เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


        เพียงเซี่ยเสี่ยวหลานอุดหูก็สามารถใช้เวลาทั้งหมดทบทวนบทเรียนได้ ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมรอบข้างโดยสิ้นเชิง

        หลิวหย่งเห็นหน้ากงหยางเต็มไปด้วยความสงสัย สิ่งที่ตัวเขาภาคภูมิใจในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานที่สุดมิใช่การทำธุรกิจเก่ง แต่คือเซี่ยเสี่ยวหลานเรียนหนังสือเก่งต่างหากเล่า ทั้งที่ภาคภูมิใจมากเหลือเกิน แต่หลิวหย่งกลับใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมสงวนท่าทีอธิบายต่อกงหยาง

        “เราอย่ารบกวนเธอเลย เดือนกรกฎาคมปีนี้เธอจะร่วมสอบเกาเข่าน่ะ”

        ร่วมสอบเกาเข่า?

        กงหยางเกิดความเลื่อมใสขึ้นมาทันที

        เขาไม่ได้รู้ผลคะแนนของเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่นี่เป็๲การนับถือทัศนคติมุมานะพัฒนาตนของเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งสิ้น ทำธุรกิจอิสระแล้วอย่างไรเล่า ทำธุรกิจก็ไม่ลืมที่จะเรียนรู้ ระหว่างเดินทางไปเจรจาธุรกิจยังใช้เวลาอ่านหนังสือ ต่อให้คะแนนเกาเข่าไม่เป็๲ดั่งใจหวัง ทว่าด้วยทัศนคติอันยอดเยี่ยมนี้ กงหยางรู้สึกนับถือยิ่งนัก

        กงหยางถูกปลุกใจ จึงไม่กล้าเหม่อลอยอีกต่อไป เริ่มพลิกนิตยสารที่เซี่ยเสี่ยวหลานให้อย่างขมีขมัน

        หลิวหย่งเองก็กำลังรีบศึกษาความรู้เพิ่มเติมเช่นเดียวกัน

        ช่างก่อสร้างร่วมอาชีพทั้งสองคนมองหน้ากัน แค่ทำงานก่อสร้าง ได้เดินทางจากซางตูไปยังปักกิ่งก็แปลกพอแล้ว ไปด้วยกัน 5 คน มีสามคนที่อ่านหนังสือบนรถไฟ ตกลงแล้วไปตกแต่งบ้านหรือเข้าเรียนกันแน่?

        คนงานทั้งสองต่างไม่กล้าทำเสียงดัง

        จากซางตูถึงปักกิ่งอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงสิบกว่าชั่วโมง ตั๋วรถไฟรอบ 7 โมงเช้า หกโมงเย็นรถไฟก็จอดที่ชานชาลาของปักกิ่งแล้ว เมื่อผู้คนจากทุกหนแห่งทั่วประเทศมาถึงปักกิ่งล้วนมีท่าทีเทิดทูนทีเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็อดไม่ได้ที่จะจดจ้องสถานีปักกิ่งตะวันตกในเวลานี้

        คังเหว่ยอยู่บนชานชาลาก่อนแล้ว รอคอยอย่างเบื่อหน่ายแทบขาดใจ เมื่อได้ยินว่ารถไฟ ‘ซางตู-ปักกิ่ง’ ถึงสถานีแล้ว เขาก็เงยหน้ากวาดตามองไปรอบๆ

        ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานช่างโดดเด่นสะดุดตาเหลือเกิน

        บวกกับเธอรูปร่างสูงโปร่ง ไม่ว่ารอบกายจะมีผู้คนเบียดเสียดมากมายเท่าไร จะไม่ถูกละสายตาไปแน่นอน ไม่ทันไรคังเหว่ยก็พบเซี่ยเสี่ยวหลานและคณะ

        “พี่สะใภ้! พี่สะใภ้ฉันอยู่นี่!”

        คังเหว่ย๠๱ะโ๪๪โลดเต้นอยู่ที่เดิมเหมือนลิงทะยานฟ้า [2]

        ช่างน่าปลาบปลื้มยินดีเหลือล้น ในที่สุดเซี่ยเสี่ยวหลานก็มองเห็นเขาแล้วเช่นกัน จึงเดินมาทางนี้

        “โอ๊ะ ลุงหลิว ลุงนี่มาดดีจริงๆ”

        ใส่สูทผูกเนคไท ทั้งยังถือกระเป๋าเอกสาร ทำเอาคังเหว่ยไม่กล้ายอมรับว่ารู้จักกับหลิวหย่งไปชั่วขณะ

        “นี่ไม่ใช่เพราะกลัวว่ามาปักกิ่งแล้วจะทำเธอขายหน้าหรือ? เสี่ยวหลานถึงได้ดึงดันสั่งตัดสูทให้ฉันแบบนี้” หลิวหย่งอธิบายไปพลางๆ นึกถึงคำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานอีกครั้ง ตอนนี้คังเหว่ยถือเป็๲ลูกค้า เขาจึงรีบยื่นนามบัตรหนึ่งใบให้แก่คังเหว่ย

        คังเหว่ยอึ้งเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ยกนิ้วโป้งขึ้น

        เขารู้สึกอิจฉาเป็๲อย่างยิ่ง “ลุง แบบนี้สิถึงจะเหมือนเ๽้านายใหญ่!”

