“เวลาเ้าทำอะไรมักจะมีเหตุผลเสมอแต่ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าเ้าไม่เห็นด้วยที่ิเยว่แต่งงานกับหลงเทียนอวี้”
หลังจากได้เป็ว่าที่ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ฮ่องเต้ิมักจะส่งหูเทียนเป่ยไปจัดการเื่ต่างๆ แทนเสมอ
ดังนั้น เขาจึงมีความคิดเป็ของตัวเอง
“เหตุใดเสด็จพ่อจึงอยากให้ิเยว่แต่งงานกับหลงเทียนอวี้นัก? เขามิใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด กอปรกับอุปนิสัยใจคอของิเยว่หากไปอยู่ที่จวนอวี้ รังแต่จะก่อความวุ่นวายใช่ว่าท่านพ่อไม่เคยเห็นฝีมือของคุณหนูสกุลหลิน อย่าว่าแต่ิเยว่เลยแม้แต่ข้าก็มิใช่คู่ปรับของนาง”
หลังจากได้ทำความรู้จักกับสองสามีภรรยาคู่นี้ เขาเพิ่งจะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่ากิ่งทองใบหยก
หลงเทียนอวี้เป็คนมีความอดทนทั้งที่จริงแล้วความรู้ความสามารถมิได้ด้อยไปกว่าไท่จื่อเลย
ชายาอวี้ภายนอกเสมือนคนอ่อนโยน จิตใจโอบอ้อมอารีแต่ความจริงนางมีความรู้ความสามารถ นางมิใช่คนที่จะหลงกลใครง่ายๆ
หากิเยว่แต่งงานเข้าไป นางไม่มีทางยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอนเช่นนั้นจวนอวี้คงไร้ซึ่งความสงบสุข
“ข้ารู้ว่ามันเป็เช่นนั้น แต่ิเยว่จะต้องแต่งงานกับหลงเทียนอวี้เ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”
ส่ายหน้า หูเทียนเป่ยไม่เข้าใจปกติแล้วฮ่องเต้ิเอ็นดูิเยว่มาก แต่คราวนี้ทำลงไปเพราะอะไร?
“หลงเทียนอวี้เก่งกล้ากว่าไท่จื่อที่ไม่ได้เื่คนนั้นมากถ้าหากเขากลายเป็ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นเช่นนั้นเป้าหมายที่พวกเรา้าทำให้สำเร็จคงไกลเกินเอื้อม”
คนที่มีความรู้ความสามารถไม่มีวันปล่อยให้บ้านเมืองของตนเองตกเป็เมืองขึ้นของผู้อื่น
หนึ่งร้อยปีก่อน ฮ่องเต้แห่งซีฟานทุกพระองค์ล้วนปลูกฝังลูกหลานว่าซีฟานจะต้องแข็งแกร่ง
ตอนนี้ฮ่องเต้แห่งต้าจิ้นประชวรหนักไท่จื่อทำบริหารบ้านเมืองไม่เป็ นี่จึงเป็โอกาสอันดี
“ความหมายของเสด็จพ่อคือ...”
“ที่ิเยว่แต่งงานเข้าไป ก็เพื่อเปิดศึกกับคุณหนูสกุลหลินไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะ ความรู้สึกระหว่างอ๋องอวี้และพระชายาจะต้องสั่นคลอดอย่างแน่นอนหลินมู่จือไม่มีวันทนมองลูกสาวถูกรังแก หากสูญเสียกำลังสนับสนุนทางการทหารประตูหลังจะลุกโชน แล้วแบบนี้เ้าคิดหรือว่าอ๋องอวี้จะยังมีกะจิตกะใจคว้าตำแหน่งใหญ่นั้นมา”
ฮ่องเต้ิวิเคราะห์ลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจมนุษย์
แต่เขาไม่รู้เลยว่าการแต่งงานระหว่างหลินเมิ้งหยากับหลงเทียนอวี้หาได้เกี่ยวข้องกับอำนาจทางการทหาร
ยิ่งไปกว่านั้น อันที่จริงตอนนี้สกุลหลินกับหลงเทียนอวี้ยังไม่เคยเจอกันอย่างจริงจังมาก่อน
หลินมู่จือและหลินหนานเซิงได้รับรู้ว่าหลินเมิ้งหยาหายจากอาการสติฟั่นเฟือนแล้วแต่เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบพวกเขาจึงยังไม่ได้เห็นหน้าลูกสาวหรือน้องสาวที่ตนเองรักหลังจากนางแต่งงานออกไป
“ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ แต่เสด็จพ่อไม่กลัวว่าิเยว่จะเสียเปรียบอย่างนั้นหรือ?”
