แผลบนหัวนางยังคงเ็ป ทว่านางกลับต้องเก็บกดเอาไว้เพื่อรักษาภาพพจน์ “ล้วนแต่เป็เพราะฮุ่ยเจินทั้งสิ้น!”
ความเกลียดชังที่นางมีให้พี่หญิงคนนี้ยิ่งล้ำลึกมากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน สตรีในชุดขาวผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมเด็กน้อยอายุราวห้าหรือหกปี เด็กน้อยชะงักไปเมื่อเห็นกลุ่มเด็กสวมชุดเก่าคร่ำคร่าอยู่ใกล้ๆ
สตรีในชุดขาวมีรูปลักษณ์สมบูรณ์แบบ ผิวขาวราวหิมะ คิ้วราวภาพเขียน ไม่ว่าใครได้พบเจอล้วนมิอาจลืมเลือน นางเดินเข้ามาหยุดข้างองค์หญิงฮุ่ยหลิง เอ่ยเบาๆ “ฮวาชีเยว่คารวะองค์หญิงฮุ่ยหลิงเพคะ”
ได้ยินเสียง “คุ้นเคย” องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเ็า ทว่ายังคงพยายามข่มความไม่พอใจเมื่อมีผู้ใช้วรยุทธ์ทั้งสองช่วยเตือน จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์ “ที่แท้เป็คุณหนูฮวา นั่งลงเถอะ! นั่งๆ”
ฮวาชีเยว่ยกยิ้มบาง นั่งลงพร้อมเทียนซี บนโต๊ะมีเพียงน้ำแกงถ้วยหนึ่งกับอาหารสองจาน เป็อาหารที่เรียบง่ายมาก
“หม่อมฉันผ่านมากับลูกบุญธรรมทว่าเกิดหิวขึ้นมาจึงเข้ามาหาอะไรทาน มิคาดจะพบองค์หญิงที่นี่ เป็เกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มกล่าว นางมิได้เอ่ยถึงเื่เมื่อวานแม้แต่น้อย
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกดเสียงแล้วยิ้ม “แน่นอน สามัญชนเช่นเ้าได้พบข้าที่นี่เช่นนี้ย่อมเป็เกียรติยศพันปี”
ร้านอาหารเช่นนี้ดีสำหรับชาวบ้านทั่วไป แต่สำหรับองค์หญิงนับว่าอัตคัดจนเกินไป แต่เพื่อซื้อบ้าน นางยังต้องใช้เงินจำนวนมาก ซ้ำยังต้องเสแสร้งต่อหน้าผู้คน ดังนั้นผู้ใช้วรยุทธ์ทั้งสองจึงแนะให้นางมาทานอาหารที่นี่
องค์หญิงฮุ่ยหลิงไม่มีทางเลือก ได้แต่อดกลั้น
“องค์หญิงฮุ่ยหลิง...วันนั้น...องค์หญิงฮุ่ยเจินทำเกินไปจริงๆ” ฮวาชีเยว่พูดเสียงเบา ขณะเดียวกัน เทียนซีกำลังมองเด็กๆ เ่าั้เป็ระยะ
องค์หญิงฮุ่ยหลิงแค่นหัวเราะ แต่คำของฮวาชีเยว่ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
“องค์หญิงฮุ่ยเจินเคียงคู่กับคุณชายโจวมานาน ทั้งลักลอบและเปิดเผย ร่ำลือกันว่านับแต่ก่อนโจวฮูหยินจะจากไปทั้งคู่ก็...”
