ณ วันครบรอบสถาปนาอาณาจักร
ท้องฟ้าในวันนั้นส่องประกายระยิบระยับด้วยแสงแดดจ้า ปกคลุมทั่วทั้งเมืองด้วยความสดใส ราวกับว่าบรรยากาศมืดฝนก่อนหน้านี้เป็เพียงฝันตื่นหนึ่ง ฝูงชนต่างหลั่งไหลมารวมตัวกันที่ประตูเมืองซึ่งถูกประดับประดาด้วยผ้าสีทองและธงประจำอาณาจักรที่ปลิวไสวตามลมเบาๆ กลิ่นหอมจากดอกไม้ที่โปรยลงมาตามทางเดินลอยมากับสายลม เสียงระฆังและดนตรีดังขึ้นทั่วเมือง ประสานกับเสียงกลองที่ดังขึ้นเป็ระลอก กึกก้องเป็สัญญาณให้รู้ว่า เหล่าทหารกล้าผู้ทำชัยชนะ กำลังจะเดินทางมาถึง
เสียงโห่ร้องยินดีและคำสรรเสริญเริ่มดังขึ้นจากปลายสุดของทางเดินนอกประตูเมือง และค่อย ๆ ก้องกังวานเข้ามาภายใน กองทหารชุดแรกปรากฏขึ้นในสายตาของประชาชน ชุดยศทหารสีเข้มประดับเหรียญตราที่แวววับสะท้อนแสงอาทิตย์เสมือนประกายแห่งความหวังและเกียรติยศของอาณาจักร ม้าศึกย่ำพื้นอย่างสง่างาม เสียงเกือกม้ากระทบพื้นหินเป็จังหวะดังกังวานสร้างความประทับใจให้กับผู้คนสองฟากฝั่งถนน
ขบวนธงชัยโบกสะบัดอยู่เบื้องหน้าเต็มไปด้วยสีสันและความยิ่งใหญ่ นักดนตรีเป่าแตรและตีกลองร่วมจังหวะ ประกอบด้วยบทเพลงแห่งชัยชนะที่ปลุกขวัญให้ทุกคนลืมความทุกข์ยากจากาที่ผ่านพ้นมา เสียงเพลงนั้นประหนึ่งบทสวดที่เชิดชูเกียรติของเหล่าผู้เสียสละในสนามรบ
ขบวนแห่งเกียรติยศ เคลื่อนผ่านประตูเมืองอย่างสง่างาม เสียงแตรแผดกังวาน ร่วมด้วยเสียงกลองศึกที่เต้นเป็จังหวะ เบื้องหน้าเป็เหล่าทหารยศสูงสุดของกองทัพ นำขบวนอย่างองอาจ ทุกก้าวของพวกเขาแฝงด้วยอำนาจและศักดิ์ศรี
นายพลเอกแห่งกองทัพ อยู่ในชุดเครื่องแบบประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์เต็มยศ สวมหมวกทรงสูงปีกกว้าง พร้อมปลายดาบทองคำพาดกับเอว ชุดคลุมยาวสีกรมท่าตัดกับผ้าปักดิ้นทองลวดลายละเอียด บ่าเสื้อประดับด้วยอินทรธนูแสดงถึงตำแหน่งอันสูงส่ง เขานำทัพด้วยสีหน้าสงบและเด็ดเดี่ยว ขนาบข้างด้วยม้าศึกขาวสง่างาม ราวกับเป็สัญลักษณ์แห่งสันติภาพที่กลับคืนมา
ตามด้วยแม่ทัพใหญ่และนายพลทั้งหลาย ที่เดินเรียงแถวอย่างเป็ระเบียบ ขณะที่ประชาชนสองฟากฝั่งถนนส่งเสียงโห่ร้องยินดีให้แก่ทหารเหล่านี้ ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจในชัยชนะที่นำพาสันติภาพกลับคืนสู่แผ่นดิน ผู้คนขานชื่อพวกเขาราวกับเป็วีรบุรุษ
ต่อจากขบวนของนายพลใหญ่ พลตรีมิแรนดา นั่งบนหลังม้าอย่างนิ่งสงบ แม้ใบหน้าจะไร้รอยยิ้ม แต่ดวงตาสีฟ้าประกายทองของเธอฉายแววมั่นคงและหนักแน่น เธอเป็ภาพแทนของผู้หญิงผู้แข็งแกร่งในยุคที่การต่อสู้ในสนามรบยังถือเป็โลกของบุรุษ การปรากฏตัวของเธอทำให้ทั้งชายและหญิงในฝูงชนต่างส่งเสียงชื่นชมอย่างกึกก้อง
