ทั่วทั้งเขาสายหมอกตกอยู่ในความไม่สงบ โดยเฉพาะเขตที่สองเต็มไปด้วยคลื่นพลังทำลายล้าง และพลังของผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เจียงเฉินและหวงต้าได้หลบหนีอย่างบ้าคลั่งและชายแก่ทั้งสามได้ไล่ตามพวกเขามากระชั้นชิดด้านหลังพวกเขา
นิกายชิงิเป็ขุมกำลังใหญ่ของแคว้นเฉียน พวกมันมีสถานะสูงส่ง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นิกายชิงิได้ประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ และหากว่าไม่สามารถสังหารเ้าหนุ่มและเ้าหมานั่นได้ ชื่อเสียงของนิกายชิงิจะต้องป่นปี้ ภายหลังพวกมันจะเดินเชิดหน้าอย่างผู้ทรงเกียรติในแคว้นเฉียนได้อย่างไร
"ว๊ะก๊ะก่ะ เ้าแก่โง่ทั้งสามนี่อืดอาดจริงๆ!มันคงยากที่พวกมันจะไล่ตามพวกข้าทัน!"
ขณะที่บินด้วยความเร็วสูง หวงต้าหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ทั้งตัวมันและเจียงเฉินมีทั้งพลังทั้งความเร็ว ด้วยความเร็วเต็มที่ของพวกเขานั้น บางทีมีเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นปลายเท่านั้นที่จะไล่ตามพวกเขาทัน
ชายแก่ทั้งสามที่อยู่ด้านหลังได้ยินคำพูดของหวงต้าอย่างชัดเจน พวกมันแทบกระอักเืออกมา พวกมันทั้งหมดเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง แต่เ้าหมานั่นบอกว่าพวกมันอืดอาด นี่เป็สิ่งที่เกินจะรับได้จริงๆ
"ท่านผู้าุโหลิว เ้าหมานั่นน่ารังเกียจจริงๆ!"
ชายแก่คนหนึ่งขบฟันและพูดออกมา
"ข้าจักถลกหนังเ้าหมานั่นทั้งเป็ และข้าจักย่างมันเป็เนื้อย่าง!"
ผู้าุโแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้ขบฟันด้วยความโกรธ นามของมันคือ หลิวหง และมันเป็หนึ่งในผู้าุโระดับสูงของนิกายชิงิ สถานะของมันในนิกายชิงิคล้ายคลึงกับตำแหน่งของเฝินจงถังแห่งนิกายเซวียนอี้
"เ้าสัตว์ประหลาดนี่มันมาจากไหนกัน!มันสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นได้ด้วยระดับการบ่มเพาะแก่นแท้์ขั้นกลาง นี่มันหาได้ยากมาก!"
"แล้วพวกมันรวดเร็วมาก กระทั่งพวกเราไม่อาจไล่ตามพวกมันทัน!"
ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นทั้งคู่ต่างมองกันและกันด้วยท่าทีใ
"ข้าไม่สนว่ามันเป็ใคร ข้าจักต้องฆ่ามันให้ได้วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!ชื่อเสียงของนิกายชิงิจักต้องไม่ถูกคนนอกท้าทาย!ดาบของข้า จงออกมา!"
หลิวหงะโออกมาดังก้อง ดาบยุทธภัณฑ์สีทองได้ปรากฎในทันที และภายใต้การควบคุมของมัน ขนาดของดาบได้ขยายตัวกลายเป็ยาวสามเมตร ทั้งสามได้อยู่ชิดกับดาบและเริ่มถ่ายพลังหยวนลงไป ทันใดนั้น ด้วยการใช้ดาบความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่นานหลังจากนั้นความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
"ท่านย่าทวดมันเถอะ!เ้าพวกแก่โง่พวกนั้นมีวิชาดีจริงๆ เ้าหนู เร่งความเร็วทิ้งห่างพวกมันเลย!"
