เช้าวันต่อมาเสียงร้องโหยหวนของแม่เฒ่าจางก็ดังออกมาจากเรือนตระกูลหลิวราวกับสุนัขถูกน้ำร้อน ชาวบ้านที่มีเรือนอยู่ใกล้เคียงต่างให้ความสนใจ ทุกคนพากันมายืนมุงประตูทางเข้าเรือนตระกูลหลิวเพื่อรอดูเื่สนุก พวกเขาคิดเหมือนกันว่าวันนี้ยายเฒ่าผู้นั้นจะสร้างเื่อันใดอีกหลังจากที่อยู่เงียบๆ มาหลายวัน
ท่านหมอหลี่หมอเป็หมอเท้าเปล่าประจำหมู่บ้านตระกูลสือ ถูกเรียกตัวมารักษาคนตระกูลหลิวที่นอกจากเด็กแฝดสองคนแล้วต่างก็มีตุ่มพองขึ้นทั้งตัว อาการปวดแสบปวดร้อนทำให้พวกเขาร้องโหยหวนออกมาด้วยความทรมาน หมอหลี่เป็เพียงหมอที่มีความรู้งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ให้เขารักษาอาการไข้หวัดปวดหัวเขารักษาได้แต่หากอาการหนักเช่นนี้เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน
“พวกท่านไปรักษาในเมืองเถอะข้าไม่มีความสามารถจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านเป็อะไร”
หมอหลี่เอ่ยออกมาหลังจากตรวจดูคนตระกูลหลิวเสร็จแล้ว เจิ้งซูอี้วันนี้ไม่ได้ขึ้นเขาไปล่าสัตว์เพราะหลิวตงจวิ้นนำหมูป่าไปขายกับอู๋เซียนเว่ยที่อำเภอหลิงจือ นางเข้ามาในหมู่บ้านกับหลิวซีฮันเพื่อมาดูผลงานของตนที่ทำเอาไว้เมื่อคืน เจิ้งซูอี้ยืนอยู่ในฝูงชนมองคนตระกูลหลิวที่กำลังร้องโอดโอยด้วยความเ็ป น่าเสียดายที่หลิวฟู่เฉิงไม่อยู่ที่นี่ด้วยเพราะเขาพักอยู่ในหอพักของสำนักศึกษา
“คงไม่ได้เป็โรคระบาดหรอกนะ”
เจิ้งซูอี้พูดเสียงไม่เบาให้เหล่าชาวบ้านที่มามุงดูได้ยิน หลังจากที่นางพูดจบชาวบ้านต่างก็พร้อมใจกันถอยห่างจากคนตระกูลหลิวรวมทั้งหมอหลี่ด้วย เขารีบเอาเหล้าที่พกมาล้างมือตนเองทันที ชาวบ้านเห็นดังนั้นก็ยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าคนตระกูลหลิวเป็โรคระบาดจริงๆ ทุกคนรีบหนีออกมาจากเรือนตระกูลหลิวแทบไม่ทัน
“พวกข้าไม่ได้เป็โรคระบาดนะ ท่านหมอหลี่ท่านช่วยบอกชาวบ้านที”
แม่เฒ่าจางพูดออกมาเสียงอ่อนระโหย เื่ที่นางพบิญญาทหารร่างโชกเืเมื่อคืนทำให้นางยังรู้สึกหวาดกลัว พอตื่นขึ้นมาอาการปวดแสบปวดร้อนก็เริ่มขึ้นและหลังจากนั้นสมาชิกตระกูลหลิวที่นอกจากเด็กแฝดก็มีอาการเช่นเดียวกับนาง หรือว่า.. แม่เฒ่าจางนึกถึงเื่เมื่อคืนขึ้นมา ิญญาทหารชี้มาที่นางหรือว่าเขาเป็คนทำให้เกิดเื่เช่นนี้เกิดขึ้นกับพวกตน
“นี่ท่านหมอหลี่พวกข้าไม่ได้เป็โรคระบาด ไม่ได้เป็จริงๆ นะข้ารู้ว่าพวกข้าเป็อะไร”
แม่เฒ่าจางรีบละล่ำละลักบอกออกไป หมอหลี่ขมวดคิ้วมุ่นขนาดเขาเป็หมอยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาเป็อะไร แล้วนางเป็เพียงแค่หญิงชราธรรมดนางจะรู้ดีไปกว่าเขาได้อย่างไร
“เช่นนั้นแม่เฒ่าจางท่านช่วยบอกข้าทีว่าพวกท่านเป็อะไรกันแน่”
แม่เฒ่าจางกลอกตาไปมาท่าทางเหมือนกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง
“มะ..มันคือิญญาร้าย ิญญาของทหารที่ตายที่สนามรบ เมื่อคืนมันมายืนชี้หน้าข้าที่หน้าต่างข้างห้องนอน”
แม่เฒ่าจางรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงิญญาทหาร นางตัวสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เจิ้งซูอี้ยกยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่นางทำมาทั้งหมดก็เพราะ้าสิ่งนี้แหละ
“ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไริญญาทหารอะไรกัน”
จางซานเหนียงถามออกมาด้วยความสงสัย แม่เฒ่าจางนั่งห่อตัวด้วยอาการสั่นเทา ท่าทางของนางดูหวาดกลัวจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้งเหมือนอย่างที่แล้วมา
“เมื่อคืนหลังจากที่หลับไปข้าก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างขะ..ข้าเห็นเขาชี้มาที่ข้า”
แม่เฒ่าจางเหมือนจะหวาดกลัวมากจริงๆ เพราะผมสีดำแซมขาวของนางตอนนี้กลายเป็สีขาวโพลนไปทั้งหัว ชาวบ้านต่างมองหน้ากันไปมาไม่อยากจะเชื่อที่แม่เฒ่าจางพูด แต่จากสภาพของนางที่เห็นอยู่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะพูดความจริง
“ถ้าหากว่าเป็ิญญาทหารแล้วเป็ทหารจากที่ไหน หมู่บ้านของเราไม่มีใครเป็ทหารสักคน”
หลังจากชาวบ้านผู้นั้นพูดจบทุกคนต่างก็นึกขึ้นมาได้ว่าในหมู่บ้านของพวกเขาคนที่หายไปถึงสามสิบปีมีเพียงคนเดียว บางทีเขาอาจจะกลับมาแล้ว
“โอ้ว!!พอดีเลยถ้าหากว่าท่านไม่พูดเื่นี้ขึ้นมาข้าคงคิดว่าความฝันเมื่อคืนเป็แค่เพียงเื่ไร้สาระที่ข้าคิดไปเองซะแล้ว”
เจิ้งซูอี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังฝูงชนเอ่ยออกมาเสียงดัง ชาวบ้านหันกลับไปมองนางเป็ตาเดียว
“หลิวอันอันที่เ้าพูดหมายความว่าอย่างไร”
หญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีถามเจิ้งซูอี้ด้วยความสงสัย
“ก็เมื่อคืนข้าฝันเห็นชายชราผู้หนึ่งเขาบอกข้าว่าเป็ท่านปู่ของข้า ท่านใส่ชุดนักรบน่าเกรงขามเชียวท่านบอกข้าว่าท่านจะกลับมาอยู่ที่นี่แล้ว”
หลังจากเจิ้งซูอี้เล่าจบเสียงของชาวบ้านก็ดังเซ็งแซ่ขึ้น
“ข้าว่าเป็เพราะแม่เฒ่าจางชอบเอาเปรียบหลิวตงจวิ้นและครอบครัวของเขา หลิวตงเฟิงจึงกลับมาแก้แค้นน่ะสิ”
และอีกหลายความเห็นของชาวบ้านที่พูดเกี่ยวกับท่านปู่ของหลิวอันอัน แม่เฒ่าจางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กรีดร้องออกมาแล้วสลบไป ลำบากหมอหลี่ยังไม่แน่ใจว่านางเป็โรคระบาดหรือไม่ต้องเข้าไปรักษา
เจิ้งซูอี้เมื่อเห็นว่างานที่ตนเองได้เริ่มเอาไว้สำเร็จแล้วจึงพาหลิวซีฮันกลับไปที่เรือนของตน และเพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นเจิ้งซูอี้ได้เอากระดาษเงินกระดาษทองมาเผาหน้าเรือนทั้งยังจุดธูปคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย นั่นยิ่งทำให้ข่าวลือเื่ที่คนตระกูลหลิวโดนผีหลิวตงเฟิงหลอกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ซีหยวนไห่หนานองค์ชายห้าแห่งแคว้นซีหยวนนั่งมองตัวหนังสือในรายงานที่คนของเขานำมาส่ง ยิ่งอ่านเื่ราวของนางเขาก็ยิ่งรู้สึกสนใจในตัวเด็กสาวชาวบ้านผู้นี้ ตอนนี้เขาตื่นเต้นที่จะได้รับรู้เื่ราวของนางในครั้งต่อไปอย่างบอกไม่ถูก
จื่อรุ่ยมองท่าทางตื่นเต้นของนายเหนือหัวแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ดูเหมือนองค์ชายจะได้งานอดิเรกใหม่อย่างการตามดูเื่ราวชีวิตของหญิงชาวบ้านแล้วกระมัง
จื่อรุ่ยที่โตมากับซีหยวนไห่หนานรู้จักนิสัยของเขาเป็อย่างดีว่านายเหนือหัวชอบมีงานอดิเรกแปลกๆ เช่นการเลี้ยงสัตว์ร้ายเอาไว้ในตำหนัก ตามแหย่คุณหนูเจิ้งให้โมโห หรือแม้กระทั่งขัดขวางองค์รัชทายาทไม่ให้ทำงานตามรับสั่งได้อย่างราบรื่น แต่พอพวกเขาขอให้องค์ชายแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทมาพระองค์กลับทำท่าไม่สนใจ ทั้งยังบอกพวกเขาว่ามันน่าเบื่อและมีงานให้ทำงานเยอะเกินไป เหล่าผู้ใต้บัญชาได้แต่ถอนหายใจและส่ายหน้า ไม่รู้ว่าองค์ชายผู้นี้มีนิสัยเหมือนผูใดกันแน่ระหวางหลิงกุ้ยเฟยและฝ่าา