เื้ัของมิแรนดาเป็ คณะนายทหารระดับพันโทและพันเอก ที่เดินเรียงแถวอย่างเป็ระเบียบ แต่ละคนสวมชุดเครื่องแบบลักษณะคล้ายกัน แต่ลดทอนรายละเอียดของดิ้นทองลงไป มีเพียงสัญลักษณ์ตำแหน่งประดับบนอินทรธนูและหมวกที่บ่งบอกตำแหน่ง มือซ้ายของพวกเขาถือหมวกทรงสามมุมไว้แนบลำตัว ในขณะที่มือขวาจับดาบหรืออาวุธประจำตัว บางคนมีาแที่ยังเยียวยาไม่หายดี แต่ไม่มีใครแสดงความเ็ปออกมา ทุกคนก้าวไปพร้อมกับความเชื่อมั่นในเกียรติที่ได้รับ
นายพัน นายร้อย และนายสิบ นำขบวนตามลำดับ พวกเขาแต่งกายในชุดเครื่องแบบเรียบง่ายกว่า แต่ยังคงรักษาความสง่างามไว้ บนหลังสะพายปืนคาบศิลาอันเป็เอกลักษณ์ ท่วงท่าเข้มแข็ง มั่นคง และพร้อมเพรียง ทุกก้าวที่ย่างไปข้างหน้า สะท้อนถึงความมีวินัยและความเสียสละ พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่นำชัยชนะมาให้แก่แผ่นดิน แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้า แต่หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ
เสียงโห่ร้องของประชาชนดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อขบวนเดินลึกเข้ามาสู่ใจกลางเมือง ธงชัยแห่งอาณาจักรที่โบกสะบัดไปตามแรงลมสร้างบรรยากาศให้เต็มไปด้วยความฮึกเหิม ดอกไม้หลายชนิดถูกโปรยลงมาจากหน้าต่างของบ้านเรือน ประชาชนต่างปรบมือและส่งเสียงเชิดชูทหารผู้กล้าของพวกเขา
เมื่อขบวนทหารเคลื่อนมาถึง เขตราชอำนาจส่วนใน ความโอ่อ่าของราชวังปรากฏเบื้องหน้า กำแพงหินสูงใหญ่ประดับด้วยตราสัญลักษณ์ราชวงศ์ที่แสดงถึงอำนาจสูงสุด
ประตูพระราชวัง ที่ยิ่งใหญ่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเปิดอ้าออกอย่างช้า ๆ แสดงถึงการต้อนรับอย่างเป็ทางการจากองค์กษัตริย์
ขบวนเดินอย่างเป็ระเบียบเข้าสู่ลานกว้างเบื้องหน้าราชวัง เสียงกลองสงบลง เหล่าทหารหยุดยืนอย่างพร้อมเพรียง ขณะที่ กษัตริย์และขุนนางชั้นสูง ก้าวออกมาจากหลังม่านด้วยท่วงท่าสง่างาม กษัตริย์ทรงมองเหล่าทหารอย่างภาคภูมิ
เหล่าทหารกล้าเรียงแถวอย่างพร้อมเพรียง ก้มศีรษะและทำความเคารพต่อาาและพระราชินีแห่งไฮเดลิน ท่ามกลางความเงียบสงบที่แฝงด้วยความยิ่งใหญ่ ทุกสายตาจับจ้องไปยัง าาคัลลันดรอส-ซิลลูมิน และ ราชินีลูเนสซา-ซิลลูมิน ที่ประทับอยู่บนระเบียงกว้างของพระราชวัง นามของพระองค์ทั้งสองถูกตั้งโดยใช้ภาษาดั้งเดิมของอาณาจักร พระองค์ถูกล้อมรอบด้วยบรรดาราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงที่จัดแถวอย่างมีระเบียบเล็กน้อยด้านหลัง
