เซียวเฉินรู้สึกว่าโลกทัศน์ของเขาพังทลายลงโดยสมบูรณ์ นับแต่โบราณมาผู้ฝึกมรรคาบู๊มีแค่เก้าชั้นฟ้า เคยได้ยินสิบชั้นฟ้าที่ไหนกัน?
ฉินเทียนหยางเห็นเซียวเฉินมีสีหน้างุนงงก็หัวเราะ “โทษเ้าไม่ได้ ข้าสร้างสิบชั้นฟ้านี้ขึ้นมาเอง ระบบการฝึกวิชาเหนือกว่าผู้ฝึกมรรคาบู๊ในอดีต นี่เป็เื่ที่ข้าตื่นรู้หลังจากตายแล้ว”
“ผู้าุโ ท่าน...” เซียวเฉินเบิกตาโตพูดไม่ออก
ฉินเทียนหยางกลับเรียบเฉยสุดขีด “มีอะไรน่าใ ขนาดฉีเหล่ายังใส่ิญญาไว้ในวังหลวงแคว้นกู่ได้เลย ข้าเป็ถึงผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์มีแค่ิญญาอยู่ก็คู่ควรจะใหรือ?” ว่าแล้ว ฉินเทียนหยางก็เบ้ปาก มีสีหน้าไม่พอใจ
“ผู้าุโ เทพ์ก็ต้องตายหรือ?” เซียวเฉินถามอย่างขมขื่น เขาไม่ได้กลัวตายแต่กลัวเสียใจ ผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์ ผู้อยู่ระดับสูงสุดของมรรคาบู๊ที่สามารถต้านทานลิขิตฟ้าได้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นวัฏสงสารหรือ...
“โลกนี้ไม่มีผู้ใดมีชีวิตเป็ะ นอกจากเป็เทพจริงๆ...” ฉินเทียนหยางเอ่ยช้าๆ ดวงตาเหม่อลอย แม้เขาได้รับการเรียกขานว่าผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์ แต่มีเพียงระดับขั้น เขาจึงรู้ว่าขั้นเทพ์อยู่ห่างไกลสุดขีดจากระดับขั้นนั้น
เขาเหมือนแสงหิ่งห้อย ส่วนระดับขั้นนั้นคือจันทร์กระจ่าง ไม่มีทางเทียบกันได้เลย
ไม่นาน ฉินเทียนหยางก็ได้สติคืนมา ใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนโยนอีกครั้ง “ข้าเล่าเื่สิบชั้นฟ้าให้เ้าฟังดีกว่า”
เซียวเฉินไม่เอ่ยวาจา เพียงผงกศีรษะและตั้งใจฟัง
“สิ่งที่เรียกว่าสิบชั้นฟ้า คือระดับขั้นที่เหนือกว่าเก้าชั้นฟ้าในมรรคาบู๊ แม้ความสามารถของเ้ายังอยู่ที่ขั้นเก้าชั้นฟ้าระดับสูงสุดและถึงขั้นเต็มสมบูรณ์ แต่เมื่อเ้าเข้าสู่ขั้นสิบชั้นฟ้า บอกได้โดยไม่คุยโวเลยว่าหากเ้าอยู่ขั้นเสวียนเต๋าสิบชั้นฟ้าก็สามารถเอาชัยผู้เข้มแข็งขั้นยุทธ์์สามชั้นฟ้าได้อย่างราบคาบ นี่คือความแตกต่างระหว่างขั้นสิบชั้นฟ้าและขั้นเก้าชั้นฟ้าธรรมดา”
“นี่คือช่องว่างของระดับขั้นที่ไม่มีทางถมได้เต็ม แม้ระดับขั้นของเ้าไม่สูงเท่าอีกฝ่าย แต่สามารถสยบพวกเขาได้โดยพวกเขาไม่พบเห็น” ฉินเทียนหยางเอ่ยถึงตรงนี้ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มกระหยิ่มอยู่หลายส่วน ระบบการฝึกวิชาที่ผู้เข้มแข็งขั้นเทพ์สร้างย่อมคู่ควรให้เซียวเฉินเชื่อมั่น
เื่ที่ทำให้เซียวเฉินใ คือขั้นสิบชั้นฟ้าถึงกับสามารถท้าสู้ข้ามระดับได้สามขั้น ทั้งยังสามารถเอาชัยได้อย่างราบคาบ
เื่นี้เป็จุดที่เซียวเฉินสงสัยที่สุด
ฉินเทียนหยางเอ่ยถึงตรงนี้ก็มองเซียวเฉินแล้วยิ้มกล่าว “ตอนนี้เ้ายังเหลือคำถามสุดท้าย เ้าคิดดีแล้วหรือยังว่าจะถามอะไร?”