ฮวาชีเยว่ชะงัก มองรอบกายด้วยสีหน้าซับซ้อน
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกะพริบตา “พวกนั้นลอบคบหากันหรือ?”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง “เป็เพียงสามัญชน หม่อมฉันจะทราบความจริงได้อย่างไร หม่อมฉันเพียงได้ยินจากผู้อื่นเท่านั้น!” องค์หญิงฮุ่ยหลิงยิ้ม ในสายตาผู้อื่น นางยิ้มอย่างมีความสุขแสนเป็มิตร แต่คำพูดของนางกลับโหดร้ายนัก
“ที่ข้าคาดเดา ข้าว่านางแพศยานั่นต้องทำดังที่ข้ากล่าวแน่ นางต้องลอบคบกับคุณชายโจวผู้นั้นั้แ่ภรรยาเขายังมีชีวิต เมื่อโจวฮูหยินเสียไปนางก็ไปตระกูลนั้นทุกวัน ทำให้เสด็จพ่อทรงกริ้วนัก ท้ายที่สุดจึงได้ยอมยับยั้งชั่งใจขึ้นมาบ้าง”
ดวงตาองค์หญิงฮุ่ยหลิงทอประกายเหยียดหยัน “เป็เพียงองค์หญิงที่ไม่มีใครสนใจแต่งด้วย ยังตกหลุมรักบุรุษมีภรรยาแล้ว น่าขันจริงๆ”
“ชายผู้นั้นเคยมีภรรยา...ตามธรรมเนียมของฉางจิง หากภรรยาสิ้นไป สตรีอื่นสามารถแต่งเป็ภรรยาเอกได้ ดังนั้นสตรีผู้หนึ่งยังคงมีโอกาสเป็ภรรยาหลวงหาก้าแต่งให้บุรุษที่มีภรรยา” ฮวาชีเยว่พูดเรียบเรื่อย สองจอมยุทธ์มองนางด้วยสายตาเย็นเยียบ ทั้งคู่ต่างเห็นว่าในถ้อยคำของฮวาชีเยว่แฝงความหมายอื่นเอาไว้
“องค์หญิง จิตใจมนุษย์โหดร้ายนัก จึงต้องระมัดระวังให้ดี” ฮวาชีเยว่มองฮุ่ยหลิง จากนั้นจึงพาเทียนซีไปยังโต๊ะว่างโต๊ะอื่น เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ยกอาหารมาให้ ทั้งสองก็ทานอาหารอย่างสบายใจ
องค์หญิงฮุ่ยหลิงขมวดคิ้ว ใบหน้างามยู่เข้าน้อยๆ
“ฮวาชีเยว่หมายความว่าอย่างไร?”
“โจวฮูหยินตายไป องค์หญิงฮุ่ยเจินย่อมมีโอกาสได้เป็โจวฮูหยินหากได้แต่งกับโจวจื่อเฉิงจริงๆ หรือ?”
“เป็องค์หญิงย่อมมิอาจเป็ภรรยารอง ดังนั้น...”
ต้องเป็องค์หญิงฮุ่ยเจินฆ่าโจวฮูหยิน!
ดวงตาขององค์หญิงฮุ่ยหลิงทอประกายขึ้น “ใช่แน่ เหตุใดข้าจึงไม่เคยทราบความจริงมาก่อนนะ?” หลังโจวฮูหยินสิ้นไป องค์หญิงฮุ่ยเจินมักจะนำนางกำนัลติดตามไปจวนสกุลโจวอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้น เื่เด็กที่ถูกทำร้ายคนนั้น ฮุ่ยเจินย่อมต้องเป็ผู้บงการ
นางเคยเห็นฮุ่ยเจินวางยานางกำนัลกับตา
เช่นนั้น...องค์หญิงผู้หนึ่งสังหารภรรยาของชาวบ้าน ช่างเป็ข่าวะเืฟ้าดิน ฮ่องเต้ย่อมทรงกริ้ว ถอดยศฮุ่ยเจินให้เป็สามัญชนแน่...
คิดถึงเื่นี้ องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที อดมิได้ให้รู้สึกพออกพอใจขึ้นมา ทั้งความโศกเศร้า ความโมโหในใจล้วนแต่จางหายไป
ดี! ดีนัก! พี่สาวข้า ในเมื่อเ้าไม่ดีต่อข้า ข้าก็จะไม่ดีต่อเ้า เช่นนั้นก็รอให้ข้าพบหลักฐานเถอะ เ้าก็ได้แต่รอวันตายแล้ว!
องค์หญิงฮุ่ยหลิงทานอาหารที่เหลือบนโต๊ะ ทำให้ทั้งเสี่ยวเอ้อร์และเ้าของร้านปลาบปลื้มเป็อย่างยิ่ง พากันคิดว่าหากจะโฆษณาร้าน ย่อมสามารถใช้องค์หญิงฮุ่ยหลิงได้แล้ว
มิคาดว่าองค์หญิงฮุ่ยหลิงยังถึงกับตกลงยอมรับ นางมอบเหรียญเงินให้เ้าของร้าน “ขอบพระทัยในพระกรุณาพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยองค์หญิง!”
เ้าของร้านโขกหัวคำนับนางหลายครั้ง องค์หญิงจากไปพร้อมนางกำนัลอย่างหยิ่งผยอง ปล่อยให้องครักษ์จัดการเด็กกำพร้าที่เหลือ ชั่วขณะนี้ ทุกคนล้วนแต่ประทับใจในองค์หญิงฮุ่ยหลิง
ทั้งองค์หญิงฮุ่ยหลิงและองค์หญิงฮุ่ยเจินต่างก็แสดงงิ้วได้สำเร็จ คืนนั้นทั้งฮ่องเต้และฮองเฮาต่างก็พออกพอใจ ไม่เคร่งครัดกับธิดาทั้งสองอีก
...
