แต่อินจิ่วอยากได้เคล็ดลับการทำเต้าหู้ยิ่งนัก เช่นนี้จะได้นำไปขายในโรงสุราทุกแห่งหนในแคว้น
เพราะเขาเปิดโรงสุราในทุกเมืองโจวฝู่ อำเภอ และตำบลที่มีผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก
อินจิ่วคำนวณกำไรอยู่ครู่หนึ่ง ด้วยศักยภาพร้านค้าของตน ยังสามารถหาเงินห้าหมื่นตำลึงกลับคืนมาได้ภายในเวลาสองถึงสามวัน
เพียงแต่ศิษย์น้องของเขาตอบกลับอย่างไม่ลังเลจนเกินไป มักรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล
ในขณะนั้นเอง เหลิ่งเถิงที่อยู่ด้านหลังเขาพลันเอ่ยพึมพำเสียงเบาว่า “ขู่ เ้าว่าเป็เพราะศิษย์น้องหญิงของนายท่านไม่อยากขายเคล็ดลับ ดังนั้นนางจึงตอบกลับอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้หรือไม่? ใช้กลวิธีเพื่อชักนำให้นายท่านเข้าใจผิด?”
ขู่เถิงกุมปลายคางพลางเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เหลิ่ง หากมีคนแสร้งทำตัวเป็มีลับลมคมในต่อหน้าเ้า เ้ายังจะซื้อเคล็ดลับหรือไม่?”
อินจิ่วปรายตาขึ้นมองท่าทางสุขุมเยือกเย็นของเคอโยวหราน ใคร่ครวญอยู่นานก่อนจะปริปากเอ่ยว่า
“ศิษย์น้อง เ้าคงมิได้จะขายเคล็ดลับปลอมให้ข้า ทำให้ศิษย์พี่เช่นข้าดีใจเสียเปล่ากระมัง?”
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไรเ้าคะ” สายตาของเคอโยวหรานเปี่ยมด้วยความจริงใจยิ่งนัก “หากข้าขายเคล็ดลับปลอมให้ศิษย์พี่ ข้าก็คือลูกสุนัข เป็อย่างไรเ้าคะ?”
ครั้นสบมองกับสายตาของเคอโยวหราน อินจิ่วเชื่ออยู่หลายส่วนจึงออกคำสั่งว่า “เหลิ่ง ไปเอาพู่กันกับน้ำหมึกมา ขู่ เ้าไปเอาตั๋วเงินมา”
เหลิ่งเถิงกับขู่เถิงเดินออกไปหลังรับคำสั่ง ไม่นานนักก็นำสิ่งที่พวกเขา้าเข้ามา
เคอโยวหรานรับพู่กันมาขีดๆ เขียนๆ ขั้นตอนการทำเต้าหู้ เต้าฮวย เต้าฮวยเค็ม และน้ำเต้าหู้ ทั้งยังเขียนวิธีการอัดเต้าหู้อย่างละเอียดด้วยเช่นกัน
อินจิ่วหยิบเอาเงินห้าหมื่นตำลึงออกมาจากในหีบแล้วส่งให้เคอโยวหราน
เคอโยวหรานรับเงินมานับก่อนเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ก่อนหน้านี้ที่เสนอราคาหนึ่งแสนเพราะจะขายทั้งเคล็ดลับกับโรงงาน ยามนี้ลดราคาเหลือห้าหมื่นตำลึงแล้ว เช่นนั้นข้าจะขายแค่เคล็ดลับ ไม่ขายโรงงาน เป็อย่างไรเ้าคะ?”