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“ผู้าุโ สิบชั้นฟ้านี้ฝึกอย่างไร?”
ฉินเทียนหยางไม่เอ่ยวาจาแต่ดีดนิ้ว แสงเสวียนสายหนึ่งเข้าสู่หน้าผากของเซียวเฉิน จากนั้นก็มีเงาแสงสายหนึ่งค่อยๆ ขยายออกในห้วงการรับรู้อย่างช้าๆ เซียวเฉินมีสีหน้าเหม่อลอย ไม่นานก็แสดงท่าทางลิงโลดยินดี
“ขอบคุณผู้าุโ!” เซียวเฉินค้อมกาย เพราะในห้วงการรับรู้คือเคล็ดวิชาที่ใช้ฝึกสิบชั้นฟ้าและการรู้แจ้งที่ฉินเทียนหยางฝึกมาหลายปี
ประสบการณ์ฝึกวิชาของขั้นเทพ์ นี่คือสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เซียวเฉินจะไม่ยินดีได้อย่างไร?
“เซียวเฉิน เ้ารู้หรือไม่ เ้าเหมือนข้าในตอนนั้นมาก ทั้งนิสัยและความแข็งกร้าว นี่คือจุดที่ข้าชื่นชม ไม่เช่นนั้น ถึงเ้าเป็ผู้สืบทอดของข้า ข้าก็คงไม่พูดกับเ้ามากมายขนาดนี้” ฉินเทียนหยางยิ้ม ดวงตามีแววปลาบปลื้ม
เซียวเฉินคลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผู้าุโชมเกินไป ระดับขั้นเทพ์อย่างผู้าุโยังเข้ากับคนง่ายขนาดนี้ คาดว่าตอนนั้นคงเป็บุคคลที่หยิ่งทะนงและทะเยอทะยาน หากมิใช่เซียวเฉินเกิดช้าไปพันปี อยากจะคบหาเป็สหายต่างวัยกับผู้าุโจริงๆ”
ฉินเทียนหยางไม่ใส่ใจคำพูดของเซียวเฉินนัก
“หรือว่าตอนนี้ไม่ใช่?”
ฉินเทียนหยางเลิกคิ้ว เซียวเฉินยิ้มทันที
“ใช่!”
“เ้าหนู เวลาของข้ามีไม่มากแล้ว แต่ในเมื่อคบพี่ชายเป็สหายย่อมจะไม่ให้เ้าเสียเปรียบ ข้าขอมอบของขวัญแรกพบหน้าให้เ้า” ระหว่างที่เอ่ยวาจา ฉินเทียนหยางก็นำเคล็ดวิชาเก่าๆ ในอกเสื้อยื่นส่งให้เซียวเฉิน
“คัมภีร์ไม่ดับสูญ...”
เซียวเฉินรู้สึกถึงปราณเก่าแก่และหนาแน่นที่แผ่ซ่านจากด้านในป้ายหยกก็ตื่นตระหนก สายตาไม่คลาดจากเคล็ดวิชาม้วนนั้น
เพราะเขารู้สึกถึงกลิ่นอายอันไพศาล
นั่นคือเคล็ดวิชาที่อยู่เหนือขั้นฟ้า
เคล็ดวิชาขั้นเหนือฟ้า!
