“ฟึบ!”
กริชแดงโลหิตเกิดเป็พลังงานที่ส่งความร้อนออกมาพร้อมกับเยว่ชิงเฉี่ยนที่กัดฟันแน่น“ฆ่าพวกเราตายไปแล้วครั้งหนึ่งจะปล่อยไปแบบนี้ได้ยังไง! ขอฉันฆ่าเธอก่อนเถอะแล้วค่อยว่ากันฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะเป็ยอดฝีมือของฝานซูหรือเปล่า!”
รองเท้าบูตเล็กๆ เหยียบใบไม้บนพื้นก่อนที่เยว่ชิงเฉี่ยนจะพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมใช้กริชในมือแทงศัตรูตรงหน้าจนกริชทั้งสองด้ามเกิดการปะทะกันอย่างแรง
“เอ๋?”
หลินหว่านเอ๋อร์อุทานออกมาก่อนจะใช้ร่มเหล็กป้องกันหน้าอก
ฟึบ!
การปะทะเป็ไปอย่างรุนแรงพลังของหลินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย แถมดูเหมือนจะเหนือกว่าด้วยต่อมาเยว่ชิงเฉี่ยนก็ผงะออกไปในเวลาเดียวกับที่หลินหว่านเอ๋อร์ดีดตัวถอยออกไปเกือบๆ 3 เมตรจนทำให้เกิดค่า MISS ดูเหมือนว่าเยว่เวยเหลียงจะแอบซุ่มโจมตีหลินหว่านเอ๋อร์แต่อีกฝ่ายคงรู้ตัวก่อนสินะเนี่ย
การโจมตีของเยว่เวยเหลียงสูญเปล่าพร้อมกับร่างที่ซวนเซจนไม่อาจควบคุมเธอถูกอาวุธตีใส่อย่างแรงบริเวณบ่าก่อนจะล้มกลิ้งไปตามพื้นหญ้าจนใบหน้างามเปื้อนเปรอะไปด้วยเศษหญ้าเมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้ง เยว่เวยเหลียงก็หันไปหาเยว่ชิงเฉี่ยน “เจี่ยเจีย...”
เยว่ชิงเฉี่ยนหันไปหาหลินหว่านเอ๋อร์ก่อนกัดฟันกรอด
หลินหว่านเอ๋อร์ยืนยิ้มเงียบๆอยู่ในร่างที่ยังคงสะดุดตาแก่ผู้ที่พบเห็นความเว้านูนภายใต้เกราะหนังตัวนั้นช่างเป็อะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจชะมัดนอกจากชุดเกราะแล้วยังมีเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่พลิ้วไปตามลม มือซ้ายถือร่มเหล็กส่วนมือขวาถือกริช “ถ้าพวกเธอเป็เพื่อนกับหลี่เซียวเหยาจริงๆฉันว่าเราหยุดดีกว่าไหม? ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันก็แค่เื่เข้าใจผิด”
เยว่ชิงเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็โต้ตอบกลับไป “เธอคิดว่าแค่พูดว่าวางมือก็จะปล่อยเลยตามเลยแบบนี้ได้ง่ายๆ งั้นเหรอ? อย่าลืมนะว่าเธอฆ่าสมาชิกปรากไปมากกว่า5 คน แถมยังทำให้เลเวลฉันลดลงไปตั้ง 2 เลเวลเวยเหลียงเองก็ลดลงไปตั้ง 3 เลเวลเธอจะจัดการกับเื่นี้ยังไง?”
เยว่เวยเหลียงกัดฟัน “ถ้าพวกเราปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่แก้แค้นอะไรเลยคนอื่นก็จะคิดว่าคนของเมืองปาหวางเป็พวกอ่อนแอ ถูกรังแกได้ง่ายๆ!”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้ม “งั้นฉันขอโทษพวกเธอก็แล้วกัน...”
ขณะที่หลินหว่านเอ๋อร์พูดอยู่นั้นก็มีเสียงแทรกขึ้นกลางอากาศ “พอแล้วหว่านเอ๋อร์! ถ้าคนพวกนี้ไม่ยอม พวกเราก็ฆ่าให้หมดก็สิ้นเื่ ชิฉันเองก็ไม่อยากให้คนพวกนี้คิดว่าผู้เล่นของเมืองฝานซูเป็พวกที่ยอมให้บดขยี้ได้ง่ายๆเหมือนกัน”
……
เยว่ชิงเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นไปก็เจอกับเอลฟ์จันทราที่ลอยอยู่กลางอากาศโดยมีชื่อID ว่า ชางเยว่ เลเวล 32อาชีพนักเวท
สวบ!
