“แม่นาง แปดหมื่นตำลึงราคาแพงเกินไป ทรัพย์สินทั้งหมดของโรงหมออี้คังของเรามีแค่สองสามแสนเท่านั้น” อู่อี้ยังอยากต่อราคา จิ่นเซวียนรู้ว่าเขาอยากซื้อ เพียงแต่ติดที่ราคาสูงเกินไป
“จั่งกุ้ย ท่านรู้หรือไม่ว่าูเาชางเยี่ยนอันตรายเพียงใด แม้ที่นั่นจะมีหญ้าวิเศษ สมุนไพรแก้สรรพโรค แต่คนธรรมมดาก็มิกล้าเข้าไป ผู้ที่ไปส่วนใหญ่ล้วนถูกสัตว์ป่ากินทั้งสิ้น ข้าโชคดีเอาชีวิตรอดกลับมาได้ มันมิง่ายเลยเ้าค่ะ” ูเาชางเยี่ยนมิได้เป็เพียงเขาสูงที่แปลกและอันตรายของอำเภอซิ่งหยาง แต่ยังเป็หนึ่งในเขาที่อันตรายที่สุดของแผ่นดินผิงฉวนด้วย จิ่นเซวียนกล่าวว่าหลินจือสีม่วงพันปีของนางถูกพบทีู่เาชางเยี่ยน ผู้คนจึงเชื่อ
ที่ซ่งจื่อเฉินขาหัก เพราะเขาไปฝ่าอันตรายทีู่เาชางเยี่ยนเช่นกัน เมื่อเกิดเื่ขึ้นกับเขา ชาวบ้านจึงมิกล้าไปทีู่เาแห่งนี้อีก
“ได้ ข้าตกลง” อู่อี้เป็นักธุรกิจ เขารู้ว่าโอกาสหลุดลอยไปได้เสมอ แม้โรงหมอของตระกูลอู่จะใหญ่ที่สุด แต่ตระกูลอื่นเองก็มีกิจการเช่นเดียวกับของเขาอยู่ในอำเภอซิ่งหยาง
“ข้าจะพาท่านไปถอนเงินเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนเก็บเห็ดหลินจือลง
อู่อี้กลัวว่าจะมีคนตั้งใจจับตามองเขา จึงบอกให้จิ่นเซวียนรอเขาอยู่ในโรงหมอ
ซ่งจื่อเฉินที่ซ่อนตัวอยู่มิไกลจากโรงหมอ เห็นอู่อี้เดินไปร้านแลกเปลี่ยนเงินอีกหน จึงคิดขึ้นมาว่าจิ่นเซวียนคงขายสมุนไพรอื่นอีก
“แม่นาง ข้าฟังจากสำเนียงของท่าน เหมือนท่านจะเป็คนท้องถิ่น” หมอยาน้อยตีสนิทกับจิ่นเซวียนอีกครา จิ่นเซวียนบอกว่านางเป็คนท้องถิ่นจริงๆ
“แม่นาง ท่านดื่มชาก่อนเถิด อีกครู่จั่งกุ้ยของพวกเราก็กลับมาแล้วขอรับ” จิ่นเซวียนกล่าวขอบคุณ เมื่อหมอยาน้อยยกถ้วยชาออกมาให้ เมื่อนางดื่มชาเสร็จ อู่อี้ก็กลับมาพอดี เขาส่งตั๋วเงินให้จิ่นเซวียน นางจึงส่งเห็ดหลินจือสีม่วงพันปีให้เขา พวกนางจ่ายเงินและแลกเปลี่ยนสินค้ากันเรียบร้อย
“จั่งกุ้ย ข้าน้อยขอตัวก่อนเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนเก็บตั๋วเงินแล้วเดินออกจากโรงหมอ ทันทีที่นางออกไป อู่อี้ก็ส่งคนตามนางไป เขาอยากรู้ว่านางจะไปที่ใด
แต่ผู้ที่ถูกส่งไปกลับมิเห็นจิ่นเซวียน ส่วนจิ่นเซวียนนั้นหาซ่งจื่อเฉินที่ซ่อนอยู่บริเวณตรอกเล็กๆ เจอในชั่วพริบตา
“สามี นี่คือเงินที่ข้าขายสมุนไพรได้” จิ่นเซวียนนำตั๋วเงินส่งให้ซ่งจื่อเฉิน ซ่งจื่อเฉินถาม “เ้าจำนำสมุนไพรอื่นไปขายด้วยใช่หรือไม่?”
