เป็พี่เซี่ยใช่หรือเปล่า?
ใช่อย่างแน่นอนน่ะสิ
ใบหน้านั้นของเซี่ยเสี่ยวหลาน เป็สิ่งที่เห็นเพียงครั้งเดียวก็ไม่สามารถลืมได้โดยสิ้นเชิง
ด้วยรูปลักษณ์ดังกล่าวของเซี่ยเสี่ยวหลาน ราวกับว่าควรไปเป็ดาราภาพยนตร์เท่านั้น ใบหน้าที่ทำอาชีพอื่นล้วนคือการสูญเปล่า แม้ในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าจะมีผู้จบการศึกษาจากหัวชิงที่ก่อตั้งวงดนตรีและโลดแล่นในวงการบันเทิงอยู่จริงๆ ทว่าสำหรับปี 84 เป็ไปไม่ได้อย่างแน่นอน เวลานี้นักแสดงถือว่าเป็อาชีพที่ไม่มีอนาคตสักเท่าไร หากนักศึกษาสาขาสถาปัตยกรรมหัวชิงคนหนึ่งออกไปใช้หน้าตาทำมาหากินนับว่าเป็ความอัปยศอย่างแท้จริง
เดิมทีตระกูลโจวกำลังรอโจวเฉิงปรากฏตัวในโทรทัศน์ นึกไม่ถึงว่าเมื่อพิธีเฉลิมฉลองเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ก็เจอเซี่ยเสี่ยวหลานเสียแล้ว
และไม่รู้ว่าเป็เพราะสัญญาณการถ่ายทอดสดเกิดความผิดปกติหรือไม่ ภาพนั้นจึงค้างอยู่ถึง 3 วินาทีเต็ม!
หรือว่าตำแหน่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานยืนนั้นช่างเหมาะเจาะ กล้องถึงกวาดผ่านเธอได้อย่างพอดิบพอดีกัน
ใช่ คนตระกูลโจวเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง หนึ่งเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานสวย สองเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานมีความสามารถมากพอที่จะยืนในตำแหน่งนั้น! นั่นเป็ตำแหน่งที่สามารถยืนกันได้ง่ายๆ หรือ? คนที่หนึ่งของแถวที่หนึ่งเชียวนะ
ย่าโจวสวมแว่นสำหรับสายตายาวพลางบ่นพึมพำ “เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลยนะ...”
หาเื่เก่งเสียจริงๆ อีกทั้งได้เื่ได้ราวด้วย
ถ้าไม่มีความสามารถ ตำแหน่งตรงนี้ก็จัดแจงให้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้หรอก
ขบวนเกียรติยศผ่านไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ากวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกสับสนขนาดไหน ตาไม่เห็นใจก็ไม่รำคาญ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมีความสามารถในการปรากฏตัวสู่สายตาเธอโดยไร้คาดหมาย!
โจวอี๋อยากจะร้องไห้เหลือเกิน ไม่ใช่เพราะความซาบซึ้งใจ แต่เพราะรู้สึกยินดีปรีดา
ถูกต้องยิ่งนักที่เมื่อครู่เธออดทนไม่พูดสิ่งใด มิเช่นนั้นตอนนี้เธอคงเสียหน้าอย่างแสนสาหัสแล้ว!
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ความคิดของคนตระกูลโจวเลยสักนิด
ขณะนี้อย่าว่าแต่ตระกูลโจวเลย กระทั่งคนรักอย่างโจวเฉิง เธอก็ไม่ว่างพอที่จะมาใส่ใจเหมือนกัน!
กล้องจะถ่ายเธอหรือไม่ มันไม่สำคัญแม้แต่น้อย!
เมื่อก้าวผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมินท่ามกลางเสียงบทเพลงทหารอาสากรีฑาทัพและเสียงยิงสลุต เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเหมือนทั่วทั้งร่างกำลังลุกเป็ไฟ ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะสายตากลายเป็สีแดง แยกเงาคนได้ไม่ชัดเจน จำแนกอย่างอื่นไม่ได้ ขณะที่ปากะโเอ่ยคำขวัญ เธอก็รู้สึกลอยละล่องตลอดการเดินขบวน!
นึกไม่ถึงว่าจะตื่นเต้นขนาดนี้!
และนึกไม่ถึงว่าเธอจะทุ่มเทมากขนาดนี้เช่นกัน!
