มู่อวิ๋นจิ่นคิดมาถึงตรงนี้ แววตากลับแสดงความดีใจออกมา เมื่อคิดว่าองค์ชายหกคิดกลับคำแล้ว ฝีเท้าของนางก็ก้าวฉับเดินอย่างว่องไวและเต็มไปด้วยความสุขใจ
กลับคำก็ดีนะสิ รีบกลับคำเร็วๆ เถอะ หากเป็เช่นนั้นละก็ ข้าจะได้เป็อิสระเสียที!
จื่อเซียงก็รีบสาวเท้าตามหลังมู่อวิ๋นจิ่นพลางแสดงสีหน้าประหลาดใจ “คุณหนู บ่าวพูดเื่นี้กับคุณหนู นี่นับว่าเป็เื่ที่ไม่ดีเสียด้วยซ้ำ… ไฉนคุณหนูกลับดีใจถึงเพียงนี้ล่ะเ้าคะ?”
“จะรีบร้อนไปทำไมเล่า รอให้ใกล้เข้าวันแต่งงานของข้า ก็ย่อมมีคนร้อนอกร้อนใจกับเื่นี้ขึ้นมาเอง” มู่อวิ๋นจิ่นหันกลับไปตอบจื่อเซียงเสียงดังฟังชัด
จื่อเซียงฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้ารับงก ๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่
นายบ่าวคู่นี้เดินเล่นที่ตลาดจนผ่านหน้าร้านขายเครื่องหอม จื่อเซียงมองด้วยแววตาวาบประกาย รีบลากมู่อวิ๋นจิ่นเข้าไปในร้าน
ร้านเครื่องหอมในเวลานี้มีลูกค้าแน่นขนัด มู่อวิ๋นจิ่นเดิมทีไม่ชอบสถานที่ที่คนแออัด ทว่าพอเห็นจื่อเซียงมีความสุขก็มิอยากขัดใจ
“คุณหนูดูนี่สิเ้าค่ะ” จื่อเซียงรีบหยิบตลับเครื่องหอมขึ้นมาบิดเปิดออกยื่นให้มู่อวิ๋นจิ่นดู
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นตลับแป้งเป็สีชมพูอ่อนก็พูดขึ้นว่า “วันนี้มีเงินแล้ว ถ้าเ้าชอบก็ซื้อได้เลย”
ได้ยินมู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเช่นนี้ จื่อเซียงจึงรีบเลือกตลับแป้งสองชิ้น ยื่นให้เ้าของร้านห่อทันที
“ข้าก็ว่าทำไมเสียงมันคุ้น ๆ ที่แท้ก็น้องอวิ๋นจิ่นนี่เอง” พลันมีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
มู่อวิ๋นจิ่นหันหลังกลับไปมองก็เห็นเหยียนหลิงฉานกับบ่าวรับใช้ฉ่ายลู่ยืนอยู่
“พี่เหยียน” มู่อวิ๋นจิ่นยกมือทักทายอย่างอดมิได้
เหยียนหลิงฉานดูตลับแป้งที่จื่อเซียงซื้อก็เอ่ยขึ้น “น้องอวิ๋นจิ่นช่างดูแลบ่าวรับใช้ดีเหลือเกิน ถึงกับออกเงินซื้อของให้ด้วย ในจุดนี้ข้าหลิงฉานสู้น้องสาวมิได้เลย”
“เหตุใดพี่เหยียนถึงคิดเช่นนั้นเล่า เวลานี้อยู่ที่ร้านเครื่องหอมพอดี พี่เหยียนเลือกซื้อของที่บ่าวรับใช้ข้างกายชอบให้ก็สิ้นเื่มิใช่หรือ?”
