เมื่อเห็นว่าหมี่หลันเยว่และพวกใช้เวลาไม่นานในการจัดอันดับเด็กสาวเ่าั้ เจิ้งซวี่เหยาก็เริ่มรู้สึกสนุกไปด้วย เขาอยากจะรู้ว่าเด็กสาวที่เขาเลือกไว้ในใจนั้น จะมีอันดับเป็ยังไงเมื่อเทียบกับที่พวกเธอเลือก
"หลันเยว่ ขอฉันดูอันดับที่พวกเธอจัดหน่อยได้ไหม?"
"ทำไมถึงสนใจอันดับของเราขนาดนี้เลยเหรอคะ?"
หมี่หลันเยว่ถามกลับ แต่ก็ยื่นรายชื่อให้เขาแต่โดยดี เพราะนี่เป็เพียงการประเมินภายในของพวกเธอเอง ไม่ได้มีอะไรต้องปิดบังคนนอก ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสในครั้งนี้ก็ยังเป็คุณปู่เจิ้งที่มอบให้เสียด้วยซ้ำ
เจิ้งซวี่เหยาหยิบสมุดเล่มเล็กมา กวาดสายตาไล่อ่านจากบนลงล่างอย่างรวดเร็ว แต่ก็พบว่าเด็กสาวที่เขาเลือกไว้ กลับไม่ได้มีอันดับสูงอย่างที่ควรจะเป็ อันดับเหล่านี้มาจากการตัดสินใจร่วมกันของคนทั้งห้า ถ้ามีใครคนหนึ่งมีความคิดเห็นต่างจากเขาก็คงไม่แปลก แต่เมื่อทั้งห้าคนมีความเห็นไม่ตรงกับเขาเลย นั่นหมายความว่าเขาอาจจะมีปัญหาเื่วิสัยทัศน์ในการเลือกคน
"ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?"
เจิ้งซวี่เหยาเอ่ยปากขอด้วยท่าทีจริงจังกับเด็กๆ ทั้งห้าคน ท่าทีที่เคร่งขรึมของเขาทำให้สีหน้าของหมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ ดูจริงจังขึ้นมาบ้าง
"อาจารย์เจิ้ง มีอะไรก็ถามมาได้เลยครับ มีอะไรที่เราประเมินผิดพลาดไปหรือเปล่าครับ?"
หมี่หลันหยางคิดว่าการได้รับคำแนะนำจากอาจารย์เจิ้งก็เป็เื่ดี เพราะพวกเขายังเป็แค่นักเรียน การเรียนรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกยังมีน้อย อาจเกิดข้อผิดพลาดในการเลือกคนได้
"คืออย่างนี้ ตอนที่ฉันสัมภาษณ์ ฉันถูกใจเด็กสาวพวกนี้"
เจิ้งซวี่เหยาใช้นิ้วลากไปบนรายชื่อ ชี้ไปยังเด็กสาวเ่าั้ทีละคน หมี่หลันเยว่และเพื่อนๆ ก็ยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ เพื่อดูว่าเจิ้งซวี่เหยาเลือกใครบ้าง
"แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเธอไม่ได้มีอันดับสูงอย่างที่พวกเธอเลือก ฉันอยากรู้ว่าทำไม? อะไรทำให้พวกเธอตัดสินใจแบบนั้น?"
เจิ้งซวี่เหยาอยากจะใช้โอกาสนี้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินคนกับพวกเขาจริงๆ
"แล้วอาจารย์ใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกเธอเหรอคะ?"
