การเดินทางกว่า 13 ชั่วโมงก็ได้สิ้นสุดลงเมื่อเท้าของพวกเขาแตะแผ่นดินอังกฤษ ทุกอย่างก้าวกลับถูกจับตามองด้วยผู้คนหลากหลายเพราะชายชุดดำนับยี่สิบคนที่มารอต้อนรับพวกเขา แต่เพราะพวกเขาทั้งสามคนเคยชินกับการที่มีลูกน้องของแด๊ดดูแลตลอดเลยไม่รู้สึกอะไรมากนัก
“เขาจะพาพวกเราไปฆ่าปะเนี่ย?” พายเริ่มบ่นๆเมื่อสองข้างทางที่รถกำลังแล่นผ่านนั้นมีแต่ป่ารกทึบ
“ฮ่าๆ กูถามจริงๆ มึงกลัวเป็ด้วยเหรอ?” ฟิลมองใบหน้าสวยของน้องชายที่ไม่มีความตื่นกลัวอยู่ในนั้นสักนิดก่อนจะถามอย่างขำขัน
“ถ้ากลัวก็คงไม่ใช่กูครับ” พายตอบด้วยท่าทีสบายๆ เพราะเื่พวกนี้ไม่ใช่เื่ที่น่ากลัวอะไรเลย
“แล้วมึงจะพูดขึ้นมาทำไมว่ะ?” ฟิลได้แต่ส่ายหน้าและถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็แค่พูดเล่นขำๆ” พายบอกด้วยรอยยิ้มหวาน
“หึ” ไอ้ไฟท์ขำในลำคอเบาๆ มองพวกเราสองคนเถียงกันไปมาเพราะไม่ว่าที่ไหนหรือว่าเมื่อไหร่และสถานการณ์จะเป็อย่างไรพวกเราก็ชอบกัดกันเสมอ แต่พวกเราก็รักกันมาก ไม่เคยโกรธกันจริงจังสักครั้ง
“ว่าแต่แด๊ดจะให้พวกเราไปอยู่กับใครว่ะ ไม่เห็นจะบอกอะไรเลยสักอย่าง?” ฟิลเอ่ยถามขึ้น
“คุณลุงมาร์คัส” ไฟท์ตอบเสียงเรียบ
“มึงรู้ได้ไงว่ะ?” ฟิลมองหน้าพี่ชายที่เหมือนจะรู้อะไรมาแต่ไม่ยอมบอก
“ชอบอุบเงียบไม่บอกน้องตลอด” พายบ่นๆ
“กูแค่เดา”
พวกเราทั้งสามคนพูดคุยกันไปเรื่อย แต่ส่วนใหญ่เป็ฟิลกับพายที่เถียงกันไปมาโดยมีไฟท์ซึ่งเป็พี่ใหญ่คอยนั่งฟัง
สายตาของฟิลจับจ้องไปยังคฤหาสน์ตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้ใช้เงินสร้างกี่ล้านๆเหรียญ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ต้องมีบอดี้การ์ดประจำอยู่ทุกจุดั้แ่รั้วประตูทางเข้าจนถึงด้านหน้าและเขามั่นใจว่าภายในบ้านก็คงไม่น้อยไปกว่ากัน
“บ้านหรือวังไอ้สัส โคตรใหญ่”
ฟิลเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อรถแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังโตของตระกูลลูเซียโน่ ดูหรูหราทันสมัยและดูมีอำนาจ
“เออใหญ่กว่าบ้านพวกเราอีก” พายพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
หลังจากนั้นทั้งพวกเราสามคนก็ถูกพามาที่ห้องรับรองแขก ต้องบอกว่าใหญ่กว่าบ้านของพวกเรามากๆ ไม่ว่าจะเป็เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งล้วนแล้วแต่มีค่ามหาศาล
“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ลูเซียโน่ ฉันชื่อมาร์คัส จะเป็ผู้ปกครองของพวกเธอตลอด 4 ปีที่อยู่ที่นี่ ไฟท์ ฟิล พาย” มาร์คัสพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“สวัสดีครับคุณลุง”
ทั้งสามคนต่างยกมือไหวอย่างสุภาพและนอบน้อมตามวิถีคนไทย ฟิลแอบเห็นมุมปากหนาของคุณลุงยกขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะกลับมาราบเรียบดังเดิม
คุณลุงมาร์คัสช่างเหมือนแด๊ดของพวกเขาจริงๆเลย ไม่ว่าจะบุคลิก ท่าทางการพูดการเดินการยิ้ม หรือแม้แต่ั์ตาคู่นั้นดูมืดมนต์ เขาไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมทั้งคู่ถึงเป็เพื่อนกันได้
“ส่วนนี่ซานโน่ ภรรยาของฉัน” มาร์คัสไม่ลืมแนะนำภรรยาที่เพิ่งเดินเข้ามา
“สวัสดีครับคุณอาซานโน่”
“เรียกอาไวท์ก็ได้” ซานโน่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะบอกอย่างเป็กันเอง
“ครับอาไวท์”
ตอนแรกฟิลคิดว่าคุณลุงมาร์คัสดูเงียบและน่ากลัว แต่เทียบไม่ได้เลยเมื่อสบตากับคุณอาไวท์ ั์ตาคู่คมดูมีพลังน่าค้นหาแต่กลับน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน มันเป็แววตาของคนที่ผ่านอะไรมามากมายในชีวิต
“อืม เดี๋ยวพวกเราจะเจออีกสองคน คือลุงโรเอลกับอาเดเนียล” คุณลุงมาร์คัสบอก
“ครับ” พวกเราทั้งสามตอบอย่างพร้อมเพรียง
“อืม ใกล้ถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวมาเซ่กับซาร์คัส ก็คงจะกลับมา”
คุณอาไวท์ดูนาฬิกาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงรถที่ขับเข้ามา
“ใครเหรอครับคุณอา?”
