ชั่วขณะนั้นเองอสนีก็แลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้อง สายฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาประหนึ่งแม่น้ำแห่ง์ที่เอ่อล้นจนพังทลายไม่อาจสะกดกลั้น
เหยาซู่หลวนก้าวเข้ามาในห้องโถงด้วยการประคองของไฉ่อิ๋งพร้อมกับคนในจวนที่ติดตามมาด้วยอีกสองสามคน บรรยากาศภายในห้องโถงหนาวเหน็บปานถึงจุดเยือกแข็ง
...
เรือนเหมยเหอจวนอัครเสนาบดีเหยา
เสียงฟ้าคำรามทำให้เหยาโม่หว่านที่กำลังหลับใหลสะดุ้งตื่นขึ้นมาดวงตาเรียวค่อย ๆ เปิดปรือ เห็นเย่หงอี้ยังคงแนบเนื้อคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ดวงหน้าฉาบรอยยิ้มเ้าเล่ห์กำลังจดจ้องนาง
“นางมารน้อยของเจิ้นเจิ้นยังไม่ได้อนุญาตให้เ้าหลับ เ้าแอบหลับได้ด้วยหรือ?” เย่หงอี้ใช้ปลายนิ้วเขี่ยอิงเถาน้อยสีแดงสดบนความกลมกลึงอวบอิ่มของเหยาโม่หว่านเล่นอย่างลุ่มหลงดวงตาซึ่งอาบย้อมไปด้วยความปรารถนาที่ไม่รู้จักพอเผยแววหยอกเย้า
“ฝ่าา...หม่อมฉันเหนื่อย...”เหยาโม่หว่านยื่นมือไปโอบรอบคอเขา น้ำเสียงอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด เย่หงอี้เคี่ยวกรำนางเป็รอบที่สามแล้วแต่ดูเหมือนว่าไฟราคะที่คุกรุ่นในแววตายังไม่ดับมอดลงไป
เหยาโม่หว่านพึงพอใจในความมักมากของเย่หงอี้ยิ่งเขาไม่รู้จักพอมากเท่าไร ชัยชนะของตนเองก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ถึงจะเหนื่อยแทบขาดใจก็ยังใช้แววตาอันบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ปลุกเร้าไฟปรารถนาของเย่หงอี้ให้ลุกโชน
“แต่เจิ้นไม่เหนื่อยจะทำอย่างไรดีหนอ...?” ฝ่ามือของเย่หงอี้ลูบไล้ไปบนผิวเนียนนุ่มลื่นบนเรียวขาคู่งามบดเคล้าริมฝีปากขบลงไปบนกลีบปากสีแดงสดของนางอย่างอดใจไม่ไหว บางส่วนของร่างกายเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครา
เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ากายที่บริสุทธิ์ผุดผ่องนุ่มลื่นปานหยกน้ำแข็งจะทำให้ตนเองเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าถึงเพียงนี้เสพสมเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่มต้องเรียกร้องอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
ความหอมหวานในโพรงปากของเหยาโม่หว่านคือกลิ่นรสที่เขาโปรดปรานถึงขั้นบดเคล้าริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งตักตวงรสชาติอยู่ที่เดิมอยู่เป็นานสองนาน ก่อนจุมพิตอย่างเร่าร้อนไล่ลงมาหยุดอยู่ที่เนินอวบอิ่มชูชันอีกครู่ใหญ่หลังจากนั้นก็เคลื่อนต่ำลงไปเรื่อย ๆ
สังเวียนสวาทบนแพรนุ่มรอบใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเย่หงอี้แทรกตัวตนเข้ามาในกายของเหยาโม่หว่านอย่างหื่นกระหาย คำรามเสียงต่ำราวกับสัตว์ป่าอยู่เป็พักๆ ยามเห็นแววตาเคลิบเคลิ้มลุ่มหลงของบุรุษที่อยู่เหนือร่าง เหยาโม่หว่านก็แสร้งครางเบาๆ เป็การตอบสนอง แต่แท้ที่จริงถึงไม่ต้องไปเอาอกเอาใจ เขาก็หลงใหลในเรือนร่างนี้จนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้วริมฝีปากอิ่มเผยแววเยาะหยันบาง ๆ จนแทบมองไม่เห็น ขณะที่หัวใจค่อย ๆ เยียบเย็นจนกลายเป็น้ำแข็ง
อสนีสายหนึ่งวาบผ่านเกิดลำแสงสีขาวเจิดจ้าจนแสบตา เย่หงอี้แผดเสียงคำรามกึกก้องประชันกับเสียงฟ้าฟาด ร่างเกร็งกระตุกปล่อยอุทกร้อนออกจากกายอีกคราก่อนฟุบลงบนเรือนร่างของเหยาโม่หว่านอย่างอิ่มเอม แล้วหลับใหลสู่หวงนิทรา
เหยาโม่หว่านค่อยๆ เหยียดแขนออกไปด้านหน้า เหลือบตาขึ้นมองเล็บที่ทาด้วยน้ำมันเคลือบสีม่วงเป็ประกายฉ่ำวาวบนนิ้วมือเรียวทั้งห้าภายใต้บรรยากาศฝนฟ้าคะนองกลิ่นโลหิตยิ่งคาวเข้ม นางวาดปลายเล็บเป็รูปวงกลมลงไปบนแผ่นหลังของเย่หงอี้ที่ตำแหน่งด้านหลังของหัวใจ
ริมฝีปากกระดกเยาะอย่างไร้ความหวาดหวั่นยามสายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง แสงสว่างในวูบนั้นสะท้อนดวงหน้าแสยะยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัวปานอสูรร้าย
...