ทันใดนั้นศพที่อยู่บนพื้นก็ลุกขึ้นเบอร์เซิร์กเกอร์ของปรากเงยหน้ามองไปเสียงเมื่อครู่ “เฮ้ย นั่นมันชางเยว่ นักเวทอันดับ 7ของเมืองฝานซูนี่ เอ๋ แล้วนั่นก็ชางถง แอสซาซินที่ถูกจัดอยู่ในอันดับ3 แถมยังเป็แอสซาซินอันดับ 1 ของเมืองฝานซูอีกด้วยดูเหมือนจะเป็แอสซาซินที่แข็งแกร่งที่สุดของเซิร์ฟเวอร์จีนในตอนนี้ด้วยนะ...”
“ผู้ช่วยของเธอสินะ” เยว่ชิงเฉี่ยนเงยหน้าก่อนจะพูดขึ้น
……
ผมรีบเดินไปด้านหน้าแล้วแทรกกลางระหว่างสองสาว “พอแล้วๆทั้งหมดนี่เป็เื่เข้าใจผิดกันทั้งนั้นแหละ อย่าทำให้เป็เื่ใหญ่เลย”
พูดจบผมก็แนะนำตัวให้กับทั้งสองฝ่าย “ชิงเฉี่ยน ชางถงคนนี้เป็... เอ่อ...เพื่อนของฉันเอง เราอยู่มหา’ ลัยเดียวกันน่ะชางเยว่เองก็เป็เพื่อนของฉันด้วย ทั้งสองคนนี้เดินทางมาที่เมืองปาหวางก็เพื่อมาหาฉันเอง...”
หลังจากนั้นผมก็ชี้เยว่ชิงเฉี่ยน “คุณหนู คนนี้คือเยว่ชิงเฉี่ยนถึงแม้จะเป็คนของปราก แต่เธอก็เป็เพื่อนของผมเหมือนกันอันที่จริงเธอคอยช่วยเหลือผมตลอด ตอนที่ผมถูกพวกนั้นฆ่า เธอก็เลยพาคนมาช่วยแต่คิดไม่ถึงว่าคุณหนูกับเฉิงเยว่จะมาด้วยไม่งั้นผมคงไม่ปล่อยให้เกิดเื่เข้าใจผิดแบบนี้แน่ๆ ...”
หลินหว่านเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ “สองคนนี้... มาช่วยนายจริงๆ เหรอ?”
“ครับ”
“งั้นก็เป็เื่เข้าใจผิดจริงๆ สินะ”
หลินหว่านเอ๋อร์ก้าวไปด้านหน้าก่อะโค้งตัวเล็กน้อยด้วยท่าทางสง่างาม“ฉันไม่รู้จริงๆว่าพวกเธอมาเพื่อช่วยหลี่เซียวเหยา ต้องขอโทษด้วยนะฉันรู้ว่าคำขอโทษอาจจะช่วยอะไรไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ฉันจะใช้ความจริงใจเพื่อชดเชยความผิดของฉัน”
ระหว่างนั้นหลินหว่านเอ๋อร์ก็หยิบของในกระเป๋าออกมาซึ่งเป็หมวกสีทองแวววาวจะส่งให้กับเยว่ชิงเฉี่ยน “นี่เป็หมวกเกล็ดหิมะที่ฉันได้มาจากบอสเลเวล 31 เป็หมวกระดับทองแดงเลเวล 27 ฉันกับเยว่เอ๋อร์ใช้มันไม่ได้งั้นฉันขอมอบมันให้ปรากเพื่อเป็การไถ่โทษก็แล้วกัน”
เยว่ชิงเฉี่ยนที่เดิมไม่คิดจะถือโทษอะไรอยู่แล้วพอได้เห็นหมวกเกล็ดหิมะตรงหน้า แววตาก็เป็ประกายทันทีนี่เป็เกราะหมวกระดับทองแดงเลเวล 27 ถือเป็อาวุธระดับสูงชิ้นหนึ่งก็ว่าได้ถึงแม้ว่าเยว่ชิงเฉี่ยนจะไม่อาจใช้งานมันได้ แต่อย่างน้อยๆเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงก็สามารถใช้มันได้แถมหมวกใบนี้ยังสามารถเพิ่มการโจมตีและการป้องกันให้กับเยี่ยนจ้าวอู๋ซวงได้ไม่น้อย
หลังจากรับหมวกมาเยว่ชิงเฉี่ยนก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าพี่เซียวเหยาจะมีเพื่อนที่แข็งแกร่งขนาดนี้แถมยังเป็ผู้เล่นที่ติด 1 ใน 10 ของเมืองฝานซูด้วยนี่ฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าพี่หัวเดียวกระเทียมลีบ”
“แค่กๆ ...” ผมกระแอมออกมา “เอาละๆพอได้แล้ว อย่าทำให้ฉันดูแย่ไปกว่านี้เลย”
เยว่ชิงเฉี่ยนหัวเราะ “โอเคๆ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันขอรับหมวกนี้ไว้ก็แล้วกันนะ ขอบคุณสำหรับของชิ้นนี้ด้วยนะชางถงถึงแม้ว่าฉันกับคนอื่นๆ จะต้องเสียค่าประสบการณ์ไปเยอะก็เถอะ ว่าแต่...พวกเราจะเฝ้าร่างของกิลด์สงป้าเฟิงหยินนี่ไว้หรือเปล่า?”
