สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปทั้งหลาย แม้ว่าจะมีพลังวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกัน แต่พลังวรยุทธ์ของผู้ที่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าระดับ และผู้ที่อยู่ในระดับจุดสูงสุดแล้วนั้น ย่อมมีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ ย่อมเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นตอนที่หลัวเลี่ยเพิ่งเริ่มเข้าสู่ระดับผู้ฝึกตนระดับที่เก้า ตอนนั้นเขาสามารถก้าวขึ้นบันไดหยกมาได้ถึงเพียงขั้นที่แปดสิบหกเท่านั้น แต่เมื่อพลังของเขาอยู่ในจุดสูงสุดของระดับที่เก้า เขากลับสามารถขึ้นบันไดหยกมาได้ถึงขั้นที่เก้าสิบเจ็ด สิ่งนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้จะมีพลังอยู่ในระดับเดียวกัน แต่พลังของเขาก็มีความแตกต่างกันมาก ซึ่งความแตกต่างของพลังในระดับสิบนั้นต้องมีมากกว่าระดับเก้าอย่างแน่นอน นี่จึงเป็เหตุผลว่าทำไมตอนที่ทั้งสองสาดพลังใส่กันนั้นหลัวเลี่ยถึงเป็ผู้ที่ถอยออกมา และได้รับาเ็มากกว่า
นี่คือสิ่งสำคัญในพลังวรยุทธ์
แม้ว่าหมัดพญาัประจัญบานจะไม่เลว แต่หากพูดกันตามตรงแล้ว ทักษะหมัดพญาัประจัญบานย่อมไม่สามารถสู้กับวิชายุทธ์ที่มีผู้คิดค้นอยู่ในระดับกายทองคำหรือระดับบรรพชนได้ ยกตัวอย่างวิชายุทธ์ที่มีผู้คิดค้นอยู่ในระดับกายทองคำหรือระดับบรรพชน ก็คือวิชามหาหลุนิที่หลัวเลี่ยเคยใช้
เมื่อรวมทั้งสองเหตุผลนี้เข้าด้วยกันแล้ว จะทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลัวเลี่ยเป็ผู้ด้อยกว่าในการต่อสู้ครั้งนี้
“เ้าคือขุนพลอสูร?” หลัวเลี่ยเช็ดเืออกจากมุมปากของตนเอง
ผู้ลอบโจมตีหลัวเลี่ยดูเหมือนชายวัยกลางคนคนหนึ่งในวัยสี่สิบ เขามีใบหน้าคมคาย หน้าผากกว้าง คิ้วหนา ดวงตามีประกายสีเขียวอ่อน จมูกโด่งสวย เขาสวมชุดคลุมสีขาวและกำลังเอามือไพล่หลังไว้ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความเย่อหยิ่ง
“ข้ามีนามว่าเมิ่งชิงหลง ข้าเป็เพียงผู้พิทักษ์ยอดเขาแห่งคุกอนธการ และมีหน้าที่ปกป้องการกำเนิดของขุนพลอสูร” เมิ่งชิงหลงมองไปที่หลัวเลี่ย “เ้าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ เ้าเป็ใครกันแน่ถึงสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ได้สำเร็จ”
“ไม่ใช่ว่าเ้าก็ฝึกฝนได้สำเร็จแล้วหรือ?” หลัวเลี่ยตะคอก
ใบหน้าของเมิ่งชิงหลงเคร่งขรึมในทันที “เ้ารู้หรือไม่ ข้าใช้เวลาถึงแปดร้อยกว่าปีในการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ นอกจากนี้ทุกๆ หนึ่งร้อยปี ข้ายังต้องอดทนต่อความเ็ปเจียนตาย หากข้าอดทนได้ ข้าก็จะสามารถฝึกฝนต่อได้ และ่เวลานั้นข้ายังใช้โลหิตัมากมายเพื่อช่วยในการฝึกฝน จนกระทั่งในปีที่แปดร้อยเจ็ดสิบหก ข้าก็สามารถฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดของระดับที่สิบได้ จากนั้นข้าก็ใช้เวลาอีกห้าสิบปีในการฝึกฝนวิชาหมัดประกายดำ และสุดท้ายข้าใช้เวลาอีกเจ็ดสิบสี่ปีในการดูดซับพลังที่อยู่บนยอดเขาแห่งคุกอนธการนี้ จนร่างของข้าได้กลับมาอยู่ในวัยสี่สิบปี ทั้งหมดก็เพื่อให้ข้าสามารถเป็ผู้แข็งแกร่งในดินแดนเหยียนหวง เ้าบอกมาซิว่าเ้าสามารถทำได้เช่นข้าหรือไม่”
