“คุณชายบัณฑิตลวี่เหริน ไปฉลองกับพวกข้าดีหรือไม่…” เฉิงไฉเซียวถาม
“ไม่ล่ะ ข้ายังมีธุระที่ต้องทำ…” ลวี่เหรินกล่าว
“ธุระอะไรกัน ข้าว่าเ้าคิดหนีมากกว่า” จื่อต้าหลงกล่าว
“หนี? ข้าจะหนีทำไม?!” ลวี่เหรินกล่าว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ได้ข่าวมาว่า คุณชายบัณฑิต ดื่มสุราไม่เป็ เห็นทีจะเป็เื่จริงแฮะ หน้าตาเ้าเยี่ยงอิสตรีขนาดนี้ คงเหมาะสมแล้วแหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมหัวเราะขำ
“บัดซบไปก็ไปสิ!! ข้าเคยกลัวที่ไหนกัน!!” ลวี่เหรินกล่าวไอ้เ้านี่ยังปากสุนัขเช่นเดิม นี่ขนาดสุรายังไม่ลงคอยังเป็ถึงขนาดนี้ หากสุราลงคอแล้วมันจะขนาดไหนกันแน่ ตัวเขาเคยััด้วยตัวเองมาแล้ว ช่างยั่วโทสะเขาได้ดีเหลือเกิน
หลังจากมาถึงโรงเตี๊ยมเมฆแดง ทั้งสามก็ไปนั่งที่ริมระเบียงชั้นสองที่เดิม อาหารมายมากนำมาเสิร์ฟพร้อมสุราเมฆแดง สามป้าน เฉิงไฉเซียวกับจื่อต้าหลงคุยกันอย่างเมามันพร้อมดื่มไปด้วย ส่วนลวี่เหรินนั้นได้แต่นั่งกินอาหารเงียบๆ
“มาสหายลวี่!! มาดื่มกันเถอะ!!” เฉิงไฉเซียวกล่าวพร้อมกับรินสุราให้เขา
อันที่จริงลวี่เหรินเขาเองก็ไม่เคยดื่มสุรามาก่อน เขาจึงยกจอกขึ้นมาจิบดู เด็กหนุ่มรู้สึกถึงรสชาติขมๆแสบคอเผาท้อง เขาถึงกับไอแค่กๆ จื่อต้าหลงกับเฉิงไฉเซียวเหมือนเห็นตัวเองในอดีตก็ขำกันยกใหญ่
“ฮ่าๆ ใครเค้าดื่มกันแบบนั้นเล่า? ดูข้านะ ลูกผู้ชายต้องดื่มอย่างงี้” ว่าจบจื่อต้าหลงก็ซดเหล้าในจอกรวดเดียวหมด
“ฮ่าาา!! สะใจยิ่งนัก!! มาเอาอีก!! ลวี่เหริน!! พี่ไฉเซียวชนจอก!!” จื่อต้าหลงกล่าวพร้อมยื่นจอกที่เติมมาใหม่ชวนทั้งสองหมดจอก
ลวี่เหรินเห็นดังนั้นก็ดวงตาวาวโรจน์ หากเขาไม่ชนนี่ไม่เท่ากับบอบบางเยี่ยงอิสตรีหรอกรึ คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงจำยอม ต้องยกหมดจอกกับสองหนุ่มไปด้วย ทั้งสามคุยกันไปกินดื่มไปเรื่อยๆ ลวี่เหรินไม่ได้กินอาหารอะไรมากนักไม่เหมือนอีก สองหนุ่ม เขาเน้นนั่งจิบสุราดีกว่าไปหมดจอกบ้าๆบอๆตามพวกนั้น มาถึง่สุดท้าย จื่อต้าหลงที่ดื่มไปแล้วสี่ป้านถึงกับเมาแอ๋
“ดื่มสุราพึงเมามาย….วาจาหลังเมามาย…..เป็วาจาจากใจจริง” จื่อต้าหลงกล่าวออกมาพร้อมทำตาปรือๆ สติเลื่อนลอยปล่อยใจไปตามบรรยากาศยามค่ำคืน
“ไม่นึกเลยว่าเ้าเองก็รู้จักบทกลอนด้วย….” ลวี่เหรินกล่าว
ได้ยินดังนั้นจื่อต้าหลงจึงตอบว่า “แน่นอน…. อันที่จริงตัวข้าก็เคยอ่านตำรามาเยอะเช่นกัน” เขากล่าวพร้อมกับยกสุราขึ้นมาจิบอย่างใจเย็น