แววตาของหูเทียนเป่ยฉายความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
พวกเขาต่างรู้ดีว่าความตายของหูลู่หนานเกี่ยวข้องกับหลินเมิ้งหยา
ทั้งที่นางอายุยังน้อย แต่กลับมีความอาฆาตพยาบาทแรงกล้าวิธีการที่ใช้โหดร้ายทารุณ อีกทั้งยังสามารถซื้อใจคนได้อย่างง่ายดายดังนั้นนางมิใช่คนที่จะถูกกำจัดได้ง่ายๆ
“นี่เป็สิ่งที่ิเยว่เลือกเอง ข้าเองก็เตือนนางแล้วถ้าหากนางมิอาจเอาชนะคุณหนูสกุลหลินได้ก็อย่าไป แต่นางไม่ฟังและจะไปลองรบดูสักตั้งเฮ้อ เด็กคนนี้ นับวันยิ่งเหมือนแม่ของนาง”
คำพูดของฮ่องเต้ิแฝงไว้ซึ่งความรู้สึกช่วยไม่ได้
แม่ของิเยว่คือพระสนมเอกที่เป็รองเพียงฮองเฮา
ชาติกำเนิดสูงส่ง แต่อุปนิสัยใจคอโเี้ นอกจากฮองเฮาที่สามารถควบคุมนางได้แล้วนางไม่เคยกลัวผู้ใดอีกเลย
โชคดีที่พระสนมเอกมีลูกสาวเพียงคนเดียวถ้าหากให้กำเนิดลูกชายแล้วล่ะก็เกรงว่าจะต้องเกิดาระหว่างองค์ชายขึ้นในวังหลวงแห่งซีฟานอย่างแน่นอน
“เฮ้อ หากเสด็จพ่อรับสั่งเช่นนั้นิเยว่จะต้องพยายามต่อไปอย่างแน่นอนแต่เด็กคนนี้คิดหรือว่านางทำให้ไท่จื่อหลงเสน่ห์ได้ แล้วจะทำให้หลงเทียนอวี้หลงเสน่ห์ได้เช่นเดียวกัน”
ทุกการกระทำของิเยว่ล้วนอยู่ในสายตาของหูเทียนเป่ย
เพื่อให้ได้หลงเทียนอวี้มาิเยว่ยอมทำความร่วมมือกับไท่จื่อโดยไม่นึกเสียดายตัว
แต่เกรงว่าพวกเขาจะเล่นกับคนผิดแล้ว
หูเทียนเป่ยชำเลืองมองพ่อของตนเองก่อนจะกลืนคำพูดเ่าั้ลงท้องไป
เขาคิดมาเสมอว่าหลินเมิ้งหยาไม่มีทางปล่อยให้เื่นี้เกิดขึ้นง่ายๆ
คนที่กำลังถูกพูดถึงอย่างหลินเมิ้งหยากลับไม่รู้ตัวอีกทั้งยังจับจ่ายใช้สอยอย่างเพลิดเพลิน
“นายหญิง ผ้าไหมผืนนี้สวยเหลือเกิน สีสวยไหมเ้าคะเหมาะกับข้าหรือไม่?”
ป๋ายจียกผ้าไหมขึ้นมาวางเทียบตัวของตนเอง
“ซื้อ!”
หลินเมิ้งหยาควักกระเป๋าของตนเองแล้วหยิบเงินออกมา
กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะซื้อผ้าไหมชิ้นนั้น
“นายหญิง ปิ่นหยกอันนี้งดงามยิ่งนัก ท่านดูหน่อยว่าเหมาะกับข้าหรือไม่?”
ป๋ายซ่าวเองก็หยิบปิ่นปักผมขึ้นมา ก่อนจะลองเสียบไว้บนศีรษะ
“ซื้อ!”
