ผลิตภัณฑ์ตราสารหนี้โดยรัฐบาล?
พันธบัตรรัฐบาลสินะ!
ผู้จัดการอู่ โอ๊ะ หรือต้องบอกว่าผู้จัดการใหญ่อู่ เขาไม่ใช่คนที่เทิดทูนเงินหลักแสนนั่น
อย่างไรเสียก็เป็ถึงธนาคารสาขาย่อยแห่งหนึ่งของเขตไห่เตี้ยน จะเจอการทำธุรกรรมฝากถอนเงินน้อยเชียวหรือ? บางหน่วยงานเมื่อถึงเวลาจ่ายเงินเดือน นั่นคือการถอนเงินหลักล้านเสียด้วยซ้ำ
สิ่งที่แตกต่างกันคือนั่นเป็เงินสาธารณะ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้เป็ของส่วนบุคคล!
ผู้จัดการใหญ่อู่ไม่ได้ล้อเล่น เขาแทบบ้าตายเพราะภารกิจขายพันธบัตรรัฐบาลแล้วจริงๆ เบื้องบนแบ่งสรรหน้าที่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา พนักงานของหน่วยงานทุกคนต้องซื้อ หลายคนล้วนรู้สึกไม่ยินดี ในฝั่งของธนาคารนั้นน่าเวทนายิ่งกว่า นอกจากบุคคลภายในต้องยอมซื้อพันธบัตรรัฐบาลนี้แล้ว ยังต้องรับผิดชอบแนะนำให้ผู้ฝากเงินซื้ออีกด้วย
พอได้ยินว่าอีกหลายปีถึงจะสามารถแลกคืนได้ ผู้ฝากเงินทั้งหลายก็หันหลังหนีกันหมด ถ้ามีเงินจำนวนเท่านี้ ฝากประจำจะดีขนาดไหนกัน!
ดอกเบี้ยสูง อีกทั้งปลอดภัย จะซื้อพันธบัตรรัฐบาลไปทำไม
ผู้จัดการใหญ่อู่รู้สึกวิตกกังวลจนนอนไม่หลับ เมื่อสามารถจับลูกค้ารายใหญ่คนไหนได้ เขาก็จะเสนอขายสุดชีวิต
ภารกิจเหล่านี้ไม่อาจขอให้พนักงานธนาคารซื้อไว้เองทั้งหมดได้ เงินเดือนของทุกคนล้วนต้องเก็บไว้สำหรับดำเนินชีวิต พวกเขาไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีเงินนี่นา เพิ่งซื้อหนังสือมูลค่า 15000 หยวนเสียด้วย ผู้จัดการใหญ่อู่ฟังอยู่ข้างๆ จนเข้าใจแจ่มแจ้ง นี่ไม่ใช่การจัดซื้อหนังสือแทนโรงเรียน นี่คือการบริจาคหนังสือให้โรงเรียนมัธยมปลายประจำเขตแห่งหนึ่ง บริจาคหนังสือนี่น่ะ แค่ค้นหนังสือเก่าสองสามเล่มจากในบ้านออกมาก็ถือว่าเอื้อเฟื้อมากแล้ว ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคนนี้กลับซื้อหนังสือทีเดียว 15000 หยวน ผู้จัดการใหญ่อู่ไม่เข้าใจความคิดของคนมีอันจะกินจริงๆ
มีหนึ่งอย่างที่ผู้จัดการใหญ่อู่รู้ หากพลาดคนมีอันจะกินที่อายุน้อยและใจกว้างตรงหน้ารายนี้ไป การจะจับคนซื่อบื้อเื่เงินแสนและมีความใจบุญสักคนอีกครั้งมันยากยิ่งนัก
พอเซี่ยเสี่ยวหลานถูกผู้จัดการใหญ่อู่เตือน ถึงนึกออกว่าปัจจุบันยังมีพันธบัตรรัฐบาลที่สามารถซื้อขายเก็งกำไรได้ แต่การซื้อพันธบัตรรัฐบาลในปี 84 ดูเหมือนจะเร็วไปหน่อย แน่นอนว่าซื้อในราคาปกตินั้นไม่คุ้มค่า เธอจำได้ว่าต้องรอเข้าสู่ปี 88 รัฐถึงจะเปิดเสรีการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐบาลย่อมสร้างกำไรแน่นอน ในวงการนี้ บุคคลผู้เป็ตำนานของตลาดหุ้นอย่าง ‘หยางเงินล้าน [1]’ ได้ถือกำเนิดขึ้น
แต่การทำกำไรไม่ใช่ในตอนนี้ และไม่ใช่การซื้อด้วยราคาปกติ
ให้เธอซื้อพันธบัตรรัฐบาลมูลค่าร่วมแสนและรอการขึ้นราคาในอีก 4 ปีข้างหน้า?
