หลังจากที่รั่วปินกลับไปนั่งบนที่นั่งของตัวเองแล้ว เธอก็กลับไปเย็นเยือกเหมือนเดิม จนถึงตอนเลิกเรียนตอนเย็น เธอก็ไม่ได้คุยอะไรกับฉินหลางอีก ในสายตาของคนอื่นๆ รวมทั้งจ้าวเหว่ยนั้น แบบนี้ต่างหากคือรั่วปินที่แท้จริง แต่สำหรับฉินหลางนั้น ตอนนี้ท่าทีของรั่วปินดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดว่าที่เป็แบบนี้ อาจเป็เพราะรั่วปินโกรธเื่ที่เจียงเสี่ยวฉิงเอาผ้าขนหนูมาให้เขา
ในเื่นี้ความจริงแล้วฉินหลางถูกเข้าใจผิด เพราะตอนแรกที่เขาช่วยเจียงเสี่ยวฉิง เป็เพียงเื่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ 2-3 วันมานี้เื่ราวต่างๆ เริ่มคลี่คลาย เจียงเสี่ยวฉิงถึงได้รู้ว่าหลินเสี่ยวชวนกับฟู่หยิงเสี่ยวแท้จริงแล้วเป็คนอย่างไรกันแน่ แล้วตอนนั้นเธอเกือบจะต้อง เผชิญหน้ากับอันตรายขนาดไหน เจียงเสี่ยวฉิงรู้ว่า ถ้าวันนั้นฉินหลางไม่เข้ามาช่วยละก็ เธออาจจะต้องตกเป็เหยื่อและเจริญรอยตามโจวหลิงหลิงเป็แน่ ดังนั้นจากส่วนลึกในหัวใจแล้ว เจียงเสี่ยวฉิงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อฉินหลางมาก
แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกซึ้งใจมากเป็พิเศษเพราะว่า เธอเป็ดาวโรงเรียนชีจง ซึ่งปกติแล้วมีผู้ชายจำนวนมากที่ตามจีบเธออยู่ บางคนตามตื๊อจนเธอสุดแสนจะรำคาญ ในขณะที่ฉินหลางช่วยเธอไว้แท้ๆ แต่หลังจากนั้นกลับไม่เคยมาตอแย... หรือแม้แต่จงใจปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ไม่ได้ตามตื๊อเธอเหมือนแมลงวันที่น่ารำคาญ เขาเป็ดั่ง ‘สุภาพบุรษ’ ที่ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ดังนั้นในสายตาของเจียงเสี่ยวฉิง ฉินหลางเป็คนดีที่แท้จริง เป็ผู้ชายที่มีคุณธรรมสูงและน่ายกย่องมากคนหนึ่ง
ดังนั้นวันนี้เมื่อเธอเห็นฉินหลางตากฝน เจียงเสี่ยวฉิงจึงไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ยังคงเอาผ้าขนหนูของตัวเองไปฉินหลางเช็ดน้ำฝนอยู่ดี
ทว่าเจียงเสี่ยวฉิงกลับไม่รู้ว่า ผ้าขนหนูของเธอจะเป็เหมือนปิ่นปักผมของ*เ้าแม่หวางหมู่ ที่ขีดเส้นผ่านทำให้เกิดแม่น้ำขวางกั้นอยู่ตรงกลางระหว่างฉินหลางกับรั่วปิน แยกทั้งคู่ออกจากกัน ยิ่งไปกว่านั้นแม่น้ำสายนี้ยังเย็นะเืจนเขาหมดหวังอีกด้วย
ส่วนจ้าวเหว่ยที่ไม่รู้ความจริง ยังจะอิจฉาดวงความรักของฉินหลางอีก โดยไม่รู้ว่าสถานการณ์ของฉินหลางตอนนี้ไม่สู้ดีเท่าไรเลย
ทว่าฉินหลางก็ไม่ได้ไปอธิบายกับรั่วปินในทันที เพราะเื่บางเื่ยิ่งอธิบายก็มักทำให้ยิ่งเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิม แล้วอีกอย่างตอนนี้เขากับรั่วปินก็เพิ่งจะได้กลับมาเจอกัน และระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีคำสัญญา หรือสาบานอะไรด้วย ระหว่างพวกเขามีเพียงความทรงจำดีๆ ในอดีตเท่านั้น สามารถพูดได้ว่า ความจริงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นยังเปราะบางมาก เปราะบางจนไม่สามารถทนแรงกระทบกระเทือนใดๆ ได้
นอกจากนี้ หลังเลิกเรียน ฉินหลางก็ยังมีธุระที่เขาจะต้องไปจัดการอยู่—
วู๋เวินซ๋างนัดพบฉินหลางที่บ้านของเขา