ในห้องโถงจวนสกุลซูเหยาเจิ้นถิงยื่นข้อเสนอแจ้งจุดยืนของตนเองอีกครั้ง ตราบใดที่โต้วเซียงหลันไม่ไปรบกวนซูมู่จื่อกับเหยาอวี้นางก็ยังคงเป็ฟูเหรินใหญ่ในจวนอัครเสนาบดีต่อไป มิเช่นนั้น เพื่อบุตรชายแล้ว เขาไม่แยแสว่าจะต้องแยกทางกับนางแม้ว่าเหยาซู่หลวนจะอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็ยังคงยืนกรานหนักแน่น ซูมู่จื่อยืนแอบอยู่หลังเหยาเจิ้นถิงลอบมองแววตามาดร้ายของโต้วเซียงหลันอย่างหวาดหวั่นพรั่นพรึงรู้ดีว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติจะเอ่ยวาจาใดในสถานที่แห่งนี้
“บุตรสาวข้าเ้าเอ่ยวาจาออกมาบ้างสิ ดูเอาเถิด ว่าบิดาเ้าขึ้นมากดขี่ข่มเหงถึงศีรษะข้าแล้ว” โต้วเซียงหลันเข้ามากระตุกแขนของเหยาซู่หลวนพลางร้องไห้ด้วยความเ็ป
“ท่านพ่อได้บุตรชายนับว่าเป็เื่มงคลเพียงแต่เมื่อเป็คนในครอบครัวเดียวกัน จะให้พวกเขาไปตกระกำลำบากอยู่ข้างนอกได้อย่างไรหากรู้ไปถึงไหนจะไม่เป็ที่หัวเราะขบขันเอาหรอกหรือ? ลูกคิดว่าควรจะให้ฮูหยินสามย้ายเข้ามาอยู่ในจวนอัครเสนาบดีไม่ทราบว่าท่านพ่อมีความเห็นเช่นไร?” เหยาซู่หลวนดวงเนตรเป็ประกายวาววับ คลี่ยิ้มบางๆ เดินไปยืนตรงหน้าเหยาเจิ้นถิง นิ้วมือเรียวยื่นออกไปลูบไล้บนใบหน้ารูปไข่เนียนละเอียดของเหยาอวี้
“ลูกแม่ทำไมเ้าถึง...”
“ท่านแม่เหยาอวี้เป็เืเนื้อเชื้อไขของสกุลเหยา ทั้งเป็บุตรชายของบิดา หรือว่าท่าน้าให้พวกเขาระหกระเหินอยู่ข้างนอกไม่รู้จักว่าบรรพบุรุษของตนเองคือผู้ใดเยี่ยงนั้นหรือ? ซูมู่จื่อเป็มารดาผู้ให้กำเนิดเหยาอวี้ย่อมสมควรตามกลับไปจวนอัครเสนาบดีด้วยกัน” เมื่อเห็นมารดาไม่ยินยอม เหยาซู่หลวนก็หันกลับมามองแววตาแปรเปลี่ยนเป็เยียบเย็น
“แต่ว่า...”
“เอาล่ะนี่ไม่ใช่เื่ใหญ่อันใดเสียหน่อย เปิ่นกงจะเป็คนจัดการเื่เหล่านี้เอง ตอนนี้ฝ่าายังอยู่ในจวนอัครเสนาบดีเปิ่นกงต้องรีบกลับไปก่อน” เหยาซู่หลวนมองเหยาเจิ้นถิงอย่างมีเลศนัย ความหมายคือนางไม่้าความคิดเห็นจากเขาอีก
โต้วเซียงหลันยังอยากจะเอ่ยวาจาทัดทานแต่กลับถูกอวี้จือลากตัวกลับมา