หลิ่วจิ้งจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเมื่อครู่นางหักหน้าหั่วอี้นางและหั่วอี้นับว่าได้รู้จักกันท่ามกลางความยากลำบาก นี่ก็เป็วาสนาอย่างหนึ่ง
เพียงแต่โชควาสนายากคะเน อนาคตของนางและท่านแม่ทัพจะเป็เช่นใด กลับไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนางเลยสักนิดแม้จะบอกว่าก่อนนี้นางเคยคิดมาตลอดว่านางจะต้องเป็ฮูหยินซึ่งเป็ภรรยาเอกออกหน้าออกตาของหั่วอี้ก็ตาม
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของหลิ่วจิ้งก็หนักอึ้งขึ้นมา
นางไม่้าคนดีเพื่อได้มีชีวิตสุขสงบในครึ่งชีวิตหลัง อยู่กันจนผมขาวแก่เฒ่าล้วนไม่ได้อยู่ในความคิดของนางความแค้นของตระกูลที่ไม่อาจลืมกำลังกัดกินนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเื่รักเอยหลงเอย นางจึงไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย และไม่อยากไปคิดถึงด้วย
นาง้าสิ่งที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ต่อให้ภูผาถล่มแผ่นดินแยก ชีวิติญญาดับสูญ ขอเพียงช่วยให้นางล้างแค้นลบหนี้เืให้ตระกูลได้ เช่นนั้นนางก็ไม่นึกเสียดาย
เพื่อสิ่งเหล่านี้ นางจึงไม่ยอมกลายเป็เพียงหนึ่งในสตรีหลายๆคนของหั่วอี้ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ยิ่งไม่ยินยอมลุ่มหลงกับอ้อมอกที่เปี่ยมไปด้วยความรักของหั่วอี้เพราะนั่นจะทำให้สองตานางพร่ามัว ขัดขวางความมุ่งมั่นที่จะล้างแค้นของนาง
นางกลัวว่านางจะหลงอยู่ในความรักละมุนจนลืมความเ็ปที่บิดามารดาต้องตายอย่างอนาถ
แรกเริ่มนางคิดว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้จงได้ แต่กลับกลายเป็ว่าต้องมาผจญกับการต่อสู้แก่งแย่งที่เกิดขึ้นภายในจวนแม่ทัพใหญ่โตจึงรู้เพียงต้องะโให้พ้นจากวังวนนี้ หาไม่แล้วนางคงใช้สติปัญญาไปผิดทางจนลืมภาระสำคัญของตนเป็แน่
ก่อนที่นางจะใคร่ครวญได้ชัดเจนนางตัดสินใจว่าจะรักษาระยะห่างกับหั่วอี้เอาไว้ก่อนเป็ดี
ด้วยเหตุนี้เมื่อนางรู้ว่าหั่วอี้ยอมเชื่อคำของหมอที่ไม่มีที่มาชัดเจนผู้นั้นเพื่อให้นางจ้าวคลอดได้อย่างราบรื่นเสียก่อนและตัดสินใจเลื่อนงานแต่งงานออกไป นางก็รู้แล้วว่าหั่วอี้ไม่ใช่แรงหนุนที่จะพึ่งพาได้เพราะหั่วอี้ก็เหมือนกับฮูหยินผู้เฒ่าในสายตาของพวกเขาล้วนเห็นว่าทายาทสืบสกุลสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
หากมิใช่เพราะเหตุนี้ นางยังเคยหลงนึกว่าหั่วอี้จะเป็อาวุธสำคัญของนางโดยเฉพาะตอนที่นางได้พบกับกษัตริย์แห่งชางอี้เป็ครั้งแรกและหั่วอี้เอาชนะพานางกลับมาได้ยามนั้นเขาอุ้มนางพลางจับจ้องไปยังกษัตริย์แห่งชางอี้และผู้สำเร็จราชการอย่างโอหังก่อนจากทำราวกับว่ากษัตริย์แห่งชางอี้และผู้สำเร็จราชการไม่มีตัวตน ความทะนงและสง่าผ่าเผยเช่นนั้นของหั่วอี้ทำให้นางคิดว่าหั่วอี้มีอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งเพียงพอให้นางได้ใช้สอย
จิตใต้สำนึกของหลิ่วจิ้งกำลังบอกนางว่าควรเร่งหาวิธี มิเช่นนั้นหากไม่อาจสั่นคลอนจิตใจของหั่วอี้ได้นางก็จะเป็เพียงสมาชิกคนหนึ่งในจวนของเขาตลอดไป นั่นเพราะหั่วอี้ดูคล้ายอยู่อย่างสงบขอเพียงผู้อื่นไม่มาหาเื่เขาเป็พอแล้ว
