โหยวเสวี่ยชิงไม่ได้งดงามที่สุดในแผ่นดิน แต่นางมีเสน่ห์แบบสตรีที่อยู่ในวัยสุกงอมของการเป็ผู้ใหญ่
ครั้งแรกที่หานเซี่ยนพบนางก็เกิดความอยากได้ในตัวนางแล้ว
และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้นางมาสนองความ้าดังหวัง
หานเซี่ยนบอกเป็นัยเงียบๆ เพียงไม่กี่ประโยค โหยวเสวี่ยชิงก็ยอมอิงแอบแนบชิดเข้ามาซบในอ้อมอกเขาเองโดยสมัครใจ
ภรรยาไม่สู้อนุ อนุไม่สู้ชู้ที่ลักลอบได้เสีย [1]
คำพูดนี้ค่อนข้างมีหลักการอย่างมาก
หานเซี่ยนเข้าใจคำพูดนี้ได้จากประสบการณ์ของตัวเองยิ่งนัก
โหยวเสวี่ยชิงคิดถึงสามีที่ท้วมเตี้ยของนาง ไหนเลยจะเทียบได้กับองค์ไท่จื่อที่สูงศักดิ์
ทันใดนั้น กลิ่นหอมประหลาดหนึ่งสายก็ลอยแผ่กระจายอยู่ท่ามกลางอากาศ
ดวงตาหานเซี่ยนตื่นตระหนกปรากฏความดุร้ายขึ้น เขาหอบหายใจหนัก ในทันทีมือสองข้างก็พุ่งไปตรงหน้า กำรอบลำคอของนางไว้แน่น
โหยวเสวี่ยชิงถูกเขาบีบจนสีหน้าซีดขาว
“…ฝ่า …บาท …ไว้ …ชีวิต”
นางอยากปัดฝ่ามือของเขาออก แต่จะทำอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
ใบหน้าของโหยวเสวี่ยชิงไร้เืหล่อเลี้ยงจนกลายเป็สีม่วงคล้ำ ความปรารถนาที่จะเอาชีวิตรอดทำให้นางข่วนหานเซี่ยนอย่างหนัก
เล็บยาวย้อมด้วยดอกเทียนสร้างรอยข่วนที่ปรากฏเืไหลซิบไว้บนกายของหานเซี่ยนนับไม่ถ้วน
แรงที่มือหานเซี่ยนยังคงไม่คลายออก
ไม่นานมือของโหยวเสวี่ยชิงก็ไร้เรี่ยวแรงตกลงอยู่ข้างลำตัว บนใบหน้าเริ่มขาดอากาศหายใจจนกลายเป็สีม่วงคล้ำ รูม่านตาเริ่มไร้ความกระสับกระส่ายลงช้าๆ
พอเห็นดังนั้น มือที่กำรอบลำคอของนางจึงผ่อนแรงลง
โหยวเสวี่ยชิงคว้าโอกาสสุดท้าย ปัดมือสองข้างของหานเซี่ยนทิ้งไป
“…แค่ก …แค่ก …แค่ก…”
นางหอบหายใจเอาอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่ ความรู้สึกที่หนีรอดจากความตายมาได้ ทำให้นางปล่อยโฮน้ำตาน้ำมูกไหลอาบแก้ม
ฝ่าาเป็อะไรไป? นางยั่วโทสะเขาตรงไหนงั้นหรือ? เมื่อครู่นางราวกับเห็นแมวดำหนึ่งตัวะโมาบนเตียงใช่ไหมนะ? หรือนางถูกบีบคอจนดวงตาพร่าหลอนไปอย่างนั้นหรือ?
