“ข้าไม่้าคำตอบอะไรจากเ้า”
เย่เทียนหลงส่ายหัวไปมาร่างกายขยับขึ้นครั้งหนึ่ง กระแสพลังสีเหลืองแผ่ออกมาจากร่างของเขาพุ่งตรงเข้าไปโอบล้อมเย่ชิงหานไว้เพื่อหยุดยั้งการฆ่าตัวตายของเขา เย่เทียนหลงสะบัดแขนเสื้อขึ้นอีกครั้งหนึ่งกริชที่อยู่ในมือของเย่ชิงหานพลันหล่นลงสู่พื้น จากยั้นเย่ชิงหานก็สลบหมดสติไป
พูดเป็เล่น...คนที่สองของตระกูลที่สามารถเรียกอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ ความหวังในอนาคตของตระกูลเย่ ถ้าหากฆ่าตัวตายต่อหน้าเขาได้ละก็ เย่เทียนหลงตายไปจะมีหน้าไปพบเหล่าบรรพบุรุษได้อย่างไร ดังนั้น เขาจึงปล่อยอาณาเขตพลังปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ออกไปเพื่อทำให้เย่ชิงหานหมดสติ
“ชิงหนิวนำตัวเขากับเด็กผู้หญิงคนนั้นไปยังูเาด้านหลัง ตรวจดูิญญาของเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างละเอียดและอย่างระมัดระวัง ข้ารู้สึกได้ว่านางยังไม่ตายเพียงแต่ิญญาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ลองดูว่ามีหนทางจะช่วยพี่น้องสองคนนี้กลับมาได้หรือไม่” เย่เทียนหลงส่งกระแสเสียงให้เย่ชิงหนิวโดยตรง จากนั้นหันหน้ามาด้วยสีหน้าที่ดำคล้ำมองดูเหล่าผู้าุโหลายสิบคนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างมีโทสะ “ไป๋หู่ จัดการกับศพของเย่หรงให้เรียบร้อย ปิดล้อมตระกูลไว้ห้ามมิให้มีข่าวคราวใดๆ เล็ดลอดออกไป ส่วนคนที่เหลือตามข้าไปยังหอผู้คุมกฎ”
“ขอรับ ท่านพ่อ”
“ขอรับ ท่านหัวหน้าตระกูล”
มองเห็นใบหน้าที่ดำคล้ำของเย่เทียนหลง ทุกคนต่างรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาภายในใจ หอผู้คุมกฎ! ดูท่าท่านหัวหน้าตระกูลจะใช้กฎของตระกูลขึ้นมาจริงๆ แล้ว!
.................................
หอผู้คุมกฎแห่งตระกูลเย่
เย่เทียนหลงนั่งอยู่ ณ ตำแหน่งประธานอยู่เงียบๆ สีหน้าแสดงอาการซับซ้อนคล้ายกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ส่วนเย่เจี้ยนและเย่เชียงต่างแยกกันยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวา เหล่าผู้าุโแยกกันยืนอยู่สองข้าง เย่เทียนหลงไม่ปริปากพูดสิ่งใดทุกคนล้วนต่างไม่กล้าพูดสิ่งใดเช่นกัน ทำได้แค่เพียงสอดส่ายสายตาไปมาและใช้ความคิดอยู่ในหัวของตนเองเงียบๆ
“เย่เจี้ยน!” หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เย่เทียนหลงพลันเอ่ยปากพูดขึ้น
สายตาของเย่เจี้ยนปรากฏอารมณ์แปลกประหลาดชนิดหนึ่งขึ้น เดินออกไปก้าวหนึ่งแล้วพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านพ่อ!”
“เ้ารู้ความผิดหรือไม่?” เย่เทียนหลงยังคงพูดต่อ พูดคำที่เหล่าผู้าุโทั้งหลายล้วนฟังไม่เข้าใจ
“ความผิด?” ดวงตาของเย่เจี้ยนมีประกายตื่นตระหนกวาบผ่าน จากนั้นพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “หลายปีมานี้ลูกทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หวังสิ่งตอบแทน ลูกไม่รู้ว่ามีความผิดอะไร?”