“หนึ่งพันปีที่ผ่านมา ชีวิตของข้าต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงราวกับตายแล้วเกิดใหม่ถึงสิบครั้ง เพื่อให้สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ได้สำเร็จ เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเ็ปเพียงใดที่เห็นว่าเ้ากลับฝึกฝนจนสำเร็จได้ั้แ่อายุยังน้อย ข้าเกลียดพวกอัจฉริยะที่สุด โดยเฉพาะอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใครเช่นเ้า ข้ารับรองว่าข้าจะต้องบดขยี้เ้าให้ตายคามือ และใช้เืของเ้ามาดับความแค้นในใจของข้าให้ได้”
เมื่อผีเสื้อแห่งรัก เย่เิหลง และคนอื่นๆ มากมายได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะใ
เขาอดทนมาถึงหนึ่งพันปี คนคนนี้บ้าไปแล้ว
หลัวเลี่ยหยิบคันธนูซวนิออกมาอีกครั้ง “เ้าอดทนมาถึงหนึ่งพันปี ไม่เพียงแต่ผ่านความเป็ความตายมานับสิบครั้ง แต่ตัวเ้าเองก็ยังอยู่บนยอดเขาแห่งคุกอนธการแห่งนี้อย่างเดียวดาย แม้ว่าประตูแห่งโลกเื้ัจะเปิดออก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถขึ้นมาบนยอดเขาแห่งคุกอนธการได้เลย เ้าคงเบื่อมากสินะเลยพูดกับข้าเสียมากมาย”
เมิ่งชิงหลงพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้ากระหายเืมากด้วย!”
“เช่นนั้นหรือ”
หลัวเลี่ยยกธนูซวนิขึ้น และชี้ไปที่เมิ่งชิงหลง
เมิ่งชิงหลงพูดอย่างเหยียดหยาม “เ้ายังจะดื้อด้านต่อต้านข้าอยู่อีกหรือ”
“แล้วข้าทำไม่ได้หรือ” หลัวเลี่ยยิงธนูออกไป
วิชาธนูหมาป่า์กลืนจันทร์!
หลัวเลี่ยรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็ด้านพลังภายในหรือพละกำลัง พลังของเมิ่งชิงหลงล้วนแข็งแกร่งกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงใช้ธนูซวนิมาเป็ตัวช่วยเสริมพลังของตนเอง
อย่างน้อยธนูซวนิก็เป็สมบัติวิเศษ และเมื่อมันรวมเข้ากับวิชาธนูหมาป่า์กลืนจันทร์ ก็ยิ่งเสริมพลังของมันมากขึ้นไปอีก
“ช่างไม่ประมาณตน!”
“ข้าจะฆ่าอัจฉริยะอย่างเ้าเอง!”
เมิ่งชิงหลงคำรามออกมา เขาเผชิญหน้า พุ่งเข้าหา และออกหมัดรับลูกธนูที่หลัวเลี่ยยิงมาโดยไม่หลบหลีก
เขาใช้วิชาหมัดประกายดำที่ตนเองใช้เวลากว่าห้าสิบปีในการฝึกฝนจนถึงระดับถ่องแท้
ตูม!
หมัดนี้ะเิลูกธนูได้ภายในครั้งเดียว
เมิ่งชิงหลงแข็งแกร่งมาก
หลังจากที่เมิ่งชิงหลงะเิลูกธนูเสร็จ ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวไปข้างหน้า ลูกธนูดอกที่สองก็มาถึงตัวเขาอีกครั้ง
วิชาธนูหมาป่ากลืนจันทร์นั้นมีลักษณะพิเศษ คือมันไม่ได้สิ้นเปลืองพลังภายในของผู้ใช้วิชานี้มากมาย แต่ลูกธนูที่ออกมามีความเร็วและความแข็งแกร่งมาก ยิ่งเมื่อลูกธนูนี้ถูกปล่อยออกมาจากธนูซวนิที่เป็อาวุธวิเศษ มันก็ยิ่งทำให้ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมานั้นมีความรวดเร็วและรุนแรงมากยิ่งขึ้น
หลัวเลี่ยยังคงยิงธนูออกไปอย่างไม่ลังเล
ฟึ่บๆ!
