เวลานี้ทุกคนกำลังค้นหาและเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่อยู่ภายในหุบเขา มีหลายคนที่กำลังยิ้มแย้มด้วยความยินดี เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงได้รับสมุนไพรมาไม่น้อย และมีคนบางส่วนคิดว่าเพียงได้รับสมุนไพรขั้นสองมา การเดินทางเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้ของพวกเขาก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
ทางด้านมู่เฟิงก็สามารถเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่หาเจอได้ยากในโลกภายนอกมาได้ไม่น้อย และในบรรดาสมุนไพรเ่าั้ยังมีสมุนไพรขั้นสามรวมอยู่ด้วย เพียงแต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังหาหญ้าโลหิตมรกตไม่พบเลย
มู่เฟิงรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา สมุนไพรมากมายจะมีประโยชน์อะไร เขามาที่นี่ก็เพื่อตามหาสมุนไพรกลับไปช่วยไป๋จื่อเยว่
“เฟิงเย่ เฟิงเย่!”
แต่ทันใดนั้นเสียงร้องเรียกชื่อของเด็กหนุ่มก็ดังมาจากระยะไกล มู่เฟิงหันไปมองตามเสียงเรียก อีกฝ่ายคือชายในชุดคลุมสีเทาซึ่งมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเก้า ซึ่งเป็หนึ่งในคนที่ร่วมเดินทางมาพร้อมกับเขา
“น้องเฟิงเย่ เ้ามาดูนี่ ใช่สมุนไพรที่เ้ากำลังตามหาอยู่หรือไม่?”
อีกฝ่ายะโเสียงดัง หลังจากได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาค้นพบหญ้าโลหิตมรกตแล้วอย่างนั้นหรือ?
เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปหาอีกฝ่าย ชายหนุ่มผู้นั้นชี้นิ้วไปยังหน้าผาที่มีความสูงกว่ายี่สิบเมตร ซึ่งบนนั้นมีต้นหญ้าที่มีใบเป็สามแฉกสีแดงเือยู่ต้นหนึ่ง
สมุนไพรต้นนั้นเติบโตขึ้นบนหน้าผา ใบของมันมีความยาวหนึ่งฟุต มีสามแฉกและมีสีแดงเื
“ช่างดียิ่งนัก เป็มันถูกต้องแล้ว”
มู่เฟิงรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง
“หึๆ เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าจะช่วยเ้าเก็บมันเอง”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มร่า ก่อนจะะโขึ้นสูงกว่าสิบเมตร มือข้างหนึ่งของเขาจับก้อนหินบนผาที่ยื่นออกมาเอาไว้แน่น จากนั้นเขาก็ทะยานร่างขึ้นไปอีกครั้ง คราวนี้ร่างของเขาอยู่ห่างจากหญ้าโลหิตมรกตเพียงสามถึงสี่เมตรเท่านั้นแล้ว
“ระวังตัวด้วย ขอบคุณท่านมาก”
มู่เฟิงะโบอกจากด้านล่าง
“ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วง ข้าจวนจะถึงมันแล้ว”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มและปีนขึ้นไปต่อ
อีกมุมหนึ่ง กลุ่มหนุ่มสาวจำนวนมากกว่าสิบคนกำลังมองหาสมุนไพรอยู่ไม่ไกลนัก
“ดูนั่นเร็ว คุณหนู นั่นใช่หญ้าโลหิตมรกตที่ท่านกำลังตามหาอยู่หรือไม่”
ชายคนหนึ่งะโขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มอีกคนที่กำลังปีนอยู่บนหน้าผาเพื่อเก็บสมุนไพร
สตรีในชุดคลุมสีเหลืองหันไปมองตามนิ้วของอีกฝ่าย ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมา นางรีบกล่าวขึ้นด้วยความยินดีว่า “ใช่แล้ว เร็วเข้า อย่าปล่อยให้คนอื่นแย่งมันไปได้”
“หึๆ วางใจเถอะอาเสวี่ย คนอื่นไม่มีทางชิงมันไปได้หรอก”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำกล่าวเย้ยหยัน เขาถอดคันธนูออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะเล็งศรไปยังชายหนุ่มที่กำลังปีนขึ้นไปเก็บหญ้าโลหิตมรกตบนหน้าผาซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่าร้อยเมตร
ฟิ้ว!
คมธนูพุ่งทะลวงผ่านอากาศ ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าต้นหญ้าโลหิตมรกตพอดี เขาพลันรู้สึกเย็นวาบจากด้านหลัง
“ระวัง!”
มู่เฟิงะโเสียงดัง แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจตอบสนองได้ทัน ธนูเล่มนั้นพุ่งเข้าไปปักที่กลางหลังของเขาอย่างแรง
“อ๊าก…!”
ชายหนุ่มกรีดร้องออกมา ร่างของเขาร่วงตกลงจากหน้าผาทันที
มู่เฟิงรีบทะยานตัวขึ้นไปประคองร่างที่ร่วงลงมาของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“พี่ชาย พี่ชาย!”