“ใช่ ข้าบอกพวกเขาว่าข้าเก็บเห็ดหลินจือสีม่วงพันปีกับโสมคนพันปีได้ทีู่เาชางเยี่ยน ขายได้เงินมาทั้งหมดเก้าหมื่นสองพันตำลึง ท่านวางใจ ต่อให้พวกเขารู้ว่าข้าคือผู้ใด พวกเขาก็ทำสิ่งใดกับข้ามิได้ อีกอย่างโรงหมออี้คังเป็โรงหมอทำการค้าสุจริต เขามิกล้ามาวุ่นวายกับข้าหรอก”
“ข้ามิได้ว่าเ้า ข้ากังวลว่าจะเกิดเื่กับเ้าต่างหาก” ซ่งจื่อเฉินกลัวจิ่นเซวียนเข้าใจผิด เขาจึงรีบอธิบายเจตนาของเขา
จิ่นเซวียนรู้ความคิดของเขา นางจึงส่งยิ้มหวานให้
“สามี พวกเราไปเดินซื้อของกันต่อเถิด ดูว่ามีร้านใดเหมาะสมให้พวกเราซื้อกิจการต่อบ้าง หาห้องที่ทำร้านค้าและอยู่อาศัยได้ด้วยดีกว่า” เงินส่วนนี้จิ่นเซวียนวางแผนจะเอาไปใช้ต่อยอดในวันข้างหน้า พวกนางคิดว่าจะซื้อร้านค้าก่อนแล้วค่อยซื้อบ้าน เมื่อเข้ามาในอำเภอเมือง จะได้มีที่อยู่
“เมืองที่ตั้งอำเภอมีคนมากมาย ถนนที่คึกคักมากที่สุดคือถนนซิ่งหยางตะวันออกและตะวันตก พวกเราไปที่นั่นจะเข้าท่ากว่า” ซ่งจื่อเฉินคุ้นเคยกับอำเภอเมืองดีจึงแนะนำให้ไปดูร้านค้าที่ถนนสองเส้นนั้น
“สามี ท่านคือเ้าบ้าน เงินนี้ข้าเก็บเงินไว้สองพันตำลึง ส่วนที่เหลือข้าให้ท่านเก็บไว้” จิ่นเซวียนเห็นด้วยว่าควรไปเดินดูแถวนั้น นางหยิบตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงออกมาสิบแผ่นและตั๋วเงินมูลค่าห้าร้อยตำลึงออกมาสองแผ่น แล้วส่งที่เหลือให้ซ่งจื่อเฉิน
ซ่งจื่อเฉินมิอยากได้ เขาจึงคืนให้จิ่นเซวียนทั้งหมด
นางอยากนำเงินส่วนนี้ไปฝากรับดอกเบี้ย จึงแบ่งตั๋วเงินในมือกับซ่งจื่อเฉินอีกหน พวกเขานำเงินออกมาหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึง เพื่อซื้อบ้านและที่ดิน ส่วนที่เหลือนำไปฝากไว้กับร้านแลกเปลี่ยนเงินเฉวียนจวี้เต๋อ ร้านแลกเปลี่ยนเงินเฉวียนจวี้เต๋อมีร้านย่อยๆ อยู่ทั่วแคว้นซีหลิง น่าเชื่อถือมากที่สุดในบรรดาร้านแลกเปลี่ยนเงิน และที่สำคัญร้านแลกเปลี่ยนเงินเฉวียนจวี้เต๋อเก็บความลับได้ดี ทุกคนจึงชอบมาฝากเงินที่นี่
“ภรรยา พวกเราซื้อบ้านราคาห้าพันตำลึงก็เพียงพอแล้ว” หลังออกมาจากตรอก จิ่นเซวียนเสนอว่าควรซื้อบ้าน ซ่งจื่อเฉินจึงแนะนำให้ซื้อบ้านหลังใหญ่ราคาประมาณห้าพันตำลึง
อยู่กันพอทั้งนายและบ่าว
“บ้านราคาห้าพันตำลึงใหญ่กว่าจวนนายอำเภอสวี่หรือไม่?” จิ่นเซวียนถาม
“ใหญ่กว่าจวนของพวกเขา จวนนายอำเภอสวี่เป็ของพระราชทานจากฮ่องเต้ หากนายอำเภอสวี่อยากซื้อจวนของตนเอง เขาต้องเก็บหอมรอมริบถึงสิบปี จึงจะซื้อจวนที่เหมาะกับตำแหน่งได้” ซ่งจื่อเฉินบอกกับจิ่นเซวียนว่า เงินเดือนขุนนางของนายอำเภอสวี่จะรวมพวกเครื่องแบบ เสบียงอาหาร ที่ดิน เหล้าชาเครื่องปรุง ถ่านหิน เกลือ เสื้อผ้าอาหารสำหรับผู้ติดตาม อาหารม้า เงินสวัสดิการครอบครัว เงินเดือนขณะดำรงตำแหน่ง เงินภาษีและเสื้อผ้าพระราชทานด้วย
เงินเดือนจะอยู่ที่สองแสนห้าหมื่นตำลึงต่อเดือน ซึ่งเป็ค่าตอบแทนของขุนนางชั้นเจ็ด ขุนนางใหญ่หลายคนจึงมีเงินมิพอใช้ ถึงได้หารายได้ทางอื่นแทน