สมัยก่อนเหยียนหลิงฉานกับมู่หลิงจูใกล้ชิดสนิทสนมกัน มู่อวิ๋นจิ่นจึงไม่มีความจำเป็ต้องเสแสร้งทำดีด้วย
เหยียนหลิงฉานหน้าชาเมื่อได้ยินก็รีบหัวเราะกลบเกลื่อนทันควัน ก่อนหยิบถุงเงินจากในแขนเสื้อส่งให้บ่าวรับใช้ที่ติดตามมา “ฉ่ายลู่ เ้าเลือกซื้อของที่ชอบเอาแล้วกัน”
ฉ่ายลู่รับถุงเงินจากมือเหยียนหลิงฉานอย่างลนลาน ก่อนเอ่ยขอบคุณแล้วเดินไปอีกทาง
ในเวลานี้จื่อเซียงเดินกลับมาเอาตลับแป้งขึ้นมาอวดเบื้องหน้ามู่อวิ๋นจิ่น “คุณหนูเ้าคะ บ่าวเลือกตลับแป้งให้คุณหนูสองชิ้น หากคุณหนูได้ใช้คงต้องยิ่งงดงามแน่ๆ เ้าค่ะ”
“อืม นับว่าเ้ายังดีที่คิดถึงข้า” มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นสายตาประหลาดใจของเหยียนหลิงฉานปรากฏขึ้น
เหยียนหลิงฉานหลุดหัวเราะชอบใจ “น้องอวิ๋นจิ่นช่างจิตใจดีเสียจริง วันนี้พี่ได้เรียนรู้จากน้องมาไม่น้อย”
“ไม่เป็ไรหรอก หากไม่มีเื่อันใดแล้ว น้องขอตัวก่อน” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยเสียงเรียบ นางไม่อยากจะสนทนากับเหยียนหลิงฉานให้มากความ แล้วพาจื่อเซียงเดินออกร้านเครื่องหอมไป
หลังจากสองคนนั้นเดินออกจากร้านแล้ว เหยียนหลิงฉานเอาแต่มองหลังของมู่อวิ๋นจิ่นจนลับตา จากนั้นหันกลับมามองฉ่ายลู่ที่กำลังเลือกตลับแป้ง
“มัวทำอะไรอยู่นั่น รีบไสหัวมาทางนี้เร็วเข้า!!!”
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงกรุ่นโกรธของเหยียนหลิงฉาน ฉ่ายลู่รีบวิ่งมายืนตัวสั่นพร้อมในมือกำถุงเงินของเหยียนหลิงฉานไว้
เหยียนหลิงฉานกระชากถุงเงินจากมือฉ่ายลู่คืนมาเก็บเข้าไปในแขนเสื้อดังเดิม พร้อมเปรยถึงมู่อวิ๋นจิ่นอย่างดูแคลน “คุณหนูที่ไม่มีใครเอา คงมีแต่ต้องคลุกตัวอยู่กับบ่าวรับใช้เท่านั้นแหละ!”
“ได้ยินมาว่าใกล้จะถึงงานอภิเษกสมรสระหว่างองค์ชายหกกับนางเต็มที แต่ตอนนี้องค์ชายหกยังไม่ส่งของหมั้นหมายมายังจวนอัครเสนาบดีมู่เลยสักชิ้น ช่างน่าหัวเราะเยาะสิ้นดี!”
…
เมื่อเดินออกจากร้านเครื่องหอมไปได้ระยะหนึ่ง จื่อเซียงได้เอ่ยถามมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความสงสัย “คุณหนูกับคุณหนูเหยียนผู้นั้นมีเื่ผิดใจกันหรือเ้าคะ?”
“ไม่มีสักหน่อย” มู่อวิ๋นจิ่นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เมื่อครู่บ่าวเห็นคุณหนูไม่อยากสนทนากับนาง จึงคิดว่าอาจมีเื่ผิดใจกันเ้าค่ะ” จื่อเซียงอธิบาย
มู่อวิ๋นจิ่นเม้มริมฝีปากกลั้นขำ
ตลอดทางที่เดินผ่าน มู่อวิ๋นจิ่นััได้ถึงสายตาของชาวบ้านที่มักจับจ้องมาที่นาง สายตาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความดูแคลน บ้างก็รอให้นางเดินไปไกลๆ แล้วค่อยตั้งกลุ่มซุบซิบนินทา
มู่อวิ๋นจิ่นเกิดความสงสัยขึ้นมาจึงยกนิ้วชี้ที่หน้าตนเอง “จื่อเซียง บนหน้าข้ามีอะไรติดอย่างนั้นหรือ?”
จื่อเซียงดูดีๆ ก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ
มู่อวิ๋นจิ่นยิ่งแปลกใจรีบหันหลังเดินกลับไปทางเดิม ก่อนเลือกร้านค้าข้างทางมาร้านหนึ่ง “คุณป้า สิ่งนี้ขายอย่างไรหรือ?”
