เมื่อซ่งจื่อเฉินและซ่งเฉวียนเอาสมุนไพรที่ใช้ห่อองุ่นออก คนทั้งบ้านซ่งก็เข้ามามุงดูองุ่นสีดำลูกใหญ่ ขนาดอวบอ้วน พวกเขามิเคยเห็นองุ่นดำมาก่อนจึงรู้สึกมิค่อยคุ้นเคยนัก
“พี่สะใภ้ห้า พวกเราคงกินองุ่นดำมากมายเช่นนี้มิหมดหรอกเ้าค่ะ” ซ่งเป่าจูเดินมาหยุดอยู่ข้างซ่งเฉวียน และยื่นมือออกไปหยิบองุ่นในตะกร้ามากิน
“ท่านอาเล็ก ท่านรักษาอนามัยหน่อยได้หรือไม่ ท่านควรนำไปล้างก่อนแล้วค่อยนำมากินขอรับ” มิใช่ซ่งเฉวียนมิอยากให้ซ่งเป่าจูกิน แต่นางทำตัวสกปรก เขามิชอบ
“ไอลูกกระต่าย ข้าเป็อาของเ้า ข้ากินองุ่นมิกี่เม็ด เ้ายังมาเ้ากี้เ้าการอีก” ซ่งเป่าจูถลึงตาและบ่นอย่างมิพอใจ
“เป่าจู อาเฉวียนมิได้อยากเ้ากี้เ้าการกับเ้า เขาอยากให้เ้าล้างมันก่อนแล้วค่อยกิน มันจะดีต่อสุขภาพของเ้ามากกว่า” เฉินซื่อรู้สึกมิดี เมื่อเห็นซ่งเป่าจูต่อว่าลูกชายของนาง
“พี่ชายพี่สะใภ้ทุกท่าน นี่คือองุ่นดำที่ข้าค้นพบ ข้าว่าจะเก็บส่วนหนึ่งเอาไว้กินเอง กลับไปเยี่ยมบ้านในวันพรุ่งนี้ ข้าก็มิต้องซื้อสิ่งใด เพียงนำองุ่นกลับไปฝากพวกเขา หากทำเช่นนี้จะช่วยประหยัดเงินได้เ้าค่ะ” แม้พวกเขาสามีภรรยาและซ่งเฉวียนจะเป็ผู้เก็บองุ่นมา แต่คนบ้านซ่งเป็คนในครอบครัว เื่ที่ควรพูดก็ต้องพูดให้ชัดเจน
“เซวียนเซวียน เ้ากับจื่อเฉินจัดการได้ตามใจ” ซ่งหวาเป็คนแรกที่ตอบรับ
“จริงด้วย ข้ายังขุดเจอโสมคนมาหนึ่งต้น ข้าวางแผนจะนำมันไปขายแลกเป็เงินเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนนำโสมคนออกมาวางลงบนโต๊ะ ทุกคนใกันอีกระลอก องุ่นดำสองตะกร้านี้ก็ทำให้พวกเขาใกันเกินพอแล้ว นี่จิ่นเซวียนยังบอกว่าขุดโสมคนมาอีก
“พี่ชายพี่สะใภ้ทุกท่าน ข้ากับเซวียนเซวียนปรึกษากันแล้ว แม้โสมคนนี้พวกข้าจะเป็ผู้ขุดมาได้ แต่พวกท่านคือคนในครอบครัว พวกข้าจะมิกอบโกยไว้เอง เมื่อขายโสมคนเรียบร้อยแล้ว จะรีบส่งอาเจี๋ยกับอาฉีไปเรียนที่สำนักศึกษาทันที และต่อจากนี้เงินรายเดือนของพวกท่านก็จะมากขึ้นด้วยขอรับ”
เมื่อซ่งจื่อเฉินพูดถึงเงินรายเดือน ซ่งเป่าจูก็กังวลว่าเงินรายเดือนของนางจะมากขึ้นด้วยหรือไม่
“พี่ห้า เงินรายเดือนของข้าจะมากขึ้นด้วยหรือไม่?”
“ต้องดูที่การกระทำของเ้าก่อน หากเ้ายังเอาแต่กินกับนอน เงินรายเดือนของเ้าจะได้เพียงสามร้อยแปดสิบเหวินดังเดิม” คำพูดของซ่งจื่อเฉินทำให้ซ่งเป่าจูผิดหวัง นางคิดว่าจะได้สักสองสามตำลึงต่อเดือน!
