เมืองชาง ลานที่พักรับรองฝั่งตะวันตก
เสว่อู๋เหินรู้สึกกลัดกลุ้มภายในใจ ในฐานะที่เป็ผู้นำคนรุ่นใหม่ของเขตปกครองเทพา ว่าที่หัวหน้าตระกูลเสว่รุ่นต่อไป นอกจากเื่การฝึกฝนพลังยุทธ์แล้ว ไม่น่าจะมีสิ่งใดที่ทำให้เขากลัดกลุ้มได้อีกแล้ว แต่ว่านางเด็กน้อยร่างเล็กบอบบางคนนั้นกลับทำให้เขากลัดกลุ้มรำคาญในสมองมาหลายเดือน
ตอนนั้นที่ถนนหนิวหลันดวงตาหยินหยางของเขามองเห็นความพิเศษของสาวน้อยคนนี้
มนุษย์อาศัยอยู่ทวีปนี้มานับหมื่นปี ใน่ระยะเวลาเหล่านี้ปรากฏผู้ที่มีคุณสมบัติทางร่างกายที่โดดเด่นที่สุดออกมาสองประเภท ประเภทแรกคือร่างกายฟ้าดิน ร่างฟ้าดินมีััใกล้ชิดกับธรรมชาติมาแต่กำเนิด สามารถเข้าใจกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินได้ง่ายกว่าคนทั่วๆ ไป ขอแค่เพียงพร์ไม่ด้อยจนเกินไป ตั้งใจฝึกฝนให้ดีอนาคตภายภาคหน้าจักต้องเป็ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทวีปอย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าไม่นับอุปสรรคและขวากหนามที่ต้องเจอตลอดการฝึกฝน
ต้องเข้าใจว่าผู้ที่ฝึกยุทธ์ใน่แรกๆ อาศัยเพียงความมุมานะพยายามก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบ นอกจากความมุมานะพยายามในการฝึกฝนแล้วยังต้องเข้าใจในกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินให้ได้ด้วย มีเพียงแค่การเข้าสู่มรรคาของกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินเท่านั้นถึงจะก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิได้ ผู้ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบในทวีปนี้มีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดินั้นมีน้อยมาก ดังนั้นผู้ที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิทุกคนจึงเป็บุคคลผู้เป็เสาหลักของตระกูล เป็บุคคลที่มีตำแหน่งในระดับสูง
ร่างฟ้าดิน ััใกล้ชิดกับธรรมชาติมาแต่กำเนิด สามารถเข้าใจกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินได้ง่ายกว่าคนทั่วๆ ไป ดังนั้นหากปรากฏผู้ที่มีร่างฟ้าดินขึ้นมาในทวีป อย่างต่ำสุดคนผู้นั้นสามารถฝึกฝนถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ หรืออาจจะถึงระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เฉียดใกล้กับความเป็เทพ
ส่วนคุณสมบัติทางร่างกายที่โดดเด่นอีกประเภทคือ ร่างกายหยกิญญา ในบันทึกประวัติศาสตร์ของทวีปร่างหยกิญญาปรากฏออกมาห้าครั้งและล้วนเป็ผู้หญิงทั้งหมด หากนับรวมเย่ชิงอวี่เข้าไปก็เป็หกครั้ง ห้าคนก่อนที่ปรากฏร่างหยกิญญาพลังฝีมือของพวกนางล้วนไม่สูงมากนัก ที่มีระดับพลังฝีมือสูงที่สุดก็เพียงแค่ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์เท่านั้น แต่ว่าสามีของพวกนางทั้งห้าคนกลับมีอยู่สี่คนที่ต่อมาพลังฝีมือล้วนบรรลุถึงระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุค
ร่างหยกิญญาแท้จริงแล้วมีอะไรที่พิเศษแตกต่างตรงไหนนั้นไม่มีใครอธิบายได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบว่าร่างหยกิญญาคืออะไร พอดีกับตระกูลเสว่ที่เส่วอู๋เหินอยู่นั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับเื่นี้อยู่