บ้าไปแล้วหรือเปล่า เก็บเงินหลักแสนนี่ไว้ในมือ ทำการค้าขายเก็งกำไรไม่กี่หน พอถึงตอนปี 88 เธอก็เหนือกว่าหยางเงินล้านโขแล้ว
แต่ผู้จัดการใหญ่อู่มีไมตรีเหลือเกิน
ทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก
สุดท้ายเซี่ยเสี่ยวหลานก็ซื้อพันธบัตรรัฐบาล 3000 หยวนก่อนก้าวออกจากธนาคารสาขา
เธอถือว่าเป็การสนับสนุนการสร้างชาติจริงๆ เพราะเงิน 3000 หยวนนี้ไม่มีทางเห็นกำไรได้ภายในเวลาระยะสั้น ผู้จัดการใหญ่อู่ััหัวใจดวงน้อยของตนเอง ดวงตาส่องประกายแวววาว ขายออกไปได้ 3000 หยวนก็ดีมากทีเดียว เพราะเป้าหมายขั้นต่ำที่สุดในตอนแรกของเขาคือ 1000 หยวนเท่านั้น
หากต่ำกว่า 1000 หยวนไม่จำเป็ต้องให้ผู้จัดการใหญ่อู่ลงสนาม นั่นเป็ภารกิจที่มอบหมายให้พนักงาน
หลังจากผู้จัดการใหญ่อู่เสร็จสิ้นภารกิจขายพันธบัตรรัฐบาล 3000 หยวนได้ในคราวเดียว เขาก็รู้สึกสดชื่นเบิกบานเหลือเกิน พนักงานที่ต้อนรับเซี่ยเสี่ยวหลานก่อนหน้านี้จึงมีท่าทางน่าสงสารยิ่งกว่าเดิม
“เสียวหม่า คนเราต้องหัวไวหน่อย!”
เสียวหม่ารู้สึกอยากร้องไห้
เขาพูดพร่ำมากมายขนาดนั้นไปเพื่ออะไร ไม่น่ายุ่มย่ามว่าคนอื่นเขาจะถอนเงินเท่าไรเลย หลอกง่ายเสียขนาดนี้ ถ้าเขาสามารถขายพันธบัตรรัฐบาล 3000 หยวนออกไปได้บ้าง นั่นนับว่าเขาบรรลุเป้าหมายภารกิจของหลายเดือนแล้ว!
เซี่ยเสี่ยวหลานสนใจสภาวะอารมณ์ของผู้จัดการใหญ่อู่กับพนักงานหม่าที่ไหนเล่า
เธอไปธนาคารมาหนึ่งหน จัดการธุระเื่การบริจาคหนังสือเรียบร้อย เงินในใบสั่งโอนก็ถอนแล้ว โดยฝากไว้กับบัญชีของธนาคารสาขาย่อยในรูปแบบกระแสรายวันชั่วคราว วันนี้เงิน 3000 หยวนนั้นสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้สูญเปล่า เธอนึกช่องทางที่สามารถหาเงินได้ออกอีกแล้ว
พอเซี่ยเสี่ยวหลานกลับถึงห้องพักก็นำสมุดบันทึกออกมาจด ‘พันธบัตรรัฐบาล’ ลงไป
หลังครุ่นคิดดูแล้ว เธอระบุหมายเลข ‘88’ ไว้ด้านหลัง
เธอไม่แน่ใจว่ารัฐจะเปิดให้ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลเสรีในเดือนไหนของปี 1988 หาก้าซื้อในราคาต่ำขายในราคาสูงและอาศัยสิ่งนี้ทำเงิน เธอควรเริ่มลงมือั้แ่ปลายปี 1987 แน่นอนว่าถึงเวลาเธออาจไม่ได้ไปซื้อขายเก็งกำไรด้วยตนเอง แต่ในเมื่อมีโอกาสทางธุรกิจที่สร้างเงินนี้ เธอก็จะจดไว้อยู่ดี
สมองของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองลืม หลายๆ เื่เธอจะใช้วิธีซึ่งมีเพียงตัวเธอเท่านั้นที่อ่านเข้าใจในการจดบันทึก ความจำดีย่อมสู้หมึกปากกาที่เลือนรางไม่ได้ หลังเกิดใหม่ผู้คนและเื่ราวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เติมเต็มชีวิตของเธอ ส่วนเื่กระจุกกระจิกบางอย่างในชาติก่อนกำลังถูกลืมเลือนหาไป
ชีวิตปัจจุบันสมบูรณ์พูนสุขขนาดนี้ ใครจะรำลึกอดีตเสมอเล่า!