โหยวเสวี่ยชิงเกิดความสับสนไม่แน่ใจ หลังหายใจได้คล่องเป็ปกติแล้ว สติสัมปชัญญะของนางก็เริ่มวิงเวียนง่วงงุนเล็กน้อย
ดวงตาของนางเริ่มลางเลือน คนทั้งร่างราวกับลอยอยู่กลางมหาสมุทร เคว้งคว้างไม่มีที่ยึดเหนี่ยว
...เสี่ยวเฮยะโออกมาจากหน้าต่างลายฉลุไม้ที่แง้มไว้ครึ่งบาน
เจินจูรีบเข้ามาข้างหน้า หยิบผ้าเปียกชื้นหนึ่งผืนเช็ดเล็บเท้าของมัน
บนเล็บเท้าของเสี่ยวเฮยเคลือบไว้ด้วยยางเกาทัณฑ์พิษ หากมีาแพิษจะสามารถแทรกซึมเข้าไปสกัดกั้นลมหายใจ อันตรายยิ่งนัก
“จัดการได้หรือไม่?” นางถามเสียงเบา
“เหมียว” เื่ง่ายดายเพียงนี้ ยังต้องถามอีกหรือ เสี่ยวเฮยมองนางอย่างเหยียดหยามหนึ่งที
ใช้คมเล็บเดียวข่วนบนข้อมือบุรุษผู้นั้นหนึ่งรอย เืก็ทะลักออกมาแล้ว
ในใจเจินจูปีติยินดีอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าพอมันลงมือ เื่จะจัดการได้สำเร็จทันทีเช่นนี้ นางข่มความตื่นเต้นระคนยินดีไว้ในใจ และเริ่มคิดจัดการเื่ต่อจากนี้ขึ้น
“เสี่ยวฮุย เ้าไปหาผิงอันก่อน แล้วรออยู่ที่รถม้า”
“เสี่ยวเฮย เ้าช่วยข้าดูบริเวณหน้าประตูลานทีว่ามีคนหรือไม่ พาข้าไปที่หลังห้องโถงหลักหน่อย แล้วเ้าก็กลับไปหาผิงอันเสีย อีกเดี๋ยวข้าจะตามออกไปแล้ว”
“เร็ว ไปกัน อย่ามัวล่าช้า ที่นี่อันตรายเกินไป”
เงาร่างของเสี่ยวฮุยหายวับไปบนสันกำแพง ส่วนเจินจูตามอยู่ด้านหลังเสี่ยวเฮยอย่างระมัดระวัง
เสี่ยวเฮยะโขึ้นบนประตูลายแกะสลัก มองไปบริเวณโดยรอบและร้องออกมา “เหมียว”
ไม่มีคน ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
เจินจูดึงประตูลานเปิดออก หมุนตัวกลับไปงับไว้อย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นกลับไปตามทางที่มาอย่างรวดเร็ว
คาดว่าทางองค์ไท่จื่อนั่นคงจะถูกค้นพบในอีกไม่ช้า อย่างไรเสียก็ลักลอบนัดพบกัน คงต้องใช้เวลาอยู่นานสักหน่อย
เจินจูมีการคอยเตือนของเสี่ยวเฮย จึงกลับมาถึงห้องโถงหลักที่แสงไฟสว่างจ้าได้อย่างราบรื่น
จากนั้นนางหันไปโบกมือทางเสี่ยวเฮย ให้มันรีบกลับไปบนรถม้าของผิงอัน
รอจนเงาร่างของมันหายเข้าไปในความมืดมิด เจินจูจึงหันมาจัดเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกให้จิตใจสงบ และหยิบเอาเม็ดไข่มุกตะวันออกเม็ดนั้นออกมาจากมิติช่องว่างกำไว้ในฝ่ามือ แล้วเดินเข้าห้องโถงหลักจากประตูข้างไปอย่างสุขุม
ประตูข้างมีหญิงชรายืนอยู่ เจินจูหันไปผงกศีรษะให้นางเบาๆ และหยิบเอาเม็ดเงินออกมาให้นางเป็รางวัล หญิงชราตกตะลึงแต่ในทันทีหลังจากนั้นก็เกิดความยินดีเป็อย่างมาก หลังยิ้มและกล่าวขอบคุณก็โค้งคำนับและเปิดม่านผ้าต่วนผืนหนางานปักอันประณีตให้กับนาง
เมื่อเจินจูเข้าไปภายในห้องโถงก็เห็นที่นั่งของโหยวอวี่เวยทันที
ตำแหน่งที่นั่งของนางอยู่ติดมาด้านหน้า ดูออกได้ว่าฐานะของหญิงสาวสายเืตรงจากจวนท่านโหวเหวินชางไม่ธรรมดายิ่ง จื่อยู่ยืนอยู่ด้านหลังของนาง ดูคล้ายกับว่าก้มหน้าหลุบตา แต่ความเป็จริงนางเหลือบซ้ายมองขวาอยู่เป็ระยะๆ ราวกับค้นหาอะไรอยู่
เจินจูเดินเข้าไปข้างกายจื่อยู่อย่างใจเย็นและสะกิดนางเบาๆ
จื่อยู่หมุนศีรษะมองมาทางนาง ทันใดนั้นดวงตาก็ปรากฏความดีใจวาบผ่าน
นางเอียงกายเข้ามาถามเสียงเบา “เหตุใดท่านไปนานเพียงนี้? คุณหนูร้อนใจยิ่งแล้ว”
ขณะที่เจินจูกำลังจะตอบ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่าบนโต๊ะเลี้ยงเ้าของงานได้ทอดสายตามาที่พวกนาง
นางเปลี่ยนความคิดทันที ทำท่าทางแสดงออกอย่างไร้เดียงสา “พี่จื่อยู่ ไข่มุกตะวันออกของคุณหนูหาพบแล้ว นี่เ้าค่ะ”
ขณะกล่าวนางได้ยื่นไข่มุกตะวันออกให้กับจื่อยู่
เมื่อโหยวอวี่เวยได้ยินเสียงของนาง จึงรีบหมุนกายมา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้น
นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าวอะไร บนโต๊ะเ้าของงานเลี้ยง มีไท่จื่อเฟยที่อยู่ในชุดปักลายเมฆและหงส์ของราชสำนักก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นทันที
“อวี่เวย สาวใช้ของเ้าหาสิ่งใดพบหรือ? ให้เปิ่นกงดูหน่อยได้หรือไม่?”