หมี่หลันเยว่ถามกลับอย่างรวดเร็ว เจิ้งซวี่เหยาไม่ได้อิดออด แต่ตอบตามความคิดของตัวเอง เพราะเขารู้ว่าหมี่หลันเยว่ไม่ได้้าปิดบังความคิดของพวกเธอ เพียงแต่เธอตอบโต้โดยอัตโนมัติเท่านั้น ปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไวและการควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เจิ้งซวี่เหยาแอบชื่นชมเธอในใจ
"เด็กสาวพวกนี้ตอบคำถามได้อย่างสง่าผ่าเผย มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก จนดูเหมือนจะมีความเย่อหยิ่งอยู่ด้วยซ้ำ ซึ่งเป็เื่ดี ในการสนทนากับผู้อื่น จะทำให้พวกเธอได้เปรียบและควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย"
เขาแสดงหลักฐานอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เขาจะไม่ได้จดบันทึกการแสดงออกของแต่ละคนเอาไว้ แต่เขาก็รู้จุดเด่นจุดด้อยของพวกเธอเป็อย่างดี จึงสามารถตอบคำถามได้
"อาจารย์เจิ้ง ตอบแบบนี้ก็ถูกแล้วค่ะ ถึงแม้ว่าเราจะทำงานบริการ แต่ธุรกิจด้านการเงินที่อาจารย์ทำนั้นแตกต่างจากธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่เราทำอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเกณฑ์ในการเลือกคนก็ย่อมแตกต่างกัน"
"เหมือนกับที่อาจารย์เลือกมา ข้อดีที่อาจารย์พูดถึง กลับกลายเป็ข้อเสียสำหรับเรา ข้อเสียใหญ่ในการขายก็คือ การที่ผู้สมัครดูมีอำนาจและข่มคนอื่น สิ่งที่เรามองหาเป็อันดับแรกคือ บุคลิกที่เข้าถึงง่าย อ่อนหวาน และน่ารัก ถึงแม้จะไม่เสียความสง่างาม แต่ก็ต้องไม่ขาดความเป็กันเอง"
"แบบนั้นลูกค้าถึงจะรู้สึกวางใจและเชื่อถือเธอในทันทีที่ได้รับการบริการ โรงแรมก็เป็ธุรกิจที่ต้องพบปะกับลูกค้าโดยตรง ถ้าฉันเดาไม่ผิด คนพวกนี้คงถูกรัฐบาลคัดออก และพวกเธอก็ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของเรา สาเหตุที่พวกเธอพลาดโอกาส ก็เพราะความสง่าผ่าเผยและความมั่นใจที่มากเกินไปของพวกเธอ"
"แต่บางทีอาจารย์อาจจะ้าพวกเธอก็ได้นะคะ อาจารย์เจิ้ง ถ้าอาจารย์จะขยายธุรกิจการเงินไปที่ปักกิ่ง กลุ่มคนที่อาจารย์ต้องติดต่อด้วยก็จะแตกต่างจากเรา ฉันแนะนำว่าอาจารย์เก็บเบอร์โทรศัพท์ของพวกเธอเอาไว้เผื่อจำเป็ต้องใช้ ถึงแม้ว่าเราจะคัดพวกเธอออกไป แต่พวกเธออาจจะเหมาะสมกับอาจารย์มากที่สุดก็ได้ค่ะ"
เจิ้งซวี่เหยาตั้งใจฟังหมี่หลันเยว่พูดจบ แล้วนำคำพูดของเธอมาพิจารณาอย่างละเอียดในใจ ไม่ใช่แค่รอบเดียว แต่เป็หลายรอบ ในการพิจารณาหลายรอบนี้ เขาก็ได้ซึมซับความสามารถในการวิเคราะห์และมองการณ์ไกลของหมี่หลันเยว่อย่างลึกซึ้ง
เธอคิดถึงทุกอย่างอย่างรอบคอบ และวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน การได้ฟังเธอพูดถึงการคัดเลือกและจัดสรรบุคลากร ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกเหมือนเปิดโลกทัศน์ใหม่ เพราะหมี่หลันเยว่ไม่ได้วิเคราะห์แค่ทัศนคติในการรับสมัครพนักงานบริการเท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์ถึงระดับและข้อกำหนดของกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
"หลันเยว่ ฟังเธอพูดแล้วเหมือนได้อ่านหนังสือสิบปี คำโบราณกล่าวว่า เดินทางสามคน ย่อมมีครูของเราคนหนึ่ง ไม่เสียแรงที่เธออายุน้อยนิด แต่กลับมีกิจการเป็ของตัวเอง แค่การประเมินคนของเธอ ฉันก็ต้องทึ่งในตัวเธออีกครั้ง ไม่รู้ว่าในตัวเธอจะมีขุมทรัพย์อะไรที่ฉันขุดเท่าไหร่ก็ไม่หมดอีกบ้าง"
เจิ้งซวี่เหยาชื่นชมในความฉลาดและไหวพริบของหมี่หลันเยว่อยู่แล้ว แต่หมี่หลันเยว่ก็ยังสร้างความประหลาดใจให้เขาอยู่เรื่อยๆ ราวกับว่าสิ่งที่เธอแสดงออกมาในตอนนี้เป็เพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของูเาน้ำแข็งเท่านั้น ถ้า้าที่จะรู้จักเธออย่างลึกซึ้ง ก็คงต้องใช้เวลาอีกนาน
เมื่อคิดถึงเวลาที่ยาวนาน เจิ้งซวี่เหยาก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจ ความพ่ายแพ้ของเขาเกิดจากเื่ของเวลา เขาหวังเพียงว่าเขาจะมาพบกับเธอในเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ แต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้างเขา ทำให้เขาพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดายและยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ
"แล้วหลันหยาง พวกนายช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าทำไมพวกนายถึงเลือกแบบนั้น? หลันเยว่เคยบอกพวกนายมาก่อนหรือเปล่า สอนให้พวกนายเลือกคนแบบนี้?"
