อยู่ๆ หลินลั่วหรานก็เอ่ยถามทำเอาเหวินกวนจิ่งใขึ้นมา
จากข้อมูลของเธอ แม้ว่าจะเป็เพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งแต่เมื่อรวยขึ้นมาก็ไม่ได้มีความหยิ่งยโสแต่อย่างใด แต่กลับใช้ชีวิตอย่างรอบคอบนี่มันเป็เพราะอะไรกันนะ?
แต่เมื่อได้ยินหลินลั่วหรานถามกลับแบบนั้น เหวินกวนจิ่งก็ไม่ได้มีอะไรจะปิดบังมีกำลังอย่างไรก็ไม่สู้เท่ากลอุบาย แต่ถ้าหากว่าพละกำลังต่างกันมากในเวลาที่ตัวเองเป็เพียงมดตัวน้อยในสายตาของคนอื่น กลอุบายก็ไม่อาจจะสู้การบุกตรงเข้าไปแล้ว ประเทศจีนในตอนนี้ หากมองลงมาจากการฝึกศาสตร์ระดับรวมพลังแล้ว ใครๆต่างก็เป็เพียงมดเท่านั้น ไม่อาจจะโต้เถียงอะไรได้
ดังนั้นเหวินกวนจิ่งจึงไม่เสียเวลาคิดแม้แต่หนึ่งนาทีก็จัดการพูดแผนที่คุยกันในหน่วยเมื่อคืนออกมา
“หลังจากนี้ครึ่งเดือนในคืนเบอร์มิวดาอยากจะเชิญให้ท่านอาจารย์ของคุณหลินมาช่วยน่ะครับ”
“คืนเบอร์มิวดา” ดูเหมือนว่าจะเป็ชื่อเรียกที่ทุกคนต่างก็รู้กันพวกเหวินกวนจิ่งไม่ได้รู้เลยว่า หลินลั่วหรานเพียงแต่แค่โชคดีก็เท่านั้นแม้แต่สถานการณ์ของโลกการฝึกศาสตร์เอง เธอก็ไม่ได้เข้าใจมากนักดังนั้นอย่าได้พูดถึงความลับเหล่านี้เลย
ส่วนเื่การเชิญ “อาจารย์” ของเธอมาช่วยนั้น โอเคฉันจะไปเปลี่ยนเป็อาจารย์ออกมาได้อย่างไร นี่คงจะต้องปฏิเสธจริงจังแล้วล่ะ
ไม่ได้...บนโลกนี้ไม่มีกำแพงอะไรที่กันลมได้หมด หากเป็คำโกหกแล้วต่างก็มีโอกาสที่จะถูกเปิดโปงทั้งนั้น หลินลั่วหรานอยากจะออกปากปฏิเสธแทน “อาจารย์” คนนั้นของเธอ แต่ครั้งหน้าล่ะแล้วครั้งหน้าไปอีกล่ะ จะทำอย่างไร? อาจารย์ที่ไม่มีแม้แต่เงาของเธอคงจะไม่ดีแน่หลินลั่วหรานหรี่สายตาลง ก่อนที่ความคิดหนึ่งจะลอยเข้ามาในหัว
“คุณเหวินพูดอะไรคะฉันไม่เข้าใจ เื่นี้ฉันคงทำไม่ได้หรอกดูเหมือนว่าคำเชิญของหน่วยงานของคุณ ฉันคงจะทำไม่ได้หรอก” เธอไม่ได้พูดถึงอาจารย์ลึกลับของเธอ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธซึ่งๆ หน้าการอ้างเหตุผลไปเรื่อยแบบนี้ เป็วิธีที่ทำให้คนมองข้ามไปได้ง่ายที่สุด
หลินลั่วหรานคิดว่าเหวินกวนจิ่งได้ยินแบบนี้แล้วจะถอดใจไปใครจะไปรู้ว่าพวกเขาคิดว่าอาจารย์ของเธอเป็นักปราชญ์ระดับรวมพลังที่ประสบความสำเร็จมาถ้าหากหลินลั่วหรานตอบรับว่าจะช่วยเชิญอาจารย์มาให้ ก็อาจจะมีคนสงสัยว่าจริงหรือไม่ ถ้ารู้สึกเหตุผลของหลักธรรมชาติในตอนนี้แม้จะเป็ผู้าุโที่อยู่ในระดับพื้นฐาน ไม่ได้ลงมือทำอะไรต่างก็พากันหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ การสกัดพลังทำได้ยากไม่ใช่เื่ที่มือใหม่ที่ต้องพึ่งไข่มุกอย่างหลินลั่วหรานจะสามารถทำได้ยิ่งอย่าได้พูดถึงนักปราชญ์ระดับรวมพลังเลย หากลงแรงมา แม้ว่าจะมีพลังมากแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไร ถึงจะสามารถเติมพลังที่เสียไปกลับมาได้หรือสรุปง่ายๆ ก็คือได้ไม่คุ้มเสียนั่นเอง
ส่วนเื่การเชื้อเชิญของเหวินกวนจิ่งเขาไม่ได้คิดว่ามันจะสามารถเชิญผู้าุโระดับรวมพลังมาได้เพียงแต่ถ้าสามารถติดต่อกับหลินลั่วหรานได้ล่ะก็ไม่ช้าก็เร็วความสัมพันธ์ก็จะค่อยๆ ขยับเข้ามาหากันได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ดังนั้นเมื่อได้รับคำตอบที่้าแล้ว เหวินกวนจิ่งจึงหรี่ตาลง “คุณหลิน คืนเบอร์มิวดานั้นในหนึ่งร้อยปีจะมีเพียงครั้งเดียวคุณจะไม่ลองไปวัดดวงดูสักหน่อยเหรอ? ถ้าดวงดีล่ะก็อาจจะได้ร่องรอยสมบัติของรุ่นก่อน เื่ตำราการฝึกพลังยิ่งไม่ต้องพูดถึงหรือหากโชคดีมากๆ ได้พบกับยาวิเศษเข้าก็สามารถลดระยะเวลาในการฝึกลงไปได้อีกหลายปีเลยไม่ใช่เหรอ?
