บริเวณพื้นที่ว่างข้างประตูเมืองเยี่ยนในระยะหลายสิบลี้ มีเสียงกรนดังออกมาจากเพิงหลายหลัง
ชายฉกรรจ์หลายร้อยคนที่มาสร้างกำแพงเมืองนอนสะเปะสะปะอยู่บนเพิงไม้ที่มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา
งานตอนกลางวันค่อนข้างหนักทำให้พวกเขาเหนื่อยจนล้า ต่อให้มีฟ้าผ่าลงมาตอนนี้ก็คงไม่ได้ยิน
รุ่งเช้าเสียงฆ้องกระชั้นถี่ดังขึ้นบริเวณเพิงไม้ ผู้ดูแลคนงานร่างอ้วนถือฆ้องและเคาะเสียงดัง เพื่อปลุกชายฉกรรจ์ที่กำลังหลับฝันหวาน “ตื่นไปทำงานได้แล้ว!”
งานสร้างกำแพงเมืองอันหนักหน่วงของวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว หลี่ซานและหลี่สือปีนกำแพงขึ้นไปพร้อมกับทุกคน
“พี่ใหญ่ สวมหมวกนิรภัยด้วย” หลี่สือนำหมวกที่หลานสาวทำให้ไปสวมให้หลี่ซานเฉกเช่นทุกวัน จากนั้นจึงใช้มือทั้งสองลูบท้องที่แบนราบของตน พูดเบาๆ ว่า “ข้าหิวแล้ว”
หลี่ซานมองไปยังลูกพี่ลูกน้องของตนด้วยสายตาปกติ กล่าวเสียงอ่อยว่า “พวกเราทำงานกันก่อน ทำงานหนึ่งชั่วยามก็ได้กินข้าวเช้าแล้ว”
หลี่สือก้มหน้าบ่นพึมพำ “ข้าวเช้าไม่พอกิน กินไม่อิ่ม”
“ทนหน่อย อีกไม่กี่เดือนพวกเราก็ได้กลับไปกินข้าวที่บ้านแล้ว” หลี่ซานอยากบอกลูกพี่ลูกน้องของตนหลายครั้งแล้วว่า ไม่จำเป็ต้องทำงานสุดกำลัง การใช้พลังกายอย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้จะทำให้หิวง่าย แต่ทุกครั้งที่เห็นสายตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาราวเด็กน้อยของลูกพี่ลูกน้องก็พูดอะไรไม่ออก
สองพี่น้องสวมหมวกนิรภัยตามทุกคนไปทำงาน และถูกทุกคนหัวเราะเยาะเช่นเดิม
“เอาหม้อมาสวมหัวเช่นนั้น ร้อนหรือไม่ เหนื่อยหรือไม่”
“หลี่สือโง่งม หลี่ซานก็โง่ตามน้องเขาไปด้วย!”
“ไปทำงานให้หมด ทำงานเสร็จแล้วจะได้กินหมั่นโถว!” ผู้คุมงานร่างอ้วนยืนะโอยู่บนที่สูง สายตามองไปยังหมวกนิรภัยของสองพี่น้อง อดหัวเราะเย้ยหยันไม่ได้ ในใจคิดว่าเป็ไอ้โง่สองตัวจริงๆ
จ้าวหู่ ชายหนุ่มผู้มีร่างผอมราวกับต้นไผ่ แบกก้อนหินขนาดใหญ่ไว้บนหลัง เดินหอบขึ้นบันไดโดยมิได้ใช้มือประคอง จู่ๆ เท้าก็เหยียบเข้ากับอากาศ ทำให้ก้อนหินกลิ้งออกจากหลัง
ก้อนหินขนาดใหญ่หนักร้อยกว่าชั่งร่วงลงมาจากอากาศด้วยความสูงประมาณสามจั้ง กระแทกลงบนกองก้อนหินที่กองรวมกันอยู่บนพื้นพอดี
เสียงกระแทกดังสนั่น ก้อนหินก้อนใหญ่แตกกระจายเป็หลายชิ้น ก้อนหินที่ถูกกระแทกก็แตกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษก้อนหินจำนวนมากกระเด็นไปทั่วบริเวณ
คนกลุ่มใหญ่ที่กำลังยืนอยู่ข้างกองก้อนหิน เพื่อเตรียมเลือกก้อนหินสำหรับแบกขึ้นไปบนกำแพง มีสิบกว่าคนที่ถูกเศษก้อนหินปลิวมากระแทก สองคนในนั้นถูกกระแทกเข้าที่ศีรษะทำให้เืไหลไม่หยุดและสลบไปทันที
“อ่า!”