ร่างหยกิญญาทำไมถึงช่วยให้ผู้ฝึกยุทธ์บรรลุถึงระดับสูงสุดได้นั้นเสว่อู๋เหินเองก็ไม่ทราบ เพียงแต่เขาได้ยินมาว่ามีตำนานเล่าไว้ ภายในร่างหยกิญญามีพลังที่แข็งแกร่งอยู่กลุ่มหนึ่ง พลังกลุ่มนี้จะถูกถ่ายทอดมาสู่ชายผู้เป็ที่รักของนางขณะที่ทั้งสองร่วมรักกันโดยผ่านการ “เซ่นสังเวย” ทำให้ชายผู้เป็ที่รักฝึกฝนพลังฝีมือให้บรรลุถึงระดับสูงสุดได้
ตำนานอาจเป็เื่ที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่ข้อมูลที่มีภายในตระกูลของเขานั้นยืนยันว่าจริงแท้แน่นอน ขอเพียงผู้ฝึกยุทธ์มีพลังฝีมือถึงระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตจ้าวนักรบ จากนั้นร่วมรักกับผู้ที่มีร่างหยกิญญา มีโอกาสสูงถึงเก้าส่วนที่จะเลื่อนขึ้นสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ เมื่อเลื่อนขึ้นสู่ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิแล้วระดับความเร็วในการฝึกฝนก็จะรุดหน้าไปได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ หากพร์ไม่ด้อยจนเกินไปการจะเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็เื่ที่เกิดขึ้นได้แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นเสว่อู๋เหินจึงยินยอมที่จะพักอยู่ที่เมืองชางเป็เวลาหลายเดือนอย่างอดทน...เพราะเย่ชิงอวี่ เขาจำเป็จะต้องได้ตัวนางมา
เพียงแต่ว่า ขั้นตอนในการได้มายุ่งยากนิดหน่อยเท่านั้นเอง ที่นี่ไม่ใช่เมืองเพียวเสว่ของตระกูลเสว่ ที่นี่คือบ้านตระกูลเย่ที่มีตาแก่ตายยากถึงสามคนที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ ตระกูลเย่และตระกูลเสว่ต่างเป็ห้าตระกูลใหญ่ของเขตปกครองเทพา อีกทั้งศึกประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิก็ใกล้เข้ามาทุกที ถ้าหากเกิดการต่อสู้ภายในกันเกิดขึ้น อย่าเพิ่งพูดถึงตระกูลอื่นๆ เลย เอาแค่เพียงคนในตระกูลเสว่ก็คงจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ป่าเถื่อนของเขาเช่นนี้
ทำในทางตรงไม่ได้ก็ต้องทำทางอ้อม ดังนั้นเขาจึงสั่งการให้ผู้เฒ่าม่อไปนำยาพลังปราณหิมะระดับสูงมายี่สิบกระปุก ยาพลังปราณหิมะนั้นดึงดูดเย่ชิงขวงและเย่หรงทำงานให้เขาอย่างสุดกำลัง แต่ว่าเื่ราวมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด ไม่คิดว่าเด็กสาวที่ตัวเล็กร่างกายบอบบางกลับมีจิตใจที่แกร่งกร้าวขนาดนี้ แม้ตายก็ไม่ยินยอมปฏิบัติตาม ถ้าหากเสว่อู๋เหินไม่ได้รู้ก่อนว่าการรับเอาพลังจากร่างหยกิญญาเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ่ระดับขั้นสูงสุดของขอบเขตจ้าวนักรบ เขาคงปีนผ่านรั้วต่ำๆ นั้นเข้าไปขืนใจนางตั้งนานแล้ว
ก็ได้! ในเมื่อทำทางตรงก็ไม่ได้ ทางอ้อมก็ไม่ได้ อย่างนั้นก็เหลือแค่ต้องทำจากข้างหลัง ทำจากข้างหลังเขาแบ่งแผนออกเป็สองทาง ทางแรกคือส่งองครักษ์ทั้งห้าคนของเขาไปเมืองหมัน เพียงแต่...เ้าพวกไม่ได้เื่พวกนี้ ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์คนหนึ่งกับระดับขอบเขตยอดยุทธ์อีกสี่คนไปจับตัวนายน้อยขยะที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับขอบเขตขั้นสูง กลับหายไปเป็เดือนไม่ส่งข่าวกลับมาแม้แต่น้อย...
