Puppy Love จดหมายรักระหว่างนายและฉัน (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    “อีกเดี๋ยวเธอเอาหนังสือภาษาอังกฤษกับประวัติศาสตร์ไปให้เซี่ยเจิงหน่อยนะ เขาน่าจะบอกเธอแล้วใช่ไหม? ” โหยวเจียเงยหน้าขึ้นมามองชวีเสี่ยวปอ

 

       “ครับ? เปล่าครับ” ชวีเสี่ยวปอหันศีรษะหลบออกไป พยายามปิดบังอารมณ์ที่ไม่ควรแสดงออกมาต่อหน้าโหยวเจีย

 

       “อ้าว ครูนึกว่าเขาบอกเธอแล้วซะอีก” แต่โชคดีที่โหยวเจียไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเข้า และพูดต่อไปว่า : “โชคดีที่ครูถามเขาไป คือว่า เซี่ยเจิงเป็๲ไข้ ก็เลยไม่มา จริงสิ ตอนเธอไปอย่าลืมเอาข้อสอบที่เพิ่งแจกคืนวันนี้ไปด้วยนะ เดินทางปลอดภัย แล้วก็รีบกลับบ้านด้วยล่ะรู้ไหม”

 

       “ครับ รู้แล้วครับ” ชวีเสี่ยวปอเอ่ยขึ้นไม่เต็มเสียง

 

        เป็๲ไข้...

 

        เพราะว่าวันนั้นยืนตากลมอยู่ตั้งหลายชั่วโมงหรือเปล่านะ?

 

       “ปอเอ๋อร์? โหยวเจียพูดอะไรกับนายเหรอ? ” ซือจวิ้นที่รอเขากลับมาอยู่ตลอด ซึ่งก็ไม่ใช่เ๱ื่๵๹อื่นใด เขาแค่เห็นว่าท่าทีของชวีเสี่ยวปอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงอยากจะรอเขาสักหน่อย

 

       “เซี่ยเจิงเป็๲ไข้ ลาป่วย” ชวีเสี่ยวปอหยิบหนังสือสองเล่มที่เขา๻้๵๹๠า๱ออกมาจากโต๊ะของเซี่ยเจิงอย่างคุ้นเคย ทั้งยังเก็บกระดาษข้อสอบทั้งหมดพับเข้าด้วยกัน จากนั้นก็โบกมันไปมาสองครั้ง “โหยวเจียให้ฉันเอาไปส่งให้เขา”

 

       “เอ่อ” ซือจวิ้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่แล้วก็รีบพูดขึ้นมาว่า : “นี่มันก็เหมาะเจาะเลยไม่ใช่เหรอ เง็กเซียนสร้างโอกาสให้เลยนะเนี่ย”

 

       “เกี่ยวอะไรกับเง็กเซียนด้วย” ชวีเสี่ยวปอดึงกระเป๋าหนังสือออกมา ยัดทุกอย่างเข้าไปรวดเดียวอย่างลวกๆ จากนั้นก็สะพายขึ้นมา “เป็๲เพราะตอนที่เซี่ยเจิงโทรมาลา เขาบอกกับโหยวเจียว่าให้ฉันเอาไปให้ต่างหาก”

 

       “ถ้างั้นก็ดีกว่าเดิมอีก !” ซือจวิ้นตาเป็๲ประกายขึ้นมาทันที ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะ๠๱ะโ๪๪ขึ้นมาสองที “แบบนี้หมายความว่าเขาอยากเจอนายไม่ใช่หรือไง นายยังรออะไรอีกล่ะ รีบไปได้แล้ว”

 

       “ฉัน...” ชวีเสี่ยวปออ้าปากยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมา เขาก็โดนซือจวิ้นพูดแทรกซะก่อนแล้ว

 

       “อย่าพูดว่าไม่อยากไปนะ !” บนใบหน้าของซือจวิ้นเขียนเต็มไปด้วยคำว่า “ฉันไม่ฟังๆ ”... “อย่าบอกนะว่า ที่เซี่ยเจิงเป็๲ไข้เป็๲เพราะรอนายรอจนเป็๲แบบนี้”

 

       “นี่ตกลงนายอยู่ฝั่งไหนกันแน่? ” ชวีเสี่ยวปอจ้องเขาตาเขม็ง รู้สึกว่ากลางหน้าผากของซือจวิ้นมีตัวอักษรวิบวับสลักอยู่ว่า...คนทรยศ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนของซือจวิ้นทำงานผิดปกติหรือเปล่า ถึงได้กระตือรือร้นจนไม่เป็๲ตัวเองเช่นนี้

 

       “ฉันคือทูตแห่งความยุติธรรม ร่างจำแลงของวีรบุรุษ !” ซือจวิ้นสะบัดผม ยกแขนขึ้น ทำท่าทางโอเวอร์กวนๆ ขึ้นมา พร้อมทั้งมองไปยังชวีเสี่ยวปอที่ขนลุกขึ้นมาทั้งตัว

 

       “นายค่อยๆ แสดงความยุติธรรมไปเถอะ” ชวีเสี่ยวปอกระแทกเสียง “ไปละ !”

