อาเหลยร้องเจี๊ยกๆ เสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจของเสือร้าย
แต่ดูเหมือนว่าเสือจะไม่สนใจลิงมากนัก มันแค่ปรายตามองอย่างเรียบเฉย เดินตรงไปข้างหน้าต่อ ปรกติก็ไม่เคยคบค้าสมาคมกับพวกลิงน่ารำคาญเหล่านี้อยู่แล้ว จึงคร้านจะสนใจมัน
เซวียเสี่ยวหรั่นแข้งเข่าอ่อน รีบปีนขึ้นไปบนต้นผิวเกลือข้างตัว
เดิมทียังนับว่ามือไม้คล่องแคล่ว แต่เพราะความลนลานก็เลยกลายเป็งุ่มง่าม
มือคว้ากิ่งได้แต่กลับปีนไม่ขึ้น
แต่เสือลายพาดกลอนทางนั้นพบเธอแล้ว
ได้ยินเสียง "โฮก" คำรามลั่น มันอ้าปากแดงฉาน ดวงตาดุร้ายเขม่นจ้องคิดหมายจะปีนขึ้นต้นไม้ที่เซวียเสี่ยวหรั่นอยู่้า ก่อนกระโจนวิ่งเข้ามาหาเธอ
เซวียเสี่ยวหรั่นหวาดกลัวจนหนังศีรษะชา หัวใจแทบะโออกมาทางคอหอย เธอกัดฟันแน่น เหยียบกิ่งไม้พลางออกแรงถีบหมายยืมแรงตะกายขึ้นไป แต่เพราะขาอ่อนแรงไม่พอ จึงลื่นพรืดลงมา
เสือวิ่งเร็วขึ้นทุกขณะ เพียงชั่วพริบตาก็อยู่ไม่ไกลจากเธอแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นตัวสั่นราวกับลูกนก ขบริมฝีปากล่างพยายามสงบใจ ก่อนหยิบสเปรย์พริกออกมาจากเสื้อชั้นใน เปิดฝา เตรียมจัดการกับเสือร้ายที่กำลังวิ่งมาอย่างฮึกเหิม
เสือร้ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เซวียเสี่ยวหรั่นมือสั่นระริก คิดจะออกแรงพ่น หลังจากนั้นก็ฉวยโอกาสกลิ้งลงไปทางลาดเขา หลบจากการถูกเสือกระโจนกัด
แต่กลับได้ยินเสียงกิ่งไม้ด้านข้างดังขึ้น อาเหลยวิ่งะโข้ามต้นไม้ใหญ่หลายต้น พริบตาเดียวก็ตามฝีเท้าของเสือตัวนั้นทัน หลังจากนั้นก็ปาผลไม้ไม่ทราบชื่อใส่เสือร้ายที่กำลังทะยานมา
เสียงดัง "ปึก" ตรงเข้าศีรษะของมันพอดี
เสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ชะงักเท้าในบัดดล หันมาจดจ้องอาเหลยบนต้นไม้อย่างอาฆาต "โฮก" เสียงคำรามลั่นะเืผืนป่าไปสามส่วน
เซวียเสี่ยวหรั่นสะดุ้งเฮือกเกือบทำสเปรย์หลุดมือ
อาเหลยสู้ไม่ถอย ขว้างปาสิ่งของใส่เสือตัวนั้นอย่างต่อเนื่อง
เสือโกรธจัด ไม่สนใจเซวียเสี่ยวหรั่นอีก หันไปติดตามลิงน่ารำคาญบนต้นไม้แทน
อาเหลยขว้างปาสิ่งของ พลางหลอกล่อเสือไกลออกไปเรื่อยๆ ทั้งยังส่งเสียงเจี๊ยกๆ ให้เซวียเสี่ยวหรั่นเป็พักๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล มันให้นางรีบหนีไปยังที่ปลอดภัย
