ชายผู้เป็เพียงอดีตเขยสกุลเยี่ย ปากเอ่ยว่าเจียลี่เป็สาวเป็แซ่ ควรระมัดระวังตนให้มากอย่างกุลสตรีพึงกระทำ กลับยอมให้นางค้างแรมในห้องรับรองแขก กระทั่งเขาสร่างเมาจากฤทธิ์ข้าวฟ่างแดงหมักในรุ่งเช้า แลเห็นนางรีบกลับบ้านไปช่วยขายผ้าในตลาดเช่นเดิม จึงส่งคนไปแจ้งข่าวแก่บิดามารดาของนางว่านางมาเหยียบเรือนท่านอาขี้เมาในยามวิกาล
ถึงนางจะไปมาหาสู่ด้วยความหวังดี เกรงว่าท่านอาอาจได้รับอันตรายจากฟืนไฟ อาจเมามายสุราจนถึงแก่ชีวิตในที่พักอาศัยลำพัง นางก็เป็บุตรสาวพ่อค้าขายผ้าที่มีชื่อเสียง มีหน้ามีตาในวงศ์ตระกูลขุนนาง คนในราชสำนักแห่กันมาซื้อผ้า สั่งอาภรณ์ซึ่งถักทอจากช่างฝีมือดีของบ้านสกุลเยี่ย
สกุลเยี่ยล้วนมีลูกหลานเป็หญิงสาวหน้าตาสะสวย อาจทำให้ชื่อเสียงหวังเฟยมัวหมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหนุ่มน้อยใหญ่ล้วนหาข้ออ้างมาพบพวกนาง แม้อาจทำได้เพียงชะโงกคอมองด้านหน้าร้านขายผ้า
ชาวบ้านในเมืองพูดกันปากต่อปากว่า ‘ลี่จิ่น’ บุตรสาวคนเล็กสกุลเยี่ย เมื่อครั้งยังเป็สาวสะพรั่งอายุครบสิบห้าปี สามารถเข้าร่วมการคัดสรรสาวงามเพื่อเข้าวังไปเป็นางสนมได้ ทว่านางแสนดื้อรั้นไม่ฟังผู้ใด นางไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง รักสำราญและชอบทำอะไรตามใจตน ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้สร้างปัญหาให้กับสกุลเยี่ยเหมือนพี่สาวอย่าง ‘จินเยว่’ ซึ่งอยู่มาวันหนึ่งก็ตั้งครรภ์กับชายยากจนไร้สกุล หลังคลอดบุตรและเลี้ยงดูบุตรสาวจนเติบใหญ่ ท่านปู่จึงให้ทั้งสองมาช่วยเหลือกิจการขายผ้า อย่าได้ไปเรียกลี่จิ่นให้ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย นางจะช่วยหรือไม่ช่วย ให้แล้วแต่นาง ทุกคนในครอบครัวล้วนตามใจนาง ท่านปู่ท่านย่าคอยให้ท้ายนาง
ทุกวันนี้ลี่จิ่นอายุยี่สิบเก้าปี ยังคงสวยสะพรั่งไม่ต่างจากหญิงสาวอายุยี่สิบปี หลายปีก่อนนางหันไปเอาใจเ้าของโรงถลุงแร่โลหะอย่างหวังเฟย ก่อนจะทอดทิ้งเขาอย่างไม่ไยดี ไปสานต่อสัมพันธ์กับคุณชายสาม บุตรชายคนโปรดผู้ครองแคว้นเล็ก ๆ ทางภาคตะวันออก ได้ยินว่าอีกไม่นานจะได้ไปครองแคว้นสวี
หวังเฟยไม่ตกหลุมพรางสกุลเยี่ยอีกเป็แน่แท้ เขากำลังครุ่นคิดเื่นี้ แม้กระทั่งจุดประสงค์ของเจียลี่ นางมาปรนนิบัติเขาเพื่อทดแทนบุญคุณจริงหรือไม่
“สตรี... ล้วนเป็เช่นเดียวกันทั้งนั้น แสวงหาผู้มีอำนาจ เพื่อคุ้มกะลาหัวตน” ในน้ำเสียงเคียดแค้น หวังเฟยชิงชังลี่จิ่นเข้ากระดูกดำ เขาหันหลังกลับไปพูดกับสตรีร่างผอมบาง เพียงได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง วางตะกร้าไม้ใส่อาหารหลายอย่าง กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารนั้นเขาคุ้นชินเป็อย่างดี
ตาคมจรดมองดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา ั์ตาลุกโชติ่ด้วยเพลิงโทสะ
ลี่จิ่นเคยนำดอกเหมยกุ้ยฮวามาใส่แจกัน นางทำอาหารมาให้เขา สามถึงสี่วันครั้ง หลังจากที่เขาเลิกจากการคุมบ่าวรับใช้หน้าเตาเผาในโรงถลุงแร่โลหะ จะได้พบรอยยิ้มสวยหวานของนางเป็ประจำ
“อาหญิงเ้าเคยนำดอกไม้มาใส่แจกันโง่เง่านี่ เพื่อหลอกลวงข้า นางทำอาหารมาให้ข้าชิมมากมาย หวังว่าเ้าคงไม่คิดจะทำเช่นเดียวกับนาง”
“นางไม่ได้ทำ!” เสียงตะคอกดัง ใบหน้าสดสวยแดงก่ำมองสีหน้าเรียบเฉยของท่านอา
ผิดไปจากกิริยาเรียบร้อยว่านอนสอนง่ายของเจียลี่ นางมิอาจปิดบังความจริงอีกต่อไป
“ข้าเป็ผู้ทำอาหารทั้งหมดนี้ ท่านอาหญิงแอบอ้างฝีมือข้า น้ำหน้าอย่างนางหรือจะทำอาหารเป็”
เจียลี่ทำให้ชายร่างผอมยืนนิ่งงัน นางหยิบอาหารออกจากตะกร้าหลายชั้น วางไว้บนโต๊ะในห้องรับแขกกว้างขวาง นางรู้ว่าเขาจะกินอาหารที่นี่
“เต้าหู้ผัดผักใส่ไข่ น้ำแกงหวาน ไก่ตุ๋น หมั่นโถว ข้าทำ ไม่ใช่นาง นางไม่เคยทำอาหารให้ท่านกินแม้แต่อย่างเดียว” นางไม่ลืมวางไหเหล้าหมักชั้นดีไว้บนโต๊ะหลังสงบสติอารมณ์ลง เมื่อก่อนนี้นางเคยฝากสุรามาให้ท่านอา ทว่าจะให้คาดเดา นางว่าอาหญิงไม่ได้เอ่ยชื่อของนางแม้สักคำเดียวหรอก
“นี่สุราท่าน ดื่มเข้าไปเยอะ ๆ จะได้ลืมสตรีลวงโลกอย่างลี่จิ่นได้เสียที ท่านอามีตาแต่ไร้แววจริง ๆ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้