เมล็ดพันธุ์เมล็ดหนึ่งที่ถูกฝังไว้ในตอนฝึกทหาร ตอนนี้ไม่เพียงแต่เติบโต มันยังเบ่งบานทั้งหมดแล้วด้วย!
ทุกเซลล์ทั่วร่างกายกำลังโห่ร้อง ทุกรูขุมขนกำลังะโกึกก้อง เธอกำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่นี้ และกำลังเดินขบวนผ่านจัตุรัสเทียนอันเหมินด้วยสถานะของนักศึกษาหัวชิงจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกถึงความภาคภูมิใจอันมาจากส่วนลึกของจิตใจ
ความเหินห่างระหว่างเธอและยุคสมัยนี้ ดูเหมือนถูกทำลายจนหมดสิ้นลงในชั่วขณะนี้ และความห่างเหินนั้นได้ถูกหลอมละลายอย่างสมบูรณ์แล้ว
ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้สังเกตการณ์ของประวัติศาสตร์อีกต่อไป
เธอคือพยานในประวัติศาสตร์ คือผู้มีส่วนร่วมของประวัติศาสตร์ อีกทั้งกำลังจะเป็ผู้สร้างประวัติศาสตร์!
แม้จะตื่นเต้นขนาดไหน อย่างไรขบวนเกียรติยศก็เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงสามสี่นาทีเท่านั้น ต่อมาคือการเดินขบวนของนักศึกษา เหล่านักศึกษานั้นใจกล้ากว่า ไม่เพียงแต่โยนช่อดอกไม้ในมือขึ้นฟ้า ยังมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งแอบใช้ผ้าปูที่นอนทำป้ายสี่ตัวอักษรทักทายท่านผู้นำ [1] อีกด้วย!
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ั้แ่แรกแล้ว
ใครที่พอรู้ประวัติศาสตร์เล็กน้อยย่อมรู้ว่ามีนักศึกษากลุ่มหนึ่งจากคณะชีววิทยามหาวิทยาลัยปักกิ่งจะทำสิ่งนี้
ทว่าตอนที่เกิดเื่นี้ขึ้นจริง มันน่าใยิ่งกว่าตอนเห็นในบันทึกที่เป็ลายลักษณ์อักษรโข... เธอใช้ชีวิตในปี 1984 เช่นนี้นี่เองสินะ แม้บางสิ่งยังคงมีความอนุรักษนิยมมาก แต่ก็มีแิและการกระทำที่ทั้งเปิดกว้างทั้งอาจหาญกำลังก่อตั้วขึ้นในทุกหนแห่ง!
----------------------------------------
ณ เผิงเฉิง
เพื่อรับชมพิธีเฉลิมฉลองวันชาติ กอปรกับ ‘อันเจียวัสดุ’ เปิดกิจการอย่างเป็ทางการ หลิวหย่งจึงนำโทรทัศน์สีเครื่องใหญ่มาวางไว้หน้าร้าน เพื่อให้ทุกคนได้รับชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาแปดโมงเช้า ร้านวัสดุจุดประทัด และเชิญคณะเชิดสิงโตมาทำการแสดงด้วย
ครื้นเครงจนดึงดูดชาวเมืองมากมายให้หยุดอยู่กับที่
หลิวหย่งรู้จักคนจำนวนหนึ่งในเผิงเฉิง ทุกคนล้วนเอาอย่างแนวทางของคนฮ่องกง ชื่นชอบการส่งกระเช้าดอกไม้ในวันเปิดกิจการ และเพราะเครือข่ายคนรู้จักของหลิวหย่งนี้ ร้านวัสดุจึงได้รับกระเช้าดอกไม้มากมาย
นอกจากนี้เฉินซีเหลียงยังเดินทางมาจากหยางเฉิงโดยเฉพาะ
แม้เขาจะส่งเงินให้เซี่ยเสี่ยวหลานที่อยู่ในปักกิ่งโดยผ่านทางโทรเลข ทว่าร้านวัสดุเปิดกิจการทั้งที เขาจะไม่มาแสดงความยินดีด้วยตนเองได้อย่างไร
เสี่ยวหวังส่งกระเช้าดอกไม้มาสองใบอย่างเงียบๆ เช่นกัน และมีจากมิตรสหายอีกสองสามคนที่ไป๋เจินจูรู้จัก กระเช้าดอกไม้หน้าร้านจึงถูกวางเป็แนวยาว
หลิวเทียนเฉวียนให้เกียรติหลิวหย่งมาก เ้าของกิจการทรัพย์สินร่วมหลักสิบล้านก็มาแสดงความยินดีด้วยตนเอง
ส่วนผู้ค้าส่งรายย่อยตัวเล็กๆ อย่างเฉินซีเหลียง เวลานี้ทำได้เพียงชื่นชมและหวังจะเป็อย่างเถ้าแก่หลิว เพิ่งได้รับเจ็ดแปดหมื่นหยวนมาแล้วอย่างไร สำหรับเถ้าแก่หลิวนั่นเป็เพียงจำนวนเงินอันน้อยนิด ร้านวัสดุนี้ช่างใหญ่จริงๆ หลังจากหลิวเทียนเฉวียนเดินเข้าร้าน เขายังตะลึงไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าขนาดเท่านี้ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขาหวั่นเกรง แต่การตกแต่งด้านในมีความน่าสนใจบางอย่างอยู่น่ะสิ
ในสมองของหลิวเทียนเฉวียนมีความคิดอย่างหนึ่งแวบเข้ามา เขาสามารถเลียนแบบโดยเปิดอีกร้านหนึ่งได้เหมือนกันใช่หรือไม่?