เซียวเฉินใสุดขีด โลหิตพลุ่งพล่านทั่วร่าง คิดไม่ถึงว่าของขวัญแรกพบหน้าที่ฉินเทียนหยางเอ่ยถึงจะเป็เคล็ดวิชาขั้นเหนือฟ้า
ความมือเติบนี้เรียกได้ว่าใจใหญ่
ต้องรู้ก่อนว่า ดินแดนเทียนเสวียนในปัจจุบันมีเคล็ดวิชาขั้นเหนือฟ้าอยู่น้อยนิด ต่อให้เป็แคว้นใหญ่ก็ไม่มีทุกแคว้น มีเพียงกลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอดเท่านั้นที่มีอยู่ในความ และต้องเป็สมบัติล้ำค่าประจำตระกูลอย่างแน่นอน ทว่าฉินเทียนหยางถึงกับมอบเคล็ดวิชาขั้นเหนือฟ้าให้ง่ายๆ
หากบอกว่าไม่ใคงเป็ไปไม่ได้
“คัมภีร์ไม่ดับสูญนี้เป็เคล็ดวิชาขั้นเหนือฟ้า ไม่มีพลังทำลายล้างมากนัก แต่เป็อาวุธเทพรักษาชีวิตของเ้าได้ พูดอีกอย่างหนึ่งคือ หากเ้าฝึกคัมภีร์ไม่ดับสูญก็เท่ากับว่าเ้ามีสองชีวิต!” ฉินเทียนหยางกล่าว
“ขอบคุณผู้าุโที่มอบ...” เซียวเฉินยังเอ่ยไม่จบ ฉินเทียนหยางก็ตัดบท “ในเมื่อพวกเราคบหากันเป็สหายต่างวัยแล้ว เ้ายังเรียกข้าว่าผู้าุโอีกหรือ? ข้าไม่ใส่ใจธรรมเนียมยุ่งยากมากนัก ทำไมเ้าจึงยึดติดขนาดนี้?”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “เป็ข้าที่ยึดติดเอง เช่นนั้น ข้าจะเรียกท่านว่าพี่ใหญ่ฉิน”
ฉินเทียนหยางผงกศีรษะ
“เซียวเฉิน เวลาของข้าเหลือไม่มากแล้ว ข้าจะมอบโชคดีให้เ้าหนึ่งครั้ง จากนั้นฝากเ้าบอกฉีเหล่าแทนข้าประโยคหนึ่ง ได้หรือไม่?” ฉินเทียนหยางกล่าว แววตาหม่นลง
“พี่ใหญ่ฉินบอกมาเถอะ”
วิ้ง!
หว่างคิ้วของฉินเทียนหยางพลันยิงแสงเสวียนเข้าสู่ร่างของเซียวเฉิน เซียวเฉินใเพราะเหตุนี้ จากนั้นมีลูกบอลแสงสีทองวิบวับอันกล้าแข็งสุดขีดลอยอยู่ในห้วงการรับรู้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่เซียวเฉินััได้ เซียวเฉินสงสัย
ฉินเทียนหยางแก่ชราลงมากดุจไม้ใกล้ฝั่ง เซียวเฉินมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
“พี่ใหญ่ฉิน ท่าน...”
ฉินเทียนหยางโบกมือพลางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องใส่ใจ คนเราก็ต้องมีวันนี้ ข้าอยู่ต่อมาอีกหนึ่งพันเจ็ดร้อยปีได้ก็พอใจมากแล้ว”
ฉินเทียนหยางเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาก็ฉายแววละอายและแดงนิดๆ “ข้าฉินเทียนหยางยืนหยัดท้าฟ้าดินมาชั่วชีวิต ไม่รู้สึกละอายใจต่อฟ้าดิน แต่ละอายต่อฉีเหล่าเพียงผู้เดียว...”