อีกทางหนึ่ง เขาใช้เงินและของมีค่าติดสินบนคนในตระกูลเย่มากมายเพื่อให้มาพูดหว่านล้อมเย่ชิงอวี่ให้แต่งกับเขา โดยหว่านล้อมว่าหลังจากแต่งกับเสว่อู๋เหินแล้วชีวิตอนาคตข้างหน้าจะอยู่ดีมีสุขอย่างนั้นอย่างนี้ พี่ชายของตนเองจะได้รับโอกาสที่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ หว่านล้อมด้วยเงื่อนไขต่างๆ มากมาย อาจจะเป็เพราะถูกทำให้ใกลัวมาก่อนภายในใจจึงเกิดความตื่นตัวระมัดระวัง หรืออาจจะเป็เพราะภายในใจมีคนที่ชอบอยู่แล้ว...สรุปก็คือนางอะไรก็ไม่เอา จะรอเพียงให้พี่ชายกลับมา ไม่อย่างนั้นถึงตายก็ไม่แต่ง
ด้วยเหตุนี้ เสว่อู๋เหินจึงกลัดกลุ้มใจเป็อย่างมากไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
.................................
ลานที่พักด้านหลังของโรงเตี๊ยมด้านทิศใต้ภายในเมืองหมัน
ขนาดของลานที่พักค่อนข้างเล็กมีเพียงสองสามห้อง ตอนนี้เป็เวลาดึกสงัดประตูลานที่พักปิดสนิททำให้แสงของดวงดาวที่สาดส่องเข้ามาและสายลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิไม่สามารถลอดผ่านเข้ามาได้
ภายในห้องห้องหนึ่ง ไอหมอกลอยหนาทึบเต็มไปหมด ในห้องไม่มีการจัดวางสิ่งของที่พิเศษใดๆ จะมีก็แต่เพียงถังไม้ขนาดใหญ่ใบหนึ่งที่เห็นได้พอลางๆ ที่วางอยู่กลางห้อง น้ำภายในถังถูกเติมใส่จนเต็ม บนผิวน้ำมีกลีบกุหลาบสีแดงลอยอยู่เต็มไปหมด ท่ามกลางหมู่กลีบกุหลาบสีแดงเ่าั้ปรากฏร่างหญิงสาวนางหนึ่งที่มีผิวขาวราวกับหิมะ
“สองเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าเ้าเด็กตระกูลเย่ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า? เด็กน้อยเ้าตายไม่ได้นะ อาเจ้ชีวิตนี้ไม่เคยทำเื่ที่รู้สึกผิดบาปทางใจ เ้าจะมาทำให้ชีวิตที่เหลือของอาเจ้คนนี้ต้องทนทุกข์อยู่กับความรู้สึกนี้ไปจนตายไม่ได้นะ...”
อั้นเยว่เองก็มีความกลัดกลุ้มอยู่เล็กน้อยเช่นเดียวกัน เ้าเด็กตระกูลเย่ เ้าเด็กที่ดูอ่อนเยาว์แต่กลับมีแววตาที่มีเสน่ห์ลึกลับราวกับคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แม้ว่าจะพักอยู่ในโรงเตี๊ยมของตนเองเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ สิบกว่าวัน พูดคุยกับตนเองเพียงแค่ไม่กี่ประโยค แต่เสน่ห์ลึกลับเฉพาะตัวของเ้าเด็กหนุ่มคนนั้นกลับยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของอั้นเยว่โดยตลอด
เดิมทีแค่อยากจะหาเื่พูดคุยหยอกล้อกับเด็กหนุ่มเพียงเท่านั้น แต่กลับกลายเป็ว่าถูกเด็กหนุ่มหยอกล้อเข้าเสียเอง แถมยังเกิดสัญญาเดิมพันที่แปลกประหลาดอย่างคาดไม่ถึงขึ้นอีก สิ่งที่วางเดิมพันนางไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรมากนัก อั้นเยว่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนหลายปี หากนางไม่เต็มใจละก็ไม่มีใครสามารถได้นางไปเชยชมเลยสักคน เพียงแต่ว่า...เด็กหนุ่มคนนั้นบุ่มบ่ามเข้าไปยังเทือกเขารกร้าง ตอนนี้เป็ตายอย่างไรก็ไม่รู้ หลังจากนั้นนางยังได้ยินผู้คนพูดกันว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นายน้อยของตระกูลเย่อีกด้วย ตระกูลเย่มากล้นไปด้วยอำนาจบารมีนั้นไม่ต้องสงสัย แต่นางและขุมกำลังที่หนุนหลังอยู่ก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เพียงแต่...ถ้าหากเป็เพราะตนเองทำให้เ้าเด็กหนุ่มคนนั้นถูกมารอสูรฆ่าตายหรือถูกพวกผู้ล่าลอบสังหาร ในใจนางก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่ดี...