มู่อวิ๋นจิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นให้คุณป้าเ้าของร้านดู
เมื่อคุณป้าเ้าของร้านที่ยิ้มแย้ม เงยหน้าขึ้นมาพบว่าเป็มู่อวิ๋นจิ่นก็รีบหุบยิ้มทำหน้าบึ้ง ก่อนฝืนยิ้มตอบกลับว่า “ไม่แพงหรอก แค่สิบเหวินเท่านั้น”
มู่อวิ๋นจิ่นหยิบถุงเงินที่ซูปี้ชิงให้มาเลือกเงินที่ก้อนใหญ่ที่สุดส่งให้คุณป้า “เงินพวกนี้เป็ของป้า แต่ป้าต้องบอกข้ามาว่า วันนี้ที่ตลาดทุกตรอกซอกซอยกำลังพูดอะไรถึงข้ากัน…”
“คุณหนูสามสกุลมู่ เื่นี้มัน…” คุณป้าแสดงแววตาที่ทั้งใและหวาดกลัว มิกล้ายื่นมือออกมารับเงินในมือมู่อวิ๋นจิ่น
พอเห็นท่าทางลังเลของอีกฝ่าย มู่อวิ๋นจิ่นเลือกกะพริบตาปริบๆ อย่างไร้เดียงสา “นี่น้อยเกินไปใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเพิ่มให้อีกหน่อยก็แล้วกัน!”
ระหว่างที่พูดมู่อวิ๋นจิ่นก็หยิบเงินในถุงเพิ่มให้อีก
คุณป้าเ้าของร้านยิ่งกัดฟันมิกล้าปริปาก ในใจได้แต่คิดว่าวันนี้คือวันซวยของนางแล้ว
“ว่าอย่างไรเล่า?” มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วมองคุณป้าที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่นานสองนาน
“คุณหนูสาม ขอร้องปล่อยข้าไปเถิด ข้ายังต้องขายผ้าเช็ดหน้าเพื่อเลี้ยงดูลูกหลาน คุณหนูสามอย่าได้ทำให้ข้าลำบากเลยเ้าค่ะ” คุณป้าพูดพลางสะอึกสะอื้นไปพลาง
มู่อวิ๋นจิ่นที่งงงวยกำลังจะอ้าปากถามสาเหตุที่หญิงชราตรงหน้าร้องไห้ร้องไห้ ทว่าทันใดนั้นชาวบ้านมิน้อยต่างมาล้อมนาง และร้านขายผ้าเช็ดหน้าเอาไว้
“ได้ยินมาว่าคุณหนูสามนิสัยบุ่มบ่ามและโหดร้าย วันนี้ได้เห็นเต็มสองตา นึกไม่ถึงว่ามารังแกเ้าของร้านเล็กๆ ข้างทาง ดูท่าจวนอัครเสนาบดีมู่คงไม่เห็นกฎบ้านเมืองอยู่ในสายตากระมัง?” ชายวัยกลางคนที่อยู่หน้าสุดรวบรวมความกล้าชี้หน้าต่อว่ามู่อวิ๋นจิ่น
“ไหนพูดออกมาสิ ป้าอิงเป็คนซื่อ เปิดร้านขายผ้าเช็ดหน้ามาได้แค่ปีสองปี วันนี้กลับถูกรังแกจนต้องร้องห่มร้องไห้แล้ว” สตรีวัยกลางคนรีบสมทบ
“มิน่าเล่าใกล้ถึงวันแต่งงานแล้ว องค์ชายหกถึงยังไม่ส่งของหมั้นหมาย สตรีใจดำอำมหิตเช่นนี้ ไม่เหมาะสมกับองค์ชายหกหรอก!”
“ใช่ๆๆๆ จวนอัครเสนาบดีมู่มีคุณชายใหญ่ที่ออกรบอยู่ชายแดน ยังมีคุณหนูสี่ที่มีความรู้ความสามารถ แต่ทำไมต้องมีคนอย่างนางมาคอยทำให้ชื่อเสียงจวนต้องแปดเปื้อนด้วย ช่างน่าสงสารอัครเสนาบดีเสียจริง!”
มู่อวิ๋นจิ่นหรี่ตามองคนกลุ่มใหญ่ที่ล้อมเข้ามาต่อว่านางโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ละประโยคที่หลุดออกจากปากชาวบ้านล้วนด่าทอนางราวกับเป็คนไร้ค่าไร้ราคา
ดูท่าแล้วเื่ที่ทุกคนกำลังซุบซิบนินทาก็เป็เื่ที่องค์ชายหกไม่ส่งของหมั้นหมายมานี่เอง
“พวกเ้าบังอาจนัก! คุณหนูสามเป็คนที่พวกเ้าจะมาชี้หน้าต่อว่าได้อย่างนั้นหรือ? หรือว่าพวกเ้าเบื่อชีวิตกันแล้ว?” จื่อเซียงเห็นชาวบ้านรุมล้อมต่อว่าเ้านาย ก็รีบวิ่งเข้ามาบังหน้าปกป้องมู่อวิ๋นจิ่นทันที
ระหว่างที่จื่อเซียงกำลังพูดอยู่นั้น ไม่รู้ว่าไข่ไก่ลอยมาจากไหนก่อนที่มันจะกระแทกหัวของนาง ไข่ฟองนั้นแตกจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนชุดไปหมด
พอเห็นมีคนเริ่มสักครั้ง ชาวบ้านที่มีตะกร้าผักและอาหารต่างก็ไม่รีรอ หยิบผักบ้าง ผลไม้บ้าง ไข่ไก่บ้างระดมขว้างมาทางมู่อวิ๋นจิ่นกับจื่อเซียง
“คุณหนู รีบวิ่งเถอะเ้าค่ะ” จื่อเซียงยกมือขึ้นบังหัวลากมู่อวิ๋นจิ่นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
คิดจะหนีหรือ?