เงินเพียงสามร้อยแปดสิบเหวิน นางมิพอใช้
“พี่ห้า เงินรายเดือนของข้ายังมิเท่าหยวนหยวนเลย ข้าได้น้อยเกินไปแล้วเ้าค่ะ” ซ่งเป่าจูได้เงินเพียงสามร้อยแปดสิบเหวินมาตลอด นางจึงรู้สึกเสียใจ
“หยวนหยวนทำงานหนักกว่าเ้า เหตุใดเ้ามิลองเปรียบเทียบตนเองกับนางดูเล่า” ซ่งจื่อเฉินปรายสายตามองซ่งเป่าจูอย่างหมดคำจะพูด “ข้ามิได้หวังให้เ้าหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ข้าหวังเพียงให้เ้าแก้นิสัยเสียๆ ของตนเอง เข้ากันได้ดีกับคนในครอบครัว ทำงานบ้านได้เท่าใดก็เท่านั้น หากเ้าทำได้เท่าที่พวกข้า้า จากนี้ข้าจะให้เงินห้าตำลึงแก่เ้าทุกเดือน”
“ข้าจะเปลี่ยน จะเปลี่ยนแน่นอนเ้าค่ะ” ซ่งเป่าจูเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อเงินเช่นกัน นางพยักหน้าหงึกหงักรับคำ นางกลัวซ่งจื่อเฉินจะเปลี่ยนใจ
“พวกข้า้าให้เ้าพิสูจน์ด้วยการกระทำของเ้า มิใช่คำพูดลอยๆ” จิ่นเซวียนพูดขัดซ่งเป่าจูเสียงดุ ซ่งเป่าจูหวาดกลัวเล็กน้อย เมื่อครู่นางเองก็ตอบแบบขอไปที เพื่อเงินจริงๆ
“เป่าจู เ้าจำไว้อย่างหนึ่ง มิว่าพบเจอผู้ใด อย่าได้พูดเื่องุ่นออกไปเด็ดขาด” ซ่งจื่อเฉินเตือนซ่งเป่าจูให้เก็บเื่องุ่นเอาไว้เป็ความลับ ในบ้านหลังนี้ซ่งเป่าจูเป็ผู้ที่มีสิ่งใดอยู่ในใจก็พูดออกมาหมด ไม่แน่ นางอาจจะบอกความลับของครอบครัว เมื่อนางได้พบกับโจวซู่ซิน
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สามและพี่สี่ ั้แ่วันนี้ของเดือนหน้า พวกท่านกับพี่สะใภ้ทั้งสามจะได้เงินหกตำลึงต่อเดือนขอรับ” ซ่งจื่อเฉินกำหนดเงินรายเดือนสูงขึ้นมา เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของทุกคนในบ้าน
“สามี เช่นนั้นพวกอาเฉวียนเล่า ท่านวางแผนจะให้ค่าขนมกับพวกเขาเป็เงินเท่าใดหรือ”
“อาเฉวียนและอาฝูทำงานมากนัก พวกเขาจะได้สี่ตำลึงต่อเดือน ส่วนพวกหยวนหยวนหนึ่งตำลึงต่อเดือน” ซ่งจื่อเฉินพูดถึงทุกคนแต่มิมีซ่งเป่าจู นางจึงมองเขาด้วยความน้อยใจ
“พี่ห้า ท่านสัญญาว่าจะอยู่ร่วมกับทุกคนดีๆ ท่านเพิ่มเงินรายเดือนให้ข้าได้หรือไม่เ้าคะ!”
“เ้าได้เท่ากับพวกหยวนหยวน ได้เพียงหนึ่งตำลึง เมื่อเ้าประพฤติตัวดีขึ้นแล้ว ข้าจะเพิ่มให้ อีกอย่างอย่าได้เที่ยวนำเื่ในครอบครัวไปโพนทะนาเหมือนป้าขี้นินทาเล่า” ซ่งเป่าจูมิกล้าขัดคำพูดของซ่งจื่อเฉิน บางหนคำพูดของเขาได้ผลยิ่งกว่าคำพูดของจิ่นเซวียนเสียอีก
ซ่งเป่าจูรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่นางยังควบคุมอารมณ์ได้
“หยวนหยวน เ้าไปหยิบจานผลไม้มา พวกเราจะล้างองุ่นกินกัน ส่วนองุ่นที่เหลือ แบ่งไปเก็บไว้ในห้องใต้ดิน ข้าวางแผนจะเอาพวกมันไปหมักเหล้า เมื่อได้เงินก้อนใหญ่มา ข้าจะซื้อของอร่อยให้เ้ากิน” จิ่นเซวียนกังวลว่าองุ่นจะเน่า นางจึงให้ซ่งจื่อเฉินกับซ่งเฉวียนขนไปไว้ที่ห้องฝั่งตะวันออกของเรือนโม่อวิ้นเซวียน นางจัดการเช่นนี้ เฉินซื่อและคนอื่นๆ มิได้คัดค้านสิ่งใด สำหรับพวกเขาแล้ว เพียงจิ่นเซวียนส่งเงินให้ พวกเขาก็ดีใจมากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นของพวกนี้จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินเป็ผู้หาพบ มันมิเกี่ยวกับพวกเขา