เสียงสายธนูดังก้องอย่างต่อเนื่อง และลูกธนูก็ถูกยิงออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“เ้ายังไม่ยอมรับในพลังของตัวเองอีกหรือ”
เมิ่งชิงหลงยังคงพุ่งเข้าไปหาหลัวเลี่ยโดยไม่สนใจลูกธนู เขาพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วในระดับทั่วไป และระหว่างทางก็ค่อยๆ ออกหมัดทำลายลูกธนูเ่าั้ไปด้วย
ปัง ปัง ปัง...
ลูกธนูที่ลอยอยู่ในอากาศะเิเป็ชุด
เมิ่งชิงหลงไม่ได้รับาเ็สักนิด เขายังคงพุ่งตัวไปด้วยความเร็วที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้น
ทุกคนคล้ายหัวใจหยุดเต้นเมื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าสัตว์ประหลาดอย่างเมิ่งชิงหลงจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับพลังที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้พวกเขายังตระหนักได้ว่า นี่คือพลังที่น่ากลัวที่สุดของเคล็ดวิชาั์
เขาสามารถฝึกฝนสำเร็จหลังจากการบ่มเพาะพลังมาเป็เวลาหนึ่งพันปี การต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับที่ไร้เทียมทานแล้ว
และหลัวเลี่ยเป็เพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าหลัวเลี่ยฝึกฝนวรยุทธ์ได้ไม่ถึงครึ่งปี พวกเขาเห็นเพียงความแตกต่างของระดับพลังที่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าระดับและพลังในระดับจุดสูงสุดเท่านั้น ซึ่งทุกคนก็มองว่าหลัวเลี่ยมีพลังต่างกับเมิ่งชิงหลงเกินไป ทำให้ตอนนี้ทุกคนเริ่มวิตกกันแล้ว
สู้ไม่ได้ สู้ไม่ได้จริงๆ
แม้ว่าจะมีอาวุธวิเศษอย่างธนูซวนิเป็ตัวช่วยเสริมพลัง แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเมิ่งชิงหลงได้ แล้วเช่นนี้จะชนะเมิ่งชิงหลงได้อย่างไร
หากหลัวเลี่ยถูกฆ่า พวกเขาก็คงต้องตายอย่างแน่นอน
อารมณ์ในแง่ร้ายแทรกซึมอยู่ในหัวใจของทุกคน
หลัวเลี่ยยังคงง้างคันธนูและยิงออกไปอย่างใจเย็น
การที่หลัวเลี่ยระดมยิงลูกธนูมากมาย เป็เพราะเขา้าผลาญพลังของเมิ่งชิงหลงให้ได้มากที่สุด
หลัวเลี่ยคิดมาแล้วว่า พลังจากลูกธนูที่ปล่อยออกมาจากคันธนูซวนิย่อมโจมตีเมิ่งชิงหลงได้แข็งแกร่งมากกว่าพลังของเขา และหากเขาไม่ค่อยๆ ผลาญพลังของเมิ่งชิงหลงเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงยากที่จะเอาชนะเมิ่งชิงหลงได้
“ทำลายให้หมด!”
เมื่อเมิ่งชิงหลงเข้ามาใกล้หลัวเลี่ยจนเหลือระยะห่างเพียงสามจั้ง เขาก็ส่งเสียงคำรามดังพร้อมส่งหมัดออกมาทันที หมัดนี้ไม่เพียงทำให้ลูกธนูที่พุ่งเข้ามาแตกเป็เสี่ยงๆ แต่มันยังทรงพลังมากถึงขั้นทำลายลูกธนูดอกอื่นๆ ได้อีกด้วย เมื่อลูกธนูทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว เมิ่งชิงหลงก็ใช้โอกาสนี้พุ่งตัวมาอยู่ด้านหน้าของหลัวเลี่ย และเอื้อมมือไปจับคอของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
สายเกินไปที่หลัวเลี่ยจะยกธนูขึ้นมาป้องกันตัว เขาจึงเปลี่ยนเป็มาใช้ทักษะหมัดแทน
ตูม!