ทันใดนั้นปีกแสงคู่หนึ่งได้ปรากฎขึ้นบนหลังของหวงต้า และความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอีกเป็เท่าตัว อีกด้านหนึ่งปีกโลหิตได้ปรากฎขึ้นบนหลังของเจียงเฉินเช่นกัน และใช้ผสานกับทักษะเคลื่อนย้ายมิติความเร็วของเจียงเฉินได้เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับหวงต้าอีกครั้งหนึ่ง ระยะห่างระหว่างพวกเขากับชายแก่ทั้งสามเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"มารดามันเถอะ ไล่ตามมันเร็วๆสิโว้ย!"
หลิวหงกราดเกรี้ยวนัก มันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไล่ตามพวกเขา
"ท่านย่าทวดเถอะ ข้าอยากหยุดไปสู้กับเ้าแก่สารเลวนั่นซะเดี๋ยวนี้"
หวงต้าพูดขณะที่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่มันรู้ว่าความแข็งแกร่งของมันและเจียงเฉินในตอนนี้ ยังไม่อาจเอาชนะผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้ ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้มีตัวเลือกเดียวสำหรับพวกเขาคือหลบหนี
"ฮึ่ม!ไม่ต้องเป็ห่วง ภายหลังยังมีเวลาอยู่ ตอนนี้ทิ้งห่างพวกมันก่อน"
เจียงเฉินแค่นเสียงเ็า
"คิดจะสลัดพวกมันไม่ใช่เื่ง่าย เ้าแก่โง่พวกนั้นมันล็อคพลังปราณพวกเราไว้"
หวงต้าพูดขึ้น
"เข้าไปยังเขตที่สามกันเถอะ ข้าแน่ใจว่าพวกมันไม่มีความกล้าที่จะตามพวกเราไปเมื่อมันเป็เขตของหมูป่าหนามอัคคี"
เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
"อย่าบอกนะว่าเ้าจะไปค้นหาหมูป่าหนามอัคคีในตอนนี้ นี่ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย"
หวงต้าพูดด้วยท่าทีหดหู่
"พวกเราสามารถใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบหมูป่าหนามอัคคี จากนั้นพวกเราจักหาหนทางรับมือมัน"
ดวงของเจียงเฉินเปล่งประกาย หากจะจัดการหมูป่าหนามอัคคี พวกเขาไม่อาจใช้แต่กำลังได้ พวกเขาจำต้องใช้กลยุทธ์ในการรับมือมัน แต่เมื่อพวกเขาได้มายังเขาสายหมอกและโดนนิกายชิงิไล่ล่า เจียงเฉินใช้โอกาสนี้ในการเข้าไปยังเขตที่สามเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของหมูป่าหนามอัคคี
พวกเขาทั้งหมดได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างมาก ไม่นานพวกเขาได้มาถึงชายแดนไปสู่เขตที่สาม เจียงเฉินสามารถััได้ชัดเจนว่าพลังหยวนฟ้าดินของที่นี่อุดมสมบูรณ์มากกว่าที่อื่นๆ หมอกในอากาศบริเวณนี้หนาแน่นมาก
โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เจียงเฉินและหวงต้าได้มุ่งตรงเข้าไปยังอาณาเขตที่สาม
เื้ัพวกเขา หลิวหงและชายแก่อีกสองคนได้มาถึงชายแดน และหยุดลง
"เ้าเด็กนั่นมันเข้าไปยังเขตที่สามแล้ว พวกเราจะทำเช่นไร?"
ชายแก่ผู้หนึ่งถาม
"พวกเรามีข้อตกลงกับหมูป่าหนามอัคคี จะไม่มีผู้ใดจากนิกายชิงิเหยียบย่างเข้าไปในเขตที่สาม การยั่วโมโหหมูป่าหนามอัคคีไม่ใช่เื่ตลก และเ้านั่นไม่รู้ถึงความอันตรายของมันแล้วเข้าไปยังเขตที่สาม เมื่อมันยั่วยุหมูป่าหนามอัคคี มันจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย"
หลิวหงยิ้มแสยะ
"ในเมื่อมันจะไปตายที่นั่น พวกเราควรกลับเลยไหม?"