“ภารกิจในวันนี้ ราบลื่นกว่าที่คิด พวกเราได้คะแนนคุณธรรม กว่าหกสิบแต้ม แบ่งกันคนละยี่สิบ ส่วนยาเพิ่มระดับแบ่งกันคนละหนึ่งเม็ดตกลงหรือไม่?” เฉิงไฉเซียวที่กำลังเมาไม่แพ้จื่อต้าหลงกล่าวขึ้น
“ตกลง!!” ลวี่เหรินกล่าวอย่างว่าง่าย เพราะเขาเองก็เริ่มเมาแล้วเหมือนกัน
ที่แท้การร่ำสุราก็ไม่ได้แย่นัก… อีกทั้งสุราเมฆแดง ขึ้นชื่อว่าเป็สุราที่ดื่มง่าย ผู้หญิงดื่มได้ ผู้ชายดื่มดี เด็กหนุ่มนั่งเสพบรรยากาศพร้อมกับรำพึงถึงเื่ราวต่างๆไปเรื่อยๆ ปกติเขามักเอาแต่อ่านตำรา ฝึกวิชา ตามที่ตระกูลสั่งสอนมา การที่จะได้ฉายา คุณชายบัณฑิต มานั้นไม่ใช่เื่ง่ายเลย
คืนนี้ถึงแม้จะเมาแต่เขาก็รักษากริยาไว้ได้ดีเสมอ ไม่แหกปาก เอ่ยวาจากวนบาทาเหมือนอีกสองหนุ่ม หลังจากตกลงเื่แบ่งของรางวัลเรียบร้อย พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับ คืนนี้จื่อต้าหลงเมามากไปหน่อยลำบากให้เฉิงไฉเซียวต้องหิ้วปีกกลับที่พัก
ยามเช้า พวกเขาสามคนได้นัดกันไว้ไปเอารางวัลภารมาแบ่งกัน เฉิงไฉเซียวค่อนข้างตื่นเต้นเป็พิเศษเพราะยาเม็ดนี้ จะทำให้ระดับพลังของเขาะโขึ้นจากลมปราณก่อเกิดระดับกลางเป็ระดับปลายได้ ซึ่งจะมีสิทธิ์ได้เข้าเป็ศิษย์หลักของสำนักเสียที หลังจากแบ่งของรางวัลเสร็จเรียบร้อย พวกเขาต่างก็แยกย้ายไปฝึกฝน
จื่อต้าหลงที่มีพลังระดับแปดขั้นลมปราณก่อเกิดก็ได้ดูดซับยาตัวนี้ ทำให้ตอนนี้ระดับพลังของเขาเลื่อนขึ้นมาเป็ขั้นเก้า เป็ที่เรียบร้อย เฉิงไฉเซียวเองก็มาถึงระดับเจ็ดซึ่งถือว่าเป็ขั้นสูงแล้ว ได้เวลาที่พวกเขาจะไปยังหอตำรา โดยปกติหอตำรา จะให้ศิษย์ได้ยืมตำรา รอบละหนึ่งเล่ม และต้องเอาของเก่ามาคืนก่อนจึงจะรับของใหม่ไปฝึกต่อได้
จื่อต้าหลงเอาตำราวิชาเกราะกายาขั้นกลางไปคืน จากนั้นจึงแลกเอาขั้นสูงมาแทน ผู้าุโหอตำรา ค่อนข้างแปลกใจที่มีคนตั้งใจฝึกวิชากายามากถึงขนาดนี้ นี่ทำให้เขามองจื่อต้าหลงในด้านดี ‘เ้าเด็กนี่ช่างมีความอดทนยิ่งนักที่สามารถฝึกวิชาเกราะกายามาถึงขั้นนี้ได้’ อันที่ จริง มีศิษย์อยู่ไม่มากนักที่จะฝึกวิชากายา ตอนนี้ในสายตาของผู้าุโที่มองจื่อต้าหลงไม่ได้เป็เ้าหนูแล้ว แต่เปลี่ยนเป็เ้าหนุ่มแทน เพราะ่ที่ผ่านมาจื่อต้าหลง ฝึกวิชากายา กับประลองยุทธกับเฉิงไฉเซียวบ่อยครั้งทำให้ ร่างกายเขาเริ่มสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อกำยำขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากได้ตำรามา จื่อต้าหลงก็อ่านวิธีฝึก ว่าต้องใช้สมุนไพรตัวไหนบ้าง ต้องโคจรลมปราณแบบใด หลังจากศึกษาไปได้สักพัก พอเห็นรายชื่อตัวยาเกือบยี่สิบชนิดเขาถึงกับเวียนหัว เด็กหนุ่มคิดไว้ว่าจะยกเื่สมุนไพรให้ท่านพ่อของเขาจัดการให้