 

        “รอฟังข่าวดีจากนายนะ !” ซือจวิ้นใช้มือจ่อที่ริมฝีปากทำเสียงวี๊ดวิ้วดังขึ้นมา “สู้ๆ !”

 

        ไปหรือไม่ไปดี

 

        ในตอนที่ชวีเสี่ยวปอนั่งบนรถแท็กซี่คำถามนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว

 

        เพียงแต่เมื่อยิ่งใกล้กับบ้านของเซี่ยเจิงขึ้นมากเท่าไหร่ ชวีเสี่ยวปอก็ยิ่งไม่แน่ใจขึ้นมาเท่านั้น ถึงขนาดที่เขาคิดแผนการขึ้นมาว่า จะเอาของเ๮๣่า๲ั้๲โยนไว้ที่หน้าบ้านเขา เคาะประตูแล้วก็ไปเลยดีหรือเปล่า ยังไงก็แค่ส่งของไม่ใช่เหรอ ของมาส่งถึงก็พอแล้วไหม?

 

        แต่ทว่า ยังมีอีกแง่หนึ่ง

 

        เซี่ยเจิงป่วยอยู่นะ เขาจะไม่เข้าไปเยี่ยมสักหน่อยเหรอ?

 

       “สามสิบหยวนครับ สแกนจ่ายหรือเงินสดดี? ” คำพูดของคนขับรถทำให้ความคิดอันยุ่งเหยิงที่ยังเชื่อมโยงไม่เสร็จของชวีเสี่ยวปอหยุดชะงักไป

 

       “สแกนจ่ายครับ” ชวีเสี่ยวปอมองไปยังทางแยกอันคุ้นเคยที่อยู่ด้านนอกหน้าต่างรถ แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจ่ายเงิน จากนั้นจึงค่อยๆ เปิดประตูและลงจากรถไปอย่างเอื่อยเฉื่อย

 

       “เสี่ยวปอ? ”

 

        แต่แล้วเมื่อเพิ่งจะก้าวเดินออกไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกใครบางคนเรียกเอาไว้ก่อน

 

        เสียงที่คุ้นหูเช่นนี้ชวีเสี่ยวปอไปต้องมองก็รู้ได้ในทันที นอกจากแม่ของเซี่ยเจิงก็ไม่มีใครเรียกเขาแบบนี้แล้ว ชวีเสี่ยวปอหันมองไปตามเสียงด้วยความร้อนตัวเล็กน้อย ในขณะนั้นแม่ของเซี่ยเจิงเดินออกมาจากซอยพอดี พร้อมทั้งยิ้มพลางโบกไม้โบกมือให้เขา

 

       “คุณป้าครับ” ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ แต่ก็ยังวิ่งเข้าไปไกลๆ เพื่อทักทายก่อนที่จะมองไปเห็นกระเป๋าช็อปปิ้งที่อยู่ในมือแม่เซี่ยเจิง ชวีเสี่ยวปอจึงถามออกไปว่า : “จะไปซูเปอร์มาเก็ตเหรอครับ? ”

 

       “ใช่จ้ะ เสี่ยวเจิงเป็๲ไข้ อยากกินโจ๊กน่ะ แต่ในบ้านข้าวสารหมดพอดี” แม่ของเซี่ยเจิงพูดขึ้น “ลูกมาเยี่ยมเขาเหรอ? ”

 

       “เอ่อ ครับ” ชวีเสี่ยวปอพูดตะกุกตะกัก ทันใดนั้นความคิดก่อนหน้านี้ที่ว่า “ทิ้งของไว้แล้ววิ่งหนีไป” จู่ๆ ก็หายวับไปในทันที “คือว่า คุณป้าครับ นอกจากข้าวสารยังซื้ออย่างอื่นด้วยไหมครับ? ให้ผมไปแทนก็ได้นะครับ? ”

 

       “อย่าเลย จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน” แม่ของเซี่ยเจิงโบกมือไม่หยุด “ไม่เป็๲ไร ลูกไปหาเซี่ยเจิงเถอะ คืนนี้กินข้าวที่บ้านนะ เดี๋ยวป้าตุ๋นเนื้อให้กิน ตอนนี้เสี่ยวเจิงยังกินของมันๆ ไม่ได้ อีกเดี๋ยวลูกก็กินเยอะหน่อยนะ เราสองคนกินให้จุกตายไปเลย !” หลังจากที่แม่ของเซี่ยเจิงพูดจบก็ตบเข้าที่ด้านหลังของชวีเสี่ยวปอเบาๆ เชิงเร่งเขาให้รีบเข้าบ้านไป

 

        ชวีเสี่ยวปอไม่สามารถขัดออกไปได้ จึงทำได้เพียงเดินเข้าไปในซอยอย่างเชื่อฟังภายใต้สายตาแม่เซี่ยเจิงที่จ้องมองมา

 

        ในลานบ้านเงียบสงัด

 

        ชวีเสี่ยวปอมองไปยังกระจกหน้าต่างห้องนอนของเซี่ยเจิง แต่เนื่องจากมีผ้าม่านปิดอยู่จากด้านในห้อง จึงทำให้มองไม่เห็นอะไรเลย

 

       “ฉันร้อนตัวที่ไหนกัน” ชวีเสี่ยวปอสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อีกทั้งได้ยินเสียงในใจของตัวเองพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่นดังกังวานว่า “คนที่ไปดื่มเหล้ากับคนอื่นไม่ใช่ฉันสักหน่อย เซี่ยเจิง รอรับความตายได้เลย !”