ผู้าุโนิกายอีกคนหนึ่งถามขึ้น
"ไม่ พวกเราจะรออยู่ที่นี่ไม่ให้เ้าเด็กนั่นมีโอกาสออกมา การฝึกฝนของศิษย์นอกและศิษย์ในจะใช้เวลาทั้งหมดเจ็ดวัน หลังจากผ่านไปเจ็ดวัน พวกเราจะกลับไปพร้อมกับพวกเขา และหากว่าเ้าเด็กนี่ไม่ออกมาถึงตอนนั้นจะหมายความว่ามันโดนหมูป่าหนามอัคคีฆ่าไปแล้วและไม่ออกมาอีก ไม่มีผู้ใดอยู่ในเขตที่สามโดยไม่เป็อันตรายกว่าเจ็ดวันได้"
หลิวหงพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
"เข้าใจแล้ว อย่างไรเ้าเด็กนั่นก็ต้องตาย แต่มันทำให้นิกายชิงิของพวกเราต้องพบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง นี่มันน่ารังเกียจจริงๆ"
ความโกรธบนใบหน้าชายแก่อีกคนหนึ่งยากที่จะเลือนหาย
"พวกเ้าจงแจ้งเหล่าศิษย์ บอกพวกเขาให้ปิดทางออกทั้งหมด ให้พวกเขาส่งสัญญาณมาทันทีเมื่อพบเห็นเด็กหนุ่มและเ้าหมาเหลือง ตอนนี้พวกมันเป็ปลาในหนองน้ำ เมื่อต้องเผชิญกับหมูป่าหนามอัคคี ข้าอยากจะเห็นว่าพวกมันจะรับมือกันอย่างไร?"
ใบหน้าของหลิวหงเผยท่าทีเหี้ยมโหด มันได้วางกับดักไว้เพื่อสังหารเจียงเฉิน
"ได้ พวกข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
ชายแก่ทั้งสองออกไปหลังจากพูดจบ
ในเวลาเดียวกันที่เจียงเฉินและหวงต้าได้เข้าไปยังเขตที่สาม ได้ลงมาจากฟ้าและซ่อนพลังและลมหายใจทั้งหมดไว้ แล้วพวกเขาค่อยๆเดินลึกเข้าไปยังพื้นที่นั่น
"หวงต้า เ้าอย่าลืมเก็บลมหายใจและพลังด้วย อย่าได้ต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรตลอดทาง พวกเราจักต้องหลีกเลี่ยงการต่อสู้ทั้งหมดจนกว่าพวกเราจะพบรังของหมูป่าหนามอัคคีและตรวจสอบสถานการณ์"
เจียงเฉินเตือน
"ข้าเข้าใจแล้ว"
หวงต้าลดเสียงของมันลง แต่ใบหน้ามันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หวงต้าไม่อาจอดกลั้นความตื่นเต้นเมื่อทำเื่ใหญ่เช่นนี้ได้
การเดินของพวกเขาไม่ได้ช้า และไม่นานพวกเขาได้มาถึงใจกลางของเขตที่สาม ระหว่างที่พวกเขาซ่อนพลังและลมหายใจอยู่ พวกเขาไม่ได้พบสัตว์อสูรตลอดทาง นอกจากนั้นมีสัตว์อสูรไม่มากที่อาศัยอยู่ที่เขตที่สาม ด้วยาาของหุบเขาสายหมอก หมูป่าหนามอัคคีได้พำนักอยู่ที่นี่ มีสัตว์อสูรไม่มากนักที่หาญกล้าอยู่ใกล้ๆเขตที่สาม