าาคัลลันดรอสทรงยืนนิ่งด้วยท่วงท่าสง่างามใน ชุดสีขาวบริสุทธิ์ ตัดด้วยสีเงินประณีตที่ขับให้พระองค์โดดเด่นส่องแสงในท้องฟ้าใส ดวงพระพักตร์ของพระองค์แม้จะอ่อนโยน แต่ในแววตาสีฟ้าราวกับท้องฟ้าวันปลอดโปร่งนั้นยังคงมีประกายแห่งปัญญาและความกล้าหาญ พระเกศาสีทองสว่าง ยาวถึงบ่าแซมด้วยสีขาวบางส่วน บ่งบอกถึงวัยที่ล่วงเลยไปบ้าง แต่ก็ไม่ลดทอนความสง่าของกษัตริย์ผู้เป็ศูนย์รวมแห่งอาณาจักร
มงกุฎสีเงินประดับอัญมณี ส่องประกายอยู่บนพระเศียร ขณะที่ คทาเงิน ในพระหัตถ์ขวาเป็สัญลักษณ์แห่งอำนาจและความสงบเรียบร้อยของแผ่นดิน
ถัดจากพระองค์คือ ราชินีลูเนสซา-ซิลลูมิน ผู้ประทับอยู่เคียงข้างด้วยความสง่างามในแบบของสตรี ผมสีดำขลับของเธอถูกรวบไว้หลังศีรษะ ขับเน้นดวงตาสีฟ้าเข้มที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความเข้มแข็งภายใน ชุดของเธอเป็ ชุดสีขาวประดับเงินเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความงามอันประณีต มงกุฎของเธอเป็มงกุฎเงินขนาดเล็กและละเอียดอ่อน ซึ่งแม้จะเรียบง่ายกว่าของพระาา แต่ก็แสดงถึงความสง่างามและอำนาจในอีกมิติ
สีเงินและสีขาวที่ทั้งสองพระองค์สวมใส่ ไม่เพียงเป็การแสดงถึงฐานะสูงส่งของราชวงศ์ แต่ยังเป็ สีศักดิ์สิทธิ์ ของอาณาจักรไฮเดลิน สีเหล่านี้สะท้อนถึงตำนานของปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งอาณาจักร ตามตำนานกล่าวว่า พระองค์ทรงได้รับการชี้นำจากเทพเ้าผ่านนิมิต เมื่อใดที่ฝันเห็นแสงสีขาว พระองค์จะทรงนำทัพเข้าสู่สมรภูมิด้วยพระองค์เอง และ เมื่อใดที่ฝันเห็นจันทราสีเงิน พระองค์จะทรงประทานความเมตตาและสันติสุขแก่ปวงประชา ความฝันทั้งสองนี้ช่วยให้พระองค์รวมแผ่นดินแตกแยกจนเป็ปึกแผ่นเดียวกันได้ และสร้างอาณาจักรที่รุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ สีเงินและสีขาวกลายเป็สัญลักษณ์แห่งความโชคดีและคำอวยพร ที่สืบทอดกันมา
เมื่อเสียงกลองสงบลง าาคัลลันดรอสยกคทาขึ้นอย่างช้า ๆ และเหล่าทหารทั้งหมดก้มลงแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียง
“ประชาชนผู้เป็ที่รัก และทหารผู้กล้าทุกคน... วันนี้เป็วันแห่งเกียรติยศ วันครบรอบการสถาปนาอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของเรา วันที่เราได้รำลึกถึงการเสียสละและความกล้าหาญของบรรพชนผู้วางรากฐานให้แผ่นดินนี้มั่นคง วันครบรอบนี้ไม่เพียงแต่หมายถึงการระลึกถึงอดีต แต่ยังเป็การเฉลิมฉลองถึงความพยายาม ความสามัคคี และความหวังที่จะนำพาเราไปสู่อนาคตที่รุ่งเรือง…"
