ั้แ่วันก่อนที่กินข้าวกระชากิญญามื้อนั้นไป หลายวันมานี้อ๋าวหรานก็กินข้าวอยู่แต่ที่ห้องของตัวเองตลอด ทำให้ชิงโย้วดีใจมาก ตอนกลางวันปกติแทบจะไม่ได้เจอกัน มีแต่ตอนกินข้าวนี่แหละที่จะได้พูดกันบ้างสองสามคำ แล้วยังวิ่งไปกินข้าวที่ห้องนายน้อยเป็ประจำอีก การที่วันนี้สามารถมากินข้าวด้วยกันได้เช่นนี้หาไม่ได้ง่ายเลยจริงๆ
่นี้ตระกูลจิ่งคึกคักมาก ไม่ว่าจะแม่นมสาวรับใช้ที่รับผิดชอบซื้อของ คนงานก่อสร้างเด็กรับใช้ แล้วยังมีตระกูลที่อยู่ใกล้ๆ กัน คนส่งเทียบเชิญก็กลับมาแล้ว ไปๆ มาๆ ก็ทำให้หมู่บ้านสกุลจิ่งที่ใหญ่โตนี้เสียงดังคึกคัก
อ๋าวหรานมุ่งตรงไปที่สวนสมุนไพรแต่เช้า หลายวันมานี้บรรดาเด็กน้อยทั้งหลายของตระกูลจิ่งยุ่งวุ่นวายอยู่กับการดูเื่สนุก คนที่ตั้งใจเรียนจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คน อ๋าวหรานจึงได้ครองพื้นที่แต่เพียงผู้เดียว
ยิ่งเข้าไปใกล้สวนสมุนไพรมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกเย็นสบาย ไม่มีใครเลยสักคน ได้ยินแต่เสียงใบไม้พัดเสียดสีกัน อ๋าวหรานเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลง “เป็สหายท่านใด ออกมาเจอกันสักหน่อยได้หรือไม่? ตามข้ามาหลายวันแล้ว”
รอบข้างเงียบสงัด อ๋าวหรานถอนหายใจ “หากไม่อยากเจอ เช่นนั้นก็ช่างเถิด”
พูดจบก็หมุนกายจากไป แต่กลับรู้สึกได้ถึงไอสังหารจากทางด้านหลัง อ๋าวหรานรีบก้มตัวโค้งเอว ทันใดนั้นกระบี่ก็พุ่งผ่านหลังเขาไปทำให้เส้นผมปลิวไสว ถูกตัดขาดไปหลายเส้นแล้วค่อยๆ ร่วงลงบนพื้น
อ๋าวหรานยังไม่ทันได้ตั้งตัว หลบกระบี่เสร็จแล้วก็รีบบังคับกำลังภายในให้ลงไปที่เท้า บินขึ้นหน้าไป เว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองถึงค่อยหันศีรษะกลับมา ส่วนกระบี่ที่สองของคนผู้นั้นก็พุ่งมาตรงหน้าเขาแล้ว เมื่ออ๋าวหรานออกจากห้องก็น้อยนักที่จะพกกระบี่ไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อไปสวนสมุนไพร เพราะไม่คิดว่าจะมีอันตรายอะไร ถึงแม้หลายวันมานี้จะรู้สึกได้ว่ามีคนคอยสะกดรอยตามเขาอยู่ แต่ก็คิดมาตลอดว่าคงเป็เ้าเด็กจิ่งเซิ้งนั่นเล่นพิเรนทร์จึงไม่ใส่ใจเท่าไรนัก นึกไม่ถึงว่าจะเป็ชายรูปร่างบึกบึนสวมชุดธรรมดาๆ และสวมหน้ากากที่ไม่โดดเด่นคนหนึ่ง แต่งเนื้อแต่งตัวเช่นนี้... บรรยากาศเช่นนี้...หากบอกว่าไม่ได้มาเอาชีวิตเขา เขาไม่มีทางเชื่ออย่างเด็ดขาด
ฝ่ายตรงข้ามมีกระบี่ อีกทั้งวรยุทธ์ยังไม่ธรรมดา ทุกกระบวนท่าล้วนโเี้ คาดว่าคงอยากจะปลิดชีพเขาตรงๆ ไม่คิดอ้อมค้อมแม้แต่น้อย อ๋าวหรานรับมืออย่างยากลำบาก ทั้งหลบทั้งเลี่ยง ตอนนี้ถูกฟันไปหลายแผลจนเืชุ่มโชกเสื้อผ้าไปหมดแล้ว
เขารู้ได้ทันทีเลยว่าคนผู้นี้เป็นักฆ่าที่ถูกฝึกมาเป็อย่างดี
