บทที่ 5: ขุมทรัพย์ที่หลับใหล
ยามเช้าในยุคโบราณช่างเงียบสงบและแปลกตา ิซัวหลงค่อยๆ ปรือตาตื่นขึ้นมารับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระดาษ เขาสูดหายใจลึก รู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของอากาศที่แตกต่างจากโลกอนาคตที่เขาจากมาอย่างสิ้นเชิง
"นี่เราคงข้ามเวลามาจริงๆ สินะ…" เขาพึมพำกับตัวเอง พลางนึกถึงใบหน้าของ จ้าวลู่ซือ หญิงสาวเ้าของดวงตาคมสวยที่แฝงแววเศร้าลึก ราวกับผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่มา ไม่นานนัก อาหลง พ่อบ้านประจำตระกูล ก็มาเคาะประตูเรียกเขาไปพบคุณหนูจ้าวที่ห้องรับรอง ิซัวหลงในชุดกึ่งโบราณกึ่งประยุกต์ที่ได้รับมา เดินตามอาหลงไปอย่างเงียบๆ พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานะใหม่ในนาม "หยวนลู่"
ภายในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างเรียบหรู จ้าวลู่ซื่อนั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยท่วงท่าสง่างาม เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา นางก็ส่งยิ้มบางๆ ให้
“เชิญท่านนั่งก่อน พี่หยวนลู่”
หลังจากทักทายกันพอเป็พิธี ิซัวหลงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดเื่ที่เขามาจากโลกอนาคตในอีกกว่าหกร้อยปีข้างหน้า พร้อมทั้งแสดง "ตราหยกเทพสุราแห่งต้าิ" ให้เป็หลักฐาน ตอนแรกจ้าวลู่ซื่อมีสีหน้าใและไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นตราหยกในตำนาน นางก็เริ่มมีท่าทีที่สงบลงและรับฟังอย่างตั้งใจ
“ข้าเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับตราหยกชิ้นนี้มาบ้าง” นางกล่าวเสียงเบา “ข้าขอร้อง...เื่นี้ท่านอย่าเพิ่งบอกใครอีก เพราะเราไม่อาจคาดเดาผลกระทบที่จะตามมาได้”
ิซัวหลงพยักหน้ารับ เขาเองก็ไม่้าตกเป็เป้าสายตาของคนยุคนี้เช่นกัน
“วันนี้ข้าจะพาท่านเดินชมโรงกลั่นและที่เก็บสุราของตระกูลจ้าว” จ้าวลู่ซื่อเอ่ยขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืน “ในเมื่อต่อไปท่านต้องใช้ชื่อ ‘หยวนลู่’ การเข้าใจ ‘บ้านของตนเอง’ ดีพอ จะช่วยลดความสงสัยของผู้คนได้”
นางพาเขาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินหิน ผ่านสวนสวยที่ส่งกลิ่นดอกเหมยหอมจางๆ จนมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้โอ๊กบานใหญ่ที่สลักลายเกลียวคลื่น บนนั้นมีป้ายเขียนว่า “ห้องเก็บสุรา”
“เชิญเข้ามาข้างในเถอะ” นางกล่าวพลางผลักบานประตูให้เปิดออก
ทันทีที่ประตูแง้มกว้าง กลิ่นหอมอันซับซ้อนของสุราหมักก็ลอยมากระทบจมูกของิซัวหลงอย่างจัง หัวใจของเขาเต้นระรัว เพราะภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นยิ่งใหญ่กว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้มากนัก
“ว้าว…” เขาอุทานออกมาอย่างลืมตัว
ไหสุราขนาดต่างๆ นับร้อยนับพันใบวางเรียงรายเป็ชั้นสูงแทบจรดเพดาน บ้างมีป้ายกระดาษระบุปีที่หมัก บ้างเป็ขวดทรงโบราณที่สลักชื่อสูตรไว้ มันคือคลังมหาสมบัติในรูปแบบของสุราที่หาค่ามิได้
อาหลงที่ตามมาด้วยทำหน้าที่ไขประตูห้องเก็บพิเศษอีกชั้นหนึ่ง เมื่อประตูเปิดออก ม่านตาของิซัวหลงก็เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม เพราะด้านในคือทะเลแห่ง ไหสุราเหมาไถ ที่วางเรียงกันอย่างเป็ระเบียบ แต่ละไหมีป้ายสลักชื่อสูตรกำกับไว้ชัดเจน เช่น “เหมาไถสูตรตระกูลจ้าว” หรือ “เหมาไถหลวง”
ในโลกอนาคตที่เขาจากมา “สุราเหมาไถ” คือสุดยอดสุราของจีนที่ราคาแพงหูฉี่ บางรุ่นที่หายากถูกประมูลกันในราคาหลักล้านหยวน!