“ก๊อกๆๆ!”
เสียงเคาะประตูที่คุ้นหูพลันดังขึ้น! คิ้วเรียวงามของอั้นเยว่พลันขมวดขึ้นในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป “มีเื่อะไร?”
เสียงพูดอย่างเคารพนอบน้อมของชายแก่คนหนึ่งดังเข้ามาจากภายนอกประตู “เรียนนายหญิง เย่ชิงหานกลับมาแล้ว เด็กหนุ่มคนที่เดิมพันกับท่านไว้ ตอนนี้กำลังรอนายหญิงอยู่ที่ห้องโถง เขาบอกว่า...จะมาทำตามสัญญาที่ได้เดิมพันไว้!”
“อ้อ? คิกๆ! น่าสนใจ น่าสนใจ!” คิ้วที่ขมวดของนางพลันคลายออกในทันที เผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก แลดูสวยสดงดงามราวกับดอกไม้มรกต เสียงหัวเราะคิกๆ ทำเอาน้ำที่อยู่บริเวณทรวงอกสั่นกระเพื่อมเป็ระลอกคลื่นเล็กๆ หลายสาย ผ่านไปชั่วครู่นางจึงพูดขึ้น “พาเขามาหาข้าที่นี่ แล้วก็...ปิดล็อกประตูหลังด้วย”
.................................
เหมิ่งหลงก็กลัดกลุ้มไม่แพ้กัน แม้ชื่อของเขาจะฟังดูดุดันน่าเกรงขาม รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ระดับพลังปราณรบก็ถูกจัดอยู่ในอันดับแนวหน้าของเมืองหมัน แต่เขาที่ภายนอกดูดุดันน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับเหมือนแมวป่วยตัวหนึ่งนั่งหงอยดื่มเหล้าคนเดียวอย่างกลัดกลุ้มอยู่มุมโต๊ะภายในโรงเตี๊ยมของอั้นเยว่
ตอนนี้เป็เวลาดึกสงัด กระแสลมหนาวในฤดูใบไม้ผลินำพาไอเย็นลอดผ่านรูช่องหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบเชียบ อาจจะเป็เพราะฤทธิ์ของเหล้า หรืออาจจะเป็เพราะรูปร่างที่สูงใหญ่บึกบึนทำให้เหมิ่งหลงไม่ได้รู้สึกถึงความเหน็บหนาวแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกว่าอากาศที่นี่อบอ้าว ร่างกายร้อนขึ้นเรื่อยๆ จิตใจยิ่งหงุดหงิดกลัดกลุ้มมากขึ้นทุกที...
สาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเสี่ยวเอ้อพาเข้าไปยังลานที่พักด้านหลัง
สำหรับพวกชายโสดทั้งหลายที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมอั้นเยว่มาตลอด ลานที่พักด้านหลังคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในดวงใจเลยก็ว่าได้ นั่นก็เพราะที่แห่งนั้นคือสถานที่พักของเถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้หลงใหลผู้นั้น ทุกคนต่างปรารถนาที่จะเข้าไปภายในลานที่พักด้านหลังนั้นมาตลอด จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปเลยแม้สักคนเดียว แต่ทว่าเมื่อสักครู่เด็กหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตาได้เดินเข้าไปแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นทำเพียงแค่ร้องะโบอกชายแก่ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูว่า “พาข้าไปพบเถ้าแก่เนี้ยของเ้า ข้าจะมาทำตามคำสัญญาที่เคยเดิมพันไว้”