ในจวนสกุลฮวา
เมื่อฮวาชีเยว่กลับถึงจวน พ่อบ้านหวางก็เข้ามาั้แ่น้ำชายังไม่ทันเย็น “คุณหนูใหญ่...คุณหนู...”
ฮวาชีเยว่เห็นว่าแปลกอยู่บ้าง พ่อบ้านหวางผู้นี้เป็คนใจเย็น เหตุใดจึงทำท่าทางราวกับเจอเื่ดีๆ ขึ้นมา?
พ่อบ้านหวางเร่งฝีเท้าเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่ รีบมาทักทายหลี่กงกงเถอะขอรับ ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลให้คุณหนูขอรับ!”
ได้ยินเช่นนั้น ทั้งลู่ซินและโหย่วชุ่ยต่างก็มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ฮวาชีเยว่เร่งร้อนไปนอกเรือนพร้อมเทียนซี หลี่กงกงรอนางอยู่ที่เรือนหน้า ยามนี้กำลังจิบชาสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าและหลี่กงกงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งยังเคยรู้จักกันมานาน ในห้องจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะรื่นเริง
อี๋เหนียงสองและอี๋เหนียงสามเองก็อยู่ตรงนั้น ทั้งสองต่างดูยินดี หลี่กงกงมาทำให้หลายคนในจวนมีความสุข แม้จะไม่มีความสุข ก็ต้องทำท่าว่ามีความสุข
“เยว่เอ๋อร์คารวะหลี่กงกงเ้าค่ะ ขอให้ท่านอายุมั่นขวัญยืน”
ฮวาชีเยว่และสาวใช้คารวะหลี่กงกง ทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมา ใบหน้ากลมๆ ของหลี่กงกงดูเป็มิตร
คนที่ดูไหลลื่นนุ่มนวลเช่นนี้ทำให้ทุกคนชื่นชอบ ยังทำให้กลายเป็ขันทีคนสนิทของฮ่องเต้
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกขอรับ มาเถิด นี่คือเงินรางวัลจากฮ่องเต้ ตอนที่คุณหนูพนันกับคุณหนูท่านอื่นๆ ฮ่องเต้เองก็สนใจและเขียนจดหมายให้คุณหนูใหญ่” หลี่กงกงส่งตั๋วแลกเงินให้แก่ฮวาชีเยว่
ฮวาชีเยว่คุกเข่ารับเงินมา หลี่กงกงยิ้ม “นี่คือเงินหนึ่งหมื่นตำลึง ฮ่องเต้ตรัสว่าคุณหนูใหญ่เป็คนที่โชคดีที่สุดสามารถเอาชนะคุณหนูโอวหยางได้ ทำให้พระองค์ตกพระทัยนัก!”
ฮวาชีเยว่ยิ้ม ก้มหน้าลง “ขอบพระทัยฮ่องเต้เพคะ ฝากหลี่กงกงถ่ายทอดความจริงใจของข้าให้พระองค์ด้วย”
หลี่กงกงยิ้ม “แน่นอนขอรับ! ”
ฮวาชีเยว่ลุกขึ้น ดึงตั๋วแลกเงินมูลค่าห้าร้อยตำลึงออกมามอบให้หลี่กงกง “ลำบากหลี่กงกงแล้ว ท่านพักทานอาหารค่ำที่นี่ดีหรือไม่เ้าคะ?”
หลี่กงกงพยายามปฏิเสธไม่รับเงิน ทว่าสุดท้ายก็ยังรับไป “บ่าวไม่คู่ควรหรอกขอรับ ก่อนอื่นต้องขอบคุณคุณหนูใหญ่ บ่าวทราบว่าท่านยุ่งนัก บ่าวขอตัวก่อนขอรับ”
ส่งหลี่กงกงไปแล้ว ฮวาชีเยว่ก็นำตั๋วแลกเงินเข้าไปในห้องรับรอง ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานสาวอย่างพึงพอใจ ในสายตาเต็มไปด้วยความปีติยินดีทั้งยังชื่นชม
“เยว่เอ๋อร์ คราวนี้เ้าทำได้ดีมาก ข้ายังเกรงว่าเ้าจะพ่ายแพ้ มิคาดจะสามารถชนะเอาเงินสองหมื่นตำลึงกลับมาได้ นำเกียรติยศมาสู่จวนสกุลฮวาแล้ว!”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม ลั่วมามาเองก็พยักหน้า “ใช่แล้วเ้าค่ะ คุณหนูใหญ่โชคดีโดยแท้ ย่อมต้องได้พบเจอแต่เื่ดีๆ! ”
