ทำลายกฎกลับกลายเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นเสียเอง!
ช่วยให้ท่านตาได้กลับขึ้นนั่งบนตำแหน่งประมุขตระกูลเนี่ยดังเดิมทั้งยังทำให้อาการาเ็ของท่านตาหายดีสามารถฝึกบำเพ็ญตบะได้ต่อ!
เงื่อนไขที่ลี่ฝานมอบให้ทำให้เนี่ยเทียนใจเต้นระรัวเกือบจะบอกความจริงออกไปทันทีทันใดเพื่อแลกมาด้วยหนทางยิ่งใหญ่ที่ราบรื่น
เพียงแต่ว่าตอนที่เขากำลังจะเอ่ยปากไปนั้น กลับนึกถึงความมหัศจรรย์ของพื้นที่ที่ลึกลับแห่งนั้นขึ้นมากะทันหัน
ัเพลิงั์แปดตัวนั้น แท่นบูชาโบราณผุพังนั้นและยังมีแขนั์แต่ละข้างที่ชี้ขึ้นฟ้าพลังดึงดูดไร้ที่สิ้นสุดซึ่งมีอิทธิพลต่อเขาทำให้เขาครุ่นคิดถึงทั้งวันทั้งคืน
เขาแอบรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับพื้นที่ลึกลับมหัศจรรย์นั้นแล้วเงื่อนไขที่ลี่ฝานเสนอให้ไม่มีค่าพอให้พูดถึงด้วยซ้ำ
ทว่าสภาพของเนี่ยตงไห่ในทุกวันนี้รวมไปถึงอาการาเ็ที่รุมเร้าเขามานานหลายปีก็ทำให้เนี่ยเทียนอดกลั้นไม่อยู่ คิดจะบอกความจริงอีกครั้งเพื่อขจัดความเ็ปของท่านตาเขา
เขาที่ไม่สามารถเลือกได้อดที่จะหันไปทางเนี่ยตงไห่อย่างขอความช่วยเหลือไม่ได้
เขาสังเกตเห็นว่าเนี่ยตงไห่สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งกลับคืนสู่ความสงบนิ่งนานแล้ว สีหน้าราบเรียบไร้ร่องรอยของอารมณ์ใดๆ
“ทำไมรึ? อยู่ๆ นึกถึงอะไรขึ้นมาได้อย่างนั้นหรือ? ”ลี่ฝานเผยสายตาให้กำลังใจ ในใจก็คิดว่าเ้าเป็แค่เด็กคนหนึ่งเผชิญกับสิ่งล่อลวงใจเช่นนี้มีหรือจะไม่หวั่นไหว?
เขานึกว่าเนี่ยเทียนจะพูดความจริงออกมาแล้ว
“เปล่าขอรับ คิดอะไรไม่ออกสักอย่างขอรับ” เนี่ยเทียนหน้าเจื่อนๆ ส่ายหัวแล้วกล่าวต่ออีกว่า “บางทีต่อไปอาจนึกออกก็ได้ รอข้านึกออกเมื่อไหร่จะต้องไปหาท่านลุงลี่เป็คนแรกอย่างแน่นอน”
“เ้าเด็กสารเลว!” ลี่ฝานแอบด่าในใจหนึ่งประโยคกล่าวอย่างปัญญาว่า“ช่างเถอะ อย่างนั้นก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน เ้าเองก็คิดดูให้ดีแล้วก็ระวังหน่อยอย่าให้ถูกลักพาตัวไปจริงๆ จนข้าต้องเคลื่อนกำลังคนมากมายตามหาเ้าไปทั่วโลกอีกรอบ”
หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วลี่ฝานก็ไม่คิดอยู่ต่อแม้แต่นาทีเดียวรีบจากตระกูลเนี่ยไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากเขาออกจากประตูไปแล้วเนี่ยตงไห่มองเนี่ยเทียนแสดงท่าทีบอกให้เขารู้ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร
รอจนครบหนึ่งเค้อ[1] เมื่อเนี่ยตงไห่แน่ใจแล้วว่าลี่ฝานออกไปจากตระกูลเนี่ยจริงๆ เขาถึงพูดขึ้นมา“เอาล่ะ”
“ท่านตาข้า...” เนี่ยเทียนพยายามอธิบายด้วยความรู้สึกผิด
เนี่ยตงไห่โบกมือสีหน้าเคร่งขรึมแล้วกล่าวว่า “เ้าเองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินใจของเ้า ในเมื่อเ้าไม่ได้พูดความจริงต่อลี่ฝานข้าเชื่อว่าเื่ที่เ้าเจอมาต้องมหัศจรรย์เกินกว่าที่ข้าจินตนาการเอาไว้เป็แน่”
เนี่ยเทียนพยักหน้าพูดเสียงเบาๆ ว่า “ข้ารู้สึกว่าหากใช้การพบเื่มหัศจรรย์ครั้งนั้น วันหน้าต่อให้ข้าไม่ได้เข้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นก็ต้องมีความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา แล้วข้าก็เชื่อว่าต่อไปข้าสามารถใช้พลังของตัวเองช่วยให้ท่านตากลับคืนสู่ตำแหน่งได้ และทำให้อาการาเ็ของท่านหายดีได้!”