ในระหว่างที่าาคัลลันดรอสทรงปราศรัย โจเซฟที่ยืนอยู่ข้างครอบครัว ปรับสายตาไปยังกลุ่มผู้มีอำนาจเก่าแก่ซึ่งยืนอย่างสง่างามอยู่ถัดจากเหล่าราชนิกุล บนระเบียงกว้าง คือสี่ตระกูลใหญ่เก่าแก่ของอาณาจักร ที่นับถือกันว่าเป็เสาหลักของบ้านเมือง แต่ในสายตาโจเซฟ พวกเขากลับเป็สิ่งถ่วงความเจริญที่บดบังอนาคตของแผ่นดิน
ตระกูลอังคารัน นำโดยหัวหน้าตระกูลที่สง่างามในเครื่องแบบทหารเต็มยศ พวกเขาควบคุมกำลังทหารส่วนใหญ่ของอาณาจักร
ตระกูลออลาธิส ควบคุมการค้าและท่าเรือสำคัญ ทั้งทางบกและทะเล
ตระกูลคัลลาธอร์ ผู้ครองอำนาจในหมู่ขุนนาง เป็ตระกูลที่แทรกซึมเข้าไปในระบบราชการทุกระดับ ั้แ่ข้าราชการชั้นผู้น้อยไปจนถึงชั้นสูง
ตระกูลลูธาร์คิส พวกเขาเหมืองแร่ทองคำและแร่เงินสองแห่งใหญ่สุดของอาณาจักร
โจเซฟหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อหันไปมองกลุ่มขุนนางเหล่านี้ แม้ใบหน้าของเขาจะยังนิ่งเฉย แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ความรู้สึกของผู้ที่ถูกลดทอนอำนาจและย่ำยีศักดิ์ศรีด้วยอุบายทางการเมือง เขายังจำได้ดีว่าพวกขุนนางเหล่านี้เป็ผู้ผลักดันให้เขาถูกปลดจากตำแหน่งทูต
แม้ใจจะร้อนรุ่ม โจเซฟพยายามสูดหายใจเข้าลึก ถอนสายตาออกจากเหล่าผู้มีอำนาจเก่าเพื่อสงบจิตใจ เขาเบนสายตาไปยังกลุ่มอื่น ๆ บนระเบียง และสะดุดตาเข้ากับ คริสโตเฟอร์ ดาร์ซี่ เ้ากรมคลัง ผู้เป็หนึ่งในพันธมิตรของเขา ดาร์ซี่ส่งสายตาให้โจเซฟเล็กน้อย เป็การแสดงถึงความเข้าใจและการสนับสนุนที่ยังคงอยู่
จากนั้น โจเซฟกวาดสายตาไปยัง เหล่าคณะทูตจากอาณาจักรต่าง ๆ ที่เดินทางมาร่วมงาน พวกเขาเป็ตัวแทนของประเทศมหาอำนาจ ที่แสดงถึงความเชื่อมโยงระหว่างอาณาจักรไฮเดลินกับโลกภายนอก
ทูตจากซาร์เนีย สวมเครื่องแบบเรียบง่ายแต่ทันสมัย เป็สัญลักษณ์ของความก้าวหน้าทางวิทยาการและนวัตกรรม ซาร์เนียเป็ดินแดนที่ถูกยกย่องว่าล้ำสมัยที่สุดในโลก
ทูตจากแอฟเริก ผู้มีผิวเข้มราวกับเงาที่กลมกลืนไปกับแสงน้อยบนระเบียง ดวงตาของเขาเฉียบคม แฝงไปด้วยความชาญฉลาดและอำนาจ ประเทศของเขาคือมหาอำนาจของทวีปนี้ เป็ศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจ
ทูตจากทวีปเทอร์ราเวีย ผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม ร่างกายสมส่วน สวมชุดที่ประณีตด้วยลวดลายศิลปะวิจิตร เขามีท่วงท่าที่สงบและสำรวม สะท้อนถึงวัฒนธรรมอันเก่าแก่และศิลปะที่เป็เอกลักษณ์ ทวีปของพวกเขาเป็ดินแดนทางตะวันออกที่อุดมไปด้วยศิลปะและปรัชญา
นอกจากทูตหลักทั้งสามเหล่านี้ ยังมี ผู้แทนจากอาณาจักรอื่น ๆ ที่ยืนประจำตำแหน่งตามลำดับชั้น แม้บางอาณาจักรจะไม่ได้มีบทบาทสำคัญนัก แต่การปรากฏตัวในพิธีครั้งนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ทางการทูตที่ต้องถูกรักษาไว้