หลินหว่านเอ๋อร์กระตุกมุมปาก “น่าเบื่อจะตายไป”
ผมได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวสิ เฝ้าไว้สักครึ่งชั่วโมงเถอะตอนนี้ผมยังมีภารกิจที่ต้องจัดการให้เสร็จต้องฆ่ามอนสเตอร์เพื่อเก็บของในภารกิจอีกหนึ่งชิ้น ถึงจะสามารถส่งภารกิจระดับ AAได้”
“ว่าไงนะ?” หลินหว่านเอ๋อร์หันมาถามด้วยอาการตกตะลึง “นะ... นายรับภารกิจระดับ AA มาเหรอ?”
“ใช่ ไม่งั้นผมคงไม่ยอมให้ชิงเฉี่ยนพาคนมาช่วยผมที่นี่หรอก”
“ก็ได้...” ตงเฉิงเยว่ที่ลอยอยู่้าร่อนลงมาที่พื้นหลังจากเก็บปีกแล้วเธอก็ถือคทาสีเขียวเดินมาหาผม “ที่จริงฉันกับหว่านเอ๋อร์ก็ไม่มีอะไรทำอยู่พอดีนายก็มาเข้ากลุ่มเราสิ พวกฉันจะได้ช่วยทำภารกิจให้”
“แต่ภารกิจนี้มันแบ่งกันไม่ได้น่ะ”
“ไม่เห็นเป็ไรเลย พวกฉันฆ่ามอนสเตอร์เก็บค่าประสบการณ์ก็พอแล้วอีกอย่างเลเวลของมอนสเตอร์ที่นี่ก็ไม่เลวด้วย”
“อื้อ ก็ได้”
……
สวบ!
ทันใดนั้นแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ก็สาดส่อง
หลินหว่านเอ๋อร์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมขณะที่แสงแดดส่องปะทะร่างทันใดนั้นผิวที่ขาวผุดผ่องราวกับหิมะก็ดูเหมือนว่าจะถูกเผาไหม้จนเกิดเสียง “ฉ่าๆ” แล้วควันก็ลอยออกจากผิวกายของเธอนี่คือข้อเสียของเผ่าเอลฟ์จันทรา เพราะใน่เช้าพลังโจมตีจะลดลง 25% และถ้าถูกแดดเผาในทุก 1 วินาทีเืก็จะลดลงไปด้วย 1%
ผมมองเธอโดยไม่ได้พูดอะไร
หลินหว่านเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ “มีอะไร?”
ผมชี้บ่าที่แวววาวของเธอ “คุณหนู ควันขึ้นครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหยิบร่มเหล็กออกมากางที่แท้เ้าร่มนี่ก็มีไว้เพื่อกันแดดสินะ แต่ร่มที่กางทำให้ผมมองไม่เห็นดวงตาของหลินหว่านเอ๋อร์อีกต่อไปนอกเสียจากริมฝีปากงามภายในดินแดนของเมืองปาหวาง่เวลาเช้าเอลฟ์จันทราจะถือร่มไปทุกที่ระหว่างฆ่ามอนสเตอร์อีกอย่างคนที่เลือกเผ่าพันธุ์นี้ก็มีแต่ผู้หญิงและแน่นอนว่าทั้งรูปร่างหน้าตาก็สามารถปรับเปลี่ยนได้มากกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆทำให้ผู้เล่นชายต่างก็อยากจะเข้าใกล้เผ่าพันธุ์นี้มากที่สุดการได้อยู่ใกล้เอลฟ์จันทรานี่ช่วยทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้นมาเป็กอง
“นี่คือ...”