ไม่จำเป็ต้องเปิดในตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดที่มีแผงขายของรวมตัวกันเช่นนี้นี้ แต่จะเปิดในพื้นที่เฟื่องฟูอื่นๆ โดยเปิดเป็ร้านค้าวัสดุ และเหมือนร้านแสดงตัวอย่างการตกแต่งภายในด้วย... หลิวเทียนเฉวียนสมกับเป็นักธุรกิจฮ่องกงหัวใส ในหัวของเขาเต็มไปด้วยการคำนวณความคิดมากมาย ทว่าภายนอกยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเรียกพี่เรียกน้องกับหลิวหย่ง แสดงความยินดีกับการเปิดกิจการร้านค้าวัสดุ แต่ในใจชั่งน้ำหนักส่วนได้ส่วนเสียอย่างหนัก
หลิวหย่งลื่นไหลหลุดมือราวกับปลาไหล ไม่ว่าจะหว่านล้อมเช่นไร ก็ไม่ยอมผ่อนให้ ‘โรงแรมหนานไห่’ ทั้งนั้น
ไม่ใช่ว่าหลิวเทียนเฉวียนไม่หงุดหงิด
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของนายกเทศมนตรีทัง เขาจะสนใจเ้าของกิจการธรรมดาแบบนี้เสียที่ไหน?
สนใจหลานสาวคนสวยของหลิวหย่งนั้นยังเป็ไปได้มากกว่าเสียอีก...
ในเมื่อหลิวหย่งไม่้าร่วมงานกับเขา เช่นนั้นเขาจำเป็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้นจริงๆ ไม่ใช่หรือ? บางทีถ้าพึ่งเส้นสายของนายกเทศมนตรีทังไม่ได้ เขาควรเริ่มจากผู้บริหารคนอื่น หลิวเทียนเฉวียนมีความคิดมากมายอยู่ในใจ ในขณะที่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มยินดี “น้องหลิว เชิญคณะเชิดสิงโตมาแล้วทั้งที ทำไมไม่ให้พวกเขาสร้างความคึกคักอีกหน่อยเล่า?”
เปิดกิจการเวลา 8 นาฬิกา นี่ยังไม่ถึง 10 นาฬิกาด้วยซ้ำ ไม่แสดงแล้ว?