ฟิลเอ่ยถามด้วยความสงสัย บ้านนี้เขารับแขกดึกไปหน่อยไหม จะตีหนึ่งแล้วน่ะ ทำไมถึงได้มาเวลานี้ล่ะ
“ลูกๆของอาเอง นั่นไงมาพอดี มาทำความรู้จักกันไว้ มาร์เซ่ ซาร์คัส นี่ไฟท์ ฟิล พาย อายุมากกว่าพวกลูก 2 ปี เป็ลูกของเพื่อนแด๊ด”
ซานโน่เอ่ยบอกหลานๆ ก่อนจะเรียกลูกสาวและลูกชายให้มาทำความรู้จัก
“Hi หล่อจัง” มาร์เซ่ทักทายอย่างเป็มิตรตามสไตล์ฝรั่ง แขกของแด๊ดทั้งสามคนจับมือตอบอย่างสุภาพ ั์ตาสีฟ้าคู่สวยมองหนุ่มๆอย่างอารมณ์ดี
ส่วนซาร์คัสก็ทักทายทั้งสามคนเช่นกัน แต่ทว่าสายตาคมกลับจับจ้องไปยังคนที่มีใบหน้าสวยที่สุด
ดูเหมือนซาร์คัสจะมองใบหน้าหวานของพายนานเกินไปจนตีนของฟิลกระตุกยิกๆ เขารู้สึกไม่ชอบสายตาของอีกฝ่ายที่ใช้มองพายเลยสักนิด มันมองราวกับว่าจะกลืนกินน้องชายของเขาไปทั้งตัว
“หึ” ไฟท์ได้แต่ขำในลำคอเบาๆ
“มึงจะมองน้องกูอีกนานไหม” ฟิลบ่นกับตัวเองเบาๆด้วยความหัวเสีย
“ดูแลพวกพี่ๆด้วยนะลูก” ซานโน่พูดกับลูกชาย ซาร์คัสรู้ดีว่านี่ไม่ใช่คำขอแต่เป็คำสั่ง
“ครับดี้” ซาร์คัสตอบรับคำสั่งของคนเป็แม่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปยิ้มหล่อให้กับพายอีกครั้ง
แต่ก็น่าขำเมื่อรอยยิ้มนั้นไม่มีผลต่อพายสักนิดเดียว การกระทำของน้องชายทำให้ฟิลหยุดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ซาร์คัสตามแด๊ดมาที่ห้องทำงาน ซานโน่เธอพาหลานๆไปพักก่อน”
มาร์คัสพูดจบทุกคนก็ต่างแยกย้าย ซาร์คัสเดินตามผู้เป็พ่อไปอย่างเงียบๆ ส่วนที่เหลือตามซานโน่ไปยังห้องนอนแขกที่ถูกเตรียมเอาไว้เพื่อทั้งสามคน ซึ่งแต่ละคนจะได้ห้องพักเป็ส่วนตัวไม่ต่างจากอยู่บ้านของตัวเอง
ระหว่างขึ้นไปยังห้องพักคุณอาไวท์ก็ได้แนะนำในส่วนต่างๆให้พวกเรารับรู้คร่าวๆ
“เวลาทานอาหาร มื้อเช้า 07:20น. มื้อเย็น 18:00น. น้ำชายามบ่ายถ้าพวกลูกไม่อยากดื่ม ไม่ดื่มก็ได้”
“ครับ”
“พักผ่อนตามสบายนะ เจอกันเวลาอาหารเช้า”
“ขอบคุณครับคุณอา”
ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าห้องของตัวเอง ฟิลเริ่มจัดการรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเอาไปไว้ในห้องแต่งตัว ก่อนจะกลับมานั่งแยกของที่เหลือตรงปลายเตียงนอน เขาใช้เวลาไม่นานนัก ของทั้งหมดก็ถูกจัดวางอย่างเป็ระเบียบ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่เขาไม่ชอบอะไรที่วางขวางหูขวางตา
หลังจากเก็บของเข้าที่เรียบร้อย ฟิลจึงเริ่มเดินสำรวจห้องนอนของตัวเองอย่างละเอียด
“สวยว่ะ” ฟิลพูดออกมาด้วยความรู้สึกว้าวมากกับวิวตรงหลังระเบียงของห้องตัวเอง
ฟิลมองภาพตรงหน้าราวกับต้องมนต์สะกด ความมืดมิดในยามค่ำคืนกับดวงจันทร์ที่ส่องแสงลงมายังป่าสนไกลสุดสายตา มันเป็ความสวยงามที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“นั่นอะไรว่ะ ?” ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ไม่นาน คิ้วสวยของฟิลก็ขมวนมุ่น สายตาคมจับจ้องไปยังเงาขนานใหญ่สีดำทมิฬที่กำลังวิ่งอยู่ในแถบป่าสนด้านหลัง ไม่ได้มีแค่เงาเดียว
“คุณลุงคงไม่เลี้ยงหมาป่าหรือหมีั์ไว้หรอกมั้ง” ฟิลพูดอย่างขำขันก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องนอน
………………………………………………….
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้