แม้พระพุทธเ้าจะตรัสว่าสรรพสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับวาสนาชะตาลิขิตเอาไว้นานแล้ว ความเป็ตายของมนุษย์ล้วนถูกลิขิตแต่หลิ่วจิ้งกลับเชื่อว่าชีวิตของนางเป็นางกำหนดเองมิใช่์กำหนดนับั้แ่นางซึ่งเป็เหมือนคนที่ตายไปแล้วและเกือบจะถูกส่งไปเป็คณิกาหลวงกลับกลายมาเป็องค์หญิงที่มาแต่งงานแทนในยามนี้ นางก็รู้แล้วว่ามีหลายเื่ที่มิใช่ว่าเป็ไปไม่ได้เพียงจะยินยอมและกล้าก้าวข้ามประตูนั้นมาหรือไม่ต่างหาก
ถึงจะบอกว่าหลิ่วจิ้งถูกเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงมอยู่ในเรือน แต่เพราะราชครูหลิ่ว้าสอนเหล่าองค์ชายให้ได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเวลาอยู่ในบ้านหลิ่วจิ้งจึงมักต้องแสดงบทองค์ชายให้บิดาทดสอบสอนสั่งนางจึงเคยผ่านหูผ่านตาเื่ใหญ่โตของบ้านเมืองมาก่อนและเข้าใจเื่ความสัมพันธ์และขนบธรรมเนียมระหว่างแคว้น
นางแต่งงานไกลบ้านมาถึงชางอี้เป็เวลากว่าครึ่งเดือนแล้วนางรู้ว่าอีกไม่นานแคว้นต้าเว่ยจะต้องส่งราชทูตมาเยือนแคว้นชางอี้ในนามที่พูดให้สวยหรูว่ามาเยี่ยมองค์หญิงที่อภิเษกมาไกลถึงต่างแคว้นมาดูว่าปรับตัวเข้ากับชีวิตในต่างบ้านต่างเมืองได้หรือยังส่วนเป้าหมายที่แท้จริงกลับเพื่อมาดูว่าแคว้นชางอี้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหรือไม่ต่างหาก
เมื่อถึงยามนั้นฐานะองค์หญิงที่ถูกส่งมาแต่งงานแทนของนางจะถูกเปิดโปงหรือไม่ หากถูกเปิดโปงขึ้นมานางจะถูกฆ่าปิดปากหรือไม่ หรืออาจเป็อย่างอื่น…
หลิ่วจิ้งไม่กล้าคิดต่อ ไม่ว่าอย่างไรก่อนราชทูตแห่งแคว้นต้าเว่ยจะมานางจำเป็ต้องมีแผนรับมือ แผนที่แม้ฐานะของนางจะถูกเปิดโปงแต่นางก็ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
และเพราะเหตุนี้เอง เมื่อนางได้ยินว่าเพื่อลูกแล้วหั่วอี้กลับตัดสินใจเลือกทิ้งนางไปก่อนทันทีอย่างง่ายดาย
นางจึงมิได้กลัวว่าทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยอุปสรรค กลัวแต่เพียงนางจะหวังพึ่งผิดคนเสียมากกว่า
แม้จะบอกว่าที่นี่คล้ายเป็เขตอิทธิพลของหั่วอี้แต่หลิ่วจิ้งอยากรู้ว่าหั่วอี้จะผยองถือดีจนถึงขั้นมีวันที่เขากล้าพลิกแผ่นฟ้าหรือไม่
ั้แ่ครั้งแรกที่หลิ่วจิ้งรู้ว่ากษัตริย์แห่งชางอี้เป็คนเลอะเลือนเหลวแหลกและอำนาจทั้งหมดของเขาล้วนอยู่ที่ผู้สำเร็จราชการ นางก็พลันเกิดความคิดเช่นนี้
ด้วยความสามารถและฐานะของหั่วอี้ นางจึงเล็งเห็น ‘โอกาสงาม’ มานานแล้ว ในวันที่แคว้นชางอี้ไร้กษัตริย์ที่สามารถดูแลแคว้นได้หากนางสามารถทำบางสิ่ง ไม่แน่ว่าโอกาสของนางก็จะมาถึงเช่นกัน
หลิ่วจิ้งมุ่งมั่นจะล้างแค้น และเพื่อให้เป็ไปตามที่ประสงค์ ทุกแรงหนุนที่สามารถเป็กำลังช่วยเหลือนางได้นางไม่้าละทิ้งทั้งสิ้น ต่อให้เป็ขุนนางชั่วเช่นผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นชางอี้ก็ตามนางก็ยังสามารถลองคบค้ากับเขาดูได้มิใช่หรือ ไม่แน่ว่าการทำเช่นนั้นอาจทำให้นางพบวิธีฝ่าฟันอุปสรรคที่เป็อยู่ในตอนนี้ก็เป็ได้
ก่อนจะหาหนทางได้ หลิ่วจิ้งจะไม่ยอมเปลืองใจและยิ่งไม่ยอมเปลืองตัว เมื่อครู่นางจึงไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามหั่วอี้
เดิมทีนางคิดว่าอันดับแรกนางต้องกลายเป็ฮูหยินของท่านแม่ทัพที่ได้รับการยอมรับจากราชสำนักจากนั้นค่อยใช้ฐานะนั้นก้าวเข้าสู่แวดวงของทหารและขุนนางในแคว้นชางอี้เพื่อสร้างฐานกำลังให้แก่นางในภายหลัง
แต่เมื่อนางรู้แล้วว่าตอนนี้ความหวังของนางไม่อาจเป็จริงนางจึงต้องเปลี่ยนแผน
เพียงแต่ทำอย่างไรจึงจะจู่โจมได้ตรงเป้าเพื่อให้นางสามารถใช้ประโยชน์จากหั่วอี้ได้กัน?