“ฉีเหล่ารับใช้ข้ามาทั้งชีวิต เป็แนวหน้าโจมตีศัตรู ข้ามีบุตรและภรรยาพร้อมพรัก ส่วนเขากลับอยู่ตัวคนเดียว ได้บุตรชายเมื่ออายุสูงวัย แต่เขายอมสละลูกของตนเพื่อปกป้องบุตรชายข้า...” ฉินเทียนหยางเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาก็มีน้ำตาเอ่อคลอ เขาในเวลานี้โดดเดี่ยวจนน่าสงสาร
“ใน่เวลาที่แคว้นกู่ล่มสลาย ฉีเหล่ายอมเผากายเนื้อเพื่อพิทักษ์แคว้นกู่ เขายอมกลายเป็ิญญาเฝ้าพิทักษ์ข้าและแคว้นกู่ถึงหนึ่งพันเจ็ดร้อยปีเพื่อให้แคว้นกู่มีผู้สืบทอดต่อไปโดยไม่รู้สึกเสียใจ”
“ข้าทำผิดต่อเขา...”
ฉินเทียนหยางเอ่ยถึงตรงนี้ก็บอกเซียวเฉินว่า “เซียวเฉิน เมื่อออกไปแล้ว เ้าบอกฉีเหล่าแทนข้าสักคำ บอกเขาว่า หลายปีมานี้ เ้าทำมามากพอแล้ว พักผ่อนหน่อยเถอะ...”
คำพูดของฉินเทียนหยางสั่นคลอนเซียวเฉินได้อย่างลึกซึ้ง
เซียวเฉินรู้สึกเสียใจแทนฉีเหล่า ทั้งยังชื่นชมในความกล้าหาญและจงรักภักดีของเขา เซียวเฉินพยักหน้า
ร่างของฉินเทียนหยางค่อยๆ กลายเป็ภาพมายาและความว่างเปล่าในที่สุด
เซียวเฉินเหม่อมองความว่างเปล่าอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายจึงย่างเท้าเดินออกจากประตูบานที่แปด
ฉู่หยวนและฉู่เยียนหรานเห็นเซียวเฉินออกมาก็ตื่นเต้น
“สหาย ยอดเยี่ยมมาก ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าต้องทำได้” ฉู่หยวนใช้กำปั้นทุบเซียวเฉินหนึ่งที ฉู่เยียนหรานที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าลิงโลดยินดี ใน่เวลานี้ นางเป็ห่วงเซียวเฉินอยู่ตลอด บัดนี้เซียวเฉินปลอดภัยกลับมา ในที่สุดนางก็วางใจได้เสียที
“ข้าไม่เป็ไรแน่นอน พวกเ้าก้าวหน้าขึ้นมาก” ด้วยความสามารถของเซียวเฉินในปัจจุบัน การมองระดับขั้นของพวกเขาออกย่อมไม่ใช่เื่ยากเย็นอะไร
“แต่ก็ไม่ถึงขั้นวิปริตนะ” ฉู่หยวนเอ่ยยิ้มๆ
คนทั้งสามแย้มยิ้มสนทนากันครู่หนึ่ง เซียวเฉินจึงกล่าวต่อฉีเหล่าว่า “ผู้เยาว์ทั้งสามขอบคุณผู้าุโฉี”
เสียงนั้นสั่นเครือทันที
“เ้าได้พบกับผู้ปกครองแคว้นกู่แล้ว?”
เซียวเฉินผงกศีรษะแล้วกล่าวว่า “ผู้าุโฉินฝากคำพูดบางอย่างให้ข้ามาบอกท่าน”
เสียงนั้นไม่เอ่ยวาจาแต่สั่นเทา เขากำลังรอคอยคำพูดจากเซียวเฉิน เซียวเฉินมีสายตาเศร้าเสียใจ
“เขาบอกว่า หลายปีมานี้ ท่านทำเพื่อแคว้นลั่วเทียนกู่มามากพอแล้ว สมควรพักผ่อนสักหน่อย”
คำพูดนี้ทำเอาน้ำเสียงของฉีเหล่าสั่นเครือ
“มีคำพูดนี้ของนายท่าน ชีวิตนี้ข้าฉีเทียนหย่วนก็เพียงพอแล้ว...”