ทั้งสองใช้หมัดสู้กันอีกครั้ง
หลังจากที่พลังของพวกเขาปะทะกันแล้ว ร่างกายของพวกเขาก็สั่นไหวขึ้นพร้อมกัน ครั้งนี้หลัวเลี่ยถอยหลังไปหกถึงเจ็ดก้าว ส่วนเมิ่งชิงหลงนั้น ร่างกายของเขาสั่นไหวสองครั้ง และเขายังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ถอยหลังไปแม้แต่ครึ่งก้าว
“เ้าช่างไม่ได้เื่เอาเสียเลย”
เมิ่งชิงหลงยิ้มอย่างน่ากลัว เขาก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง และโจมตีหลัวเลี่ยต่อไป
หมัดประกายดำปะทะกับหมัดพญาัประจัญบานอีกครั้ง!
ตูม! ตูม! ตูม!
พวกเขาปล่อยหมัดออกมาถึงสามครั้งในพริบตาเดียว
หลังจากการปะทะครั้งนี้ หลัวเลี่ยถอยหลังออกมาถึงเก้าจั้ง และกระอักเืออกมา
ในทางกลับกัน เมิ่งชิงหลงไม่ได้รับาเ็ใดๆ เลย เขามีเพียงความใเกิดขึ้นเท่านั้น
“เ้าเทียบข้าไม่ได้เลยสักนิด แล้วเ้าจะต่อสู้กับข้าได้อย่างไร ท่านอัจฉริยะ ท่านเทพในอนาคต โปรดบอกข้าทีเถิดว่าเ้าอยากตายอย่างไร” เมิ่งชิงหลงพูดอย่างเ็า เขาเลียริมฝีปากแสดงออกว่ากระหายเื
หลัวเลี่ยไอเบาๆ และพ่นเสมหะปนเืออกมา “หากให้เวลาข้าสองเดือน ข้าต้องไปถึงจุดสูงสุดของระดับสิบได้แน่ ความแตกต่างของเ้ากับข้าก็คือระยะเวลาเท่านั้น”
“ที่เ้าพูดมาก็ไม่ผิด เ้าเป็อัจฉริยะ ความแตกต่างของพลังนี้เ้าใช้เวลาไม่นานก็คงตามข้าทันแล้ว” เมิ่งชิงหลงยกยิ้ม “แต่ว่าเ้าไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว”
“ก็ไม่เสมอไปหรอก” หลัวเลี่ยยิ้มเบาๆ “ข้าจำได้ว่า เ้าบอกว่าตนเองใช้เวลาถึงหนึ่งพันปีในการฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ หมัดประกายดำ และเปลี่ยนอายุของตัวเองใช่หรือไม่”
“ใช่” เมิ่งชิงหลงกล่าว
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขอถามว่า เ้าเคยฝึกฝนเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินหรือไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งชิงหลงก็หัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “ที่แท้เ้าก็วางแผนที่จะใช้เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินต่อสู้กับข้าหรือ ข้าขอบอกเ้าว่ามันไร้ประโยชน์ เพราะตอนที่ข้าถูกกำหนดให้มาอยู่ที่นี่ ในตอนนั้นก็มีคนแนะนำข้าเื่เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินแล้ว!”
ชิ้ง!
มีแสงวาบเกิดขึ้นที่ข้างหลังเมิ่งชิงหลง
มันร้อนแรงแผดเผาดั่งแสงอาทิตย์
นี่คือเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านเดชสุริยน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้คนมากมายก็เริ่มหมดหวัง แม้แต่ผีเสื้อแห่งรักและเย่เิหลงก็รู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง พวกเขามองไม่เห็นทางที่หลัวเลี่ยจะชนะได้อีกต่อไป
“แม้ว่าเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินจะมีหลายด้าน แต่เดชสุริยนของข้านั้นนับว่ามีพลังแข็งแกร่งที่สุด และข้าก็ไปถึงระดับถ่องแท้แล้ว” เมิ่งชิงหลงพูดอย่างภาคภูมิใจ “ข้าขอถามว่า เ้าจะสามารถรับมือกับมันได้ไหวอีกหรือไม่”
หลัวเลี่ยมองไปที่เดชสุริยนแล้วยกยิ้มขึ้นอย่างผ่อนคลาย “ก็แค่เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินระดับโลหะ เ้ายังจะกล้าอวดอีกหรือ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้