หลังจากที่าาคัลลันดรอสทรงกล่าวปราศรัยจบลง เสียงแตรชัยดังขึ้นอีกครั้ง กึกก้องไปทั่วทั้งลานกว้าง เหล่าทหารที่ยืนเรียงแถวอย่างสง่างามต่างก้มศีรษะทำความเคารพต่อาาและราชินี พร้อมกับเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องยินดีจากประชาชนที่ยืนมองดูจากภายนอกราชวัง
พระาาทรงเสด็จลงจากบัลลังก์ มาพร้อมราชินีลูเนสซา ทรงมอบ เหรียญเกียรติยศ ให้แก่เหล่าทหารที่ทำผลงานยอดเยี่ยมในสนามรบ รวมถึงครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต ซึ่งขึ้นมารับเหรียญแทนคนที่จากไป ประชาชนที่เฝ้ามองต่างยกย่องการเสียสละของเหล่าผู้กล้าด้วยความซาบซึ้ง
เสียงโห่ร้องอย่างกึกก้อง และการปรบมืออย่างต่อเนื่องสร้างความรู้สึกเป็อันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ประชาชน ความภาคภูมิใจที่ถูกปลุกเร้าทำให้บรรยากาศเปี่ยมไปด้วยพลัง และช่วยลืมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นใน่หลายปีที่ผ่านมา
หลังจากพิธีมอบเหรียญเสร็จสิ้น คณะทูตจากต่างประเทศจะก้าวออกมาแสดงความยินดีต่อราชวงศ์และอาณาจักรไฮเดลิน โดยแต่ละคณะต่างนำของขวัญหรือสัญลักษณ์มิตรภาพมามอบต่อพระาา ซึ่งแสดงถึงความร่วมมือระหว่างอาณาจักรทั้งด้านการค้าและการทูต
ทูตจากซาร์เนีย มอบเครื่องกลนาฬิกาทองคำสุดประณีต ผลงานชิ้นเอกของประเทศที่เลื่องชื่อเื่เทคโนโลยีขั้นสูง
ทูตจากแอฟเริก มอบรูปสลักทองคำที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรพวกเขา พร้อมด้วยผ้าหรูหราที่บ่งบอกถึงอำนาจทางเศรษฐกิจ
ทูตจากทวีปเทอร์ราเวีย นำม้วนภาพวาดศิลปะโบราณจากวัฒนธรรมทางตะวันออก หยกและงาช้างสลัก เป็ของขวัญที่แสดงถึงความชื่นชมในศิลปะและมิตรภาพระหว่างสองดินแดน
เมื่อขบวนทหารสลายตัว แขกผู้มีเกียรติและคณะทูตจะได้รับเชิญเข้าสู่ ห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง ซึ่งถูกประดับอย่างงดงามด้วยแชนเดอเลียเงินประดับแก้วและผ้าปักลายสีเงิน ดนตรีบรรเลงเบา ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและเป็มิตร
ภายในงานเลี้ยง ท่ามกลางอาหารหรูหราและเหล้าองุ่นรสเลิศ เหล่าขุนนางและผู้แทนต่างชาติเริ่มจับกลุ่มสนทนา สายตาของโจเซฟจับจ้องไปที่บางกลุ่มที่ดูเหมือนจะคุยกันอย่างลับ ๆ ราวกับกำลังถกเถียงเื่บางอย่างที่มีความสำคัญมากกว่าพิธีเฉลิมฉลอง
โจเซฟรู้ดีว่า แม้บรรยากาศของพิธีจะดูสง่างามและสมานฉันท์ แต่ภายใต้ฉากหน้านั้น ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าและราชวงศ์ยังคงดำเนินไปอย่างเงียบ ๆ เหล่าขุนนางบางกลุ่มแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ที่าาคัลลันดรอสพยายามผลักดัน