“ย่อมได้” อินจิ่วพยักหน้า แค่โรงงานเพียงหลังเดียวเท่านั้น เงินห้าหมื่นตำลึงยังสร้างโรงงานได้อีกตั้งหลายแห่ง
ด้วยเหตุนี้ คนทั้งสองจึงลงนามในสัญญาตามที่ตกลงกันเอาไว้ หนึ่งฉบับแบ่งเป็สองสำเนา ต่างฝ่ายต่างเก็บเอาไว้เป็อย่างดี
อิ่งอีกับอิ่งซานพากันนิ่งงัน นี่นายท่านหมายความว่าอย่างไร? เคล็ดลับที่หาเงินได้ตั้งมากมายขนาดนั้น กลับขายไปในราคาห้าหมื่นตำลึงเสียแล้ว?
แม้จะอยากเกื้อหนุนศิษย์พี่ แต่ก็ไม่ควรจะราคาถูกถึงเพียงนี้กระมัง?
แม้ภายในใจของคนทั้งสองจะเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แต่กลับไม่มีผู้ใดเปิดปากถามออกไป
พวกเขาคือองครักษ์เงา การทำตามคำสั่งนับเป็หน้าที่ สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าได้ถาม
ในเมื่อขายเคล็ดลับทำเต้าหู้ออกไปแล้ว เคอโยวหรานก็ไม่ต้องไปยังตำบลต่อไปอีก
เดิมทีอยากจะตระเวนรอบหมู่บ้านเถาหยวนเพื่อสำรวจตำบล อำเภอ และเมืองโจวฝู่สักรอบ ทว่ายามนี้ไม่มีความจำเป็เช่นนั้นอีกแล้ว
ขณะพวกเคอโยวหรานย่ำแสงราตรีกลับเรือน นอกจากต้วนเอ้อร์หลาง ต้วนเหลยถิง ไป๋ซื่อที่เข้านอนั้แ่หัวค่ำ และหยวนซื่อที่กำลังยุ่งกับการจัดการเห็ดหูหนูดำ คนอื่นๆ ต่างเข้ามาห้อมล้อมนาง
มารดาสกุลต้วนเอ่ยด้วยความสงสัย “โยวหราน เ้ามิได้บอกว่าจะกลับมาในอีกสามสี่วันหรอกหรือ? นี่พวกเ้าตระเวนไปตามตำบลต่างๆ จนทั่วแล้วหรือ?”
เคอโยวหรานส่ายหน้า บอกเื่ที่ตนประสบและเื่ขายเคล็ดลับทำเต้าหู้ออกไปอีกหนึ่งรอบ
แม่หนูน้อยเคอโยวเยวี่ยผู้ฉลาดเฉลียวเอ่ยด้วยความใคร่รู้ว่า “พี่หญิงใหญ่เ้าคะ เคล็ดลับการทำเต้าหู้หาเงินได้ถึงเพียงนี้ ขายออกไปในราคาแค่ห้าหมื่นตำลึงจะไม่ถูกเกินไปหรือเ้าคะ? ทั้งยังสร้างโรงงานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ขายเคล็ดลับออกไปเช่นนี้ ยังให้พวกชาวบ้านทำสิ่งใดขายได้อีกหรือเ้าคะ?”
เคอโยวหรานลูบศีรษะเล็กของเคอโยวเยวี่ย จากนั้นเอ่ยกับทุกคนว่า “ทุกคนไม่ต้องเป็กังวล แม้ไม่ทำเต้าหู้ พวกเราก็ยังสามารถทำฟองเต้าหู้แห้ง เต้าหู้ยี้ และเส้นหมี่ได้ ขอแค่ไม่ว่างเว้นเป็พอ”
ครั้นมองท่าทางเปี่ยมความมั่นใจในตนเองของเคอโยวหราน ทุกคนล้วนพากันวางใจ ต้วนต้าหลางหยิบสมุดบัญชีของไม่กี่วันนี้ออกมาแล้วเอ่ยพลางทอดถอนใจว่า
“น้องสะใภ้ช่างเก่งกาจยิ่งนัก ครั้งก่อนไปโรงสุราฟู่หยวนนำเงินปันกำไรกลับมาตั้งหลายพันตำลึง ยามนี้ออกไปเพียงไม่กี่ชั่วยามก็ยังหาเงินกลับมาได้ถึงห้าหมื่นตำลึง
พวกเราพากันเพาะถั่วงอกั้แ่เช้ายันค่ำ นอกจากนี้ยังผลัดเปลี่ยนกับครอบครัวผู้ใหญ่บ้านเฉินเพื่อไปส่งเต้าหู้ แต่กลับหาเงินมาได้ไม่ถึงสามร้อยตำลึงด้วยซ้ำ เฮ้อ พี่ใหญ่ละอายใจนัก!”