ยาวิเศษเหรอ? หลินลั่วหรานมีพื้นที่ลึกลับอยู่ในมืออยากได้สมุนไพรอายุเก่าแก่เท่าไรก็สามารถปลูกขึ้นมาได้แต่เื่การฝึกพลัง...เพียงได้ยิน หลินลั่วหรานก็ใจเต้นระรัว
“เงื่อนไขล่ะ?” ฟังจากน้ำเสียงของเหวินกวนจิ่งพูดดูเหมือนว่าที่นั่นมีของวิเศษดีๆแต่หลินลั่วหรานกลับไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีเื่ดีๆ แบบนั้นหากมีที่แบบนั้นอยู่จริง พวกเขาคงจะส่งคนไปเฝ้า ส่วนตัวเองก็นั่งเสวยสุขไปแล้วต้องโง่มากเท่านั้นแหละ ถึงจะอยากเพิ่มคนเข้าไป เธอไม่เคยเห็นเหวินกวนจิ่งยิ้มมาก่อนในเวลานี้เขากลับดูเหมือนจิ้งจอกตัวหนึ่ง มันคงไม่ใช่เื่ดีนักหรอก!
เหวินกวนจิ่งฉีกปากกว้างขึ้น “พวกเราต่างถอยกันไปคนละก้าวเราจะไม่บังคับให้คุณหลินเข้าร่วม หวังว่าคุณหลินจะยอมถอยไปสักก้าวแล้วเราก็มาคอยช่วยเหลือกันเป็ไงครับ? อย่างเช่นคืนเบอร์มิวดาที่จะถึงนี้หวังว่าคุณหลินจะสามารถมาร่วมเป็แรงหนึ่งให้กับหน่วยของเราได้ในเวลาที่เรากำลังเดือดร้อน เพียงยื่นมือเข้ามาช่วยก็เพียงพอแล้ว”
เอ๋ ต่างฝ่ายต่างช่วยกันเหรอ เป็ข้อเสนอที่ดีนี่
หลินลั่วหราน้าเส้นทางที่จะได้เข้าไปใกล้โลกแห่งศาสตร์ให้มากขึ้นเส้นทางนี้เป็ทางที่ดีที่สุด ไม่ต้องเข้าไปใกล้ชิดจนมากเกินไป
ต้องรักษาการโดดเดี่ยวของตัวเองเอาไว้ข้อเสนอนี้ของเหวินกวนจิ่งตอบสนองความ้าของเธอได้เป็อย่างดี
เหวินกวนจิ่งมองดูท่าทางแล้ว เห็นว่าหลินลั่วหรานเหมือนจะเริ่มใจเต้นขึ้นมาบ้างก็ใส่ไฟเข้าไปอีก “สิ่งที่ได้มาในคืนเบอร์มิวดาไม่ว่าจะเป็ตำราฝึก อุปกรณ์เวท หรือยาวิเศษอะไรก็ตาม สิ่งที่คุณหลินหามาได้ก็จะเป็ของคุณทั้งหมด และก็ได้สิทธิ์ในการเลือกและแลกเปลี่ยนของในหน่วยก่อนแบบนี้เป็ไงครับ?”