ตอนนั้นเธอไม่ห่วงอย่างอื่น อุ้มกระบุงวิ่งกลับไปทางที่มา แต่ไม่ได้วิ่งไปไกลนัก เพียงปีนขึ้นไปบนเนินดินขนาดใหญ่
เนินแห่งนั้นสูงประมาณสองเมตรอยู่ติดกับหน้าผา พื้นที่ให้เท้าเหยียบได้มีน้อยมาก ถ้าสมมติว่าเสือตัวนั้นตามมา เซวียเสี่ยวหรั่นสามารถใช้ความได้เปรียบด้านชัยภูมิ พ่นสเปรย์พริกจัดการกับมันโดยสะดวก
เธอไม่กล้าวิ่งไปไกลนัก แม้ว่าอาเหลยจะเฉลียวฉลาด ปีนป่ายต้นไม้คล่องแคล่ว แต่คู่ต่อสู้เป็ถึงเ้าป่า ไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่กลัวหนึ่งในหมื่น [1]
ถ้าอาเหลยกลายเป็เหยื่อของเสือร้ายเพื่อช่วยชีวิตเธอ เซวียเสี่ยวหรั่นคงละอายใจ ไม่มีวันสงบสุขชั่วชีวิต
แต่ถ้าออกจากช่องเขาด้านนั้นไป เส้นทางไม่มีต้นไม้เชื่อมต่อ อาเหลยไม่อาจอยู่บนต้นไม้ได้ตลอดเวลา ดังนั้นมันจะกลับอย่างไรก็เป็ปัญหา
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนบนที่สอง พยายามหรี่ตามองติดตามสถานการณ์ในป่า
เสือตัวนั้นติดตามอาเหลยอยู่ตลอด มันไปถึงต้นไม้ต้นไหน เสือก็ตามไปต้นนั้น ดูท่าจะโกรธมาก
อาเหลยกลับใจเย็นมาก มันคว้ากิ่งไม้หลบหนีจากเสืออย่างเอ้อระเหย
เสือจับมันไม่ได้ ก็ยิ่งหัวเสีย และจนปัญหาไม่รู้จะทำอย่างไร มันวนเวียนอยู่ใต้ต้นไม้สองสามรอบ คิดจะจากไปอย่างเจ็บแค้น
อาเหลยก็ร้อง "เจี๊ยกๆ" ปีนลงมาตรงตำแหน่งเหนือหัวของมัน ใช้มือหนึ่งคว้ากิ่งไม้ อีกมือก็กระชากหูเสือตัวนั้นอย่างอาจหาญ
เสือร้องโฮกคำรามลั่น ยกอุ้งเท้าเท้าตะปบอาเหลย
แต่อาเหลยกลับย้ายไปยังต้นไม้อีกตนอย่างคล่องแคล่วทันควัน มันสะบัดหางพันกับกิ่งไม้แล้วอาศัยแรงเหวี่ยงปีนขึ้นไป
เสือโกรธจัด อ้าปากกว้างกัดกิ่งไม้หักกร๊อบเป็สองท่อน
อาเหลยใช้มือเกี่ยวกิ่งไม้ะโไปอีกต้นอย่างว่องไว
"โฮก" เสือไม่ยอมแพ้ ตามไปอีก
อาเหลยล่อเสือเข้าไปในป่า ไม่ช้าลิงกับเสือก็หายไปไม่เห็นวี่แวว
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนบนเนินดิน เหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง เมื่อลมหนาวพัดมาก็ตัวสั่นสะท้าน
แต่เธอยังคงจดจ้องไปที่ป่ารกชัฏผืนนั้นไม่กะพริบ
อาเหลยยังไม่กลับ เธอต้องรอ
หนึ่งนาที สองนาที สามนาที...