เนี่ยตงไห่แอบซาบซึ้งอยู่กับตัวเองและก็ยิ่งมั่นใจว่าเนี่ยเทียนได้พบเจอกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก เขาไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก็กล่าวว่า “นับแต่นี้ไปเ้าต้องรักษาความลับนั้นเอาไว้ให้แ่า! ก่อนหน้าที่เ้ายังไม่มีกำลังมากพอไปปกป้องความลับนั้นเอาไว้ ห้ามเปิดเผยเื่นี้กับผู้ใดเด็ดขาด!รวมถึงข้า! แล้วก็ท่านป้าใหญ่ของเ้าด้วย!”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!” เนี่ยเทียนพยักหน้าแรงๆ
ในใจเขาแอบสาบานกับตัวเองว่าสิ่งที่เขาทำให้เนี่ยตงไห่สูญเสียไปเพราะดินแดนลึกลับในวันนี้นั้น ต่อไปเขาจะชดเชยให้หลายร้อยหลายพันเท่า
“ท่านพ่อตระกูลอันส่งจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ นางปีศาจจิ้งจอกอันซืออี๋นั่นถึงขนาดเชิญให้เนี่ยเทียนไปเป็แขกที่บ้านตระกูลอัน”
และเวลานี้เองเนี่ยเฉี่ยนเดินเข้ามาจากด้านนอกในมือนางถือกระดาษจดหมายสีชมพูฉบับหนึ่งใช้สายตาแปลกประหลาดมองเนี่ยเทียนส่วนปากกลับพูดกับเนี่ยตงไห่
“อันซืออี๋รึ?” เนี่ยตงไห่ขมวดคิ้วกล่าว “บอกคนที่เอาจดหมายมาส่งว่า่นี้เนี่ยเทียนป่วยไม่สะดวกออกไปด้านนอก”
“อ้อ” เนี่ยเฉี่ยนพยักหน้าจากนั้นก็ถลึงตาใส่เนี่ยเทียนหนึ่งครั้ง “อายุแค่นี้ก็รู้จักดึงดูดความสนใจจากคนอื่นเสียแล้ว ตอนนี้ดีนักล่ะอีกนิดเดียวนางปีศาจจิ้งจอกนั่นก็จะมาเยือนถึงบ้านแล้วไหมเล่า”
เนี่ยเทียนหดคอลงอย่างกระอักกระอ่วน
“พูดเหลวไหลอะไร?” เนี่ยตงไห่ฮึดฮัดเสียงเ็า “ทุกการกระทำของคุณหนูใหญ่ตระกูลอันนั้นไม่มีทางไร้เป้าหมาย นางสามารถเดินออกจากเมืองเฮยอวิ๋นไปเป็คนสำคัญของหอหลิงเป่าได้เ้าคิดว่านางอาศัยอะไรเล่า?”