เคอโยวหรานเอ่ยปลอบว่า “พี่ใหญ่ไม่จำเป็ต้องตำหนิตนเองเ้าค่ะ คนเราเชี่ยวชาญคนละอย่าง พี่ใหญ่มีความสามารถในการปกครอง ข้าก็แค่หาเงินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่แน่ว่าภายหน้ายามสกุลต้วนรุ่งเรืองอาจจะขาดพี่ใหญ่มิได้เลยด้วยซ้ำนะเ้าคะ?”
มารดาสกุลต้วนตบหลังมือต้วนต้าหลางพลางเอ่ย “โยวหรานกล่าวได้ถูกต้อง พวกเราทุกคนล้วนมีความถนัดต่างกัน ต้าหลางแค่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีเป็พอ”
......
โคมไฟแสงสีงดงามถูกแขวนไว้ท่ามกลางราตรีมืดมิดผู้คนเงียบสงัด ทว่าภายในห้องนอนของนายท่านผู้เฒ่าสกุลต่งกลับจุดตะเกียงสว่างไสว
นายท่านผู้เฒ่าต่ง นายท่านต่ง และต่งปี้อู่ต่างหารือกันอยู่หลายวัน แต่ยังคงหาโอกาสเข้าใกล้สกุลต้วนมิได้
นายท่านต่งเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง “ปี้อู่ เ้าแต่งสตรีเช่นนั้นเป็ฮูหยินช่างนับได้ว่าไร้ประโยชน์ รอกระทั่งนางคลอดบุตรก็หาข้ออ้างส่งนางไปยังเรือนปีกข้างเถิด เห็นแล้วช่างทำให้ผู้อื่นหงุดหงิดใจนัก”
นายท่านผู้เฒ่าต่งพยักหน้า “นางกับฮูหยินน้อยสามสกุลต้วนไม่ลงรอยกัน ยามนี้พวกเราอยากพึ่งพิงเคอโยวหราน หากภรรยาของเ้าเข้ามาก่อกวน เช่นนั้นสกุลต่งของพวกเราคงไร้วันพลิกสถานการณ์เสียแล้ว”
ต่งปี้อู่นึกรังเกียจเคอเสี่ยวหรูเช่นกัน ยามนี้นอกจากไปดูว่าบุตรในครรภ์ของนางปลอดภัยดีหรือไม่ตามประเพณี เขาก็ไม่นึกสนใจความเป็ความตายของเคอเสี่ยวหรูแม้แต่นิด
สกุลต่งตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็มิอาจหลุดพ้น จำต้องหาจุดพลิกสถานการณ์อันเหมาะสมเข้าใกล้สกุลต้วนหรือเคอโยวหราน อีกทั้งจุดพลิกสถานการณ์เช่นนี้ยังเป็สิ่งที่หาได้ยากเหลือเกิน
......
ขณะเดียวกัน ณ เรือนหลังของจวนว่าการเ้าเมือง
เ้าเมืองยืนเอามือไพล่หลังพลางเงยหน้ามองฟ้า ปากยังเอ่ยพึมพำว่า “หลี่เหิง พวกเ้าไปถึงที่ใดแล้ว? ปลอดภัยดีหรือไม่? พวกเด็กๆ ยังปลอดภัยดีหรือไม่?”