มู่เฟิงประคองร่างนั้นพร้อมกับะโเรียกอีกฝ่าย ชายหนุ่มผู้นั้นกระอักเืออกจากปาก สีหน้าของเขากำลังบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป
มู่เฟิงรีบถ่ายเทพลังปราณเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน เขาก็เทยาออกมาและป้อนเข้าไปในปากของชายหนุ่ม
อึก!
แต่ชายหนุ่มกลับกระอักเืออกมาอีกครั้ง เขาจับแขนของมู่เฟิงเอาไว้แน่น แต่ไม่นานศีรษะของเขาก็เอียงลง พร้อมกับดวงตาที่เหม่อลอยไร้ซึ่งสัญญาณของชีพจร
เนื่องจากลูกศรเมื่อครู่ยิงทะลุขั้วหัวใจของเขาจากด้านหลัง ทำให้เขาไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดต่อไปได้อีก
“พี่ชาย!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำราม สีหน้าเผยให้เห็นร่องรอยของความเ็ป ชายหนุ่มคนนี้พบกับเขาโดยบังเอิญ แต่เวลานี้อีกฝ่ายกลับต้องมาตายเพื่อเขา แน่นอนว่าเื่นี้สร้างความะเืใจให้กับมู่เฟิงเป็อย่างมาก
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะล้างแค้นให้ท่านเอง”
มู่เฟิงยกมือขึ้นลูบดวงตาของชายหนุ่มให้ปิดสนิท ก่อนจะวางร่างของชายหนุ่มลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล จากนั้นเด็กหนุ่มก็ชำเลืองมองไปทางกลุ่มคนจำนวนมากกว่าสิบคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ในบรรดาคนกลุ่มนั้น ผู้นำกลุ่มคือสตรีหน้าตางดงามในชุดสีเหลืองนางหนึ่ง นางเป็หญิงสาวที่มีผิวขาวเนียนละเอียดและมีรูปร่างผอมบาง ยิ่งเมื่อนางอยู่ท่ามกลางกลุ่มบุรุษยิ่งขับให้นางดูเหมือนจันทราที่ถูกรายล้อมด้วยหมู่ดารา
เมื่อกลุ่มคนเ่าั้มาถึง นอกจากพวกเขาจะไม่สนใจมู่เฟิงแล้ว พวกเขายังไม่แม้แต่จะชายตามองร่างของชายหนุ่มที่พวกเขาเพิ่งสังหารไปเมื่อครู่เลยด้วยซ้ำ
“ฮ่าๆ อาเสวี่ย นั่นมันหญ้าโลหิตมรกตจริงด้วย เ้ารอก่อน ข้าจะไปเก็บมันมาให้เ้าเอง”
ชายหนุ่มคนหนึ่งหัวเราะเสียงดัง จากนั้นเขาก็กระโจนร่างขึ้นไปบนหน้าผา
พรึ่บ...!
แต่ทันใดนั้น มู่เฟิงซึ่งยืนอยู่อีกฟากหนึ่งก็กระโจนร่างออกมา เขาะโขึ้นสูงกว่าสิบเมตร พร้อมดึงดาบออกมาจากด้านหลัง และฟันดาบไปยังร่างของชายผู้นั้นทันที
แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่คาดคิดว่าจะมีคนลงมือโจมตีเขาอย่างกะทันหันเช่นนี้ และเนื่องจากเขากำลังทะยานร่างอยู่กลางอากาศ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางหลบหลีกการโจมตีนี้ได้เลย
“ตายเสียเถอะ!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาจากลำคอ และฟันดาบลงไปอย่างดุดัน
“ถังเถิง!”
ผู้คนด้านล่างอุทานออกมาด้วยความใ
ฉัวะ!
ชายหนุ่มผู้นั้นถูกมู่เฟิงฟันดาบเข้าที่ทรวงอก แรงของดาบที่ฟันลงมาหนักหน่วงมากเสียจนทำให้กระดูกบริเวณทรวงอกของเขาแตกหัก กระทั่งร่างกายก็ยังเกือบจะขาดออกจากกัน
ชายหนุ่มผู้นั้นสิ้นใจกลางอากาศทันที เืสดๆ ของเขาพรมรดลงไปยังร่างของกลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่าง
ตุบ...!
ร่างไร้ิญญาร่วงกระแทกพื้น ทั้งน้ำเืและอวัยวะภายในต่างก็ไหลทะลักออกมา เมื่อกลุ่มคนด้านล่างได้เห็นภาพนี้ พวกเขาก็จ้องมองไปทางมู่เฟิงที่กำลังถือดาบเอาไว้ในมืออย่างโกรธแค้น
“เ้า! เ้ากล้าดีอย่างไรมาสังหารคนตระกูลถังของเรา!"
ชายหนุ่มคนหนึ่งตวาดขึ้นเสียงดัง ในขณะที่คนอื่นจ้องมองมาด้วยจิตมุ่งร้าย
“ผู้ใดเป็คนยิงศรธนูเมื่อครู่? โผล่หัวออกมายอมรับความตายเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะสังหารพวกเ้าทั้งหมด!”