ไท่จื่อเฟยอายุราวสามสิบกว่าโดยประมาณ มีพระพักตร์งดงามสง่าผ่าเผย สวมเตี่ยนชุ่ย [2] ปิ่นระย้าทองประดับหงส์สีเพลิงบนศีรษะ บนใบหูห้อยต่างหูเม็ดอัญมณีทับทิม แม้จะเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่ยังมีความหมองหม่นจากการใช้งานมาเล็กน้อย
จวนท่านโหวเหวินชางเป็เป้าหมายที่องค์ไท่จื่อ้าดึงมาเป็พวกพ้องอยู่เสมอ แต่ท่านโหวเหวินชางไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ออกมา ตำแหน่งทางการเมืองส่วนใหญ่ล้วนเป็กลาง องค์ไท่จื่อขุ่นเคืองแต่ก็ไม่กล้าใช้อำนาจบีบบังคับให้มาเป็พวกเช่นกัน
ไท่จื่อเฟยเจตนาใกล้ชิดกับสตรีในจวนท่านโหวเหวินชาง ย่อมเพิ่มความสนใจต่อนางเป็ธรรมดา
โหยวอวี่เวยชะงักงัน บนใบหน้าเปลี่ยนมาเป็รอยยิ้มที่สุภาพเหมาะสม หันหน้าไปตอบด้วยความเคารพนบนอบ “ทูลไท่จื่อเฟย เม็ดไข่มุกตะวันออกที่ฝังอยู่บนกำไลของอวี่เวยหล่นหาย เลยส่งสาวใช้ไปตามหา นี่เพิ่งหากลับมาได้เพคะ”
“โธ่เอ๋ย อวี่เวย เหตุใดไม่บอกข้าล่ะ ข้าจะได้สั่งให้คนไปหาให้เ้า”
ฮูหยินของซื่อจื่อที่คอยพะเน้าพะนอไท่จื่อเฟยกล่าวแทรกขึ้น
“จะรบกวนท่านได้อย่างไร ท่านจัดการดูแลงานเลี้ยงก็ยุ่งมากพอแล้ว แค่ไข่มุกตะวันออกเม็ดเดียวเท่านั้นเอง ให้สาวใช้หาก็พอ หาไม่เจอก็ไม่เห็นจะเป็อะไรเลยเ้าค่ะ”
เมื่อคำพูดของโหยวอวี่เวยกล่าวออกมา สายตาของสตรีแต่ละคนบนโต๊ะเลี้ยงล้วนจับจ้องมาทางนางอย่างชื่นชมอิจฉาริษยาปะปนกันไป นอกจากผู้สูงศักดิ์ในวังแล้ว ผู้ที่นั่งอยู่ก็เป็ครอบครัวจวนโหวครอบครัวขุนนางไม่กี่ตระกูลที่ร่ำรวยได้เพียงนี้
ถังชิงอวี่นั่งอยู่ท่ามกลาง่ท้ายๆ ของโต๊ะเลี้ยง ในดวงตาปรากฏความอิจฉาเอ่อล้นขึ้น
วันนี้กว่านางจะกล่าวโน้มน้าวให้มารดาใจอ่อน ยอมพานางมาร่วมงานเลี้ยงจวนโหวด้วยได้ไม่ง่ายเลย ที่มาพร้อมกันยังมีพี่หญิงสามกับน้องหญิงห้าอีกด้วย
“จวนท่านโหวเหวินชางร่ำรวยยิ่งนัก เม็ดไข่มุกตะวันออกหล่นหาย ล้วนไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เฮ้อ ช่างเปรียบเทียบกันแล้วน่าโมโหจริงๆ”
“ก็นั่นน่ะสิ จะเหมือนครอบครัวพวกเราได้อย่างไร เป็เพียงครอบครัวเล็กๆ ไส้แห้งคร่ำครึ วันนั้นพี่หญิงสี่ทำสร้อยข้อมือไข่มุกเส้นเล็กหล่นหาย ยังหาทั่วทั้งลานบ้านเลย หึๆ”