เจิ้งซวี่เหยาอยากรู้ว่าเกณฑ์ในการเลือกของเด็กหนุ่มเหล่านี้มาจากไหน
"เปล่าครับ ใครจะรู้ว่าจะเจอคนแบบไหน? คนเราก็ต้องปฏิบัติต่อกันต่างกัน จะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานในการเลือกคนแบบตายตัวไม่ได้หรอกครับ"
เฉียนหย่งจิ้นเป็คนพูด เจิ้งซวี่เหยาจึงหันไปมองเขา
"ถึงแม้ว่าหลันเยว่จะไม่ได้บอกเราก่อนว่าจะเลือกคนแบบไหนถึงจะเหมาะกับเราที่สุด เธอก็คงหวังว่าเราจะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกมา เพื่อนำมาแก้ไขและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะคนเราก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน การมีมุมมองที่หลากหลายจึงเป็เื่ดี"
"แต่จริงๆ แล้วหลันเยว่ก็สอนเรามาั้แ่เนิ่นๆ แล้วว่าจะเลือกคนแบบไหนที่เหมาะกับเรา ดังนั้นความคิดเห็นของเราถึงได้ตรงกันขนาดนี้"
โอ้ เื่นี้ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหมี่หลันเยว่จะเริ่มฝึกฝนพวกเขาั้แ่เนิ่นๆ แล้ว
แต่เมื่อเจิ้งซวี่เหยาเห็นสายตาที่ดูใของหมี่หลันเยว่ เขาก็รู้ว่าเขาคิดผิดไปเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหมี่หลันเยว่จะไม่ได้สอนพวกเขาเป็การส่วนตัว แล้วความสามารถเหล่านี้มาจากไหนกัน เฉียนหย่งจิ้นบอกชัดเจนว่าได้รับการสอนจากหมี่หลันเยว่นี่นา
"หลันเยว่ เธออาจจะไม่เคยคิดว่าการที่เธอให้อำนาจพวกเราในวันธรรมดา และคอยชี้แนะพวกเราอยู่เสมอ มันเป็โอกาสที่ดีที่สุดในการเติบโต ตอนที่เธอให้พวกเราคัดเลือกผู้สืบทอดเอง เธอก็ได้ฝึกฝนและบ่มเพาะความมั่นใจและความคิดของพวกเราไปพร้อมๆ กันแล้ว"
หลินเผิงเฟยเป็คนพูด หมี่หลันหยางและเพื่อนๆ พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกัน หลินเผิงเฟยจึงหันไปมองเจิ้งซวี่เหยา
"อาจารย์เจิ้ง ตอนอยู่ที่บ้านเกิด หลันหยางดูแลร้านค้าทั้งหมดของห้องเสื้อหลันเยว่ รวมถึงการหมุนเวียนสินค้าในคลังสินค้าชั่วคราวด้วยครับ ตำแหน่งนี้เป็ตำแหน่งที่ต้องติดต่อกับคนมากมาย"
เจิ้งซวี่เหยาพยักหน้า ตำแหน่งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็ตำแหน่งที่ต้องประสานงานกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็พนักงานขายและผู้จัดการร้าน หรือพนักงานคลังสินค้า จะต้องอาศัยการสื่อสารของเขาเพื่อป้องกันปัญหาและความผิดพลาด และยังต้องมีความเฉลียวฉลาดและมีวาทศิลป์ด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหาในการสื่อสารได้ง่าย
"ส่วนเถียจู้ดูแลเื่การขายและการฝึกอบรมพนักงานขายโดยเฉพาะ ตามหลักแล้ว เขาคือคนที่มีอำนาจมากที่สุดในการคัดเลือกพนักงานขาย เพราะพนักงานที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกอบรมจากเขา มีชื่อเสียงในระดับต้นๆ ของทั้งเมืองซวงเฉิงและเฮยหลงเจียงเลยทีเดียว ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของเราหลายแห่งต่างก็มาขอคำแนะนำเื่การฝึกอบรมจากเขา"