ฉินหลางรู้อยู่แล้วว่าหลังจากขอความช่วยเหลือจากเขาแล้ว จะมีเื่ราวที่ต้องจัดการต่ออีก
เมื่อเลิกเรียนแล้ว ก็เป็เฉินจิ้นหย๋งที่มารับเขาอีกเช่นเดิม
เวินซ๋างกับเฉินจิ้นหย๋งต่างก็มีคนขับรถของตัวเอง แต่เฉฺินจิ้นหย๋งกลับเต็มใจเป็คนขับรถให้วู๋เวินซ๋างซะเอง ถ้าไม่ใช่เพราะอย่างนี้ เฉินจิ้นหย๋งคงไม่ได้เลื่อนเร็วเหมือนนั่งฮ. แบบนี้หรอก
มาถึงบ้านวู๋เวินซ๋างแล้ว แต่ครั้งนี้กลับเป็วู๋เวินซ๋างที่เดินมาเปิดประตูเอง
“เ้าเฉิน จะมากินข้าวด้วยกันก่อนไหม?” วู๋เวินซ๋างกล่าวถามเฉินจิ้นหย๋ง
“ท่านวู๋ครับ ภรรยาที่บ้านยังรอผมอยู่ครับ ท่านให้เลิกงานเร็วหน่อยเถอะครับ” เฉินจิ้นหย๋งรู้ว่าวู๋เวินซ๋างแค่ชวนไปตามมารยาทเท่านั้น ถ้าเขาอยู่กินข้าวด้วยจริงๆ อาจจะทำให้นายไม่พอใจได้ เขาเป็เลขามานานขนาดนี้ ถ้าแค่นี้เฉินจิ้นหย๋งยังดูไม่ออก เขาก็คงโดนวู๋เวินซ๋างเปลี่ยนทิ้งไปตั้งนานแล้ว
ซึ่งวู๋เวินซ๋างก็แค่ถามไปตามมารยาทจริงๆ เพราะเขาไม่ได้ยืนกรานที่จะให้เฉินจิ้นหย๋งอยู่ทานข้าวต่อ หลังจากที่เขาปิดประตูแล้ว วู๋เวินซ๋างหันไปถามฉินหลางอย่างเป็กันเองว่า “เ้าฉิน วันนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่สถานีตำรวจใช่ไหม?”
“มีท่านวู๋ช่วยดูแลอยู่ ผมจะมีปัญหาได้ยังไงล่ะครับ” ฉินหลางหัวเราะเบาๆ
“คิดไม่ถึงเลยว่า เธอจะเกี่ยวข้องกับกองทัพ 843 ด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ” วู๋เวินซ๋างพูดขึ้นลอยๆ เห็นได้ชัดว่าเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ ได้มีคนเล่าให้เขาฟังหมดแล้ว
“เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งช่วยผมเฉยๆ” ฉินหลางตอบกลับส่งๆ
วู๋เวินซ๋างหัวเราะคิกๆ เขารู้อยู่แล้วว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน กองทัพ843เป็ไม้ตายของมณฑลผิงชวนและมณฑลใกล้เคียง แม้ฐานทัพจะตั้งอยู่ใกล้เมืองเซี่ยหยาง แต่นายกเทศมนตรีอย่างเขายังสั่งการอะไรใครไม่ได้เลย
“อีกอย่าง เธอน่าจะยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม กินด้วยกันเถอะ” วู๋เวินซ๋างพาฉินหลางไปยังโต๊ะอาหาร ที่นี่มีผู้หญิงสองคนที่ใส่ชุดพนักงานบริการสีแดง กำลังรีบยกอาหารขึ้นมาตั้ง และจัดเตรียมช้อนส้อมอยู่
ฉินหลางมองป้ายที่หน้าอกของพวกเธอ เขียนว่า “พนักงานบริการของรัฐบาล”
ซึ่งคนทั้งสองกระฉับกระเฉงมาก เพียงไม่นานทั้งคู่ก็จัดโต๊ะอาหารจนเสร็จ
ในตอนนี้เอง วู๋เวินซ๋างเพิ่งจะดันแม่ของเขาออกมา เพราะหญิงชรานั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้ป่วย มิหนำซ้ำบนตักยังมีผ้าห่มคลุมอยู่ด้วย
“คุณป้าครับ ท่านเป็อะไรไปเหรอครับ?” ฉินหลางจำได้ว่าตอนเขามาที่นี่ก่อนหน้านี้ คุณป้าท่านนี้ยังแข็งแรงมากอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ก็จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้ป่วยเสียแล้ว
“เมื่อวานไขข้ออักเสบอีกแล้ว” หญิงชราตอบ “แก่แล้วร่างกายก็ไม่ค่อยจะไหวแล้ว ดูสิวันนี้ฝนจะตกแล้ว เมื่อวานไขข้อของฉันก็เลยอักเสบอีก โอ๊ย ดูไปแล้วคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว...”