“ถูกต้อง ท่านหัวหน้าตระกูล ท่านจ้าวเมืองเย่เจี้ยนหลายปีมานี้ทุ่มเททำงานให้ตระกูลอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทุกคนล้วนมองเห็นด้วยกันทั้งหมด จะมีความผิดได้อย่างไร?”
“ถูกต้อง พวกเราสามารถเป็พยานยืนยันให้ได้!”
คำพูดประโยคเดียวของเย่เทียนหลงทำให้เหล่าผู้าุโรู้สึกสงสัยด้วยความประหลาดใจ ต่างรีบพากันโค้งตัวลงอธิบายช่วยเย่เจี้ยน
เย่เทียนหลงกลับโบกมือขึ้นด้วยความรู้สึกอ่อนล้าในใจ ส่งสัญญาณบอกให้เหล่าผู้าุโทั้งหลายเงียบสงบลง นิ่งเงียบไปอีกสักพักจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง “พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าตระกูลเย่ของพวกเราทำไมถึงสามารถ หรือควรจะพูดว่าทั้งห้าตระกูลใหญ่ทำไมถึงสามารถดำรงอยู่มาได้นับพันปี? ทำไมถึงมีชื่อเสียงเกียรติยศอำนาจบารมีตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นอยู่ไม่ขาด?
“พวกเ้าคงอยากจะพูดว่า เพราะตระกูลเย่มีสัตว์อสูร ตระกูลอื่นก็มีสุดยอดเคล็ดวิชา แต่...ผิดถนัด พวกเราทั้งห้าตระกูลที่สามารถดำรงอยู่ได้มานับพันปีไม่ใช่ว่าอาศัยสุดยอดเคล็ดวิชาเหล่านี้ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราดำรงอยู่มาได้นับพันปีคือ ความสามัคคี...ใช่ พวกเ้าฟังไม่ผิดหรอก! มันคือ ความสามัคคี! ตระกูลๆ หนึ่งหากอยากดำรงอยู่พันปีหมื่นปีไม่ใช่อาศัยผู้ที่มีพลังฝีมือสูงล้ำ! พวกเ้าคิดว่าท่านจ้าวแห่งเขตปกครองที่ผ่านๆ มาแข็งแกร่งแค่ไหน? ไม่ต้องพูดถึงที่ผ่านมา พูดถึงท่านจ้าวแห่งเขตปกครองคนปัจจุบันหลงผี่ฟูเขาแข็งแกร่งแค่ไหน? พลังฝีมือระดับขั้นสูงสุดขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ คนเดียวสามารถประมือกับผู้าุโสูงสุดทั้งสองพร้อมกันได้อย่างสบาย แต่ว่าร้อยปีหลังจากนี้เล่า ลูกหลานของเขาจะสามารถสืบทอดตำแหน่งจ้าวแห่งเขตปกครองต่อจากเขาได้ไหม?
“ตระกูลๆ หนึ่งจะยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ไม่ใช่อาศัยแค่ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงล้ำเพียงคนเดียว แต่คือการอาศัยความสามัคคีของผู้มีพลังฝีมือสูงล้ำทั้งหลายรวมกัน ตระกูลเย่ของเราโชคดีที่ก่อตั้งขึ้นมาได้หลังจากผ่านมหาาวันดับสูญและดำรงอยู่มาจนถึงทุกวันนื้ อาศัยเหล่าบรรพบุรุษที่ต่อสู้ฝ่าฟันมา อาศัยพลังจิตใจสามัคคีในการสู้รบ ป้อมปราการภายนอกจะแข็งแกร่งปานใดก็ตามหากถูกโจมตีจากภายในย่อมพังทลายลงได้โดยง่ายเช่นกัน และในวันนี้พวกเ้าทำให้ข้าผิดหวังเป็อย่างมาก พวกเ้าสนใจเพียงแค่ผลประโยชน์เล็กน้อยส่วนตัวของตนเอง ละทิ้งกฎของตระกูล ละทิ้งคำสั่งสอนของเหล่าบรรพบุรุษ ต่อสู้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันขึ้นภายใน มิหนำซ้ำยังร่วมมือกับคนนอกมาจัดการกับคนในตระกูลของตนเอง! ข้าคิดว่าหากยังคงเป็อย่างนี้ต่อไป ไม่ถึงร้อยปีตระกูลเย่คงได้มลายหายไปจากสายธารแห่งประวัติศาสตร์ของทวีปัเพลิงอย่างแท้จริง...”