มู่อวิ๋นจิ่นเลิกคิ้วขึ้นก่อนดึงจื่อเซียงไปหลบอยู่ข้างหลัง… คนอย่างมู่อวิ๋นจิ่นไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ
ในตอนนี้เอง มีชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่หน้าสุดแย่งตะกร้าผักหยิบไข่ไก่ขึ้นมาหลายฟองปาใส่มู่อวิ๋นจิ่น ทว่าด้วยฝีเท้าที่ว่องไวดุจสายลม นางพุ่งตัวเข้าไปจับแขนของชายฉกรรจ์บิดไปข้างหลังแล้วทุ่มลงกับพื้น
ชาวบ้านที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ต่างวิ่งแตกกระเจิงไปทั่วสารทิศ
“ตายแล้ว…”
ชายฉกรรจ์คนนั้นนอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น กระดูกแขนหักไปหลายท่อน
ชาวบ้านเ่าั้ใจนตาค้าง ที่เห็นหญิงสาวร่างบอบบางจับชายหนุ่มที่สูงกว่าทุ่มลงกับพื้น
หลังจากชาวบ้านวิ่งกระเจิงแตกตื่นหนีไปหมด มู่อวิ๋นจิ่นยังไม่ลดความโกรธลง ได้แต่กัดฟันกรอดมองไปโดยรอบ “เห็นทีจะมีคนคอยสร้างเื่อยู่เื้ัสิท่า!”
“คุณหนู ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดีเ้าคะ?” จื่อเซียงปัดชุดให้พอดูได้แล้วเอ่ยถาม
“กลับจวน!”
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินกลับมาถึงจวน ซูปี้ชิงและมู่หลิงจูสองแม่ลูกตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมิทราบ แต่ทั้งสองได้นั่งจิบชาที่ห้องโถงด้านหน้าอยู่พอดี
ทันทีที่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวเปรอะเปื้อน ซูปี้ชิงแสร้งร้องอย่างความใ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย “อวิ๋นจิ่น เกิดอะไรขึ้นกับเ้า? เหตุใดจึงกลับมาสภาพนี้เล่า?”
“นั่นน่ะสิ พี่สาวเกิดหกล้มกลับมา หรือว่าถูกใครเล่นงานเอาแล้ว? ถ้าถูกคนเล่นงานละก็ จวนอัครเสนาบดีมู่ของพวกเราไม่มีทางยอมแน่” มู่หลิงจูยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก
ได้ยินคำพูดจากปากแม่ลูกคู่นี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็รู้ทันทีว่าสองคนนี้ต้องมีส่วน พวกนางคงไม่อยากอยู่อย่างสงบสุขแล้วสิท่า…
“ขอบใจท่านแม่และน้องสาวที่เป็ห่วง ไม่มีเื่อันใดหรอก ข้าต้องขอตัวกลับเรือนก่อน” มู่อวิ๋นจิ่นสาวเท้ากลับเรือนมวลบุปผา
รอให้มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปแล้ว ซูปี้ชิงกับมู่หลิงจูต่างหันมาสบตากันอย่างสะใจ
“ป้าหลี่ เ้ารีบนำเื่ที่มู่อวิ๋นจิ่นรังแกชาวบ้านที่ตลาดเข้าไปแพร่ในวัง สำคัญที่สุดคือ ต้องให้ไปถึงหูของเจิ้งไทเฮา” ซูปี้ชิงสั่งการ
“บ่าวจะรีบไปจัดการให้เ้าค่ะ”
…
มู่อวิ๋นจิ่นเดินมาที่สวนดอกไม้ด้านหลังของจวน แทนที่จะมุ่งหน้าเข้าเรือนมวลบุปผา ทว่ากลับออกจากประตูด้านหลังของจวนอัครเสนาบดีมู่ไป