“วุ่นวายยิ่งนัก หากขุนนางใหญ่พวกนั้นกับเหล่าองค์ชายทำธุรกิจด้วย จะมิเกิดการผูกขาดหรือ” จู่ๆ จิ่นเซวียนก็รู้สึกว่าหากมิคิดถึงปัญหานี้แล้วทำการค้า อาจจะส่งผลกระทบกับอนาคตของซ่งจื่อเฉิน
“กฎของราชสำนักกำหนดไว้ว่า ขุนนางชั้นสูงกว่าขั้นห้าที่ดำรงตำแหน่งในเมืองหลวง และองค์ชายองค์หญิงเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำธุรกิจมิได้ จำกัดเพียงเฉพาะขุนนางเท่านั้น มิได้ห้ามครอบครัวของพวกเขาทำธุรกิจ อีกทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินแร่และเกลือที่ผลิตจำหน่ายโดยราชสำนัก มิว่าผู้ใดก็เข้าไปยุ่งมิได้ องค์ชายส่วนใหญ่แม้มิได้ทำธุรกิจ แต่พวกเขายังครองสัดส่วนหุ้นลม รอเพียงส่วนแบ่งเท่านั้น” เพื่อแก้แค้น ซ่งจื่อเฉินต้องอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากมาย เขาจึงรู้เื่ในราชสำนักเกือบทั้งหมด
“ขอเพียงแค่มิส่งผลกระทบกับอนาคตของท่านก็พอแล้ว ข้ากังวลว่าธุรกิจของข้าจะกระทบต่อท่าน หลังจากที่ท่านสอบจอหงวนได้”
“มิส่งผลกระทบหรอก ต่อไปชื่อร้านค้าก็ใช้ชื่อของเ้า ขอเพียงพวกเรามิทำเื่ผิดกฎหมาย ก็มิมีผู้ใดกล้าพูดสิ่งใด อีกอย่างพวกเราจ่ายภาษี มิได้เอาเปรียบราชสำนักเสียหน่อย”
“ข้าเข้าใจแล้ว เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ วันนี้พวกเราไปดูผ่านๆ ก่อน หากมิเจอร้านที่เหมาะสมค่อยมาดูใหม่วันหลัง พวกเรามิต้องรีบ” สองสามีภรรยาปรึกษาเื่เล็กเื่ใหญ่กัน จิ่นเซวียนชอบความรู้สึกนี้ยิ่งนัก
“ภรรยา ท่านพ่อมีสหายในยุทธภพมากมาย หากพวกเราทำธุรกิจแล้วให้พวกเขามาช่วย ย่อมมีข้อดีมากนัก ข้อแรกพวกเขาจะได้กำไร ข้อที่สองพวกเขาจะช่วยปกป้องบ้านของพวกเราได้” ซ่งจื่อเฉินอยากนำกลุ่มคนที่ท่านพ่อเลี้ยงไว้เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจ
“ท่านและท่านพ่อวางแผนกันมาหลายปี คงมีคนของตนเองใช่หรือไม่” จิ่นเซวียนถามตรงๆ
นางมิเชื่อว่าซ่งผิงจะมิมีกำลังคน สหายจอมยุทธ์คงเป็เพียงข้ออ้าง บางทีอาจเป็กลุ่มคนที่พวกเขาฝึกเอาไว้
“พวกเราเลี้ยงคนไว้กลุ่มหนึ่งจริง” ซ่งจื่อเฉินบอกจิ่นเซวียนว่าเขามีสายลับหลายพันคนใต้การปกครอง พวกเขากระจายตัวไปประจำการอยู่ที่ต่างๆ ในเมืองซิ่งหยางเองก็มีคนของเขา พวกเขาอาศัยกิจการค้าขายขนาดเล็กเป็หลัก เพื่อรวบรวมข่าวสารให้เขาโดยเฉพาะ
“ภรรยา เ้าอยากไปพบพวกเขาหรือไม่?” ซ่งจื่อเฉินถามขึ้นมาตอนที่พวกเขากำลังเดินข้ามถนน
“ท่านสะดวกใจหรือ?ท่านมิกลัวว่าพวกเขาเห็นท่านแล้วจะใหรือ?” ซ่งจื่อเฉินเดินเหินมิสะดวกเป็เื่ที่ทุกคนรู้กันดี และน้อยคนนักที่รู้ว่าเขาหายดีแล้ว!
ซ่งจื่อเฉินคิดว่าเขาต้องใช้ทรัพยากรคนให้ถูก จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด เขาฝึกฝนคน มิเพียงแต่ให้พวกเขาหารายได้ให้ตนเองเท่านั้น แต่ยังอยากสอนให้พวกเขาทำงานได้อย่างดีด้วย
“ข้าจะพาเ้าไปพบพวกเขา เหตุผลของข้าคือ หนึ่งข้าอยากแนะนำเ้าให้พวกเขารู้จัก สองคือข้าอยากให้พวกเขาช่วยดูว่ามีบ้านและร้านค้าในอำเภอเมืองที่ใดขายบ้าง พวกเราจะได้มิต้องเดินหาอย่างไร้จุดหมาย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้