หลังขนองุ่นไปไว้ที่เรือนโม่อวิ้นเซวียนแล้ว ซ่งเฉวียนก็นำเพียงตะกร้าเล็กๆ ไปวางไว้ในห้องใต้ดิน ส่วนที่เหลือเขาให้จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินนำไปหมักเหล้า
“สามี เวลานี้มิมีผู้ใด พวกเรานำองุ่นเข้าไปเก็บไว้ในมิติกันก่อนเถิด ในมิติเปี่ยมไปด้วยพลังิญญา และสามารถแช่องุ่นให้เย็นได้ นำองุ่นไปเก็บไว้ในนั้นจะทำให้องุ่นเน่าเสียยาก” จิ่นเซวียนใช้พลังจิต พาซ่งจื่อเฉินและองุ่นเข้าไปในมิติ นางวางแผนจะหมักเหล้าองุ่นในนี้ ห้องใต้ดินของมิติมีโถเคลือบ นำมาใช้ได้พอดี
“ภรรยา ข้าว่าจะเก็บดอกท้อในมิติมาหมักสุราดอกท้อ ข้าเชื่อว่าคุณภาพของสุราดอกท้อนี้มิด้อยไปกว่าเหล้าที่บ่มเอาไว้นานแล้วของที่อื่น” ซ่งจื่อเฉินหยิบกลีบดอกท้อมาวางไว้บนริมฝีปากแล้วดอมดม
เขาคิดถึงรสชาติของเหล้าดอกท้อเล็กน้อย เมื่อก่อนเมื่อดอกท้อในเรือนโม่อวิ้นเซวียนเบ่งบาน เขาจะรวบรวมมาหมักเหล้า แต่จำนวนดอกท้อนั้นมีน้อย พวกเขาสองพ่อลูกจึงดื่มเหล้าที่หมักได้เพียงมิกี่หน
“สามี ท่านอยากหมักก็หมักเถิด ข้าสนับสนุนท่าน” จิ่นเซวียนพูดและให้ซ่งจื่อเฉินอยู่ในมิติก่อน ส่วนนางจะออกไปหยิบเสื้อผ้า เพื่อเข้ามาอาบน้ำในมิติ
“สามี ท่านรออยู่ในนี้ ข้าจะอาบน้ำได้อย่างไร ท่านรีบออกไป” จิ่นเซวียนกลับมาในมิติอีกหน ซ่งจื่อเฉินก็เตรียมน้ำชำระร่างกายให้นางเรียบร้อยแล้ว นางเห็นเขายืนอยู่หน้าอ่างน้ำมิยอมออกไปเสียที นางจึงผลักเขาออกไป
“ภรรยา เหงื่อไหลท่วมแล้ว เรามิสู้อาบน้ำด้วยกันเล่า” ซ่งจื่อเฉินเดินเข้าไปใกล้จิ่นเซวียน เขากระซิบคำหวานข้างหูของนางอย่างมีเลศนัย
“เ้ายังติดค้างคืนส่งตัวเข้าหอข้าอยู่ มิสู้เ้าชดเชยให้ข้าคืนนี้เลย มิดีหรือ”
“ท่านไปให้พ้นเลย” จิ่นเซวียนยันหน้าอกของซ่งจื่อเฉิน แล้วโยนเขาออกจากมิติ
“ท่านอาห้า ท่านยืนงงสิ่งใดอยู่ผู้เดียว ท่านน้าเล็กของข้าเล่า นางอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ?” ซ่งจื่อเฉินยืนอยู่กลางลานบ้าน เขาคิดเื่ของจิ่นเซวียนอยู่ เวลานั้นเองซ่งหยวนหยวนก็เดินมาจากข้างนอกและพูดขัดจินตนาการของเขา
เด็กหยวนหยวนมักจะเรียกภรรยาตัวน้อยของเขาว่าน้าเล็ก เขามิชอบคำเรียกขานนี้นัก ทุกคนคิดว่าเขาโชคดีที่ได้แต่งกับภรรยาคนงาม แต่เขากลับปีนขึ้นเตียงนางมิได้เสียด้วยซ้ำ!
หากพวกเขารู้ว่าพวกเรายังมิได้เข้าหอกัน จะมิหัวเราะเยาะเขาหรือ
“หยวนหยวน จากนี้เ้าต้องเรียกเซวียนเซวียนว่าอาสะใภ้ห้า ห้ามเรียกนางว่าน้าเล็กอีก เข้าใจหรือไม่” ซ่งจื่อเฉินแก้คำเรียกขานจิ่นเซวียนของซ่งหยวนหยวนด้วยท่าทางจริงจัง ซ่งหยวนหยวนค่อนข้างกลัว เมื่อเห็นเขาเข้มงวดเช่นนี้
“ท่านอาห้า ข้าจะเชื่อฟังท่านเ้าค่ะ” ซ่งหยวนหยวนเอ่ยตอบรับ หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ตามซ่งจื่อเฉินและจิ่นเซวียนให้ไปทานข้าว ทุกคนรอพวกเขาอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้