มู่เฟิงถือดาบเปื้อนเืไว้ในมือ เขาจ้องอีกฝ่ายเขม็งพร้อมเอ่ยอย่างเ็า
“ศรเมื่อครู่ข้าเป็คนยิงเอง คนอย่างเ้าจะทำอะไรข้าได้ เด็กน้อย ในเมื่อเ้ากล้าลงมือกับคนตระกูลถังของเรา เ้าก็จงตายเสียเถอะ”
ชายหนุ่มผู้ที่ถือคันธนูก้าวออกมา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับไม่สะทกสะท้าน
“ข้าจะเอาหัวของเ้ามาเป็เครื่องสังเวยให้กับสหายข้าที่เ้าเพิ่งสังหารเขาไปเมื่อครู่!”
มู่เฟิงชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มที่เขานับเป็สหาย ก่อนจะตวาดอย่างเ็า
“ถังซาน ฆ่าเขาเพื่อล้างแค้นให้กับถังเถิง"
ถังเสวี่ยสตรีในชุดคลุมสีเหลืองกล่าวขึ้นอย่างเ็าเช่นกัน
“วางใจเถอะ ข้าจะสับร่างเขาให้เป็ชิ้นๆ เลย!”
ชายหนุ่มนามว่าถังซานกล่าวอย่างเย้ยหยัน จากนั้นเขาก็ดึงกระบี่เล่มยาวที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขาออกมาและพุ่งทะยานเข้าหามู่เฟิงทันที เขาใช้มือทั้งสองข้างตวัดกระบี่ไปทางมู่เฟิง ขณะเดียวกันก็ปล่อยคลื่นพลังระดับจื่อฝู่ขั้นเก้าออกมา
มู่เฟิงยกดาบในมือขึ้นต้าน ดวงตาอันเย็นะเืของเขาจ้องมองถังซานที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขาด้วยกระบี่ในมือ
ถังซานวาดกระบี่ปลดปล่อยปราณกระบี่สีเหลืองให้พุ่งกวาดออกไป แน่นอนว่าอานุภาพพลังของปราณกระบี่นี้ย่อมต้องทรงพลังไม่ธรรมดา
พรึ่บ!
ด้านมู่เฟิงเองก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เขาะเิเปลวเพลิงออกมาจากใต้ฝ่าเท้า ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู และการเคลื่อนไหวนี้ของเขาก็เร็วกว่าถังซานถึงสามเท่า
เด็กหนุ่มปล่อยหมัดเปลวเพลิงออกมารับมือกับปราณกระบี่ของอีกฝ่าย และเมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน พลังของปราณกระบี่ก็แตกสลายไปในทันที จากนั้นมู่เฟิงก็ะเิพลังฝ่าเท้าออกมาอีกครั้ง คราวนี้ร่างของเขาพลันเคลื่อนกายมาอยู่ตรงหน้าถังซานภายในพริบตา ซึ่งเป็ความเร็วที่น่าตกตะลึงเป็อย่างยิ่ง
“เร็วมาก!”
ถังซานหน้าซีดด้วยความใ ส่วนมู่เฟิงก็ฟาดฟันดาบออกมาอย่างดุดัน
ชายหนุ่มรีบยกกระบี่ในมือขึ้นมาสกัดกั้นเอาไว้ เมื่อดาบพุ่งกระแทกลงมาก็บังเกิดเสียงโลหะปะทะกันดังสนั่น จากนั้นพลังปราณที่ะเิออกมาก็บีบให้ถังซานต้องก้าวถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับแขนของเขาที่เกิดอาการชาหนึบ
มู่เฟิงยังคงฟันดาบในมือลงมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างบ้าคลั่ง บีบให้ถังซานต้องถอยออกไปไม่หยุด ก่อนที่มู่เฟิงจะเปลี่ยนวิถีดาบอย่างกะทันหัน ทำให้กระบี่ของถังซานถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไป
“ตายเสีย!”
ในพริบตานั้นถังซานพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับขั้วหัวใจ มู่เฟิงไม่รอช้าแทงดาบเข้าไปที่ทรวงอกของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนเกิดเป็แผลโดนแทงขนาดใหญ่พร้อมกับเืที่ไหลทะลักออกมา
“อ๊าก…”
ถังซานหวีดร้องเสียงโหยหวน มู่เฟิงก้าวไปข้างหน้าและกระชากกลุ่มผมของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ลงดาบบั่นคอของถังซานอย่างเหี้ยมโหดทันที
ฉึบ!
ศีรษะของมนุษย์หลุดขาดออกจากร่าง เืสดๆ พุ่งกระฉูดออกมาจนเปรอะไปทั่วบริเวณ มู่เฟิงใช้เท้าเตะร่างไร้ศีรษะออกไป มือข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มในเวลานี้กำลังถือดาบไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ถือศีรษะของอีกฝ่าย
สำหรับมู่เฟิงแล้ว คนที่มันโเี้ไร้ความปรานีต่อผู้อื่นก่อน เขาย่อมต้องบั่นคอมันโดยไม่จำเป็ต้องพูดพร่ำพรรณนาให้มากความ!
หากยิ่งวรยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกันด้วยแล้ว เขายิ่งลงมือสังหารมันได้อย่างง่ายดาย!