ถังชิงอวี่สีหน้าแข็งทื่อชะงักงัน สร้อยข้อมือไข่มุกเส้นนั้นเดิมทีก็หลวมอยู่เล็กน้อย วันนั้นนางสวมออกไปทำความเคารพผู้าุโ พอตอนกลับมาก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว นางส่งสาวใช้และหญิงชราในบ้านออกค้นหาตลอดทั้งทาง ถึงได้หากลับมาได้จากในลานบ้านของมารดา
การเคลื่อนไหวของสาวใช้และหญิงชราเอิกเกริกไปเล็กน้อย ข่าวลือจึงแพร่ไปทั่วทั้งจวน
แต่นางจะทำอย่างไรได้ เดิมทีเครื่องประดับในกล่องที่สามารถใส่ออกไปข้างนอกได้ก็มีน้อยนัก หากสร้อยข้อมือไข่มุกมาหายไปอีกหนึ่งเส้น ครั้งหน้าตอนออกจากบ้านข้อมือของนางคงโล่งอย่างเสียมิได้แล้ว
นางกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมมาร้องทุกข์กับมารดา ทว่าผู้เป็มารดากลับตำหนินางว่าสะเพร่า นางทำได้เพียงหลบไปสะอื้นไห้อยู่ในกองผ้านวมอย่างปวดใจ
เวลานี้พวกนางเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเป็การทิ่มแทงหลุมในใจของนางหรือ? ถังชิงอวี่กัดริมฝีปากล่าง น้ำตาคลอหน่วยกำลังจะหยดลง
“หุบปากให้หมด ไม่รู้จักดูกาลเทศะเอาเสียเลย มัวมานั่งอิจฉาริษยากันอยู่ได้ ไม่รู้จักขายหน้าบ้างหรืออย่างไร ชิงอวี่ เก็บท่าทางน้อยใจของเ้ากลับเข้าไปเสีย พวกเ้าคนใดก่อเื่ขึ้นอีก ครั้งหน้าจะไม่ได้ตามออกมาทั้งนั้น” ฮูหยินถังดุพวกนางเสียงเบา
สามคนรีบนั่งเรียบร้อยขึ้นทันที ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก โดยเฉพาะถังชิงอวี่ ผู้เป็มารดาต้องคลอดบุตรสาวออกมาห้าคนถึงได้บุตรชายหนึ่งคน เว้นแต่จะดีต่อน้องชายคนเล็กเป็พิเศษแล้ว ล้วนเ็าและไม่ไยดีพวกนางพี่สาวน้องสาวสักเท่าไร ผู้ใดกล้าสร้างความรำคาญแก่นางก็รอถูกตำหนิได้เลย
ส่วนทางนั้น จื่อยู่ได้ส่งไข่มุกตะวันออกในมือให้ไท่จื่อเฟยได้ชมผ่านตาอย่างนอบน้อม
“อื้ม รูปลักษณ์ของไข่มุกตะวันออกเม็ดนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ตัวเม็ดอวบอิ่ม รูปกลมมันวาว ทั้งสีนุ่มนวลอีก อวี่เวย เ้าต้องเก็บไว้ให้ดี หล่นหายไปคงน่าเสียดายแย่” ไท่จื่อเฟยใช้สองนิ้วคีบเม็ดไข่มุกขึ้น แล้วหันไปส่องทางแสงสว่างดูอย่างละเอียด ไข่มุกตะวันออกเม็ดนี้ไม่เลวจริงๆ
“ไท่จื่อเฟย ให้หม่อมฉันดูสักหน่อยได้หรือไม่เพคะ?”