มือที่หลิ่วจิ้งใช้เท้าคางอยู่เมื่อยล้าไปหมด แต่นางคิดแล้วคิดอีกกลับยังคิดหาวิธีที่ทำให้พึงพอใจมิออก
มีเพียงต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงจึงจะกลายเป็ต้นไม้แกร่งทันใดนั้นหลิ่วจิ้งก็คิดหาหนทางได้จากสิ่งที่นางเคยประสบมากับตัว ซึ่งนั่นทำให้นางได้เรียนรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้
เมื่อคิดได้แล้ว หลิ่วจิ้งจึงตัดสินใจว่าอันดับแรกนางต้องเริ่มลงมือทำบางสิ่งในเรือนหลังของจวนแม่ทัพก่อนเพื่อเป็การเอาตัวรอดส่วนเื่ที่ว่านางจะได้เป็ฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพหรือไม่นั้น ในยามนี้กลับมิใช่เื่สำคัญนักในมุมมองของหลิ่วจิ้ง
เพราะหลิ่วจิ้งคิดตกแล้วว่าแม้จะเป็ฮูหยินเอกของหั่วอี้แต่หากนางไม่อาจใช้ประโยชน์จากเขาได้ฮูหยินเอกก็เป็เพียงตำแหน่งกลวงๆ เท่านั้น
ในเมื่อหั่วอี้้าได้ตัวนาง เช่นนั้นก็จำเป็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน
หลิ่วจิ้งตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ จากความคิดที่อยากเป็ฮูหยินเอกแห่งจวนแม่ทัพเปลี่ยนเป็นิ่งเฉยเพื่อรอดูความเปลี่ยนแปลง
“อวี้จิ่น เอาอาหารเข้ามาที ข้าหิวแล้ว”หลิ่วจิ้งเงยหน้าขึ้นมองเวลา พบว่ายามนี้เลยเที่ยงวันมาแล้วมิน่าท้องนางถึงเริ่มก่อฏ
อวี้จิ่นได้ยินเสียงเรียกของหลิ่วจิ้ง นางรีบเอ่ยปากรับคำและเดินไปเอาอาหารมาจากห้องครัวหลัง
หลิ่วจิ้งไม่รอให้เหล่าสาวใช้จัดอาหารจนเสร็จก็รีบลงมือทานก่อนแล้วเดิมทีเพราะตอนเช้าคิดอยากลองชิมอาหารว่างในจวนแม่ทัพให้สบายใจสักหน่อยจึงทานอาหารเช้าเพียงน้อยนิดแต่ไม่นึกว่าจะถูกท่านแม่ทัพทำให้เสียเื่ไปหมดจนนางไม่ได้กินของว่างสักคำเพราะเป็เช่นนี้ไม่ทันไรจึงรู้สึกหิวขึ้นมา
อวี้จิ่นเห็นหลิ่วจิ้งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เจริญอาหารอย่างมากนางก็ยินดีอยู่ในใจนางไม่เคยเห็นมาก่อนเลยว่าเมื่อทำให้โจทก์โกรธจนต้องเดินจากไปแล้วคู่กรณีกลับยังกินอย่างอิ่มหนำสำราญราวกับไม่มีเื่ใดเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนั้น
นางอยากเอ่ยปากถามความคิดอ่านของหลิ่วจิ้ง แต่แล้วนางก็คิดถึงหลักมารยาทว่าเวลารับประทานอาหารไม่ควรพูดจานางจึงได้แต่สะกดความอยากรู้ที่รุมเร้าดั่งถูกมดกัดจนคันคะเยอเอาไว้
อวี้จิ่นย่นหน้าผากขึ้นน้อยๆ หวังให้หลิ่วจิ้งทานอาหารเสร็จโดยไวนางจะได้มีโอกาสถามเสียที
_____________________________