หลินหว่านเอ๋อร์ก้าวเท้าไปด้านหน้าก่อนจะใช้ขาขาวๆเตะศพตรงหน้าเพื่อพลิกตัวกลับมาดู “ทำไมถึงคุ้นตาจังเลยนะ”
ตงเฉิงเยว่ตอบ “นี่มันผู้ชายเ้าชู้ที่เธอพูดถึงไม่ใช่เหรอ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็พูดขึ้น “ก็ว่าทำไมตอนเช้าหลิวอิงถึงได้พาสวีเยว่มายั่วประสาทหลี่เซียวเหยาถึงในห้องที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
ผมชี้ศพที่อยู่ข้างๆ “เยียนสั่วเฟิงเยว่ที่อยู่ตรงนั้นก็คือสวีเยว่แถมยังเป็สาวงามติด 1 ใน 10 ของมหา’ลัยด้วยนะ”
ตงเฉิงเยว่ยิ้ม “ได้ยินมาว่าเซียวเหยาถูกคนพวกนี้ซุ่มโจมตีตอนอยู่ในถ้ำแถมมันยังวางแผนใช้สวีเยว่มาล่อให้นายหลงกลจนถูกฆ่าตายซะด้วยสุดท้ายนายก็เลยถูกตราหน้าว่าเป็พวกหวังสูงคิดจะเด็ดดอกฟ้าสินะ?”
ผมหน้าแดงขึ้นมา “เื่มันก็ผ่านไปแล้วน่า อย่าพูดถึงมันเลย”
หลินหว่านเอ๋อร์กระตุกมุมปากก่อนมองมาที่ผม “หรือว่านายชอบ?”
“เปล่าสักหน่อย”
“เปล่า แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ?”
“เสื้อเกราะของคุณหนูกำลังจะปริออกมาแล้วน่ะครับ...”
“...ไปตายซะ!!!”
……
หลังจากได้ข้อสรุปแล้วเยว่ชิงเฉี่ยนและคนอื่นๆจึงอยู่เฝ้าศพคนพวกนั้น และทันทีที่พวกมันฟื้นคืนชีพพวกเธอก็ฆ่าซ้ำโดยไม่ปล่อยให้มันได้มีเวลาแม้แต่จะตั้งตัวจากนั้นพวกมันจึงเริ่มรู้ตัวว่าทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ไม่ฟื้นคืนชีพในเวลานี้เพราะฟื้นขึ้นมาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ผมเดินนำหลินหว่านเอ๋อร์และตงเฉิงเยว่เพื่อมาฆ่าพวกโจรและด้วยการช่วยเหลือของสองสาวทำให้การฆ่ามอนสเตอร์ในครั้งนี้กลายเป็เื่เพลิดเพลินขึ้นมาทันที
“โจรพวกนั้นน่ะเหรอ?” ตงเฉินเยว่ถามขึ้น
“ใช่ เดี๋ยวฉันจะไปล่อให้เอง”
“ไม่ต้อง นายช่วยฮีลเืให้หว่านเอ๋อร์ก็พอ”
ตงเฉิงเยว่ดึงคทาขึ้นมาก่อนจะบินขึ้นไปอยู่กลางอากาศแล้วเริ่มใช้สกิลลมหนาวจนทำให้ค่าดาเมจลดลงถึง -417 พอยต์ภายในเวลาอันรวดเร็วต้องแข็งแกร่งขนาดไหนวะเนี่ยถึงจะสามารถสร้างค่าดาเมจได้ขนาดนั้น
โจรพากันวิ่งตรงมาที่หลินหว่านเอ๋อร์ เธอรีบดึงดาบออกมาก่อนจะเริ่มโจมตีโดยใช้สกิลสิ่วเล็บมือ
“-319!”
รองเท้าบูตขนาดเล็กขยับถอยออกไปก่อนที่กริชในมือจะแทงไปข้างหน้าโดยใช้สกิลสภาวะเืไหลพร้อมกับสกิลแทงจากด้านหลังในเวลาเดียวกัน
“-447!”
“-512!”
ตงเฉิงเยว่เรียกใช้สกิลิญญาเพลิงอีกครั้งจนทำให้โจรลงไปนอนครวญครางอยู่ที่พื้นให้ตายเถอะ การร่วมมือฆ่าของสองคนนี้สุดยอดเกินไปแล้ว!
“พวกเธอ... ร่วมมือกันเก็บเลเวลแบบนี้เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ทำไมเหรอ?” ตงเฉิงเยว่ถาม
“โครตโหดเลย”
หลินหว่านเอ๋อร์ “นี่หลี่เซียวเหยา ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าปกตินายเก็บเลเวลยังไงอีกทั้งต้องไปปะทะกับคนพวกนั้นจนโดนฆ่าตายแต่น่าแปลกที่เลเวลของนายก็ยังไม่ถือว่าต่ำขนาดนั้น”
ผมยื่นมือออกไปจากนั้นเ้าจุกนมก็ปรากฏตัวขึ้นก่อนที่ผมจะเริ่มแสดงค่าสถานะของมันให้เธอทั้งสองดู