ตลอดทาง เจียงเฉินเห็นพืชพรรณและดอกไม้แปลกๆเป็จำนวนมาก มีกระทั่งสมุนไพรหายากบางชนิด เขาได้เก็บพวกมันไว้ในแหวนมิติอย่างสบายใจ
"หุบเขาสายหมอกเป็ขุมทรัพย์โดยแท้ ไม่แปลกใจเลยที่นิกายชิงิไม่อยากยกพื้นที่ให้แก่ผู้ใด และกระทั่งสร้างข้อตกลงกับหมูป่าหนามอัคคี หวงต้าเ้าใช้ความสามารถเฉพาะและลองค้นหาสมบัติใดๆที่อยู่แถวๆนี้ดูสิ"
เจียงเฉินพูดขณะที่มองไปยังหวงต้า
หวงต้ามองไปยังเจียงเฉินที่อับจนหนทาง หากว่ามีสมบัติอยู่ใกล้ๆนี่ หวงต้าจักต้องััมันได้ในทันที
ขณะที่เดินอยู่ในหุบเขาแคบๆ ดวงตาของเจียงเฉินลุกวาว เขามองไปยังรอยแตกที่ไม่ห่างจากนี้ มันมีกล้วยไม้สีม่วงเปล่งแสงอยู่ ภายใต้การสะท้อนแสงตะวัน มันเรืองแสงสีม่วง
"กล้วยไม้อิงม่วง ฮ่าฮ่า ข้าไม่เคยคาดว่ากล้วยไม้อิงม่วงจักอยู่ในที่แห่งนี้!นี่เป็วันแห่งโชคอะไรเช่นนี้!"
เจียงเฉินตื่นเต้น แม้นว่าดอกไม้สีม่วงนี่จะมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ มันบานออกมาเก้ากลีบและมีรากหนาแน่น มันอยู่ในขั้นโตเต็มวัยแล้ว
"กล้วยไม้อิงม่วงเป็หนึ่งในส่วนผสมหลักของโอสถหกสุริยะ!ข้าไม่อาจหามันได้ในนิกายเซวียนอี้และข้าไม่เคยคาดว่าจะพบมันที่นี่"
ไม่มีการพูดให้มากความ เจียงเฉินเก็บดอกไม้นี่ทันที ในความทรงจำของเขา ในการที่จะปรุงโอสถหกสุริยะจำเป็ต้องใช้ส่วนผสมทั้งหมดสี่สิบเก้าชนิด กั๋วฉานมีพวกมันครบยกเว้นกล้วยไม้อิงม่วง
"ฮึ!ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเ้าบ้านี่จะโชคดีอย่างนี้!"
หวงต้าแค่นเสียงใส่เจียงเฉิน
"เงียบเลยไป นี่มันวันแห่งโชคของข้า หมาอย่างเ้าไม่เข้าใจหรอก"
เจียงเฉินตบหัวหวงต้า ทำให้เกิดเสียงเหมือนเหล็กกระทบกัน
"โฮ่ง แง่ง แฮ่!!บิดาไม่ใช่หมา!"
หวงต้าแยกเขี้ยวขู่
"เ้าหมาเวร ลดเสียงลงหน่อย เดี๋ยวหมูป่าหนามอัคคีมันก็รู้ตัวกันพอดี บัดซบ!"
เจียงเฉินถลึงตาใส่หวงต้า พวกเขาอยู่ส่วนที่ลึกสุดของเขตสาม และพวกเขาจักต้องกระทำอย่างระมัดระวังอย่าทำให้หมูป่าหนามอัคคีรู้สึกตัว
หนึ่งคนและหนึ่งหมาเดินทางต่อ ทันใดนั้น เสียงคำรามอย่างดุร้ายออกมาไม่ไกลจากพวกเขา
อิ๊ดดดดด!!!