เสียงน่ารักของหญิงสาวที่นิ่มนวลถามขึ้น
ที่นั่งของนางอยู่ข้างฮูหยินของซื่อจื่อ บนกายสวมชุดกระโปรงเสื้อสั้นสีแดงทับทิมแต่งดอกไม้สีทองไปทั่ว ปักปิ่นระย้าทองเคลือบเงาแกะลายฉลุมรกตบนศีรษะ รวมกับต่างหูทองแกะลายฉลุประดับอยู่บนใบหู คนทั้งกายขับเด่นความสูงศักดิ์ออกมาอย่างมาก
นางคือหลินเยว่เหยาบุคคลสำคัญในวันนี้
ไข่มุกตะวันออกเปลี่ยนไปอยู่บนมือของนาง นางมองพลิกไปมาอยู่หนึ่งรอบ ในดวงตาปรากฏความชื่นชอบขึ้น
“พี่อวี่เวย เม็ดไข่มุกตะวันออกที่งดงามเม็ดนี้ ทำไมถึงฝังอยู่บนสร้อยข้อมือกัน น่าจะฝังบนปิ่นมุกสิถึงจะสามารถเผยความน่าหลงใหลของมันออกมาได้”
หลินเยว่เหยาเลิกคิ้วมาทางโหยวอวี่เวย พวกนางเป็สายเืตรงของจวนโหวเหมือนกัน แม้ห่างกันสองปีแต่สองคนก็ถูกเปรียบเทียบเคียงคู่กันมาั้แ่เด็ก หลินเยว่เหยาถือตัวหยิ่งผยองคิดว่าตนอยู่เหนือกว่า ย่อมไม่อยากเสียหน้าในที่นี้ ผ่านปีไปโหยวอวี่เวยจะอายุสิบหกปี เื่การแต่งงานยังไม่กำหนดลง ลับหลังนางไม่รู้ว่าแอบไปหัวเราะเยาะกันมากเท่าไรแล้ว
โหยวอวี่เวยรู้จักกับนางมาั้แ่ยังเด็ก แน่นอนว่านางเข้าใจอุปนิสัยและพฤติกรรมของหลินเยว่เหยาดี
“อย่างนั้นหรือ น้องเยว่เหยาชอบมากเลยใช่หรือไม่? เช่นนั้นมอบให้เ้าแล้วกัน หากฝังไว้บนปิ่นมุก คงขับเ้าให้โดดเด่นงดงามเหนือยิ่งกว่าคนรอบข้างมากแน่”
บนใบหน้าของนางประดับรอยยิ้ม ทว่าดวงตากลับแฝงไว้ด้วยความเหน็บแนม หลังจากนั้นก็ก้มหน้ายิ้มบางๆ
หลินเยว่เหยาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที กำมือที่ถือเม็ดไข่มุกตะวันออกแน่นขึ้นชั่วพริบตา
“โธ่เอ๋ย จะแย่งเอาของรักของอวี่เวยมาได้อย่างไร เยว่เหยา ที่พี่สะใภ้มีไข่มุกตะวันออกอยู่ หากเ้าชื่นชอบก็เลือกสักเม็ดไปฝังลงบนปิ่นแล้วกัน” ฮูหยินซื่อจื่อไหนเลยจะมองการทะเลาะกันที่ซ่อนอยู่ของทั้งสองคนไม่ออก รีบทำการไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่ทันที
หลินเยว่เหยาส่งไข่มุกตะวันออกกลับไปให้จื่อยู่ และเชิดคางขึ้นชำเลืองมองโหยวอวี่เวย
โหยวอวี่เวยยักคิ้ว ท่าทางคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับการแสดงออกของนาง
สองคนแทรกกันขึ้นมาเช่นนี้ เื่ที่เจินจูปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันจึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจอีก
เจินจูยืนอยู่ข้างหลังโหยวอวี่เวยก้มหน้าหลุบตา แอบผ่อนลมหายใจโล่งอกอยู่เงียบๆ เฮือกหนึ่ง
โหยวอวี่เวยเป็แม่นางน้อยที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง รู้จักใช้สถานการณ์ให้เป็ประโยชน์ ดึงความสนใจของผู้คนให้ไปรวมอยู่ที่จุดอื่น
นางกวาดสายตาไปทั่วงานเลี้ยงอย่างเงียบเชียบ
เอ๋ มีคนคุ้นตาอยู่ด้วยหรือนี่
เชิงอรรถ
[1] ภรรยาไม่สู้อนุ อนุไม่สู้ชู้ที่ลักลอบได้เสีย คือ การบรรยายความหลายใจของชายที่แต่งงานแล้ว ให้ความสำคัญกับสตรีรอบกายโดยเรียงจากคนรัก อนุ ภรรยา
[2] เตี่ยนชุ่ย คือ การใช้ขนนกกระเต็นสีฟ้าสดนำมาประดับลงบนโครงโลหะ สำหรับทำเครื่องประดับจำพวกปิ่น หวี ศิราภรณ์ รัดเกล้า เป็ต้น