‘หึๆๆ ท่านพ่ออยากให้ข้าฝึกวิชาดีนัก ลำบากท่านต้องหาสมุนไพรจากทั่วหล้ามาให้ข้าแล้ว อิอิ’
หารู้ไม่ว่าจื่อเทียนหลางปลามปลื้มมากที่เ้าลูกชายตัวแสบของเขามาขอความช่วยเหลือ อายุเพียงสิบสี่ย่างสิบห้าแต่กับสามารถเข้าสู่ลมปราณก่อเกิดขั้นที่เจ็ดได้แล้ว นี่มันยิ่งกว่ายอดเยี่ยมซะอีก พร์ของจื่อต้าหลงนั้นมีมากกว่า จื่อหง พี่ใหญ่ของเขาเสียอีก นี้ถ้าจื่อเทียนหลางได้รู้ว่าความจริงแล้วจื่อต้าหลงบรรลุระดับเก้าลมปราณก่อเกิดแล้วคงจะปลื้มจนน้ำตาไหลทางเป็แน่
เหตุผลที่จื่อต้าหลงต้องปกปิดวิชาฝีมือเป็เพราะเขาเหลืือทางรอดไว้ให้ตัวเอง คนเราย่อมต้องมีไพ่ตายซ่อนไว้ในแขนเสื้อกันบ้าง ดังนั้นเขาจึงปิดบังพลังฝีมือที่แท้จริงของตนเองเอาไว้ บัดนี้เด็กหนุ่มได้บรรลุเคล็ดวิชาัม่วงถึงระดับห้า ท่าร่างัม่วงระดับหก เกราะกายาขั้นหก และฝ่ามือัม่วงขั้นสี่ เขาทั้งว่องไว ลื่นไหล ดุดันและอึดถึกทนทานมาก อีกทั้งความสามารถด้านการต่อสู้ก็ได้เฉิงไฉเซียวเป็คู่ซ้อมที่ดีให้เสมอ
เด็กหนุ่มมั่นใจว่าถ้าให้เขางัดไพ่ตายออกมาทั้งหมด แม้แต่ศิษย์หลักก็รับมือเขาลำบากแล้ว โดยทั่วไปศิษย์หลักจะมีระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่เจ็ดถึงสิบ และมีเพียงสิบยอดฝีมือเท่านั้นที่บรรลุระดับลมปราณจิต! สิบยอดฝีมือของสำนักปลาทองนั้นต่างมีชื่อเสียงโด่งดังมาก พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
จื่อต้าหลงในยามนี้กำลังหาวิธีที่จะบรรลุระดับลมปราณก่อเกิดขี้นที่สิบให้จงได้ เขาคิดว่าถ้าทำภารกิจระดับสูงแล้วได้ยานี้มาอีกสักสามถึงสี่เม็ดเขาก็น่าจะบรรลุขั้นสิบได้โดยรวดเร็วแล้ว อีกทั้งยังมีตราัม่วงที่เพิ่มอัตราดูดซับคลื่นพลังลมปราณถึงสี่เท่าอีก ชีวิตเขาช่างสบายยิ่งนัก เด็กหนุ่มวางแผนไว้ว่า จะฝึกวิชาเกราะกายาให้ถึงระดับสูงก่อนแล้วจึงค่อยออกไปล่าภารกิจ
ณ จวนตระกูลจื่อ
จื่อต้าหลงได้ผสมสมุนไพรลงถังแช่ไปถึงยี่สิบชนิด ขณะนี้เด็กหนุ่มกำลังทำหน้าสยดสยองเมื่อคิดได้ว่าตนต้องได้รับความเ็ปรวดร้าวอีกครั้ง วิชาเกราะกายานี่ฝึกเหมือนจะยาก ทว่า บางทีก็เหมือนง่าย มันจะทรมานกายเพียงแค่ชั่วครู่ใน่แรกเท่านั้น หลังจากนั้นมันก็จะรู้สึกสุขสบายไปเอง ไม่รู้ว่าตอนนี้เด็กหนุ่มเสพติดความเ็ปไปแล้วหรือไม่? จึงได้มีความคิดเช่นนี้ออกมา….