เซี่ยเสี่ยวหลานจึงจดเื่ราวสำคัญบางส่วนไว้ กระทั่งเื่พันธบัตรรัฐบาลนี้เธอยังลืมไปแล้วจริงๆ ด้วยซ้ำ
3000 หยวนทำให้เธอนึกถึงหนทางสร้างเงินทองอีกเส้นทางหนึ่ง และทำให้เธอเปิดประสบการณ์การได้พบกับเครือข่ายอันแข็งแกร่งของบุคลากรธนาคาร ก่อนหน้านี้เธออยากจะซื้อบ้านในปักกิ่งมาโดยตลอด พิจารณาท่าทีของตระกูลโจวในตอนนี้ เธอยิ่งไม่อยากขอความช่วยเหลือจากโจวเฉิงแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าเธอห่างเหินกับโจวเฉิง แต่เธอแค่ไม่อยากโดนคนตระกูลโจวเข้าใจผิด... ถ้าขอให้ผู้จัดการใหญ่อู่ช่วยเป็ตัวกลางได้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าก็น่าสนใจยิ่งนักที่ตนจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มอีก 3000 หยวน
ผู้จัดการใหญ่อู่คงรู้สึกยินดีปรีดามากสินะ?
เงินนี่คุ้มค่ากว่าจ่ายค่านายหน้าเสียอีก ค่านายหน้าหลังจากจ่ายออกไปก็เป็ของบริษัทตัวแทนหมดแล้ว ต่างจาก 3000 หยวนนี้ แม้เงินนี้จะถูกนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทว่ายังคงเป็ของเซี่ยเสี่ยวหลานดังเดิมไม่ใช่หรือ
ผู้บริหารธนาคารในปัจจุบันช่างสมถะน่ารักเหลือเกิน
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังคิดว่าตัวเธอควรซื้อบ้านแบบไหนดี
ถ้าได้ที่ดินมาสักแปลง ไม่จำเป็ต้องกว้างขวางนัก แน่นอนว่าเธอสามารถออกแบบและสร้างด้วยตนเองได้ เช่นนั้นจะยิ่งดีมาก
ใจเย็นก่อน ปริญญานิพนธ์เป็เื่ในอีกสามสี่ปีข้างหน้า ตอนนี้จะไปหาที่ดินจากหนแห่งใดกัน เป็ไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง!
----------------------------------------
ณ เผิงเฉิง
ทังหงเอินดูเทปบันทึกภาพซ้ำหลายครั้งหลายหน
เริ่มต้นยิ่งดูยิ่งเหมือน
ทว่าด้านหลังยิ่งดูกลับยิ่งไม่คุ้นเคย
ทังหงเอินถึงกับนอนไม่หลับเพราะเื่นี้ หลังจากนั้นโรคกระเพาะเรื้อรังก็กำเริบอีกครั้ง! เลขาเผิงร้อนรนจนธาตุไฟเข้าแทรก ส่วนสารถีเสี่ยวหวังปากน่าชังยิ่งนัก พูดว่าตอนนี้หลิวเฟินอยู่ในเผิงเฉิง
เลขาเผิงตำหนิเสี่ยวหวังไปหนึ่งยก “คนเขาไม่ใช่แม่บ้านของเ้านายเสียหน่อย!”