หลิวหย่งวานคนตั้งโทรทัศน์สีขนาดใหญ่ “ดูงานฉลองที่เทียนอันเหมินน่ะ พี่เทียนเฉวียน พี่หาที่นั่งดูด้วยกันสิ”
หลิวเทียนเฉวียนไม่เข้าใจว่าหลิวหย่งจะมาไม้ไหน
ปัจจุบันฮ่องกงยังไม่ได้หวนคืนสู่ประเทศจีน ความรู้สึกของการเป็ส่วนหนึ่งในใจหลิวเทียนเฉวียนไม่ได้แรงกล้าขนาดนั้น แต่คนของร้านค้าวัสดุจะดูงานเฉลิมฉลองกันหมด เขาย่อมต้องทำตามคนหมู่มากเป็ธรรมดา ทำธุรกิจในเผิงเฉิงนี่นา จะไม่รักชาติได้อย่างไร งานเฉลิมฉลองคือสิ่งที่ต้องรับชม เขาจึงดูพร้อมกับพวกหลิวหย่งตรงนี้เสีย
และหลิวเทียนเฉวียนก็อยากจะรอดูกลยุทธ์อันแสนมหัศจรรย์ของร้านค้าวัสดุนี้อย่างถี่ถ้วนด้วย
หลังจัดการโทรทัศน์เสร็จเรียบร้อยแล้ว สิบนาฬิกาตรง พิธีเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นอย่างเป็ทางการ
หลิวเทียนเฉวียนใจลอยนิดหน่อย เขายังครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำธุรกิจค้าวัสดุนี้บ้างดีหรือไม่ ธุรกิจที่หลิวหย่งทำแล้ว คงไม่ได้หมายความว่าจะมีคนอื่นในเผิงเฉิงทำไม่ได้หรือเปล่า? หากหลิวเทียนเฉวียนเข้าสู่ธุรกิจค้าวัสดุ ด้วยกำลังทรัพย์ของเขา ย่อมสามารถข่มหลิวหย่งจนหายใจหายคอไม่สะดวกได้อย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าเขาอาจควรลองทำเช่นนี้จริงๆ ในเมื่อหลิวหย่งไม่กินพุทราหวาน ถ้าอย่างนั้นก็โดนฟาดสักทีก่อน [2] ค่อยคุยเื่ร่วมงานกัน?
ขณะที่หลิวเทียนเฉวียนกำลังไตร่ตรองเื่ผลประโยชน์ จู่ๆ คังเหว่ยก็ร้องออกมาอย่างใ
“พี่สะใภ้!”
คังเหว่ยตากแดดจนดำคล้ำ หลิวเทียนเฉวียนไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าคนที่ทำงานในร้านค้าวัสดุทั้งวันซึ่งกำลังนั่งข้างเขาอยู่นี้จะเป็ ‘คุณชายสักคน’ เหมือนกัน
ทว่าพอหลิวเทียนเฉวียนเงยหน้ามอง หน้าจอโทรทัศน์กำลังหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานพอดี
โทรทัศน์สีถ่ายทอดรูปโฉมอันงดงามของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างตรงไปตรงมา หลิวเทียนเฉวียนอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความใเช่นกัน แม้เขาจะเป็คนฮ่องกง อย่างไรก็รู้ว่าพิธีฉลองครบรอบวันชาติ 35 ปีประจำปีนี้นั้นยิ่งใหญ่เพียงใด งานฉลองที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ แต่หลานสาวของหลิวหย่งปรากฏบนหน้าจอโทรทัศน์? นี่คือการมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์!
ราวกับกล้องจงใจถ่ายเธอในระยะใกล้
ข้างในศีรษะของหลิวเทียนเฉวียนส่งเสียงดังหึ่งๆ
คนที่ดูโทรทัศน์ล้วนกำลังปลาบปลื้ม พวกเขาทุกคนดูเหมือนพวกบ้านนอกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่หลิวเทียนเฉวียนไม่เข้าใจแบบแผนของคนบ้านนอกกลุ่มนี้เลยจริงๆ
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่หลานสาวของหลิวหย่งหรอกหรือ?
ดูเหมือนหลานสาวของนายกเทศมนตรีทังมากกว่า มิเช่นนั้นจะปรากฏตัวในสถานการณ์ประเภทนี้ได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น เหล่าคนบ้านนอกที่กำลังนั่งม้านั่งดูโทรทัศน์กลางแจ้งหน้าร้านกลุ่มนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่!
เชิงอรรถ
[1]ในตอนนั้นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งชูป้ายที่เขียนคำว่า '小平您好' ความหมายคือ สวัสดีท่านเสี่ยวผิง หรือก็คือเติ้งเสี่ยวผิง
[2]มาจาก 打一巴掌 ,给个甜枣 ตบหน้าหนึ่งทีแล้วให้กินพุทรา หมายถึง ให้บางอย่างเป็การปลอบขวัญหลังจากปฏิบัติต่อคนคนหนึ่งอย่างรุนแรง แต่ในที่นี้หลิวเทียนเฉวียนคิดว่าต้องใช้วิธีการกลับกันกับหลิวหย่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้