เสียงคำรามดังกึกก้องและทุ้มต่ำ และมันดูทรงพลังดั่งาาของเหล่าสรรพสัตว์ ด้วยการคำรามของมัน มันสามารถทำให้เหล่าสัตว์อสูรในเขาลูกนี้ยอมศิโรราบต่อมัน
"มันคือหมูป่าหนามอัคคี"
เจียงเฉินและหวงต้าอุทานออกมา
"เสียงคำรามนั่นดังมาจากด้านหน้าของพวกเรา จากฟังเพียงแค่เสียงเพียงอย่างเดียวข้าสามารถบอกได้ว่าความน่ากลัวของหมูป่าหนามอัคคีเป็เช่นไร ไปดูให้มากกว่านี้เถอะและตรวจสอบมันด้วย อย่าได้ทำให้เกิดเสียงออกมาล่ะ"
เจียงเฉินกล่าว
ตรงหน้าพวกเขาเป็เนินเขาเล็กๆ และเสียงคำรามของหมูป่าหนามอัคคีมาจากที่นั่น เจียงเฉินและหวงต้าปีนขึ้นกลางเนินเขาอย่างระวังตัวโดยไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย จากนั้นพวกเขาโผล่หัวขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กำลังนอนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขานัก
ใจกลางของเนินเขา มันมีพื้นที่ราบและมีสนามขนาดเล็กอยู่ ด้านหลังมันมีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ตอนนี้สัตว์อสูรตัวใหญ่กำลังนอนอยู่กลางสนามหญ้า
สัตว์อสูรตัวนั้นตัวสูงราวสองจ้างขณะที่มันกำลังนอนอยู่บนพื้น ทั้งร่างของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีทอง และภายใต้การส่องมาของแสงตะวัน มันได้สะท้อนแสงระยิบระยับ
นี่คือหมูป่าหนามอัคคี มันมีใบหน้าอัปลักษณ์และคมเขี้ยวอันแหลมคม ในตอนนี้หมูป่าหนามอัคคีกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นดวงตาทั้งสองของมันปิดอยู่ มันดูเหมือนว่ากำลังอาบแดดอย่างสบายใจ
แต่เจียงเฉินรู้ว่าเ้าหมูป่าหนามอัคคีนี้กำลังอยู่ในระหว่างการบ่มเพาะ มันกำลังดูดซับพลังหยางบริสุทธิ์ที่มาจากดวงอาทิตย์ นี่เป็ความสามารถเฉพาะตัวของหมูป่าหนามอัคคี
สัตว์อสูรทั่วไปสามารถที่จะจำแลงกายกลายเป็มนุษย์ได้เมื่อพวกมันทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์ แต่มันเป็การยากกว่าสำหรับสัตว์ที่อยู่เหนือค่าเฉลี่ย เฉกเช่นหมูป่าหนามอัคคี ระดับการบ่มเพาะของมันอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง แต่มันไม่อาจจะจำแลงกายให้เป็มนุษย์ได้ มันอาจจะต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจิติญญายุทธหรืออาจจะต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชันย์ปีศาจก่อนถึงสามารถจำแลงกายได้
สำหรับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างหวงต้า การจำแลงกายของมันยากเย็นยิ่งกว่า มันอาจต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตนักบุญปีศาจหรือเทียบเท่ากับขอบเขตนักบุญของมนุษย์
หมูป่าหนามอัคคีอยู่ในระหว่างบ่มเพาะ และมันไม่รู้ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสองกำลังมองมันอยู่ในระยะประชิด ในตอนนั้นเองหากมันค้นหาทั่วพื้นที่ด้วยััเทวะ มันจะพบเจียงเฉินและหวงต้าทันที อย่างไรก็ตามหมูป่าหนามอัคคีไม่เคยคาดว่าจะมีผู้หาญกล้าบุกรุกเข้ามายังส่วนที่สามและเข้ามาใกล้มัน