คนผู้นั้นออกกระบวนท่าติดต่อกันหลายกระบวนท่า ถึงแม้จะทำให้อ๋าวหรานาเ็ได้ แต่ก็ไม่อาจปลิดชีพได้ในทันที และตอนนี้ก็ดูเหมือนเริ่มจะหมดความอดทนแล้วจึงออกกระบวนท่าโเี้มากขึ้น อ๋าวหรานไม่สามารถหลบได้อีกต่อไป ทำได้เพียงใช้ร่างกายรับการโจมตีโดยไม่ให้โดนจุดสำคัญ
“ท่าน...ช่างโอหังเสียจริง กลางวันแสกๆ...กลับกล้าฆ่าคนอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวอะไรเสียเลยนะ”
อ๋าวหรานหอบหายใจ พูดไปหลบไป
“ท่านเป็คนของตระกูลจิ่งสินะ”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป คนผู้นั้นก็ชะงัก
อ๋าวหรานคาดเดาว่าคนผู้นี้คงคิดจะปัดความรับผิดชอบนี้ไปให้พวกที่ฆ่าล้างตระกูลอ๋าวแน่
ในเมื่อเป็คนของตระกูลจิ่ง เช่นนั้นก็แน่นอนว่าน่าจะเกรงกลัวคนของตระกูลจิ่งไม่มากก็น้อย จะมีชีวิตรอดไปได้หรือไม่คงต้องอาศัยโชคแล้ว ในใจของอ๋าวหรานกำลังภาวนาให้มีคนผ่านมาสักคน
“ตระกูลจิ่ง...คนในตระกูลจิ่งที่มีความแค้นกับข้าก็ไม่...มีใครอื่นแล้ว ข้าเดาว่า...น่าจะเป็...”
อ๋าวหรานยังพูดไม่ทันจบ คนผู้นั้นก็เริ่มโกรธ พุ่งกระบี่ไปที่คอของอ๋าวหราน ท่าทางราวกับถือมีด ภายใต้พละกำลังอันมหาศาลนั้น กระบี่ก็พัดเอาลมบริเวณโดยรอบมาด้วยจนส่งเสียงดังหวีดหวิว อ๋าวหรานยิ้มขมขื่น แผนถ่วงเวลานี้คงใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว กลับยิ่งทำให้โกรธแทน วันนี้ต่อให้ไม่สิ้นชีพลงตรงนี้ก็อาจจะขาด้วนหรือแขนขาดก็เป็ได้ ไม่รู้ว่าจิ่งฝานจะช่วยต่อให้เขาได้หรือไม่
“คุณชายอ๋าว ท่านไปทำให้ใครโกรธเข้าอีกเล่า ข้าแค่อยากให้ท่านโขกศีรษะแค่ไม่กี่ที ท่านดูคนอื่น เขากะจะเอาชีวิตท่านเลยนะนั่น” จิ่งเซิ้งส่ายหัวพลางถอนหายใจไปพลาง “ตัวข้านี้เป็เช่นพระโพธิสัตว์ มีคุณธรรมอย่างยิ่ง”
อ๋าวหราน ‘เ้าลืมเื่ที่จะให้ตัดลิ้นด้วยไปแล้วหรือ?’
จิ่งเซิ้งไพล่มือไปด้านหลัง ะโเข้ามาทีละก้าว ยิ้มสว่างสดใสราวกับดอกไม้ก็ไม่ ปาน
ทันทีที่จิ่งเซิ้งเดินเข้ามา กระบี่ของคนผู้นั้นที่ชี้อยู่ตรงหน้าอ๋าวหรานก็ถูกเก็บไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันปลายเท้าก็เหยียบพื้น ส่งแรงถีบหนีเข้าไปทางต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น
แน่นอนว่าคนทั้งสองที่ยังอยู่ที่เดิมก็ไม่มีอารมณ์ไปไล่ตามเขา ทำได้เพียงยอมให้คนผู้นั้นหายลับไปในแมกไม้
สายตาของอ๋าวหรานเดี๋ยวขาวเดี๋ยวดำ ซวนเซไปมา สุดท้ายก็คุกเข่าลงบนพื้นครึ่งหนึ่ง
จิ่งเซิ้งเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า ส่ายศีรษะแล้วจึงถอนหายใจดัง “เฮ้อ เฮ้อ” ออกมาสองครั้ง “คุณชายอ๋าว เ้าก็มีวันนี้ด้วยหรือ เหตุใดจำเพาะต้องตกมาอยู่ในมือข้าด้วยนะ ฮ่าๆๆ”
เสียงหัวเราะแฝงแววถือดี เมื่ออยู่ในถนนสายเล็กๆ ที่เงียบสงบนี้จึงได้ยินชัดเจนกว่าปกติ ทำให้บรรดานกที่แอบอยู่ตามต้นไม้พุ่มไม้บินแตกรังขึ้นมาทันที