เย่เทียนหลงพูดจบทั่วทั้งร่างรู้สึกราวกับว่าแก่ขึ้นไปอีกเป็สิบปี นั่งเอาหลังพิงเก้าอี้ทองเหลืองอย่างรู้สึกเหนื่อยล้าและเศร้าสลด
“พวกข้าล้วนมีความผิด!”
เย่เจี้ยนและเย่เชียงต่างรีบคุกเข่าลงในทันที ใบหน้าล้วนดำคล้ำพูดออกมาด้วยเสียงที่เคร่งเครียด ภายในใจครุ่นคิดถึงความหมายที่แฝงอยู่ภายในคำพูดของเย่เทียนหลง
“ท่านพ่อ ลูกรู้ความผิดแล้ว เป็ลูกเองที่สั่งสอนลูกชายไม่ดีทำให้ทำผิดร้ายแรงถึงเพียงนี้ ลูกยินยอมลาออกจากตำแหน่งจ้าวเมืองเก็บตัวเพื่อสำนึกผิด” เย่เจี้ยนรู้ว่าเย่เทียนหลงวันนี้เดือดดาลอย่างแท้จริง ดวงตามีประกายแสงวาบผ่าน จากนั้นรีบพูดยอมรับความผิดด้วยตนเองและไม่ได้แก้ตัวใดๆ ให้แก่เย่ชิงขวงอีก
ปัง!
เย่เทียนหลงได้ยินคำที่เย่เจี้ยนพูดออกมาไม่เพียงไม่รู้สึกปลาบปลื้มยินดี แต่กลับยิ่งทำให้เขาโกรธเป็ฟืนเป็ไฟขึ้นยิ่งกว่าเดิม สะบัดมืออกไปครั้งหนึ่งพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งที่มองไม่เห็นกระแทกไปยังหน้าอกของเย่เจี้ยน ทำให้เขากระเด็นลอยปลิวออกไปชนเข้ากับกำแพงแล้วสะท้อนกลับมาอีกครั้ง
“ยังจะมาเล่นลิ้นอยู่อีก? สิบปีก่อนที่เย่เตาถูกจักรพรรดิปีศาจสี่ตนโจมตีทีู่เาสุสานทวยเทพจนาเ็เสียชีวิต เ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเป็เ้าที่แอบปล่อยข่าวบอก? วันนี้เื่ของเย่ชิงหานแม้ข้าจะยังไม่รู้กระจ่างชัดทุกอย่าง แต่เ้าสั่งคนให้ปิดล้อมูเาด้านหลังไว้ เย่ชิงหานจะพบข้าทำไมเ้าต้องขัดขวางด้วย? ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของเ้า เย่หรงก็คงไม่ตาย? หากไม่ใช่เพราะเ้า เด็กสาวที่มีร่างหยกิญญาที่ร้อยปียากจะพานพบจะโกรธแค้นจนเลือกเซ่นสังเวยิญญารึ? หากไม่ใช่เพราะเ้า เย่ชิงหานจะตัดขาดเยื่อใยจากตระกูลรึ? หากไม่ใช่เพราะเ้า สถานการณ์ทั้งหมดจะมาถึงจุดที่ยุ่งยากจนเกินจะแก้ไขขนาดนี้รึ? มันเป็เพราะไอ้คนหน้าโง่อย่างเ้าที่ทำให้ตระกูลต้องสูญเสียผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิไปคนหนึ่ง สูญเสียผู้ที่มีร่างหยกิญญา และเกือบจะสูญเสียผู้ที่เป็ความหวังนำพาตระกูลให้เจริญรุ่งเรืองไป”