ไม่คิดอะไรมาก หลินเมิ้งหยาหยิบเงินออกมา
ราวกับว่า ยิ่งเงินออกไปมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกสบายใจมากขึ้นเท่านั้น
เพราะเหตุนี้เวลาพวกไฮโซอารมณ์ไม่ได้ก็เลยชอบโปรยเงินเล่นสินะ
ดูเหมือน จะได้ผลจริงๆ
พวกนางออกจากจวนอวี้ราวหนึ่งชั่วโมงแล้วหลินเมิ้งหยาพาสาวใช้เดินซื้อของบนถนนต่อไป
องครักษ์ที่ตามออกมาเข็นรถคันเล็กหนึ่งคันออกมาด้วยเพื่อใส่ของที่หญิงสาวด้านหน้าซื้อ
แต่หลินเมิ้งหยามิใช่คนขี้งกนางมอบเงินคนละสองตำลึงให้กับองครักษ์ทั้งสอง ขณะเดียวกันหลินเมิ้งหยาผันตัวมาเป็เทพเ้าแห่งความมั่งคั่ง
“นายหญิง ลองชิมดูสิเ้าคะ นี่คือขนมเปี๊ยะไส้นมไข่ที่เพิ่งออกใหม่หอมมากเลยเ้าค่ะ”
คนที่สนุกที่สุดเห็นจะเป็ป๋ายจื่อ แม้จะอยู่ในจวนอวี้แต่นางก็ได้กินอาหารมากเพียงพอ
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด มิรู้ว่าร่างกายของนางทำมาจากยางหรือไม่เหตุใดเวลาเพียงครู่เดียว ผลไม้และอาหารเจ็ดแปดอย่างจึงตกลงไปอยู่ในท้องของนางแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังคงสนุกกับการกินต่อไป
“พวกเราไปกินหมูกรอบที่ฝูหรงโหลวดีหรือไม่? นายหญิงเ้าคะ ข้าเดินมานานจนรู้สึกหิวแล้วเ้าค่ะ”
ลูบไล้หน้าท้อง ป๋ายจื่อยังมีหน้าพูดว่าหิวอีกหรือ?
หลินเมิ้งหยาผงะ จ้องมองสาวใช้ตรงหน้า ยื่นมือเข้าไปหยิกแก้มของนางก่อนจะส่งเสียงบ่น
“ข้าว่าเ้าจะต้องเป็ผีหิวโหยกลับชาติมาเกิดแน่นอน”
เวลาเพียงครู่เดียว ของกินที่อยู่รอบๆ บริเวณนี้ถูกนางกินหมดแล้วแม้แต่หลินเมิ้งหยาที่ได้ชิมเพียงน้อยนิดยังรู้สึกอิ่ม
เหตุใดเด็กคนนี้จึงอยากกินหมูกรอบอีก?
“นั่นสิเ้าคะ เ้านี่หนา เดี๋ยวก็ท้องแตกตายหรอก”
ป๋ายจีเคาะหน้าผากป๋ายจื่อ ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่างมาปากของป๋ายจื่อยังไม่เคยหยุดขยับ
“ไอหยา นายหญิง ตามใจข้าสักครั้งเถิด อีกอย่างข้ากินไม่มากเสียหน่อย”
เบะปากน้อยใจเพราะกลัวว่าหลินเมิ้งหยาจะไม่เห็นด้วย
ทว่า สาวใช้อีกสามคนกลับส่งเสียงสูง
“เ้ากินไม่มาก? อย่าโกหกหน่อยเลยน่าเ้าสามารถกินจนแทบจะเลียจานได้อย่างแน่นอน”
เมื่อถูกเพื่อนร่วมงานว่ากล่าว ป๋ายจื่อจึงแสดงท่าทางน่าสงสาร
แลบลิ้น จับมือหลินเมิ้งหยาแล้วเขย่า
“ก็ได้ เช่นนั้นพวกเราไปที่ฝูหรงโหลวกันเถิดพี่ชายทั้งสองเอาของกลับไปก่อนเถิด พวกเราจะไปรอพวกเ้าที่ฝูหรงโหลว”
หลินเมิ้งหยาออกคำสั่งทว่าองครักษ์ทั้งสองยังยืนยันที่จะไปส่งพระชายาถึงหน้าร้าน ก่อนจะรีบกลับจวนไป
เงยหน้า บนแผ่นป้ายสีทองหน้าร้านเขียนอักษรสามตัวอย่างสวยงาม
ดูเหมือนคนที่เขียนชื่อป้ายร้านจะมิใช่คนธรรมดา
เดินเข้ามา ร้านมีขนาดกว้างขวาง ภายในมีโต๊ะสิบกว่าตัวเสี่ยวเอ้อร์คอยเช็ดโต๊ะเพื่อทำความสะอาด
พื้นด้านล่างเองก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาด ไร้ซึ่งน้ำมัน
ทันทีที่หญิงสาวทั้งห้าปรากฏตัวเสี่ยวเอ้อร์ที่สวมใส่ชุดสีเทารีบวิ่งมาต้อนรับ