ไม่รอให้เนี่ยเฉี่ยนตอบคำถามเนี่ยตงไห่ก็กล่าวอีกครั้งด้วยสีหน้ามืดคล้ำว่า “นางเห็นว่าทางฝ่ายของพวกเราไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นเสียทีคิดจะลงมือกับเนี่ยเทียนสอบถามเนี่ยเทียนว่าสิบวันนั้นเขาหายไปไหนมา”
“เมื่อครู่ข้าเห็นว่าท่านลี่จากไปแล้วถ้าอย่างนั้น...” เนี่ยเฉี่ยนเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้อยากจะรู้ความจริงเหมือนกัน
“นับแต่นี้ไปห้ามเ้าถามเื่นั้นอีก!” เนี่ยตงไห่เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อ้อ” เนี่ยเฉี่ยนอึดอัดคับข้องใจอย่างยิ่ง
“เ้าไปตอบกลับตระกูลอันเสีย” หลังจากเนี่ยตงไห่ไล่นางออกไปแล้วก็พูดกับเนี่ยเทียนว่า “นางหนูอันซืออี๋นั่นจำไว้ว่าอยู่ให้ห่างนางเข้าไว้ เด็กคนนี้เป็บุคคลที่น่ากลัวที่สุดของเมืองเฮยอวิ๋น เมื่อหลายปีก่อนตระกูลอวิ๋นพยายามท้าทายอำนาจของตระกูลอันในเมืองเฮยอวิ๋นผลคือทั้งล้มตายและาเ็สาหัส”
“เท่าที่ข้ารู้มาคนเ่าั้ของตระกูลอวิ๋นส่วนใหญ่ล้วนตายด้วยน้ำมือของนาง”
“เส้นทางการเหยียบย่างเข้าสู่หอหลิงเป่าของนางก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืเช่นเดียวกัน ผู้หญิงคนนี้โเี้อำมหิตแม้แต่ผู้ฝึกลมปราณของหอหลิงเป่าก็ยังถูกนางสังหารไปไม่น้อย”
“เ้าคงไม่รู้ว่านับแต่ที่นางกลับมายังเมืองเฮยอวิ๋นอยู่ๆ ตระกูลอวิ๋นก็สงบเสงี่ยมกันขึ้นมากะทันหันนางหยวนชิวอิ๋งผู้นั้นเมื่อเทียบกับนางแล้วเรียกได้ว่าไม่มีค่าพอให้พูดถึงเลยล่ะ”
ในคำพูดของเนี่ยตงไห่เต็มไปด้วยความกริ่งเกรงต่ออันซืออี๋ เขากลัวว่าด้วยความที่ไม่รู้อาจทำให้เนี่ยเทียนไม่รู้จักหวาดกลัวทะเล่อทะล่าไปมีเื่กับอันซืออี๋เข้า
“ข้าจะเชื่อฟังท่านขอรับ” เนี่ยเทียนแอบหวาดหวั่นอยู่กับตัวเอง
เขารู้ความเก่งกาจของอันซืออี๋แต่กลับนึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะร้ายกาจได้ถึงขนาดที่ท่านตาของเขาประเมินให้เป็บุคคลที่น่ากลัวที่สุดของเมืองเฮยอวิ๋น
“เอาล่ะเ้าเองก็ไม่ต้องเป็กังวลมากในสายตาของผู้หญิงคนนั้นเ้า...รวมไปถึงตระกูลเนี่ยของเรา ล้วนเป็เพียงบุคคลต่ำต้อยอย่างไรเสียเื้ัของพวกเราก็ยังมีสำนักหลิงอวิ๋นอยู่ ขอแค่เ้าอยู่ในจวนตระกูลเนี่ย อย่างไรนางก็ต้องให้เกียรติสำนักหลิงอวิ๋นไม่มีทางกล้าทำตัวชั่วช้าหรอก” เนี่ยตงไห่ลูบศีรษะของเข้เบาๆ “ลี่ฝานกลับไปแล้วต่อไปก็ไม่ต้องระวังตัวมากขนาดนั้นอีกแล้ว กริชที่หญิงตระกูลอันมอบให้เ้า เ้าสามารถลองเอามาเล่นดูได้แล้วก็... เื่ที่ก่อนหน้านี้ไม่สะดวกจะทำก็ลองทำได้แล้ว”
พูดมาถึงตรงนี้อยู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงกล่าวแนะนำอีกครั้งว่า “แต่เื่ประหลาดอย่างรอยแยกของห้วงมิตินั้นพยายามอย่าให้เกิดขึ้นที่ตระกูลเนี่ยจะดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายตามมาอีกรอบ”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ในใจเนี่ยเทียนกระจ่างแจ้ง
“ไปเถอะ” เนี่ยตงไห่โบกมือ
เนี่ยเทียนจึงรีบกลับไปที่ชั้นสามทันที
สามเดือนมานี้เขารู้ว่ากระดูกสัตว์ไม่ธรรมดาจึงไม่กล้าไปแตะต้องมันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลี่ฝานจับได้ถึงความผิดปกติ