“นี่มัน…ขุมทรัพย์ชัดๆ!” เขาพึมพำกับตัวเอง เดินลูบไล้ไปตามผิวเย็นๆ ของไหดินเผาประหนึ่งมันคือแท่งทองคำบริสุทธิ์
จ้าวลู่ซื่อเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของเขาก็อดขบขันไม่ได้ นางเดินนำเขาไปหยุดตรงมุมหนึ่งของห้อง ที่มีไหขนาดใหญ่เป็พิเศษสามใบตั้งตระหง่านอยู่
“และนี่คือ ‘เหมาไถพันลี้’ สูตรลับของตระกูลเราที่จะใช้ลงแข่งขันในงานประกวดสุราหลวงครั้งนี้” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
ิซัวหลงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขานึกถึงข้อมูลที่เคยอ่านเจอ เหมาไถชั้นเลิศต้องผ่านกระบวนการหมักบ่มอันพิถีพิถันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเท่านั้น จึงจะได้รสชาติอันเป็ตำนาน
จังหวะนั้นเอง จ้าวลู่ซื่อก็หยิบขวดสุราโบราณขนาดพอดีมือขึ้นมาจากชั้นวาง แล้วหันมายิ้มให้เขาอย่างมีนัย
“ท่านอยากลองชิมสักหน่อยไหม?”
นางเปิดจุกไม้ออกเบาๆ กลิ่นหอมนุ่มลึกอันเป็เอกลักษณ์ของเหมาไถโบราณแท้ๆ ก็โชยออกมาทันที มันแตกต่างจากเหมาไถที่เขาเคยชิมในศตวรรษที่ 21 อย่างสิ้นเชิง กลิ่นนี้มีความซับซ้อนและเชิญชวนยิ่งกว่าหลายเท่านัก
นางรินสุราสีใสลงในถ้วยกระเบื้องเคลือบแล้วยื่นส่งให้ มือของิซัวหลงสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น เขารับถ้วยมาแล้วจรดริมฝีปากลงชิมอย่างช้าๆ
ััแรกคือความนุ่มนวลดุจแพรไหม ตามมาด้วยความร้อนแรงของสุราขาวที่ค่อยๆ แผ่ซ่านเข้าสู่ลำคออย่างอบอุ่น เขารู้สึกได้ถึงรสหวานจางๆ ของผลไม้และกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ ที่ผสานกันอย่างลงตัวในตอนท้าย
“มหัศจรรย์… เหมือนมันมีชีวิตเป็ของตัวเอง” เขาพึมพำออกมาหลังจากซึมซับรสชาติอย่างเต็มที่
จ้าวลู่ซื่อมองเขาด้วยแววตาพึงพอใจ “สำหรับข้า สุราไม่ใช่เพียงเครื่องดื่ม แต่เป็ศิลปะ เป็มรดกทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ”
ิซัวหลงพยักหน้าเห็นด้วยจากใจจริง เขารู้ดีว่าสุราในห้องนี้มีมูลค่ามหาศาลเพียงใดในโลกที่เขาจากมา หากนำมันกลับไปได้ เขาคงกลายเป็มหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน แต่แล้วเขาก็สะบัดหัวไล่ความคิดนั้นทิ้งไป เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือ... เขาจะช่วยหญิงสาวตรงหน้าปกป้องขุมทรัพย์นี้จากเงื้อมมือของ ตระกูลหลี่ ได้อย่างไร
จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
“คุณหนูจ้าว” เขาเอ่ยขึ้น ดวงตาเป็ประกาย “ข้ามีความคิดบางอย่าง... จะเป็ไปได้หรือไม่ หากเราจะนำสุราชั้นเลิศนี้ มาสร้างสรรค์เป็สิ่งใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน”
“สิ่งใหม่รึ?” จ้าวลู่ซื่อเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ใช่” เขายืนยัน “ในโลกของข้า มีศาสตร์การผสมเครื่องดื่มที่เรียกว่า ‘ค็อกเทล’ มันคือการนำสุรามาผสานกับส่วนผสมอื่น เช่น น้ำผลไม้ หรือสมุนไพร เพื่อสร้างรสชาติและกลิ่นใหม่ที่ซับซ้อนและน่าประทับใจยิ่งขึ้น”
“แต่...นั่นจะไม่เป็การทำลายรสชาติดั้งเดิมของเหมาไถหรอกหรือ?” นางถามด้วยความกังวล
“ไม่เลย” ิซัวหลงส่ายหน้าอย่างมั่นใจ “หากเราเข้าใจแก่นแท้ของสุรา เราจะสามารถเลือกส่วนผสมที่ช่วย ‘ส่งเสริม’ รสชาติเดิมให้โดดเด่นขึ้นได้ ไม่ใช่การทำลาย มันคือการยกระดับศิลปะของท่านขึ้นไปอีกขั้น... เพื่อสร้างสิ่งที่แม้แต่ราชสำนักก็ต้องตะลึง”
จ้าวลู่ซื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นของเขา นางเห็นภาพสะท้อนของความหวังและโอกาสครั้งใหม่ที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“ถ้าเช่นนั้น…” นางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นอย่างเต็มใจเป็ครั้งแรก “ข้าจะรอดูว่า ท่านจะสร้างสรรค์สิ่งใดจาก ‘เหมาไถพันลี้’ ของเราได้บ้าง... ท่านบาร์เทนเดอร์จากอนาคต”
ิซัวหลงยิ้มรับ เขารู้สึกว่าการได้พบ “ขุมทรัพย์” ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่โอกาสในจินตนาการอีกต่อไป แต่มันคือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการสุราแห่งต้าิ ที่เขากับนางจะร่วมกันสร้างขึ้นมา
คำว่า "ท่านบาร์เทนเดอร์จากอนาคต" ของจ้าวลู่ซื่อหลุดออกมาพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็ธรรมชาติ มันเป็รอยยิ้มแรกที่ิซัวหลงรู้สึกว่านางไม่ได้มอบให้กับ "หยวนลู่" แต่เป็รอยยิ้มที่มอบให้ตัวตนของเขาจริงๆ หัวใจของเขาอุ่นวาบขึ้นมาอย่างประหลาด
"ถ้าเช่นนั้น... 'บาร์เทนเดอร์' ผู้นี้ ขออนุญาตยืมใช้ 'ขุมทรัพย์' ของท่านสักเล็กน้อยได้หรือไม่" เขายิ้มตอบ รับคำท้าทายนั้นอย่างเต็มใจ
จ้าวลู่ซื่อหัวเราะเบาๆ “ตามสบายเลย... ว่าแต่ ท่าน้าอะไรบ้างล่ะ?”