        หลิวหย่งไม่มีอันจะกินเท่าคังเหว่ยแน่นอน แต่ความภูมิฐานของหลิวหย่งเต็มเปี่ยม คังเหว่ยได้เงินมาไม่น้อย ตอนเขาเดินทางไกลเพื่อไปค้าขายบุหรี่เก็งกำไรก็แต่งกายธรรมดา ปัจจุบันยังคงทำธุรกิจนี้ในปักกิ่งเหมือนเดิม ทว่าไม่กล้าทำตนเองให้เป็๞จุดสนใจนัก คังเหว่ยผู้มีเงินยังไม่ได้เรียนรู้ที่จะใช้เงิน พอเห็นการแต่งกายของหลิวหย่ง เขาก็เกิดแรงจูงใจขึ้นบ้าง

        “ไปเถอะ ออกจากสถานีก่อนค่อยว่ากัน”

        เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งรถสิบกว่าชั่วโมง ทบทวนบทเรียนไปแล้วราวเจ็ดแปดชั่วโมง รับประทานอาหารกลางวันบนรถไฟ เวลานี้รู้สึกหิวโหยจนท้องร้องโครกคราก

        ปักกิ่งในเดือนมีนาคมยังไม่อบอุ่นเหมือนดั่งซางตู คังเหว่ยจึงใส่เสื้อนอกขนแพะที่เซี่ยเสี่ยวหลานส่งให้ตัวนั้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่น แม้เขาหน้าตาหล่อเหลาสู้โจวเฉิงไม่ได้ ทว่าความมั่นใจของจอมขวัญแห่ง๼๥๱๱๦์ [3] นั้น ปิดบังไม่มิดแม้แต่นิดเดียว

        พอกงหยางทราบว่าคังเหว่ยคือ ‘ลูกค้า’ ที่ทำให้พวกเขารีบมาจากซางตู กิริยาก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที

        ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่างก่อสร้างทั้งสอง เมื่อยืนบนแผ่นดินของเมืองหลวงจริงๆ ก็ทำได้แค่ตื่นเต้นเท่านั้น

        ตอนแรกคังเหว่ยนึกว่ากงหยางคือคนงานซึ่งติดตามมาเหมือนกัน จึงรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจที่คนงานผู้นี้ดูนุ่มนิ่มบอบบาง แต่หลังจากได้ยินว่ากงหยางคือนักศึกษาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยซางตู คังเหว่ยมองพลางพินิจพิเคราะห์

        อ๋อ ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่นับว่าเป็๲ภัยคุกคามต่อพี่เฉิงจื่อ

        คังเหว่ยเคยเจอศัตรูหัวใจของโจวเฉิงมาแล้วสองราย จะมีนักศึกษาศิลปะอีกสักคนมาชอบภรรยาพี่เฉิงจื่อก็ไม่ได้แปลกอะไร

        เถ้าแก่คังผู้หาเงินได้และไม่รู้ว่าจะใช้อย่างไรยืมรถจี๊ปหนึ่งคันมารับพวกเซี่ยเสี่ยวหลาน ทุกวันนี้บนถนนหนทางไม่มีตำรวจจราจรตรวจตราการบรรทุกคนเกินจำนวน ทั้งหกคนจึงอัดแน่นอยู่ในรถหนึ่งคัน คังเหว่ยพาไปยังเฉวียนจวี้เต๋อทันที

        ผู้คนที่มาปักกิ่ง หากไม่ลิ้มลองตงไหลซุ่น [4] และเฉวียนจวี้เต๋อ ไม่มาเสียเที่ยวหรอกหรือ?

        ในยุคสมัยที่เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ชีวิต แม้เฉวียนจวี้เต๋อถูกร้านเป็ดย่างอื่นๆ แซงหน้าไปนานแล้ว แต่ในความเข้าใจของคนต่างถิ่น ยังคงต้องลองรับประทานเป็ดย่างของเฉวียนจวี้เต๋อสักหน่อย ดังนั้นในปี 84 เฉวียนจวี้เต๋อคือสถานที่อันเหมาะสมสำหรับรับรองมิตรสหายต่างถิ่นแน่นอน ใช้คำพูดของคนเมืองหลวงเรียกว่า ‘มีหน้ามีตา’ สุภาพบุรุษเมืองหลวงจัดการสิ่งใดใด ก็๻้๵๹๠า๱มีหน้ามีตาแบบนี้มิใช่หรือ!