เดิมทีเหมิ่งหลงมองเด็กหนุ่มอย่างยิ้มเยาะ เขารู้ดีว่าเถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่ที่พราวเสน่ห์คนนี้มีพลังฝีมือและภูมิหลังเป็มาอย่างไร ขอแค่เพียงนางไม่เต็มใจในเมืองหมันแห่งนี้ไม่มีใครที่จะสามารถเหยียบย่างเท้าเข้าไปภายในลานที่พักด้านหลังได้อย่างเด็ดขาด แต่ชายแก่ที่เดินหายเข้าไปเพียงชั่วครู่แล้วกลับออกมาพยักหน้าให้เด็กหนุ่ม ทั้งสองคนจึงเดินหายกลับเข้าไปภายในอีกครั้ง
เดี๋ยวๆ! สัญญาเดิมพัน? เด็กหนุ่มคนนั้น! ใช่ ไม่ผิดแน่! ที่แท้ก็เป็เขา
เหมิ่งหลงเขย่าหัวสมองที่กำลังเลอะเลือนของตนให้ปลอดโปร่งกลับคืนมา เขานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อน นึกถึงฉากการวางเดิมพันสัญญาที่เหมือนเกมสนุกนั้น มิน่าทำไมถึงได้รู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาคุ้นๆ หลังจากทำความเข้าใจได้แจ่มแจ้ง เหมิ่งหลงก็ไม่ได้กลัดกลุ้มอีกต่อไป จากนั้นจึงยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกลงไปอีกครั้ง
เหมิ่งหลงทีแรกคิดไปว่าเด็กหนุ่มที่เข้าไปยังลานที่พักด้านหลังอาจจะเป็ลูกหลานของพวกตระกูลใหญ่หรือศิษย์ของสุดยอดฝีมือผู้สูงส่งบางท่าน ตอนนี้ได้รู้ว่าคือเด็กหนุ่มผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตขั้นสูงผู้นั้นเขาจึงวางใจได้ เพราะเขาทราบมาว่าเมื่อไม่นานมานี้พลังฝีมือของเถ้าแก่เนี้ยอั้นเยว่เพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว แม้มองดูแล้วรู้สึกว่าพลังฝีมือของเด็กหนุ่มจะมีการพัฒนาขึ้นไม่น้อยเช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรเดิมพันนี้เด็กหนุ่มต้องแพ้อย่างแน่นอน...
เหมิ่งหลงยังคงรออยู่ที่นี่ไม่ได้จากไป เขาจะรอดูเด็กหนุ่มถูกตีจนหน้าตาฟกช้ำดำเขียวถูกหามออกมา จากนั้นก็จะอยู่เป็เด็กทำความสะอาดภายในโรงเตี๊ยมตลอดระยะเวลาสามเดือนอย่างว่าง่าย
.................................
จะถูกตีจนหน้าฟกช้ำดำเขียวหรือเปล่านั้นเย่ชิงหานไม่รู้ เขารู้เพียงแต่ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้งดงามมากมายเพียงใด งดงามจนลานตา คนโบราณเคยกล่าวเอาไว้ว่า ผู้หญิงจะงดงามอยู่สองเวลาคือ เมื่อเพิ่งอาบน้ำเสร็จและตอนที่ถอดเสื้อผ้า สำหรับคำกล่าวนี้เย่ชิงหานในตอนนี้เห็นด้วยเป็อย่างมาก
สาวงามที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ขอเพียงตนเองสามารถเอาชนะเดิมพันนี้ได้ก็จะสามารถเชยชมภาพสาวงามถอดเสื้อผ้าที่น่าประทับใจนั้นได้ หากแม้นได้เชยชมทั้งสอง่เวลาที่งดงามที่สุดของหญิงสาวพร้อมๆ กัน เย่ชิงหานรู้สึกว่าคงจะน่าปลื้มปีติยินดีและมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
ประตูปิดลงอย่างสนิท สาวงามสวมชุดอาบน้ำไม่ได้ตกแต่งประทินผิวแต่อย่างใด สองแก้มแดงไปด้วยเืฝาด สายตาเย้ายวนน่าหลงใหล ริมฝีปากงดงามเพริศพริ้งชวนให้ลิ้มลอง อั้นเยว่ในตอนนี้ทั้งงดงามและเย้ายวนเป็อย่างมาก หลังจากที่นิ่งเงียบไปชั่วครู่ดวงตาของนางพลันทอประกายแสงออกมา เลียริมฝีปากพร้อมกับเช็ดมือไปมาเบาๆ แล้วพูดขึ้นด้วยอาการยิ้มอย่างขวยเขินว่า
“เ้าดูหน่อยสิว่า...ข้าต้องอาบอีกสักรอบหรือไม่?”