“ท่านพ่อ...ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องให้โอกาสข้าอีกสักครั้งเถอะ!” มองเห็นสายตาที่เ็าของเย่เทียนหลงเต็มไปด้วยความผิดหวังและความเสียดายอย่างเ็ป ได้ยินเย่ทียนหลงพูดความลับที่ตนเก็บซ่อนปกปิดไว้ภายในส่วนลึกก้นบึ้งของดวงใจของเขามาอย่างยาวนานออกมา เย่เจี้ยนในตอนนี้รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาภายในใจ พยุงตัวขึ้นมาคุกเข่ากระแทกลงบนพื้นอย่างแรงทั่งร่างสั่นเทิ้ม เขารู้ดีว่าหากยังทำอะไรผิดพลาดอีกวันนี้บิดาต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน
เย่เชียงที่ยืนอยู่ข้างๆ ััได้ถึงไอสังหารเบาบางที่แผ่ออกมาจากเย่เทียนหลง เขารีบร้อนคุกเข่าลงด้วยความตื่นใ “ท่านพ่อ โปรดให้โอกาสพี่ใหญ่อีกสักครั้งเถอะ! ท่านก็พูดแล้วว่า ผลประโยชน์ของตระกูลต้องมาก่อน!”
เหล่าผู้าุโต่างมองตากัน จากนั้นจึงคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง “ขอให้ท่านหัวหน้าตระกูลโปรดให้โอกาสแก่เย่เจี้ยนอีกสักครั้ง พวกข้าทั้งหมดล้วนรู้ความผิดแล้ว!”
เย่เทียนหลงจมดิ่งเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ผ่านไปเนิ่นนานจึงค่อยโมกมือพร้อมกับพูดขึ้น “เมื่อสิบปีก่อน ข้าเคยให้โอกาสเ้าไปแล้วครั้งหนึ่ง คำพูดของข้าแม้จะคลุมเครือแต่คิดว่าเ้าคงจะไม่โง่เขลาขนาดที่จะฟังไม่ออก ตอนนี้พวกเขาล้วนขอร้องแทนเ้าข้าก็จะให้โอกาสเ้าอีกครั้ง เ้าจงไปยังผาสำนึกตนทีู่เาด้านหลัง หากไม่สามารถฝึกฝนให้บรรลุถึงระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ห้ามออกมาเด็ดขาด...ข้าขอเตือนเ้าด้วยความจริงใจ ระดับขอบเขตาาจักรพรรดิเป็การฝึกจิตเพื่อให้ััรับรู้ได้ถึงวิถีแห่ง์ หากจิตใจเ้ายังคงยึดติดกับความเคียดแค้นอยู่ ชั่วชีวิตคงต้องแก่ตายภายในูเาอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณท่านพ่อ เย่เจี้ยนทราบดี!” เย่เจี้ยนก้มหัวโขกลงไปบนพื้นครั้งหนึ่งก่อนจะหมุนตัวจากไป เขาออกเดินด้วยจังหวะก้าวเดินกระโผลกกระเผลก สีหน้าอาการเหม่อลอยเหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่และกำลังเสียใจต่ออะไรบางอย่าง
มองดูจังหวะก้าวเดินกระโผลกกระเผลกของเย่เจี้ยน ทุกคนต่างนิ่งเงียบกันลงอีกครั้ง พวกเขารู้ว่าเย่เทียนหลงเรียกพวกเขาทั้งหมดมาที่หอผู้คุมกฎ เขาจะต้องะเิอารมณ์ใส่ใครสักคนอย่างแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะะเิออกมารุนแรงถึงเพียงนี้ ถึงกับออกคำสั่งกักขังเย่เจี้ยน ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์! ระดับขอบเขตปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ว่าจะสามารถบรรลุได้ง่ายๆ เย่เจี้ยนอาจจะแก่ตายไปในูเานั้นเลยจริงๆ ก็เป็ได้