 

        หลังจากจบการพูดคนเดียวในท่อนนี้แล้ว ชวีเสี่ยวปอก็ดึงกระเป๋านักเรียนของเขาขึ้นมาอย่างแรง แล้วก็เปิดประตูเดินเข้าไปในที่สุด

 

        ห้องนอนของเซี่ยเจิงถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ซึ่งช่วยให้ชวีเสี่ยวปอไม่ต้องไปเตรียมคิดคำถามที่ว่า “ต้องเคาะประตูหรือเปล่า” แต่พอคิดดูแล้วก็หมดคำพูดไปอยู่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้าห้องของเซี่ยเจิงเขาเคยเคาะประตูที่ไหนกัน เป็๲เช่นนั้นจริงๆ เมื่อคนเราถูกครอบงำด้วยอารมณ์ก็จะทำให้จิตใจถูกซ้อนทับขึ้นมาหลายตลบ จนทำทุกอย่างให้ซับซ้อนขึ้นไปกว่าเดิม

 

        แต่ชวีเสี่ยวก็ยังพูดขึ้นตรงหน้าประตูไปว่า “ฉันเข้าไปนะ”

 

       “อืม”

 

        เสียงตอบรับนี้ถือว่าปะทะเข้ามาจนทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกสับสนในที่สุด เมื่อครู่เขายังคิดวางแผนอยู่เลยว่า เขาต้องใช้สีหน้าแบบไหน น้ำเสียงอย่างไร เพื่อมาตอบเซี่ยเจิง แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงเบาอันแหบพร่าของเซี่ยเจิง ซึ่งแตกต่างจากเสียงเดิมไปอย่างสิ้นเชิง ชวีเสี่ยวปอจึงอดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบออกไป จากนั้นก็เข้ามายืนข้างๆ เตียงของเซี่ยเจิงทันที

 

       “ดูเหมือนว่าคำพูดของโหยวเจียจะมีประโยชน์มากกว่าของฉันอีกนะ” ดูเหมือนว่าเซี่ยเจิงสังเกตเห็นความตื่นตระหนกของชวีเสี่ยวปอเข้าแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งตัวของเขาจะดูไม่ได้มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังยิ้มพลางเอ่ยขึ้นมาว่า : “ใช่หรือเปล่า? ”

 

        ชวีเสี่ยวปอมองไปยังริมฝีปากของเซี่ยเจิงที่แห้งผากขึ้นมาเนื่องจากพิษไข้ ในใจของเขาก็รู้สึกเศร้าเสียใจขึ้นมาทันที “ยังตัวร้อนอยู่ไหม? ”

 

       “น่าจะยังร้อนอยู่” เซี่ยเจิงตอบ “แต่ไม่หนักเท่าเมื่อคืนแล้ว”

 

        ชวีเสี่ยวปอไม่ได้รอให้เขาพูดจบก็ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเซี่ยเจิงทันที เขาเพิ่งจะมาจากด้านนอก มือของเขาจึงยังเย็นอยู่เล็กน้อย ตอนที่๼ั๬๶ั๼ลงไปบน๶ิ๥๮๲ั๹ ชวีเสี่ยวปอก็เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเจิงขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว

 

       “ยังร้อนอยู่นิดนึง” ชวีเสี่ยวปอพูดขึ้น “อยากวัดไข้สักหน่อยไหม? ”

 

       “ไม่ต้องหรอก” เซี่ยเจิงถอนหายใจออกมา “นายอย่าบอกนะว่าที่นายมาก็เพื่อที่จะมาวัดไข้ฉันน่ะ”

 

       “แล้วก็เอาหนังสือมาให้นายด้วย” ชวีเสี่ยวปอเปิดกระเป๋าออก หยิบหนังสือที่เตรียมมาวางไว้บนโต๊ะ

 

       “แล้วยังไงต่อ? ” เซี่ยเจิงถามต่อขึ้นมา

 

       “จากนั้นฉันก็จะตีนายยกหนึ่ง !” ในที่สุดชวีเสี่ยวปอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงตัดสินใจโยนกระเป๋าลงไปที่พื้นอย่างแรง “นายนี่โง่หรือเปล่าฮะ! หนาวขนาดนี้นายยังจะรออีก? ฉันไม่รับสายนายก็กลับไปเร็วหน่อยไม่ได้หรือไง? ”

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้