แม้คนทั่วไปจะอยากสานสัมพันธ์กับหัวหน้า แต่หลิวเฟินกลับไม่ใช่คนเช่นนั้น เลขาเผิงคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเ้าเล่ห์ แต่ภาพจำที่มีต่อหลิวเฟินตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ทังหงเอินป่วย หลิวเฟินก็ช่วยทำอาหารให้ ทว่าไม่เคยปรากกฎตัวต่อหน้าหัวหน้าเลย เลขาเผิงดูออก นี่คือหญิงชนบทผู้ซื่อสัตย์สุจริตคนหนึ่ง
ใครจะรู้ว่าทังหงเอินจะบังเอิญได้ยินเข้า และวานให้เสี่ยวหวังไปเชิญหลิวเฟินมา
“บอกว่าฉันมีคำถามเล็กน้อยอยากปรึกษาสหายหลิวเฟิน นายต้องสุภาพหน่อยนะ ถ้าคนเขาไม่มีเวลา หรือมีความไม่สะดวกใจอะไร นายก็อย่าบังคับเขานะ เข้าใจไหม?”
เสี่ยวหวังไม่เข้าใจ แต่เสี่ยวหวังรู้ที่จะฟังคำสั่งของเ้านาย
หลิวเฟินใกล้จะกลับซางตูแล้ว พอได้ยินว่านายกเทศมนตรีทังเชิญไปเธอพบ หลิวเฟินก็รู้สึกตระหนกขึ้นมาทันที
“นี่นายกทัง...”
หลิวหย่งไม่เข้าใจเช่นกัน ถ้าทังหงเอินมีคำถามจะปรึกษาเสี่ยวหลานหลานสาวของเขา หลิวหย่งย่อมสามารถเข้าใจได้ ก็เสี่ยวหลานฉลาดหลักแหลมนี่นา
แต่ปรึกษาอาเฟินน้องสาวของเขา?
จะถามอาเฟินว่าทำไร่ทำนาอย่างไรก็ไม่ได้หรือเปล่า!
คนทางเผิงเฉิงนี้ไม่ค่อยทำเกษตรกรรมสักเท่าไรด้วย อีกทั้งทุกวันนี้จิตใจของใครก็ไม่อยู่กับการพัฒนาเกษตรกรรมหรอก
อย่างไรก็ตามหลิวเฟินไม่สามารถปฏิเสธคำขอพบของผู้บริหารบ้านเมืองระดับสูงได้อยู่ดี เหตุผลหลักคือไม่มีความกล้านั่น ขนาดหัวหน้าหมู่บ้านเรียกเธอกลับไปประชุม เธอกล้าไม่ไปรึ? และตอนนี้ไม่ใช่หัวหน้าหมู่บ้านที่เรียกเธอ แต่เป็นายกเทศมนตรีน่ะสิ!
ทังหงเอินกลับอัธยาศัยดีมาก ขอบคุณหลิวเฟินอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือระหว่างที่เขาเจ็บป่วยคราวก่อน ทว่าคำถามที่ถามหลังจากนั้นทำให้หลิวเฟินรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย
“ผมทราบว่าคุณหย่ากับคุณพ่อของเสี่ยวหลานแล้ว ถ้าเสี่ยวหลานยินยอม คุณจะห้ามเธอจากการติดต่อกับพ่อของเธอหรือไม่?”
เชิงอรรถ
[1]杨百万 หยางเงินล้าน คือ หยางหวายติ้ง ได้รับสมญานามว่า ‘นักลงทุนคนแรกของจีน’ เดิมเป็พนักงานโรงงานโลหะเหล็กผสม มีชื่อเสียงจากการซื้อขายและเก็งกำไรตั๋วเงินคลังซึ่งไม่เป็ที่สนใจของตลาดจนร่ำรวยในปี 1988 หลังจากนั้นจึงกลายเป็นักลงทุนหลักทรัพย์รายใหญ่กลุ่มแรกของเซี่ยงไฮ้ และเป็บุคคลทรงอิทธิพลของตลาดหลักทรัพย์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้