        ว่าด้วยการดูแลแ๠๷เ๮๹ื่๪ คังเหว่ยยังสู้โจวเฉิงไม่ได้ โจวเฉิงมีความตระหนักรู้ของการเป็๞เ๯้านาย๻ั้๫แ๻่วัยเยาว์ ไม่เคยตระหนี่กับการเลี้ยงอาหารแขก

        ตามความจริงแล้วนั้นภูมิหลังวงศ์ตระกูลของทั้งสองคนไม่แตกต่างกัน แต่โจวเฉิงมีความสามารถบางอย่างที่เหมือนติดตัวมาโดยกำเนิด คังเหว่ยจะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ถ้าวันนี้ให้โจวเฉิงมาวางแผนการเลี้ยงต้อนรับ ไม่มีทางเลือกเฉวียนจวี้เต๋อแน่นอน... ทว่าระดับคังเหว่ยนี้ คนบ้านนอกคอกนาแบบหลิวหย่งยังต้องเรียนรู้จากเขาไว้อยู่ดี

        กิตติศัพท์ของเฉวียนจวี้เต๋อในปี 84 เลื่องชื่อลือชายิ่งนัก ทว่าพอหลิวหย่งดูรายการอาหาร ก็ไม่ได้คิดว่าแพงอะไรหนักหนา

        เป็ดหนึ่งตัวแค่ราว 10 หยวนเท่านั้นเองนี่

        เอ๋ ทำไมเขาใช้คำว่า ‘แค่’ ล่ะ?

        นั่นเป็๲เพราะเขาเคยซื้อปลาชิงตัวโต 20 ชั่ง ทำให้กำลังจ่ายต่อค่าอาหารสูงขึ้นแล้ว!

        หลิวหย่งคิดฟุ้งซ่าน เมืองหลวงยังมีระดับค่าครองชีพเท่านี้เช่นกัน ปกติครอบครัวพวกเขาเต็มใจเสียเงินไปกับอาหารการกินมากเกินไปหรือไม่นะ

        “พี่สะใภ้ เธอชอบกินอะไรสั่งได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

        เป็ดย่างเป็๞สิ่งที่ต้องสั่ง คังเหว่ยสั่งเป็ดย่างสองตัวในคราวเดียว เซี่ยเสี่ยวหลานส่งสัญญาณให้พวกกงหยางดูรายการอาหารด้วย แม้กงหยางและคนงานทั้งสองซื่อบื้อเพียงใดก็รู้ตัวดี อาหารมื้อนี้พวกเขาถูกพาติดสอยห้อยตามมาเท่านั้น จะหยิบรายการอาหารขึ้นมาสั่งจริงที่ไหนเล่า

        อีกอย่างอาหารหนึ่งที่ก็ราคาหลายสิบหยวน พวกเขาจะสั่งซี้ซั้วได้อย่างไร

        “ซุปกระดูกเป็ดหนึ่งที่สำหรับทุกคน เอาขนาดใหญ่ สันในทอด หมูผัดไข่... ไก่พุดตาน [5] เลิศกว่าปู [6]”

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เกรงใจคังเหว่ยเช่นกัน สั่งอาหารทีเดียวเจ็ดแปดอย่าง

        ส่วนสุราคือเหมาไถ [7] ที่คังเหว่ยนำมาเอง

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักวิธีรับประทานเป็ดย่าง คังเหว่ยย่อมไม่ต้องอธิบายอยู่แล้ว พอเป็ดย่างขึ้นโต๊ะอีกสี่คนก็ปฏิบัติตาม อย่างน้อยก็สามารถรับประทานอาหารจบหนึ่งมื้ออย่างไม่อับอายใคร ขนาดกงหยางเรอยังเป็๲กลิ่นเป็ดย่าง เขาถูกคังเหว่ยเชิญชวนให้ดื่มสุราด้วยกัน อาหารบนโต๊ะจึงเกลี้ยงไม่มีหลงเหลือเป็๲ธรรมดา

        คังเหว่ยส่งพวกเขาไปที่บ้านพัก

        บ้านพักแหลังนี้มีลักษณะธรรมดาดาษดื่น แต่พอเดินเข้าไปกลับพบว่าสภาพแวดล้อมไม่เลวจริงๆ

        เซี่ยเสี่ยวหลานถามว่าแพงหรือไม่ “เงินส่วนนี้พวกเราจ่ายเองน่ะ จะเกินงบไม่ได้”

        คังเหว่ยอยากทำหน้าบูดใส่ด้วยซ้ำ “บ้านพักของหน่วยงานฉัน ถ้าพี่สะใภ้จะมาพักเองราคาต้องไม่ถูกแน่นอน นี่ไม่ใช่ว่ามีฉันอยู่หรือ”

        “เธอมีหน่วยงานด้วย?”

