บทที่ 45 ผู้าุโหานเฮ่อส่งเสียงคำราม
หลี่โม่ทุ่มสุดกำลัง
ข่าวดีคือ เขาสามารถเคลื่อนค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ได้จริง ๆ ข่าวร้ายคือ เขาขยับมันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่เป็ผลจากการที่ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ขานรับ และตอบสนองต่อเขาอย่างเต็มที่ การขยับล้วนเป็เพราะศาสตราเทพอาศัยแรงของเขาส่วนเดียว แล้วที่เหลือมันขยับเองเสียมากกว่า
“ค้อนเล่มนี้ก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่กลับหนักอย่างน่ากลัว”
“ตอนนี้ข้าสามารถยกเต่าหลังหนามได้อย่างสบาย ๆ กำลังของข้าคงเกินหมื่นชั่งไปแล้ว”
หลี่โม่คลายแรง และถอนหายใจอย่างเสียดาย เขาไม่ได้ตั้งใจจะยกของสิ่งนี้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ไม่เป็ไร…เรายังมีตัวช่วย
“เมล็ดพันธุ์โลก”
“ตอนนี้ข้าสามารถนำพลังส่วนเล็ก ๆ ของมันมาเสริมใส่ร่างกายได้”
“เวลามีน้อย ข้าต้องรีบหน่อย…”
หลี่โม่ไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังเขา มีโลกทั้งใบอยู่ แม้โลกใบนี้เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา ยังอ่อนแอและสับสน แต่มันคือโลกใบหนึ่งเชียวนะ
เปรี๊ยะเปรี๊ยะ—
ในชั่วพริบตาที่พลังจากเมล็ดพันธุ์โลกเสริมเข้ามา กระดูกทั่วร่างของเขาก็ส่งเสียงดังปะทุเหมือนถั่วคั่ว ขณะที่ปราณโลหิตในร่างกายพลุ่งพล่านคำราม เส้นชีพจรทั้งสิบสามเส้นแผดเผาอากาศราวกับัพิโรธ พลังมหาศาลที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา หลี่โม่รู้สึกราวกับว่าหากมีห่วงให้จับบนูเา เขาก็สามารถยกูเาทั้งลูกขึ้นมาได้
“ขึ้น!”
ตุบ—
เสียงค้อนที่ดังกว่าเดิมร้อยเท่าะเิออก ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ถูกกำไว้ในมืุ์อีกครั้ง หลังจากผ่านไปนับพันปี เพียงชั่วพริบตาเดียว หลี่โม่ก็เก็บมันเข้าไปในโลกใบเล็กอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นราวกับหมดแรง จนร่างกายไม่้าแม้แต่จะกระดิกนิ้ว ปล่อยให้เหงื่อชุ่มโชกพื้น
“โชคดี… โชคดีที่ศาสตราเทพไม่ได้มีชีวิต”
“ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถเก็บมันเข้าไปในโลกใบเล็กได้จริง ๆ”
“เมื่อกี้ข้ายกศาสตราเทพขึ้นมาได้จริง ๆ!”
หน้าอกของหลี่โม่ในตอนนี้กระเพื่อมราวกับเครื่องสูบลม ดวงตาเปล่งประกายสีทอง ความคิดที่ตีกันยุ่งเหยิงพลุ่งพล่านออกมาไม่หยุด การใช้พลังที่ไม่ใช่ของตัวเองนั้นมีผลกระทบตามมาใหญ่หลวงนัก หากกินเวลาไปอีกเพียงหนึ่งลมหายใจ ร่างกายของเขาก็อาจจะเริ่มพังทลาย แต่ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ…
จิตสำนึกของหลี่โม่พร่าเลือน เขารู้สึกง่วงนอนอย่างกะทันหัน ขณะที่กำลังจะหลับไปนั้น เขาได้ยินเสียงคำรามที่แก่ชราและแหลมคม คุ้น ๆ อยู่นะ… เป็ผู้าุโหานเฮ่อหรือ?
…
ยามค่ำคืน
ที่พักของผู้าุโบนยอดเขาอัสดง
เมื่อมองเข้าไป จะเห็นว่ารอบ ๆ เต็มไปด้วยเหล็กและศาสตราวุธกึ่งสำเร็จรูป แทนที่จะเป็ที่พักของผู้าุโ กลับดูเหมือนคลังอาวุธมากกว่า
“ค้อนไปไหนแล้ว?!”
“ศาสตราวุธของปรมาจารย์ก่อตั้งยอดเขาอัสดงของข้าหายไปไหนแล้ว?!”