“แม่ ทำไมพูดแบบนี้ การแพทย์สมัยนี้เจริญก้าวหน้ามาก ท่านต้องอายุยืนเป็ร้อยปีได้สบายๆ แน่” วู๋เวินซ๋างกล่าว
“ยังจะพูดว่าการแพทย์ก้าวหน้าอีก แค่ไขข้ออักเสบยังรักษาไม่หายเลย” หญิงชราสบถ “เดี๋ยวหาแพทย์แผนจีนสักคนมารักษาให้แม่ดีกว่า แม่บอกแล้วว่าแพทย์แผนปัจจุบันเชื่อถือไม่ได้...”
“แพทย์แผนจีน ส่วนมากมีแต่พวกต้มตุ๋นทั้งนั้น—”
“ท่านวู๋ครับ ท่านพูดแบบนี้จากอะไรเหรอครับ” ฉินหลางพูดขึ้นตัดบทสนทนาของวู๋เวินซ๋าง “แพทย์แผนจีนไม่ใช่แค่พวกต้มตุ๋นอย่างที่ท่านบอก เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีแพทย์แผนปัจจุบัน บรรพบุรุษเราก็มีสุขภาพดีและยังมีทายาทสืบทอดมาถึงตอนนี้ได้ไม่ใช่เหรอครับ?”
“นั่นสิ เป็ถึงนายกเทศมนตรี ฉันว่าแกยังรู้เื่ไม่เท่าเ้าฉินเลย” หญิงชราสบถ ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานบริการสาวทั้งสองคน “สาวๆ พวกหนูวุ่นมาทั้งวันแล้ว นั่งลงกินข้าวด้วยกันเถอะ”
“คุณนายทานข้าวให้อร่อยนะคะ พวกหนูยังต้องกลับไปทำงานต่อค่ะ” พนักงานบริการทั้งสองมีหรือจะกล้าทานข้าวกับนายกเทศมนตรี จึงรีบปฏิเสธอย่างนอบน้อม
“นั่นสิครับ พวกเธอกำลังทำงานอยู่” วู๋เวินซ๋างกล่าว “แต่เดี๋ยวกลับไปแล้วผมจะเพิ่มโบนัสให้พวกเธอเองครับ”
พนักงานบริการทั้งสองดีใจ รีบกล่าวขอบคุณ
ฉินหลางก็ไม่รู้ว่าวันนี้วู๋เวินซ๋างชวนตัวเองทานข้าวเพราะอะไร แต่เขาคาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ แต่ในเมื่อวู๋เวินซ๋างไม่ได้เอ่ยปากพูดก่อน ฉินหลางก็ี้เีที่จะถามแล้ว
กินข้าวก็กินข้าว คนอื่นกินข้าวกับนายกเทศมนตรีอาจจะเกร็งๆ อยู่บ้าง แต่ฉินหลางไม่มีปัญหาด้านนั้นอยู่แล้ว นอกจากนี้เขายังเจริญอาหารมากด้วย
“เ้าฉิน กินเยอะๆ นะ อย่ากินเหลือล่ะ” หญิงชราเห็นฉินหลางกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอก็ดูมีความสุขตามไปด้วย เธอไม่ชอบเวลาวู๋เวินซ๋างให้คนทำกับข้าวเต็มโต๊ะ แต่กลับกินแค่ไม่กี่คำเท่านั้น เนื่องจากหญิงชราก็เคยเป็ชาวนามาก่อน เธอจึงรู้สึกว่าการกินทิ้งกินขว้างเป็เื่ที่น่าอับอายมาก
ยังไม่ทันจะทานข้าวกันเสร็จ เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
วู๋เวินซ๋างชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงลุกไปเปิดประตู
“ท่านวู๋ครับ ทำไมท่านถึงมาเปิดประตูเองล่ะครับ” มีคนสองคนยืนอยู่หน้าประตู เห็นได้ชัดว่าหนึ่งในนั้นคือไช่เว้ยตง ใบหน้าของไช่เว้ยตงยังไม่หายบวม ส่วนชายวัยกลางคนอีกคน หน้าตาคล้ายคลึงกับไช่เว้ยตง น่าจะเป็พ่อของไช่เว้ยตงแน่ๆ
“ตาไช่ ที่แท้ก็พวกเธอนี่เอง เชิญเข้ามา” วู๋เวินซ๋างเหมือนจะดูเกรงอกเกรงใจมาก
*เ้าแม่หวางหมู่ : ฮองเฮาของเง็กเซียนฮ่องเต้ผู้ปกครองเหล่าเทวดา นางฟ้าบน์ ซึ่งตามตำนานเล่าว่าปิ่นปักผมของนางมีฤทธานุภาพสูงมาก สามารถเปลี่ยนร่างหรือทำได้ทุกอย่างที่ใจ้าได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้