ท่ามกลางงานเลี้ยง โจเซฟจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของกลุ่มขุนนางอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นพ่อของเขาริชาร์ดที่ปรึกษาใกล้ชิดของาา ก้าวไปยังบริเวณที่พระาาประทับอยู่
ริชาร์ดก้มศีรษะคารวะก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น
“พระองค์ทรงเลือกจัดงานฉลองชัยชนะของเหล่าทหารผู้กล้าพร้อมกับวันสถาปนาอาณาจักรได้อย่างแยบยลนัก” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “การกระทำเช่นนี้จะช่วยบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนต่อราชวงศ์ไปได้ชั่วคราว”
าาคัลลันดรอสยืนนิ่ง พลางทอดพระเนตรไปยังฝูงชนที่ยังคงเฉลิมฉลองนอกพระราชวัง “เ้าคิดเช่นนั้นหรือ?”
ริชาร์ดพยักหน้า “ใน่หลายปีที่ผ่านมา ประชาชนเกิดความไม่พอใจต่ออำนาจเก่าและความไม่เท่าเทียม ความขัดแย้งที่ก่อตัวจากภาษีที่เพิ่มขึ้นและปัญหาทางเศรษฐกิจจากา ทำให้พวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นในราชวงศ์ แต่การที่พระองค์ทรงยกย่องผู้กล้าและจัดงานฉลองที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเช่นนี้ จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาได้ชั่วคราว”
าาคัลลันดรอสทรงถอนพระทัยเบา ๆ “ชั่วคราวเท่านั้นหรือ?”
ริชาร์ดตอบด้วยความจริงใจ “ใช่ พระองค์ มันเป็เพียงการซื้อเวลา... แต่เวลาดังกล่าวมีค่ามาก หากใช้ให้ถูกต้อง เราจะสามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็ต่ออาณาจักรได้ โดยไม่ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากขุนนางเก่าและประชาชนที่ยังไม่พร้อม”
าาทรงครุ่นคิด ก่อนจะตรัสอย่างแ่เบา “แล้วเราควรเริ่มต้นที่ตรงไหน?”
“เริ่มจากการปฏิรูปที่สำคัญ” ริชาร์ดเสนอ “ลดภาษีให้กับชาวบ้าน เพิ่มสิทธิ์และเสียงให้สามัญชน และหาวิธีทำให้กลุ่มขุนนางยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้โดยไม่สูญเสียหน้ามากเกินไป”
พระาาทรงพยักหน้าเบา ๆ “เช่นนั้น เรามีเวลาเพียงไม่นานนัก”
ริชาร์ดคลี่ยิ้มบาง ๆ “แต่เพียงพอ หากเราไม่ยอมแพ้ พระองค์”
บรรยากาศรอบกายยังคงอบอวลไปด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ ผู้คนหัวเราะร่าและร่วมดื่มฉลองกันอย่างรื่นเริง แต่ท่ามกลางความงามเจิดจรัสนี้ กลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของการแก่งแย่งชิงดี อุบายลับคมดังเงามืดที่เลื้อยซ่อนตัวอยู่ในทุกซอกมุมของอาณาจักร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้