ิซัวหลงเปลี่ยนเข้าสู่โหมดการทำงานทันที แววตาของเขากลับมาคมกล้าและเปี่ยมไปด้วยสมาธิราวกับตอนที่เขาวางแผนการรบ
“ก่อนอื่น ข้าต้องรู้ว่าเรามี 'อาวุธ' อะไรในคลังบ้าง นอกจากสุราแล้ว ที่นี่มีผลไม้ สมุนไพร หรือเครื่องเทศอะไรที่โดดเด่นเป็พิเศษหรือไม่”
จ้าวลู่ซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในฐานะเ้าของโรงกลั่น นางย่อมรู้ดีถึงวัตถุดิบรอบตัว “ผลไม้เลื่องชื่อของหนานจิงในฤดูนี้ก็มีลิ้นจี่และสาลี่ทอง ทั้งสองอย่างให้รสหวานอมเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมสดชื่น ส่วนสมุนไพร เรามีขิงแก่ โป๊ยกั๊ก อบเชย และแน่นอน... ดอกเหมยและดอกหอมหมื่นลี้ในสวนของเราเอง”
"ยอดเยี่ยม" ิซัวหลงพยักหน้า “นั่นมากเกินพอแล้ว... ข้าขอยืมใช้ห้องครัวหรือพื้นที่เตรียมวัตถุดิบเล็กๆ สักแห่งได้หรือไม่”
จ้าวลู่ซื่อจึงพาเขาและอาหลงเดินออกจากห้องเก็บสุรามายังเรือนเล็กๆ ด้านข้างซึ่งใช้เป็ห้องเตรียมสมุนไพรและวัตถุดิบเบื้องต้น ภายในห้องมีโต๊ะไม้ตัวยาว มีด เขียง โกร่งบดยา และอุปกรณ์ต่างๆ จัดวางไว้อย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย
"ที่นี่ใช้ได้หรือไม่"
"สมบูรณ์แบบ" ิซัวหลงตอบ
และแล้ว "ห้องทดลองลับแห่งต้าิ" ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างไม่เป็ทางการ
เขาเริ่มต้นจากการขอให้จ้าวลู่ซื่อคัดเลือก “เหมาไถพันลี้” ที่มีอายุน้อยที่สุดออกมาหนึ่งไหเล็กๆ เพื่อใช้ในการทดลอง “เราจะยังไม่ยุ่งกับสุราชั้นยอดที่ท่านจะใช้แข่งขัน แต่จะใช้สุราตัวพื้นฐานเพื่อหาอัตราส่วนที่ลงตัวที่สุดก่อน” เขาอธิบายเหตุผลซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบ
จากนั้น เขาก็ลงมือทำงานอย่างคล่องแคล่วราวกับศิลปินกำลังสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก เขาให้อาหลงนำลิ้นจี่มาแกะเปลือกแล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำสดๆ ส่วนตัวเขาเองก็นำขิงแก่มาฝานเป็แผ่นบางๆ
จ้าวลู่ซื่อนั่งมองการกระทำของเขาอย่างเงียบๆ แต่ในใจเต็มไปด้วยความทึ่ง นางไม่เคยเห็นใครปฏิบัติต่อส่วนผสมต่างๆ ด้วยความใส่ใจและพิถีพิถันเช่นนี้มาก่อน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูมีเป้าหมายและมั่นคง
การทดลองครั้งแรก เขาผสมน้ำลิ้นจี่เล็กน้อยลงในสุรา แล้วเติมน้ำผึ้งป่าลงไปปลายช้อนชา ก่อนจะนำไปแช่ในถังน้ำแข็งให้เย็นจัด เมื่อเขารินให้จ้าวลู่ซื่อลองชิม นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มันหวานเกินไป... รสหวานของลิ้นจี่และน้ำผึ้งกลบรสชาติที่ซับซ้อนของเหมาไถไปเกือบหมด”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ิซัวหลงพยักหน้าเห็นด้วย เขาจดบันทึกบางอย่างลงบนกระดาษด้วยถ่านไม้ “งั้นเราลองลดความหวาน เพิ่มความสดชื่น”
การทดลองครั้งที่สอง เขาใช้สาลี่ทองฝานบางๆ กับขิงแก่สองสามแผ่นใส่ลงไปแช่ในสุราโดยตรง ทิ้งไว้ครู่หนึ่งแล้วกรองออก
“ครั้งนี้ดีขึ้น” จ้าวลู่ซื่อวิจารณ์หลังจากชิม “ความซ่าของขิงช่วยขับรสของสุราให้เด่นขึ้น แต่กลิ่นของมันก็แรงเกินไปหน่อย”
พวกเขาทำการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปรับเปลี่ยนส่วนผสมและอัตราส่วนไปเรื่อยๆ บางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งก็ล้มเหลว แต่ในทุกความผิดพลาดนั้น ิซัวหลงและจ้าวลู่ซื่อกลับรู้สึกสนุกและเข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็ครั้งคราวเมื่อพวกเขาสร้างรสชาติที่แปลกประหลาดออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ในจังหวะหนึ่งที่ทั้งสองคนกำลังก้มลงเลือกสมุนไพรในโถเดียวกัน มือของพวกเขาก็ัักันโดยบังเอิญ ต่างฝ่ายต่างชะงักไปชั่วครู่ ความรู้สึกอบอุ่นแล่นผ่านปลายนิ้วเข้าสู่หัวใจ จ้าวลู่ซื่อรีบชักมือกลับ ใบหน้าของนางแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย ิซัวหลงเองก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เขาแสร้งกระแอมเบาๆ แล้วหันไปสนใจส่วนผสมอื่นเพื่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น
จนกระทั่งตะวันเริ่มคล้อยต่ำ การทดลองครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น ิซัวหลงนำบทเรียนจากทุกครั้งที่ผ่านมามารวมกัน
เขาใช้น้ำสาลี่ทองเป็ฐานเพื่อความสดชื่น แต่ใช้ในปริมาณที่น้อยลงมาก จากนั้นนำขิงแก่ไปอังไฟอ่อนๆ เพื่อดึงเอากลิ่นหอมออกมา แต่ไม่ให้รสเผ็ดร้อนปนเปื้อนลงไป แล้วนำไอหอมของขิงมารมจอกเปล่า ก่อนที่จะรินสุราที่ผสมน้ำสาลี่แล้วตามลงไป และปิดท้ายด้วยการนำดอกหอมหมื่นลี้ที่แช่เย็นจัดมาวางประดับไว้ที่ปากจอก
เขายื่นจอกนั้นให้จ้าวลู่ซื่อด้วยมือที่มั่นคง "ลองดูอีกครั้ง"
จ้าวลู่ซื่อรับมาอย่างช้าๆ กลิ่นแรกที่นางััได้คือความหอมสดชื่นของสาลี่ ตามมาด้วยกลิ่นอุ่นๆ ของขิง และปิดท้ายด้วยกลิ่นหอมหวานอันเป็เอกลักษณ์ของดอกหอมหมื่นลี้ กลิ่นทั้งสามไม่ตีกัน แต่กลับส่งเสริมกันและกันอย่างน่าอัศจรรย์
นางหลับตาลงแล้วจิบ...
วินาทีนั้น ดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง
มันสมบูรณ์แบบ! ความหวานอมเปรี้ยวจางๆ ของสาลี่ช่วยเปิดต่อมรับรส ความร้อนเบาๆ ของขิงช่วยเสริมความทรงพลังของเหมาไถ และกลิ่นหอมของดอกไม้ก็ช่วยทำให้ตอนจบของการดื่มนุ่มนวลและน่าจดจำ ทุกอย่างลงตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เราทำได้...” จ้าวลู่ซื่อกระซิบเสียงแ่เบา ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความยินดีจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ิซัวหลงมองใบหน้าที่เปี่ยมสุขของนางแล้วยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
“ไม่ใช่แค่ทำได้” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “แต่เราจะชนะ”
ทั้งสองสบตากัน ในแววตานั้นไม่มีช่องว่างของความแตกต่างแห่งยุคสมัยอีกต่อไป มีเพียงความเข้าใจ ความเชื่อใจ และเป้าหมายเดียวกันที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น... การปฏิวัติวงการสุราที่เดิมพันด้วยอนาคตของตระกูลจ้าวได้เริ่มขึ้นแล้วในห้องทดลองลับแห่งนี้.!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้