อ๋าวหรานอดรู้สึกอยากกุมขมับขึ้นมาไม่ได้ “เ้า...เลิกหัวเราะได้แล้ว มัน...บาดหูเกินไป”
จิ่งเซิ้งทนไม่ไหว มุมปากบิดเบี้ยว อดพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างโกรธเคืองไม่ได้ “ท่าทางเ้าเหมือนปล่อยให้คนมาเชือดได้สบายๆ แล้ว ยังโอหังเหลือเกินนะ”
พูดแล้วก็เหยียบไปบนไหล่ของอ๋าวหราน ซึ่งตรงนั้นอ๋าวหรานาเ็มากที่สุด จิ่งเซิ้งเหยียบแรงๆ อยู่สองที สีหน้าของอ๋าวหรานก็ถึงกับซีดสนิท
“คุณชายอ๋าว ถ้าไม่ใช่เพราะข้า ท่านคงตายแน่แล้ว รบกวนช่วยระมัดระวังกิริยาหน่อย! ข้า…” จิ่งเซิ้งเหยียบลงมาอีกทีสองสามที เมื่อเห็นสีหน้าทุกข์ทรมานของอ๋าวหราน ริมฝีปากบางๆ นั่นก็อดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ดวงตายาวรีหรี่ลงครึ่งหนึ่ง แล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปจับหน้าอ๋าวหรานเขย่าไปมาสองที “ตอนนี้เป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเ้า! ชีวิตสุนัขของเ้าถูกข้าช่วยเอาไว้ วันหน้าก็ต้องเป็ของข้า เข้าใจหรือไม่?”
อ๋าวหรานหัวเราะเสียงเย็นออกมาสองเสียง “จิ่งเซิ้ง เ้ารู้จักนักฆ่าผู้นั้นใช่หรือไม่?”
จิ่งเซิ้งได้ยินก็อึ้งไปทันที ริมฝีปากที่กำลังจะยกขึ้นชะงักค้างไปเสียเฉยๆ ทำให้รอยยิ้มที่เดิมดูเย้ายวนนี้กระอักกระอ่วนขึ้นอยู่หลายส่วน “จะ...จะเป็ไปได้อย่างไร ข้าไม่รู้จักสักหน่อย!”
“ถ้าเช่นนั้น...เหตุใดเ้าถึงเลิ่กลั่ก?”
“อา ข้าเลิ่กลั่กตอนไหนกัน!”
อ๋าวหรานส่ายศีรษะ ท่าทางเหมือนมองออกทะลุปรุโปร่ง “พอเถิด เลิกแสดงได้แล้ว ไม่มีความหมาย ข้ากับเ้าทั้งคู่ต่างก็รู้ดี”
จิ่งเซิ้งอ้าปากได้ไม่ทันไรก็ปิดลง พูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “เ้า! พูดไร้สาระ!”
“ทำไม? เป็ถึงคุณชายตระกูลจิ่ง กล้าทำแต่ไม่กล้ารับหรือ?” อ๋าวหรานยิ้มเย็นออกมาทีหนึ่ง หยุดคำของเขาที่เริ่มจะแก้ตัวอีกครั้ง “กลัวหรือ? คุณชายจิ่ง ท่านกลัวอะไร ตอนนี้ที่นี่มีข้าเพียงคนเดียว อย่างมากก็แค่ฆ่าคนปิดปาก ไม่มีใครรู้เห็นทั้งนั้น”
“ข้า...”
“เมื่อข้าตายแล้ว เราทั้งคู่ก็หายกัน”
“ไม่...”
“คุณชายจิ่ง ได้ใจมากเลยใช่หรือไม่” อ๋าวหรานยิ้มอย่างโเี้ ยิ่งรวมเข้ากับเืที่มุมปากก็ยิ่งทำให้ดูบ้าคลั่ง
“เ้า...หุบปาก! หุบปาก!” จิ่งเซิ้งถูกขัดจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยกเท้าลงจากไหล่ของอ๋าวหราน แล้วดึงคอเสื้อของอ๋าวหรานขึ้น ะโออกมาว่า “ข้ารู้จัก แต่ข้าไม่ได้เป็คนบงการ!”
อ๋าวหรานส่งเสียงดังเฮอะออกมา “อา! เ้าคิดว่าข้าโง่หรือ?”
จิ่งเซิ้งโกรธจนพ่นควันออกจากจมูก “เ้านั่นแหละที่โง่ หากข้าทำจริง ข้าจำเป็ต้องโผล่ออกมาหยุดไม่ให้เขาฆ่าเ้าหรือ?”