มองไปที่หลี่โม่ที่หลับไม่รู้เื่รู้ราว นอนกรนอยู่ตรงนั้น ผู้าุโหานเฮ่อเดินไปมา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จากที่ปกติเป็คนสุขุมเยือกเย็น บัดนี้กลับดูเหมือนคนไร้สติไปแล้ว
“เ้าอย่าพร่ำบ่นเลยน่า… ข้าจะรำคาญจนตายอยู่แล้ว”
ซางอู่นั่งไขว่ห้าง แสงขาขาว ๆ แวบ ๆ อยู่ใต้ชุดของนาง นางเท้าคางข้างเดียวแล้วกล่าวว่า
“เฮ้อ… ศิษย์เ้าโง่เอ๊ย หลับเป็ตายขนาดนี้ บอกว่าจะทำเนื้อแกะย่างทั้งตัววันนี้แท้ ๆ…”
“นี่มันเวลาไหนกัน เ้ายังคิดเื่กินอีกเหรอ!”
อารมณ์ของผู้าุโหานเฮ่อปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ตัวสั่นด้วยความโกรธ
“นั่นคือศาสตราเทพ! ชื่อถ้ำของยอดเขาอัสดงของข้าก็มาจากสิ่งนี้แหละ! หากมันหายไป ข้าตายไปก็ไม่มีหน้าไปพบปรมาจารย์ก่อตั้งหรอก!”
ถ้าไม่ใช่เพราะซางอู่อยู่ที่นี่ เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะเขย่าหลี่โม่ให้ตื่นแล้ว
“ยังไงก็ไม่มีใครใช้ได้อยู่แล้ว วางไว้ตรงนั้นก็แค่กินฝุ่น”
ซางอู่หรี่ตาลง กล่าวอย่างไม่พอใจ
“แล้วก็ พูดดี ๆ หน่อยได้ไหม ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้น คิดว่าข้าหูหนวกหรือไง”
ฮานเฮ่อ: “…”
ชาติที่แล้วข้าทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เจออาจารย์กับศิษย์คู่นี้ในชาตินี้?
“อืม… อืม?”
ในเวลานั้นเอง หลี่โม่ที่นอนหลับไปเกือบทั้งวันก็หาวหวอด ๆ เขาลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เห็นใบหน้าแก่ชราขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ดวงตายังคงเต็มไปด้วยเส้นเืฝอย หลี่โม่สะดุ้งเฮือกเกือบจะชกออกไปหนึ่งหมัด
“ผู้าุโหานเฮ่อ เหตุใดท่านถึงเข้ามาใกล้ขนาดนี้ ข้าใแทบแย่”
“ข้าทำให้เ้าใรึ? เฒ่าผู้นี้ิญญาแทบจะหลุดออกจากร่างเพราะเ้าอยู่แล้ว!”
ผู้าุโหานเฮ่อหัวเราะอย่างขื่นขมด้วยความโกรธ แล้วรีบถามว่า
“รีบพูดมา! ค้อนล่ะ? ค้อนของปรมาจารย์ก่อตั้งไปไหนแล้ว?!”
“อะ..ฮึ่ม!”
ซางอู่กำหมัดแน่น จงใจไอออกมา พูดกับคนของข้า ให้ระวังระดับเสียงหน่อย ผู้าุโหานเฮ่อในใจอยากจะด่าออกมา
อะไรกัน? เ้าทำของสำคัญของยอดเขาอัสดงหายไป แล้วเฒ่าผู้นี้ยังต้องบริการด้วยรอยยิ้มงั้นรึ?
แต่เขาก็รู้ว่า ยิ่งรีบก็ยิ่งไม่มีประโยชน์ ดังนั้น ฮานเฮ่อทำได้เพียงพยายามใช้คำพูดที่ใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ศิษย์สายตรงหลี่ ตอนที่เ้าลงไปที่ก้นถ้ำเทพศาสตราวุธ เ้าเห็นค้อนเล่มหนึ่งหรือไม่?”
พูดไป พ่อเฒ่าก็ยังใช้มือวาดท่าทาง
“ใหญ่ประมาณนั้น…”
“เห็นขอรับ”
หลี่โม่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ค้อนล่ะ? ไปไหนแล้ว?!”
ผู้าุโหานเฮ่อพูดเร็วขึ้น
“หายไปแล้วขอรับ”
หลี่โม่แบมือออกทั้งสองข้าง
“หายไปแล้ว?!”