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกเหมือนเวลายาวนานเป็ปี
หัวใจของเธอเต้นราวกับรัวกลอง สีหน้าซีดเผือด มือที่จับกระป๋องสเปรย์สั่นระริก
เริ่มตำหนิตัวเองในใจ เมื่อครู่นี้เธอควรจะฉวยโอกาสที่เสือหยุดเท้า ใจกล้าหน่อยวิ่งเข้าไปพ่นสเปรย์ใส่มัน
แค่พ่นใส่หน้าเสือ ดวงตาของมันก็จมองไม่เห็น จมูกก็จะไม่ไวเหมือนเดิม เท่ากับกลายเป็เสือไร้เขี้ยวเล็บ เธอกับอาเหลยก็คงหลบหนีไปได้สบายๆ
แต่พอนึกอีกที ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง เกิดเสืออาละวาดขึ้นมาอาจยิ่งรับมือยากกว่าเดิม
ความคิดฟุ้งซ่านผุดขึ้นมาเต็มสมองของเธอ เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องป่าทางนั้นไม่ขยับ รอคอยอาเหลยด้วยหัวใจร้อนรน
หลังจากนั้นสิบนาที ในป่าก็ไร้ความเคลื่อนไหว
หลังจากนั้นสิบห้านาที ก็ยังคงไม่มีเสียง
เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าซีดจ้องเข้าไปในป่าอยู่นาน หลังจากนั้นก็กัดฟันปีนลงมาจากเนินดินย้อนกลับไปทางเดิม
เธอต้องไปหาอาเหลย
จะนิ่งดูดายให้อาเหลยน้อยตกอยู่ในอันตรายไม่ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นกุมสเปรย์ในมือ เดินไปทางป่ารกแห่งนั้น
แต่พอก้าวไปได้สองสามก้าว ก็ได้ยินเสียงดังมาจากในป่า
เซวียเสี่ยวหรั่นตั้งสติมองขึ้นไปบนต้นไม้
ทันใดนั้นเงาร่างที่คุ้นเคยก็ปรากฏตัวขึ้น
อาเหลยรูดต้นไม้ลงมาอย่างว่องไว เห็นเซวียเสี่ยวหรั่นยืนอยู่ตรงหน้า มันก็ร้องเจี๊ยกๆ แล้ววิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
"อาเหลย เ้าไม่เป็ไรนะ ดีจังเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นกอดอาเหลยด้วยความตื่นเต้นดีใจ ทั้งยังลูบหัวมันไม่หยุด
"วีรบุรุษน้อยของข้า ตัวเล็กนิดเดียว แต่กล้าที่จะยั่วโทสะเสือเพื่อล่อมันออกไป ทำให้พี่สาวซึ้งใจจริงๆ "
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยไม่เข้าใจว่าอะไร มันพาเสือไปยังป่าลึก วนอ้อมรอบใหญ่หนึ่งรอบถึงกลับมา
เซวียเสี่ยวหรั่นดีใจจนน้ำตาไหล หลังปาดน้ำตาก็เริ่มสำรวจร่างกายของอาเหลย เมื่อไม่พบแผลาเ็ หินก้อนใหญ่ในหัวใจถึงวางลงมาได้
"อาเหลย แล้วเสือร้ายตัวนั้นล่ะ?" เซวียเสี่ยวหรั่นร้องเสียงโฮกๆ เลียนแบบเสือ
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยชี้ไปยังป่าลึก
เซวียเสี่ยวหรั่นพลันตระหนก เสือมีสี่ขาหากจะตามเอาชีวิตอาเหลยให้ถึงตาย เพียงไม่นานก็ตามทัน
"อาเหลย เร็วเข้า พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่"
อันตรายเกินไป ไม่อาจมาที่นี่ได้อีกแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นเรียกอาเหลย วิ่งไปยกกระบุงขึ้นหลัง แล้ววิ่งกลับด้วยความเร็วดุจกระต่าย
กว่าจะกลับมาถึงถ้ำแสนลำบาก เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งจนหมดแรง
"แฮ่กๆๆ"
เธอวางกระบุง หย่อนก้นนั่งบนเสื่อ
เหลียนเซวียนซึ่งกำลังเหลามีดบินหางนางแอ่น [2] เงยหน้าขึ้น พวกนางไปเจอเื่อะไรมา ถึงวิ่งเร็วจี๋กลับมาขนาดนี้?
อาเหลยเหนื่อยจัดนอนแผ่บนเสื่อของตนเอง
เหลียนเซวียนควานหาแท่งหินเขียนถาม
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งมาเหงื่อท่วมร่าง เธอหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่คอและหน้าผาก ผ่อนลมหายใจลงแล้วถึงเล่าเื่เสือให้เหลียนเซวียนฟัง
...
[1] หมายถึง เื่ที่แน่นอนไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือเื่ไม่คาดฝัน
[2] เป็มีดบินรูปดาวที่มีสี่แฉก ปลายแหลมโค้งมน