ฮวาชีเยว่ยิ้มบาง ส่งเงินเก้าพันห้าร้อยตำลึงให้กับพ่อบ้านหวาง “พ่อบ้าน ยามนี้จวนเราขาดเงินก็เก็บเงินหมื่นตำลึงนี้เอาไว้ให้จวนก่อนเถอะ! ”
พ่อบ้านหวางมองฮูหยินผู้เฒ่า ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “เมื่อเยว่เอ๋อร์ใคร่ครวญมาแล้วเช่นนั้นพ่อบ้านหวางก็เก็บไว้เถอะ ถึงยามที่เยว่เอ๋อร์แต่งงาน ข้าจะเตรียมสินเดิมให้อย่างสมฐานะ”
ฮวาชีเยว่เขินอายจนใบหน้ากลายเป็สีชมพู “ท่านย่า กลายเป็เื่นี้ได้อย่างไรเ้าคะ? ”
“ฮ่าๆ เยว่เอ๋อร์ เ้าจะอายุสิบหกแล้ว หากไม่แต่งงานก็จะแก่เกินไปแล้ว เหตุใดข้าจึงจะไม่พูดถึงเล่า? หากเ้าชอบเด็กสกุลใดก็บอกย่ามา ย่าจะให้แม่สื่อไปคุยกับเขาให้ดีหรือไม่? ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มอย่างรักใคร่ อี๋เหนียงสองเองก็เห็นด้วย “ใช่แล้วคุณหนูใหญ่ ท่านถึงวัยแต่งงานแล้วก็ควรพูดถึงเื่นี้ ให้ข้าหาคุณชายดีๆ ให้ท่านดีหรือไม่เ้าคะ? ”
อี๋เหนียงสามเองก็ขยับกายมาข้างหน้าเช่นกัน “ฮูหยินผู้เฒ่า บ่าวเองก็จะช่วยหาคนที่เหมาะสมกับคุณหนูใหญ่เช่นกัน บ่าวรู้จักผู้มีฐานะอยู่หลายท่าน”
“ดี ดี เยว่เอ๋อร์...”
“ท่านย่า หลานมีเื่หนึ่งจะขอร้อง...งานแต่งของหลาน หลานขอตัดสินใจเองได้หรือไม่เ้าคะ?” ฮวาชีเยว่ยิ้มอ่อนโยน “ภายนอกชีเยว่ชื่อเสียงไม่ดี คุณชายทั่วไปย่อมไม่ชื่นชมหลาน!”
ฮูหยินผู้เฒ่าชะงัก คำของฮวาชีเยว่มีเหตุผล อย่างไรชื่อเสียของนางก็เป็ที่รู้กันทั่วเมืองหลวง คนที่ไม่รู้จักสนิทสนมกับนางจะชื่นชมนางได้หรือ?
ฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มเป็ห่วงงานแต่งของฮวาชีเยว่ขึ้นมา อี๋เหนียงสองและอี๋เหนียงสามมองหน้ากันแล้วรีบยิ้มออกมา “ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูใหญ่พูดไม่ถูกต้อง...ยามนี้คุณหนูใหญ่ไปไหนมาไหนกับท่านเทพโอสถ ได้ยินว่าน้องสาวของเทพโอสถเองก็ชื่นชอบนางไม่น้อย ยามนี้ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ”
อี๋เหนียงสองจิบชา ดูจริงใจ “บ่าวมีหลานชายอายุยี่สิบปี เขายังไม่แต่งงาน แม้จะเป็บุตรอนุแต่ก็ยังมีร้านผ้าไหมเป็ของตนเอง กิจการดีมาก หากชีเยว่แต่งให้เขาย่อมเป็การผูกสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น! ”
ฮวาชีเยว่เย้ยหยันอยู่ในใจ หลานชายของอี๋เหนียงสองหรือ? ยามนางเกิดใหม่และกลับมายังจวนแห่งนี้ นางก็จดจำที่มาที่ไปของอี๋เหนียงทั้งสองเอาไว้แล้ว ยังรู้กระทั่งจำนวนคนในครอบครัวฝ่ายแม่และสิ่งที่โปรดปราน นางรู้จักทั้งสองดียิ่ง!
หลานชายที่อี๋เหนียงสองเอ่ยถึงผู้นี้มิใช่เฉิงจิน เถ้าแก่ร้านผ้าไหมชุนเซี่ยวหรอกหรือ? ฮวาชีเยว่เคยพบเขาแล้ว อีกฝ่ายเ้าสำอางชอบโอ้อวด แม้จะเป็บุรุษทว่าทำตัวคล้ายสตรีซ้ำยังนุ่มนวล เป็คนมักมากจนโด่งดังไปทั่ว ซ้ำยังลอบสั่งพ่อบ้านของตนให้หาสตรีให้แล้วจึงส่งกลับเมื่อเสพสมกับพวกนางจนพอใจแล้ว
คนผู้นี้มิได้มีชื่อเสียงเสียหายในเมืองหลวง หากมิใช่คนดีที่ควรแต่งด้วย