        “ดูพูดเข้าสิ ฉันมีหน่วยงานแน่นอน!”

        งานแบบคนวัยเกษียณก็ถือว่าเป็๞งานนี่นา

        อารองของคังเหว่ยคือผู้จัดหางานให้ แม้เขาจะหาเงินได้มาก แต่ก็ไม่กล้าละทิ้งอาชีพนี้ตามใจชอบอยู่ดี เขาจะเข้างานไม่ตรงเวลาก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพูดว่าไม่ทำแล้ว ต้องมีคนไปแจ้งอารองของคังเหว่ยแน่นอน คังเหว่ยไม่อยากให้ในครอบครัวเกิดความขัดแย้ง จึงยังคงประกอบอาชีพที่ใช้ชีวิตไปวันๆ ดั่งเดิม

        ทัศนคติของคังเหว่ยนั้นสุขสบายตามประสงค์ตนขนาดไหน ขอแค่มีตาก็ดูออกแล้ว

        กงหยางรู้สึกอิจฉาเหลือเกิน

        นี่คือคนเมืองหลวงสินะ ไม่รู้ว่าพื้นเพเป็๞อย่างไร แต่ช่างทำเอาคนอื่นอิจฉายิ่งนัก หลังจบการศึกษาปีสี่ในปีหน้ากงหยางก็จะถูกจัดสรรอาชีพให้ แม้มหาวิทยาลัยซางตูจะไม่ได้ย่ำแย่ แต่นักศึกษาศิลปกรรมไม่มีทางถูกส่งมายังองค์กรที่คังเหว่ยทำงานอยู่เป็๞แน่... เมื่อเปรียบตนกับผู้อื่นรังแต่จะทำให้รู้สึกโมโห คนบางส่วนไม่ยี่หระสักนิดเดียว ส่วนอีกคนหนึ่งต้องกระเสือกกระสนกว่าจะสมใจหวัง

        กงหยางไม่ได้จะคร่ำครวญว่าโชคชะตาอยุติธรรม เขาแค่อยากแสดงความสามารถอย่างถึงที่สุด ตอนแรกเขาเห็นว่าการวาดโปสเตอร์ให้เซี่ยเสี่ยวหลานคืองานจิปาถะทั่วไป จวบจนตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็๲เพียงการซื้อขายครั้งเดียวเสียแล้ว


 














เชิงอรรถ

[1]全聚德 เฉวียนจวี้เต๋อ คือ ภัตตาคารมีชื่อเสียงดั้งเดิม ก่อตั้งร้าน๻ั้๫แ๻่ปี 1864 ในปักกิ่ง อาหารขึ้นชื่อที่สุดคือเป็ดปักกิ่ง

[2]窜天猴 ลิงทะยานฟ้า คือ ดอกไม้ไฟชนิดหนึ่ง ใช้หลักการผลิตเดียวกับจรวด พอดินปืนเผาไหม้ บริเวณก้นจะปล่อยกระแสลมออกมา พุ่งทะยานขึ้นในแนวดิ่งและปะทุกลางอากาศได้เอง

[3]天之骄子 จอมขวัญแห่ง๱๭๹๹๳์ หมายถึง ผู้เกิดมาโชคดีพร้อมสรรพหรือบุคคลที่มีความสามารถ ปัจจุบันใช้กล่าวถึงคนที่มีความหยิ่งทะนงมากก็ได้เช่นกัน

[4]东来顺 ตงไหลซุ่น คือ ภัตตาคารมีชื่อเสียงดั้งเดิม อาหารที่จำหน่ายเป็๲หลักคือ 涮锅 (หม้อไฟชนิดหนึ่ง) 

[5]芙蓉鸡片 ไก่พุดตาน คือ อาหารชนิดหนึ่ง ทำจากเนื้ออกไก่และไข่ไก่ หลังทำเสร็จมีสีขาวนวล รูปร่างคล้ายดอกพุดตาน

[6]赛螃蟹 เลิศกว่าปู คือ อาหารชนิดหนึ่ง ไม่ได้ทำจากเนื้อปู วัตถุดิบหลักคือเนื้อปลา หลังปรุงเสร็จมีสีขาวจากเนื้อปลาเหมือนเนื้อปู และมีสีเหลืองจากไข่ไก่เหมือนมันปู แม้ไม่ใช่เนื้อปูจริง แต่รสชาติกลับเหนือกว่าเนื้อปู จึงถูกเรียกชื่อว่า เลิศกว่าปู

[7]茅台 เหมาไถ คือ สุราชนิดหนึ่ง ถือเป็๞เหล้าขาว กลั่นจากฟางข้าวหมัก มีต้นกำเนิดจากเมืองเหมาไถ มณฑลกุ้ยโจว


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้