เป็อย่างไร? ยังจะต้องเป็ยังไงอีกเหรอไม่ว่าหน่วยงานพิเศษจะบ้าไปแล้วหรือไม่ สำหรับหลินลั่วหรานแล้วต่างก็เป็การเจรจาแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้มีความยุ่งยากอะไรเลย
“คุณเหวิน มันคงจะไม่สุภาพหากจะไม่รับความหวังดีของคุณไว้ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะ!”
เธอพูดพร้อมกับยื่นมือออกไป เหวินกวนจิ่งยกรอยยิ้มขึ้นมามือทั้งสองจับเข้าหากัน “ขอให้การร่วมมือเป็ไปได้ด้วยดี!”
เมื่อผู้บังคับบัญชาฉินเห็นว่าปัญหาไม่ลงรอยของหลินลั่วหรานและหน่วยพิเศษสามารถปรับเข้าหากันได้แล้วเขาก็รู้สึกดีใจ สุดท้ายเพื่อที่จะแก้แค้นให้เป่าเจียหลินลั่วหรานถึงได้ยุ่งเกี่ยวกับหน่วยพิเศษ คนในตระกูลฉินอย่างเขาคงไม่อาจจะนั่งมองอยู่เฉยได้ ในเวลานี้ก็ต่างดีใจขึ้นมา พร้อมกับวางใจลงได้
เื่ของเหวินกวนจิ่งตอนนี้ได้รับการประนีประนอมแล้วแต่หลินลั่วหรานยังไม่ได้ผ่อนคลายลงเสียทั้งหมดแต่กลับหันหน้าไปหาคนที่เอาแต่เงียบไม่ส่งเสียงใดๆ อย่างมู่เทียนหนาน “คุณชายมู่ คนมีระดับอย่างคุณคงมีเื่ยุ่งมากมายคงจะไม่ได้ตามคุณเหวินมาเพื่อดูอะไรสนุกๆ ใช่ไหม?” ดูจากท่าทางของมู่เทียนหนานแล้วอาการาเ็ครั้งก่อนน่าจะดีขึ้นแล้ว หรือว่าแผลหายแล้วก็เลยลืมเจ็บเลยมาก่อกวนเธออีก?
หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาในใจ ถ้าหากว่าครั้งนี้เขาพูดจาดีๆเธอก็จะไม่ถือสาอะไร แล้วชดใช้เื่เมล็ดโสมให้ ก่อนหน้านี้เธอไม่เข้าใจว่าคนธรรมดาๆอย่างมู่เทียนหนานจะมีปัญหาอะไรกับเมล็ดโสมที่เต็มไปด้วยพลังเ่าั้มากนักแต่หลังจากผ่านเื่ “หยกพลัง” มาแล้ว และได้รู้เื่ความสัมพันธ์ของมู่เทียนหนานและเหวินกวนจิ่งหลินลั่วหรานก็คิดว่ามู่เทียนหนานจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับคนทางด้านนี้อย่างแน่นอนการที่เขาอยากจะหาเมล็ดโสมกลับไป อีกทั้งยังคอยตามหาหยกที่มีพลังแบบนั้น บางทีอาจจะมีอะไรรีบใช้หรือเปล่า?
เมื่อได้ยินหลินลั่วหรานถามแบบนั้น มู่เทียนหนานก็ไอออกมาอ้อมแอ้มครั้งก่อนที่แอบเข้าไปในห้องของเธอ จนถูกต่อยมาหมัดหนึ่งนั้นเดิมทีเขาก็เกลียดแสบหลินลั่วหรานอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่าพลังที่อยู่ในมัดนั้นพลังในตัวของเขาไม่อาจจะทำอะไรมันได้เลย เ็ปทรมานไปกว่าสองวันแล้ว ก็ยังไม่พอและไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็ต่อไปจนถึงเมื่อไรมู่เทียนหนานได้แต่หอบหน้ากลับมาที่เมืองหลวงเพื่อบอกเื่ที่หลินลั่วหรานอาจจะเป็ผู้ฝึกศาสตร์
พ่อของเขาเอาแต่บอกว่า เขาโชคดีมากที่ยังรอดกลับมาได้อีกทั้งยังเอาแต่ด่าว่าเขาเป็ไอ้โง่ แต่เมื่อนึกถึงใจเขาใจเราหากลูกสาวของเขาถูกย่องเข้าห้องแบบนี้ไม่ถูกต่อยให้ตายก็ถือว่าผู้ชายคนนั้นโชคดีมากแล้ว
แต่เมื่อนึกถึงจุดมุ่งหมายที่มาในวันนี้ มู่เทียนหนานก็ยกยิ้มขึ้นมาแต่กลับไม่ได้ทำเื่ยกยออะไร รอยยิ้มของเขาค่อยๆถูกยกขึ้นจนดูประหลาดเสียมากกว่าหนังสยองขวัญอีก
“โจร...คุณหลิน ความจริงก็มีเื่อยากจะคุยกับคุณ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้