ดวงตาของเย่เทียนหลงก็มืดมนลงเช่นกัน แต่ก็ต้องฝืนบังคับตนเองให้เข้มแข็งขึ้นมา “ไปนำตัวเย่ชิงขวงมาเดี๋ยวนี้”
เย่ชิงขวงถูกคนหามเข้ามา ทั้งเอวทั้งท้องน้อยถูกพันด้วยผ้าสีขาวใบหน้าซีดเผือด เมื่อเข้ามาถึงหอผู้คุมกฎเขาก็รีบร้องะโออกมาในทันที “ท่านปู่ ท่านต้องช่วยจัดการกับเย่ชิงหานให้ข้าด้วย มันลอบโจมตีข้า มันทำลายวรยุทธ์กว่ายี่สิบปีที่ข้าฝึกฝนมา ท่านจะต้องฆ่ามันแทนข้าให้ได้”
แม้จะถูกหามออกไปรักษาอาการาเ็ เขาก็ได้รู้ข่าวจากคนของเขาว่าเย่ชิงหานยังไม่ตาย แต่ถูกเย่ชิงหนิวพาตัวไป ดังนั้นเมื่อเห็นเย่เทียนหลงจึงรีบร้องขึ้น เพียงแต่เขาไม่รู้เท่านั้นเองว่าบิดาของเขาก็เพิ่งถูกซัดกระเด็นออกไปและถูกกักบริเวณอยูู่เาด้านหลัง คาดว่าชั่วชีวิตคงไม่ได้ออกมาแน่
เพียะ!
เป็ดั่งที่คิดไว้ คำตอบที่ตอบกลับมามีเพียงฝ่ามือที่หนักหน่วงเพียงเท่านั้น เย่เทียนหลงไม่อยากแม้แต่ที่จะฟังคำอธิบายจากเขา โบกมือแล้วพูดขึ้น “เย่เทียนชิงเ้ารับ่ต่อทำการไต่สวน หากตรวจสอบทุกอย่างชัดเจนแล้วก็ดำเนินการตามกฎของตระกูล นำตัวเขาออกไป!”
เย่ชิงขวงมองดูใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเ็าของเย่เทียนหลงอย่างตื่นตระหนกหวาดกลัว ท่านปู่ในความทรงจำของตนเองไม่ใช่แบบที่เห็นในตอนนี้ เขาดิ้นรนขัดขืนเพื่อให้หลุดจากอุ้งมือของเย่เทียนชิงพร้อมกับร้องขึ้นด้วยความเศร้าเสียใจ “ท่านปู่ ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้ข้ากลายเป็คนธรรมดาคนหนึ่งไปแล้ว ท่านยังจะใช้กฎของตระกูลมาลงโทษข้าอีก? จิตใจของท่านช่างอำมหิต ช่างอำมหิตจริงๆ...!” เย่เทียนหลงไม่ได้หันกลับไปมองเย่ชิงขวงอีก สายตามองลอดผ่านประตูใหญ่หอผู้คุมกฎออกไปยังูเาลูกสีเขียวที่อยู่ห่างไกลออกไป “ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดพลาดของตนเอง วรยุทธ์ไม่มียังสามารถฝึกฝนใหม่ได้ แต่หากจิตใจเ้ายังเป็อยู่แบบนี้ เ้าก็จะเป็คนไร้ค่าเช่นนี้ไปตลอดกาล ต่อไปหากเ้ายังไม่รู้จักสำนึกละก็ ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยมีหลานเช่นเ้าคนนี้อยู่”