แม้แต่กริชเล่มนั้นที่อันซืออี๋มอบให้ หลังจากที่เนี่ยตงไห่บอกว่ามันคืออาวุธวิเศษขั้นกลาง เขาก็ไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามเช่นกัน
อาวุธวิเศษแบ่งออกเป็ห้าขั้นได้แก่ ขั้นต่ำ ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นเชี่ยวชาญ ขั้นะ แต่ละขั้นจะแบ่งออกเป็อีกเจ็ดระดับ
ส่วนผู้ฝึกลมปราณจะแบ่งออกเป็สิบขั้นได้แก่หลอมลมปราณท้าย์ กลาง์ ต้น์ เขตสามัญ เขตลี้ลับ เขติญญาแดนว่างเปล่าแดนเอตทัคคะแดนเทพเ้า
โดยทั่วไปแล้วผู้ฝึกลมปราณในขั้นหลอมลมปราณและท้าย์อาวุธวิเศษขั้นต่ำก็มากเพียงพอที่จะแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา
อาวุธวิเศษขั้นกลางอย่างน้อยจำเป็ต้องถึงขั้นกลาง์ก่อนถึงจะสามารถแสดงพลังอานุภาพที่แท้จริงของมันออกมาได้
ตลอดทั้งตระกูลเนี่ยอาวุธวิเศษขั้นกลางมีน้อยยิ่งนัก
ก็ด้วยเหตุนี้เมื่อเนี่ยเป่ยชวนมองออกว่ากริชที่อันซืออี๋มอบให้เขาคืออาวุธวิเศษขั้นกลางถึงได้คิดจะยึดครองอย่างหน้าด้านๆ
“อาวุธวิเศษขั้นกลาง ผู้หญิงคนนั้น... ช่างมือเติบนัก”
เนี่ยเทียนพึมพำเบาๆ หนึ่งประโยค หยิบเอากริชสีชาดที่ยาวครึ่งแขนเล่มนั้นออกมาใช้ นิ้วมือลูบคลำไปบนคมมีดที่ลื่นแวววาว พยายามใช้พลังิญญากระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
“ฟู่ว ฟู่ว!”
เปลวไฟสีแดงเส้นเล็กเรียวยาวเส้นแล้วเส้นเล่าพลันปรากฏออกมาจากกริชเล่มนั้น
กริชสีชาดเล่มนั้นอยู่ๆ ก็ปล่อยเปลวเพลิงออกมาส่วนปลายกริชก็มีแสงสีรุ้งแหลมคมพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน
และเวลานี้เองกระดูกสัตว์ที่เขาเก็บไว้ในกระเป๋าคาดเอวเปลี่ยนมาเป็ร้อนแผดเผาราวกับ้าขานรับ
แรงดึงดูดแปลกประหลาดระลอกหนึ่งพลันก่อกำเนิดขึ้นมาในกระดูกสัตว์เนี่ยเทียนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าแสงสีรุ้งที่สาดออกมาจากปลายกริชแหลมนั้นอยู่ๆ ก็บิดโค้งหงิกงออย่างเห็นได้ชัดว่าถูกกระดูกสัตว์ลากดึงเอาไว้
วินาทีถัดมาเขาก็มองเห็นว่าระหว่างที่แสงรุ้งคมกริบจากกริชเล่มนั้นเกิดการบิดเบือนมันก็ถูกกลืนเข้าไปในกระดูกสัตว์อย่างรวดเร็ว
เปลวไฟสีชาดหนาแน่นเ่าั้ที่ด้านในตัวกริชสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานกริชที่เพิ่งแสดงความมหัศจรรย์ก็ดับแสงลงกลายเป็วัตถุธรรมดาอย่างหนึ่ง
“ปุ้ง!”
สุดท้ายก็มีเสียงประหลาดดังออกมาจากในกริชราวกับว่าถูกบางอย่างยับยั้งเอาไว้จนถูกทำลายไปในที่สุด
เวลาเดียวกันนั้น
อันซืออี๋เพิ่งได้รับข่าวว่าเนี่ยตงไห่ปฏิเสธคำเชื้อเชิญของนางแทนเนี่ยเทียนอย่างโจ่งแจ้ง
“ปุ้ง!”
เสียงประหลาดแบบเดียวกันกับที่ดังออกมาจากกริชเล่มนั้นดังมาจากวัตถุบางอย่างที่อยู่ในชายแขนเสื้อของนางทำให้นางต้องอุทานขึ้น “เอ๊ะ” ขึ้นมาเบาๆ อย่างห้ามไม่ได้
“เฮอะ ตระกูลเนี่ยที่ตกอยู่ในภาวะยากแค้นแสนเข็นไม่มีทางทำลายอาวุธวิเศษขั้นกลางชิ้นหนึ่งโดยไร้สาเหตุแน่นอนกริชตะวันแดงเล่มนั้นอยู่ในมือของเด็กนั่น ตอนนี้กริชตะวันแดงกลับสิ้นค่าลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว น่าสนใจไม่เบาเลย”
“ตอนนี้ข้ายิ่งอยากรู้มากขึ้นเสียแล้ว”
------
[1]หนึ่งเค้อ(一刻)เท่ากับสิบห้านาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้