ไม่คิดว่าหนิวเถียจู้ที่ปกติไม่ค่อยพูด จะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย ทำให้เจิ้งซวี่เหยาต้องมองเขาด้วยสายตาที่ต่างออกไป และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าเถียจู้ก็เป็ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าสายตาของฉันจะแย่จริงๆ"
หนิวเถียจู้หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อถูกเจิ้งซวี่เหยาชม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลินเผิงเฟยจึงแนะนำต่อ
"ส่วนหย่งจิ้น เขาเป็ตัวหลักในการทำยอดขายของทีมเรามาโดยตลอด ยอดขายที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงแค่ยอดขายปลีกอย่างเดียวครับ"
"อาจารย์ก็ได้ยินจากหลันเยว่แล้วว่า ถึงแม้ห้องเสื้อหลันเยว่จะมีร้านค้าเป็ของตัวเอง แต่เราก็เน้นการขายส่งเป็หลัก พนักงานขายส่งทั้งหมดได้รับการฝึกฝนจากหย่งจิ้นทั้งสิ้น นอกจากนี้ เขายังต้องดูแลงานประชาสัมพันธ์ในส่วนของการขายปลีกด้วย อาจารย์คิดว่าความคิดของเขาจะเป็ยังไง?"
เจิ้งซวี่เหยาพยักหน้ายอมรับ
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเธออายุน้อยแค่นี้ แต่กลับมีความสามารถเฉพาะตัวกันทุกคน ฉันสู้พวกเธอไม่ได้จริงๆ สิ่งที่หลันเยว่เก่งที่สุดคือการรวมพวกเธอเข้าด้วยกัน ส่วนฉันนั้นทำอะไรคนเดียวมาตลอด ฉันต้องเรียนรู้เทคนิคของหลันเยว่แล้ว"
"ใช่ค่ะ อาจารย์เจิ้ง ถ้าอาจารย์อยากจะก้าวหน้าต่อไป อาจารย์ก็ต้องมีคนของตัวเองค่ะ"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ปล่อยให้หลินเผิงเฟยอธิบายให้เจิ้งซวี่เหยาฟังแบบนี้
"แล้วเผิงเฟย เธอรับผิดชอบด้านไหนล่ะ?"
เมื่อถูกเจิ้งซวี่เหยาถามแบบนี้ หลินเผิงเฟยก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
"ผมรับผิดชอบด้านการเงินเป็หลัก ดูแลเื่วัสดุเข้าออกและสินค้าคงคลัง ดังนั้นเื่การเลือกคน ผมจึงอ่อนด้อยที่สุด เพราะผมส่วนใหญ่จะติดต่อกับบัญชีและวัสดุมากกว่าคน"
หนิวเถียจู้จึงพูดแทรกขึ้นมา
"อาจารย์เจิ้ง อย่าฟังเผิงเฟยถ่อมตัวนะครับ ก่อนที่หลันเยว่จะมาปักกิ่ง เธอเคยให้พวกเราเลือกคนที่จะมารับ่ต่อจากพวกเราเอง พวกเราไม่เคยทำให้หลันเยว่ผิดหวังเลยสักครั้ง ดังนั้นเผิงเฟยแค่ถ่อมตัวเท่านั้นครับ"
"ฉันไม่ได้ถ่อมตัว พวกเราทุกคน ตอนนั้นมีฉันแค่คนเดียวที่เลือกผิด ถึงตอนหลังจะเลือกคนที่เหมาะสมได้ แต่ฉันก็เคยพลาดมาแล้ว ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่เคยพลาดเลย"
การเรียนรู้ที่จะถืออำนาจและการเรียนรู้ที่จะปล่อยมือ วิธีการบริหารจัดการของหมี่หลันเยว่ทำให้เจิ้งซวี่เหยารู้สึกตกตะลึง ดูเหมือนว่าการเลือกที่แตกต่างกันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เขาจะต้องพยายามเรียนรู้แล้ว
