงซิว กล้าดีอย่างไรมาชี้นิ้วต่อหน้าข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบตีเ้า?”
“พี่สาวบอกว่าข้ามีรากฐานแข็งแกร่ง แต่ท่านไม่รู้ว่าข้าแข็งแกร่งอย่างไร”
หนิงเทียนปล่อยมือของเว่ยซูเสวี่ย ก่อนที่รูปแบบทางจิติญญาบนฝ่ามือกำลังสร้างแนวหอคอยวังวนพลัง ซึ่งมีความชัดเจนและแตกต่างจนคาดเดาไม่ได้
“ั้แ่สามถึงเก้า ยิ่งไปสูงเท่าไรก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ยิ่งบรรลุผลสำเร็จสูงเท่าไร รากฐานยิ่งจำเป็ต้องแข็งแกร่ง...”
เว่ยซูเสวี่ยศึกษาอย่างระมัดระวัง ไม่นานสีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“นี่จะได้ผลจริงหรือ?”
“ศิษย์พี่ซิ่งและศิษย์พี่เสิ่นต่างประสบความสำเร็จ และผลลัพธ์ก็ค่อนข้างดี หากพี่สาวอยากเข้าถึงขอบเขตเหนือเมฆา เราสามารถลองพยายามอย่างหนัก ณ ที่แห่งนี้ได้”
---------------------------------------
[1] หญิงงามล่มเมือง (倾国倾城) เป็คำเรียกหญิงงามที่สวยมากจนเป็ชนวนให้บ้านเมืองล่มสลาย
[2] วัยชราไข่มุกเหลือง (人老珠黄) แปลว่าสตรีวัย 40 ปี หรือคนในวัยชราที่รูปลักษณ์โรยราไปตามวัย
[3] ใสเหมือนน้ำแข็ง สะอาดราวหยก (冰清玉洁) แปลว่าหญิงสาวที่งามบริสุทธิ์ ทั้งกายและใจ หรือใครบางคนที่บริสุทธิ์และสูงส่ง