อ๋าวหรานยิ้มจืดชืด “คนที่มีความแค้นกับข้าที่ตระกูลจิ่งก็มีแค่เ้าคนเดียว แล้วบังเอิญคนคนนี้เ้าก็ยังรู้จักอีก หากเ้าบอกว่าเ้าไม่ได้เป็คนบงการ ถ้าเช่นนั้นยังมีใครอีก? หรือว่า...เ้าจงใจอยากให้ข้าเชื่อฟังคำสั่งเ้าเพียงอย่างเดียว”
“ไม่ใช่สักหน่อย หากข้าอยากฆ่าคน ไม่จำเป็ต้องใช้ผู้อื่น! ตัวข้ามีวิธีของข้าอยู่แล้ว เช่นเดียวกัน ถ้าอยากให้เ้ายอมศิโรราบ ข้าก็จะทำเอง” จิ่งเซิ้งเงียบไปสักพัก น้ำเสียงแ่ลงไปมาก “คน...คนผู้นั้นเป็ผู้คุ้มกันลับของบิดาข้า ต้อง...ต้องเป็เพราะบิดาข้ารู้ว่าข้าถูกรังแกถึงได้ลงมือ”
อ๋าวหรานพูดอ๋อออกมาเสียยาว “แล้วมันต่างกันตรงไหนหรือ?”
“เหตุ...เหตุใดจะไม่...”
“ดังนั้น” อ๋าวหรานขัดจังหวะเขา “เด็กน้อย อย่าเอาคำว่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตมาขู่ข้าเลย”
“? ? ?” จิ่งเซิ้งถูกคำที่จู่ๆ ก็มากะทันหันนี้ ทำให้อึ้งไป “มีสิทธิ์อะไร! ข้าช่วยเ้าไว้นะ!”
อ๋าวหราน “แต่เป็พ่อเ้าที่คิดจะฆ่าข้า หนี้ของบิดาบุตรต้องใช้”
จิ่งเซิ้ง “...”
อ๋าวหราน “บวกกับก่อนหน้านี้ที่ข้าด่าว่าเ้าไป ตอนนี้เราหายกันจริงๆ แล้ว”
เมื่อก่อนถึงแม้จะคิดว่าเพราะจิ่งเหวินซานถึงได้ยอมทนเ้าเด็กนี่ จะได้ไม่เกิดปัญหา ผลสุดท้ายเป็ไงเล่า คนที่นั่งอยู่ในบ้าน กระทะก็ร่วงลงมาจากฟ้า1 คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจิ่งเหวินซานผู้นี้จะโเี้ถึงเพียงนี้ จู่ๆ ก็คิดจะเอาชีวิตคนอื่นง่ายๆ เ้าเด็กจิ่งเซิ้งนี่...อยู่ให้ห่างหน่อยจะดีกว่า
อ๋าวหรานสะบัดหัวไปมาแล้วพยายามยืนขึ้น “หากไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็ขอตัวกลับก่อน คุณชายจิ่งเซิ้ง ขอลาก่อน นับแต่นี้ต่อให้เจอกันก็ไม่ขอรู้จัก”
จิ่งเซิ้ง “...”
“เ้า...” สติของอ๋าวหรานค่อยๆ เลือนราง ในใจโอดครวญ ไม่คิดเลยว่าเ้าเด็กนี่จะใช้วิธีเช่นนี้
จิ่งเซิ้งสับมือไปที่คอของอ๋าวหรานจึงทำให้เขาสลบไป เพิ่งเคยถูกอ๋าวหรานใช้คำพูดต้อนให้จนมุม ปกติเขาคิดว่าตัวเองใช้แค่ปากก็สามารถพูดจนทำให้คนถึงตายได้ แต่วันนี้กลับถูกผู้อื่นพูดใส่จนพูดติดๆ ขัดๆ เผยไต๋ออกมาจนทำให้เขาสามารถจับจุดอ่อนได้
มันน่าแค้นนัก!
จิ่งเซิ้งมองอ๋าวหรานที่สลบอยู่บนพื้นแล้วแบกเขาขึ้นมา
เ้าเด็กคนนี้ถึงแม้จะไม่ได้เรียนวิชาความรู้อะไร วรยุทธ์ก็ธรรมดา แต่ก็นับว่ามีพื้นฐานอยู่บ้าง แบกคนสักคนถือว่าสบายมาก
เชิงอรรถ
คนที่นั่งอยู่ในบ้าน กระทะก็ร่วงลงมาจากฟ้า1(人在家中坐锅从天上来)หมายถึง อยู่เฉยๆ ก็ต้องมารับเคราะห์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้