“ช่วยด้วย!
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
คนสิบกว่าคนที่ได้รับาเ็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าอนาถ สถานที่ก่อสร้างพลันสับสนอลหม่าน
หลี่ซานอยู่บนกำแพง มองไปยังลูกพี่ลูกน้องปัญญาอ่อนของตนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสถานที่เกิดเหตุ อีกฝ่ายกำลังร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนก ทำให้เขาใจนะโลั่น “เ้าก้อนหิน!” เขาะโเรียกชื่อเล่นของลูกพี่ลูกน้องผู้โง่งมอย่างร้อนใจ
“พี่ใหญ่ ฮือ... ข้าถูกหินกระแทกหัว ฮือ... หินก้อนนั้น” หลี่สือใจนร้องไห้เหมือนเด็กน้อย ขาก็ทั้งถีบทั้งเตะไปยังก้อนหินบนพื้นที่กระเด็นมากระแทกศีรษะของเขาก่อนหน้านี้ ก้อนหินนั้นมีขนาดเท่ากับลูกแพร์
หลี่ซานรีบวิ่งลงมา จ้องไปยังหมวกนิรภัยของหลี่สือ ถามอย่างกังวลว่า “เ้าเจ็บหัวหรือไม่”
“ไม่เจ็บ อ้อ... เมื่อครู่ก้อนหินกระเด็นมาถูกหมวกนิรภัยทำให้หัวของข้าสั่นเล็กน้อย” หลี่สือน้ำตาคลอเบ้า ยกมือทั้งสองขึ้นลูบศีรษะ ที่แท้ก็ไม่เจ็บ เขาจึงหยุดร้องไห้
หลี่ซานรีบพูดว่า “รีบถอดหมวกนิรภัยออกเถิด ดูหน่อยว่าเืไหลหรือไม่”
หลี่สือส่ายหน้า “นี่เป็สถานที่ก่อสร้าง ห้ามถอดหมวกนิรภัย ข้าต้องฟังคำพูดของหรูอี้ ท่านก็ต้องฟังคำพูดของหรูอี้ด้วย”
หลี่ซานมองไปยังหมวกนิรภัยของหลี่สืออย่างละเอียด พบว่าหมวกบริเวณด้านซ้ายยุบลงไปเล็กน้อย และก้มดูก้อนหินที่มีขนาดใหญ่เท่าลูกแพร์อีกครั้ง พบว่าหากก้อนหินนี้กระแทกลงบนศีรษะคนโดยตรง จะต้องมีเืไหลออกมาอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นพลันรู้สึกหวาดผวาขึ้นมา รีบดึงตัวของอีกฝ่ายเดินห่างออกไปให้ไกล
หลี่สือเห็นว่าตนอยู่ห่างจากสถานที่ก่อสร้างมาประมาณยี่สิบจั้งแล้ว จึงยอมถอดหมวกนิรภัยออก
“หากเจ็บก็บอก” หลี่ซานสำรวจศีรษะด้านหนึ่งของหลี่สือ พบว่าไม่มีเืไหล จากนั้นจึงจับศีรษะให้หันไปอีกด้านหนึ่ง
หลี่สือเม้มปากแน่น หรี่ตาคล้ายกับสุนัขตัวน้อย ปล่อยให้หลี่ซานนวดศีรษะให้
“น้องรอง หัวของเ้าไม่ได้เป็อะไร ไม่ต้องกลัว”
หลี่สือพูดอย่างอัดอั้นตันใจ “พี่ใหญ่ ข้าคิดถึงพี่สะใภ้ หรูอี้ และพวกเจี้ยนอัน เมื่อคืนข้าฝันเห็นพวกเขาด้วย ข้าอยากกลับบ้าน”
หลี่ซานตบไหล่หนาของหลี่สือ “ข้าก็คิดถึงบ้าน แต่อีกไม่นานพี่สะใภ้ของเ้าจะคลอดลูกแล้ว ที่บ้าน้าเงิน ข้าจะกลับไปโดยไม่มีเงินไม่ได้”
ชายวัยกลางคนหน้าดำคนหนึ่งวิ่งเข้ามา วิ่งไปพลางะโว่า “พี่น้องหลี่ หมอที่ผู้ตรวจการเรียกมาถึงแล้ว เ้ารีบพาน้องชายไปตรวจดูเถิดว่า ศีรษะถูกกระแทกจนาเ็หรือไม่”
.......................................