ความไร้จิตใจและวิธีการที่เด็ดขาดของเย่เทียนหลงทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอีกครั้ง ัใหญ่แม้จะนอนจำศีลมาเป็เวลาหลายปี แต่เมื่อถูกทำให้ตื่นขึ้น สิ่งที่ผู้คนต้องเผชิญก็คือไฟแห่งความเกรี้ยวกราดและพลังอานุภาพของัที่จะทำลายทุกสิ่งอย่าง ูเาที่อยู่ด้านหลังตระกูลเย่ความจริงแล้วไม่ใชู่เาทั้งลูก แต่เป็เพียงแค่หุบเขาที่อยู่ในตีนเขาอีกทีหนึ่ง ภายในหุบเขามีทะเลสาบ ข้างทะเลสาบมีหมู่ตึกที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายๆ อยู่ไม่กี่ตึก
ภายในตึกแห่งหนึ่งเย่ชิงหนิวมือข้างหนึ่งแตะอยู่บนหน้าผากของเย่ชิงอวี่ เขาอยู่ในอาการสงบนิ่งไม่ปริปากใดๆ สีหน้าแสดงออกถึงความเคร่งเครียดขึ้น ข้างๆ มีเย่ชิงหานที่นอนหลับสนิทอยู่ รวมถึงเย่ชิงอู่ที่จ้องมองดูอย่างใจจดจ่อด้วยความเป็ห่วงกังวล
ผ่านไปเนิ่นนาน เย่ชิงหนิวค่อยถอนหายใจยาวออกมาคราหนึ่ง ลืมตาทั้งสองข้างที่ปิดอยู่ขึ้น
“ท่านปู่ เป็อย่างไรบ้าง? เย่ชิงอวี่พอมีทางช่วยเหลือบ้างไหม?”
เมื่อก่อนเย่ชิงอู่ไม่ได้สนใจเด็กสาวที่ดูอ่อนแอและบอบบางคนนี้เท่าใดนัก และแทบจะไม่เคยได้พบเจอนางเลย แต่ในสวนเมามายเด็กสาวคนนี้เพื่อพี่ชายแล้วยอมเผาิญญาของตนเองเพื่อเซ่นสังเวยอย่างไม่มีอาการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น มันเป็ภาพที่ะเืใจนางเป็อย่างมาก ยอมตายเพื่อคนที่รัก คำพูดเช่นนี้คิดว่าใครก็สามารถพูดได้ แต่หากเกิดขึ้นจริงจะมีสักกี่คนที่กล้าตัดสินใจทำ? กล้าตายไปพร้อมกับรอยยิ้มเช่นนี้?
ด้วยเหตุนี้นางจึงเริ่มชอบเด็กผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทั้งยังยอมรับนับถือนางจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างแท้จริง เมื่อเย่ชิงหนิวนำตัวสองพี่น้องมายังูเาด้านหลัง ไม่ว่าเป็ตายอย่างไรนางก็จะขอตามมาด้วยให้ได้
“โชคยังดีที่นางมีคุณสมบัติพิเศษทางร่างกายทำให้ถึงตอนนี้นางยังไม่ตาย” เย่ชิงหนิวถอนหายใจออกมามีสีหน้าซับซ้อน “แต่โชคไม่ดีที่ิญญาของนางถูกเผาไหม้จนเกือบจะหมด ชีวิตของนางคงอยู่ได้อีกไม่นาน”
“แล้วตกลงว่าช่วยได้หรือไม่ได้เล่า?” เย่ชิงอู่ทำตาโตรีบร้อนถามขึ้นด้วยความขัดเคือง
เย่ชิงหนิวกลัวหลานสาวสุดที่รักจะไม่พอใจจึงรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ช่วยได้! แต่ตระกูลเย่ไม่มีความสามารถที่จะช่วยนางได้!”