ผู้าุโหานเฮ่อตาพร่าไปชั่วขณะ
หลี่โม่พยักหน้า แล้วกล่าวต่อ
“ตอนนั้นข้าลงไปที่ก้นถ้ำเทพศาสตราวุธ ก็เห็นค้อนที่ผู้าุโกล่าวถึงจริง ๆ ขอรับ”
“ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข้าก็เลยลองแตะดู แล้วมันก็หายไปเลย”
“ดูเหมือนจะถูกข้าเก็บเข้าไปในมิติเก็บของแล้วขอรับ”
หลี่โม่ย่อขั้นตอนบางอย่างลง แล้วเปลี่ยน ‘โลกใบเล็ก’ เป็ ‘มิติเก็บของ’
ใช่แล้ว โลกใบนี้มีของจำพวกถุงเก็บของ และวัตถุอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน ซึ่งรวมเรียกว่ามิติเก็บของ ตัวอย่างเช่น น้ำเต้าเหล้าของอาจารย์หญิงคนสวยก็เป็หนึ่งในนั้น
แน่นอนว่าของเหล่านี้ไม่ได้หาได้ง่ายดายเหมือนในนิยายบางเื่ที่เกลื่อนกลาดจนแทบจะไม่มีค่าเลย มันเกี่ยวข้องกับวิถีแห่งมิติที่ลึกล้ำอย่างที่สุด ผู้ที่สามารถเปิดพื้นที่จากวัสดุวิเศษได้ ต้องเป็ยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญวิถีนี้อย่างแท้จริง ดังนั้น มิติเก็บของจึงมีจำนวนน้อยมาก นอกจากซางอู่แล้ว ผู้าุโของยอดเขาอื่น ๆ ไม่มีของล้ำค่าแบบนี้ สำนักชิงเยวียนมีเพียงเ้าสำนักเท่านั้นที่มีของแบบนี้อีกหนึ่งชิ้น
“ศิษย์รัก เ้าได้รับมรดกสืบทอดที่ดีไม่น้อยเลยนะ”
ซางอู่ดวงตาพราวระยับ
“มิติเก็บของหรือ?”
ผู้าุโหานเฮ่อยืนนิ่งอยู่กับที่ ความสงสัยของเขาไม่เพียงไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นอีก ตัวอย่างเช่น หลี่โม่เข้าใกล้ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ได้อย่างไร? และเขานำมันออกไปได้อย่างไร? แม้มิติเก็บของจะทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่สามารถเก็บของที่เ้าของยกไม่ขึ้นได้
“นี่ก็กระจ่างแล้วไม่ใช่หรือ?”
ซางอู่ลูบคาง แล้วกล่าวอย่างมีเหตุผล
“ก็ต้องเป็เพราะค้อนนั้นยอมรับเ้าของแล้วไงเล่า”
“เป็ศาสตราเทพนี่นา บางทีสำหรับเ้าของแล้วมันอาจจะเบาราวขนนก แต่สำหรับคนอื่นแล้วมันอาจจะหนักราวหมื่นชั่งก็ได้ จริงไหม?”
หลี่โม่ “??”
ฟังดูมีเหตุผลดีนะ แต่ค้อนอุกกาบาตบรรลัยกัลป์ดูเหมือนจะไม่มีคุณสมบัตินี้ ทันใดนั้น หลี่โม่ก็พบว่าอาจารย์หญิงคนสวยขยิบตาให้เขาเบา ๆ หลี่โม่ฉุกคิดได้
“จริงขอรับ! ตอนนั้นข้ารู้สึกว่ามันไม่หนักเท่าไหร่เลยขอรับ”
“ตอนนี้สามารถนำมันออกมาได้ไหม?”
“ท่านก็เห็นแล้วนี่ขอรับ”
หลี่โม่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้า
“ตอนที่เก็บเข้าไป ข้ารู้สึกว่าจิติญญาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เกือบจะหมดสติไปแล้ว คงไม่มีความสามารถนำออกมาได้ในเวลาอันสั้นนี้หรอกขอรับ”
ซางอู่ยิ้มอย่างสดใสแล้วกล่าวว่า
“เพราะฉะนั้น ต้องให้ศิษย์ข้าได้พักผ่อนให้เต็มที่ หากจิติญญาาเ็… อาจจะเอาออกมาไม่ได้ตลอดชีวิตก็ได้นะ”
อาจารย์กับศิษย์คู่นี้ช่างเข้าขากันจริง ๆ
“ยอมรับเ้าของ…”
การคาดเดาของผู้าุโหานเฮ่อได้รับการยืนยัน เขารู้สึกจิตใจแตกสลายเล็กน้อย ศาสตราเทพของยอดเขาอัสดงที่นับั้แ่ปรมาจารย์ก่อตั้งแล้วไม่มีใครขยับได้อีกเลย กลับถูกคนจากยอดอื่นหยิบไป แถมยังเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราณโลหิตอีก! ความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด
ในขณะเดียวกันก็รู้สึกจนปัญญาถึงขีดสุด ปรมาจารย์ก่อตั้งไม่ได้ทิ้งบันทึกที่เกี่ยวข้องไว้ สิ่งที่ซางอู่กล่าวมานั้นก็เป็ไปได้อยู่บ้าง ค้อนไม่ได้อยู่ที่ก้นถ้ำแล้วจริง ๆ คำกล่าวอ้างนี้พอจะฟังขึ้นอยู่บ้าง
เหตุผลก็ส่วนเหตุผล แต่ใครจะรู้ว่านั่นเป็เื่จริงทั้งหมด? เพียงคำพูดปากเปล่าของสองอาจารย์ศิษย์เท่านั้นเอง!
คิดดูแล้ว ผู้าุโหานเฮ่อก็เอ่ยปากว่า
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก่อนที่เขาจะนำศาสตราเทพออกมาได้ ก็ให้อยู่ที่ยอดเขาอัสดงไปก่อนเถิด”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้