คำถามเหล่านี้ถูกกำหนดเอาไว้ว่าไม่มีผู้ใดตอบกลับ หยาดน้ำตาสองสายพลันหลั่งไหลลงตามหางตาของเ้าเมือง
......
อีกด้านหนึ่ง หลังอินจิ่วได้เคล็ดลับมา เขาพลันสั่งให้คนเร่งม้าไปรวบรวมถั่วเหลืองจากทุกแห่งหนโดยไม่มีหยุดพัก
เมื่อกลับมาถึงบ้านสวนจื่อจินของตน อินจิ่วก็รินสุราองุ่นที่ซื้อจากแดนตะวันตกในจอกหยกแกะสลักเยี่ยกวง จากนั้นเอนกายนอนลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟยอย่างสำราญใจพลางจิบเม้มทีละอึก
ครั้นภายในหัวคำนวณจำนวนโรงสุราและวาดฝันว่าเงินทองล้วนแต่กองเต็มห้องคลังของตน อารมณ์พลันเบิกบานอย่างยากอธิบาย
“ฮ่าๆๆๆ...” อินจิ่วเปล่งเสียงหัวเราะด้วยความยินดี
ในขณะนั้นเอง คนที่ถูกส่งออกไปหาซื้อถั่วเหลืองกลับเข้ามาอย่างรีบร้อน คุกเข่าหนึ่งข้างพลางเอ่ยรายงานว่า
“นายท่านขอรับ พวกเราตามหาร้านขายเสบียงอาหารจนทั่วเมืองโจวฝู่ อำเภอ และตำบลน้อยใหญ่แล้ว แต่หาซื้อถั่วเหลืองได้ไม่ถึงสามร้อยห้าสิบจินขอรับ”
“ว่าอย่างไรนะ?” อินจิ่วพลันกระเด้งกายขึ้นจากเก้าอี้กุ้ยเฟยแล้วจดจ้องคนที่อยู่บนพื้น
“พวกเ้าไปหาจากในหมู่บ้านแล้วหรือไม่? ไม่มีชาวบ้านปลูกถั่วเหลืองเลยหรือ?”
คนผู้นั้นก้มหน้าลง เพราะกลัวว่าอินจิ่วจะลงโทษ น้ำเสียงที่ตอบกลับจึงอ่อนลงกว่าเดิมหลายส่วน
“เรียนนายท่าน พวกเราสอบถามหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียงแล้ว กระทั่งชาวบ้านยังกินไม่อิ่มท้อง จึงไม่มีผู้ใดปลูกถั่วเหลืองเลยขอรับ”
“มารดามันเถิด...” เพลิงโทสะของอินจิ่วแผดเผาอยู่ภายใน พลันทุบหนึ่งฝ่ามือลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟยที่เอนนอนเมื่อครู่จนกลายเป็เสี่ยงๆ
“เคอโยวหราน เ้าช่างประเสริฐนัก นึกแล้วเชียวว่าเหตุใดเ้าถึงตกปากรับคำขายเคล็ดลับให้ข้าอย่างสบายใจขนาดนั้น ที่แท้ก็มีสิ่งนี้กำลังรอข้าอยู่กระมัง?”
อินจิ่วพลันออกแรงกำจนแก้วหยกเยี่ยกวงภายในมือกลายเป็เศษซาก จากนั้นออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า
“ขยายขอบเขตการหาซื้อ สอบถามร้านขายเสบียงอาหารที่สามารถหาพบให้หมด ไปตรวจดูยุ้งฉางในบ้านสวนของพวกเราสักหน่อย ดูว่ามีถั่วเหลืองเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด”
“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง” เพิ่งจะสิ้นเสียง คนผู้นั้นวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่าย พลันหายลับไปภายในชั่วพริบตา
คนผู้นั้นคิดในใจว่า : โชคดีที่นายท่านไม่ลงโทษ มิเช่นนั้นวันนี้คงต้องหิ้วหัวกลับมารายงานเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้