“โหยว เชิญลูกค้าด้านในก่อนขอรับเพียงได้เห็นชุดที่พวกท่านสวมใส่ก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องมิใช่คนธรรมดาชั้นสองเงียบสงบ ขอเชิญพวกท่านขึ้นไป้าจะดีกว่านอกจากนี้ยังสามารถปกปิดความลับของลูกค้าได้อีกด้วย”
ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาผายมือเชิญหญิงสาวทั้งห้าอย่างมีมารยาท
โดยเฉพาะ หญิงสาวผู้สวมใส่ชุดสีม่วงอ่อน
เขาเคยเห็นคุณหนูผู้ดีมากมายทว่าหญิงสาวตรงหน้ากลับสวยงามประหนึ่งนางฟ้านาง์
เพียงลูกตาสีดำเปล่งประกายคู่นั้นขยับ โลกที่เคยเป็สีขาวพลันซีดไปในทันที
ไม่รู้ว่านางคือฮูหยินจากตระกูลใดเมื่อลองพิจารณาจากลักษณะท่าทางของนางแล้ว เขาควรรับใช้นางให้ดีที่สุด
ห้องส่วนตัวบนชั้นสองถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน
สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกประหลาดใจคือบานประตูแต่ละบานล้วนถูกวาดรูปดอกไม้แตกต่างกันออกไป
อีกทั้งหน้าประตูห้องยังมีชื่อที่แตกต่างกันของแต่ละห้อง
ดูเหมือนว่าชื่อเ่าั้จะมีเอกลักษณ์พิเศษ หากเขียนว่าต้นไผ่ที่บานประตูจะมีภาพวาดไผ่สีเขียว
หากเขียนว่าก้อนหิน ภาพวาดก็จะเป็ก้อนหินสีขาว
เสี่ยวเอ้อร์นำทางพวกนางไปยังห้องที่ชื่อสายลม
เ้าของร้านเป็คนแปลกยิ่งนัก เขาติดกระดิ่งไว้ที่หน้าห้องเมื่อใดที่สายลมผ่าน กระดิ่งอันนั้นจะส่งเสียงดัง
“เชิญทางนี้ขอรับ ห้องสายลมมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกทั้งขนาดห้องยังกว้างขวาง มิรู้ว่าฮูหยินถูกใจหรือไม่”
เสี่ยวเอ้อร์เปิดประตู หลินเมิ้งหยาและสาวใช้ทั้งสี่เดินเข้าไป
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือตั่งเตี้ยๆ้ามีโต๊ะไม้ทรงเตี้ยสีแดงวางอยู่
เปิดหน้าต่างโบราณบานใหญ่ที่มีลายแกะสลักและภาพวาดของสามสหายในฤดูเหมันต์
“ที่นี่ดีจริงๆ เถ้าแก่ของเ้าจะต้องค้าขายรุ่งเรืองอย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยานั่งลงที่ตำแหน่งประธาน สาวใช้ทั้งสี่รีบนั่งลงตาม
ก่อนออกมาหลินเมิ้งหยาได้สั่งแล้วว่าวันนี้จะไม่มีนายบ่าวแต่จะมีเพียงเพื่อนสาวที่ล้อมวงกินซาวปิ่งกันแต่เพียงเท่านั้น
ตอนนี้สาวใช้ทั้งสี่เพิ่งจะเข้าใจว่าซาวปิ่งคืออะไร
“ฮ่าๆ ขอบคุณนายหญิงสำหรับคำชมขอรับเถ้าแก่ของข้าน้อยเป็คนออกแบบทั้งหมดนี้เองฉะนั้นการค้าของฝูหรงโหลวจึงเจริญรุ่งเรืองเป็อย่างมากไม่ทราบว่าพวกท่านอยากกินอะไรอย่างนั้นหรือ? ้าให้ข้าน้อยแนะนำรายการอาหารขึ้นชื่อหรือไม่?”
เสี่ยวเอ้อร์เคยชินกับการได้รับคำชมจากลูกค้าแล้วแต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่สิ้นเสียงของตนเอง ป๋ายจื่อจะรีบสั่งอาหารทันที
“พี่เสี่ยวเอ้อร์ ที่ร้านของท่านขึ้นชื่อเื่หมูกรอบและขาหมูตุ๋นใช่หรือไม่? เอามาให้ข้าลองสักชุดหนึ่งเถิดส่วนนายหญิงของข้ารับเป็ชาดอกมี่หลัว เร็วๆ หน่อยล่ะ”