หลิวตงจวิ้นหลังจากกลับมาที่เรือนก็ได้ฟังเื่ราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากชาวบ้าน เขารีบกลับเรือนไปเพื่อถามบุตรสาวว่าที่ชาวบ้านลือกันเป็เื่จริงหรือไม่ เจิ้งซูอี้ได้แต่พยักหน้ารับไป แต่ภายในใจเอาแต่กล่าวขออภัยหลิวตงเฟิงที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่หรือตายไปแล้วจริงๆ
“เหตุใดท่านพ่อถึงไม่มาเข้าฝันข้าบ้าง ข้าอยากถามเขาว่าอยู่ที่นั่นสบายดีหรือเปล่าคงไม่ลำบากมากกระมัง แต่หากท่านพ่อบอกว่าจะกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านตระกูลสือนั่นก็หมายความว่าบางทีครั้งหน้าท่านพ่ออาจมาพบข้าบ้างก็ได้”
หลิวตงจวิ้นพูดออกมาด้วยท่าทางห่อเหี่ยว เจิ้งซูอี้รู้สึกผิดต่อเขาอยู่เล็กน้อยแต่เพื่อความสงบสุขของครอบครัวนี้นางจึงจำเป็ต้องทำ ครอบครัวสกุลหลิวเองก็จุดธูปไหว้บรรพบุรุษทั้งยังเผากระดาษเงินกระดาษทองให้พวกเขาเหมือนกัน แต่ภายในใจคนตระกูลหลิวนั้นต่างก็กล่าวขออภัยต่อหลิวตงเฟิงเหมือนๆ กันเพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมา
หลังจากวันนั้นผ่านไปคนตระกูลหลิวก็ไม่เคยเดินเฉียดใกล้เรือนของหลิวตงจวิ้นอีกเลย ถึงแม้แม่เฒ่าจางจะแอบก่นด่าสาปแช่งเจิ้งซูอี้ในใจก็ตามที แต่นางไม่ได้ยินดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องเดือดร้อนหรือตอบโต้กลับ
ผ่านไปกว่าเดือนอู๋เซียนเว่ยและบุตรชายยังคงตามหลิวตงจวิ้นและเจิ้งซูอี้ขึ้นเขาล่าสัตว์ทุกวัน ชาวบ้านเริ่มสังเกตเห็นว่าสองครอบครัวเวลาไปขายของป่าเหตุใดไปพร้อมกันทุกรอบ และดูเหมือนว่าอู๋เซียนเว่ยที่มีครอบครัวฐานะดีกว่าหลิวตงจวิ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นกลับสามารถหาเงินไปสู่ขอสตรีจากหมู่บ้านข้างๆ ได้
ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านต่างเฝ้าดูอู๋เซียนเว่ยและบุตรชาย และได้พบว่าเขาจะออกจากเรือนไปตอนเช้ามืดตรงไปที่เรือนของหลิวตงจวิ้น พวกเขาก็ขึ้นเขาล่าสัตว์พร้อมกันไม่มีใครจะคาดคิดว่าฝีมือการล่าสัตว์ทั้งหมดมาจากเจิ้งซูอี้ แต่ที่พวกเขาได้สัตว์ใหญ่กลับมาทุกรอบเป็เพราะพวกเขาร่วมมือกัน ดังนั้นชายฉกรรจ์หลายคนในหมู่บ้านจึงรวมตัวเพื่อขึ้นเขาล่าสัตว์เลียนแบบพวกเขา
เื่ที่ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านร่วมมือกันล่าสัตว์พวกหลิวตงจวิ้นไม่มีใครรู้เพราะต้องขึ้นเขาั้แ่เช้ามืดกลับมาก็พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว พออีกวันพวกเขาก็ต้องเข้าเมืองไปขายสัตว์ที่ล่ามาแต่เช้า ยิ่งแม่นางหวังท่านแม่ของหลิวอันอันยิ่งไม่ค่อยออกจากเรือนไปสนทนาจับกลุ่มคุยกันกับเหล่าสตรีในหมู่บ้านเหมือจางซานเหนียง ยิ่งทำให้พวกเขาไม่รู้ข่าวคราวของภายในหมู่บ้านเลย
“ท่านพ่อข้าอยากกินซาลาเปา”
วันนี้เจิ้งซูอี้และหลิวซีฮันตามหลิวตงจวิ้นมาที่อำเภอหลิงจือด้วย ครั้งก่อนที่มาเจิ้งซูอี้ไม่ได้ข่าวอะไรกลับไปเพราะเกิดเหตุการณ์วิ่งราวถุงเงินของนางซะก่อน ครั้งนี้นางจึงตั้งใจกลับมาเพื่อหาข่าวเื่ตระกูลเจิ้งอีกครั้ง
“ได้สิพวกลูกรอที่นี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวพ่อกลับมา”
หลิวตงจวิ้นและอู๋เซียนเว่ยตรงไปที่เหลาอาหารที่พวกเขาไปขายสัตว์เป็ประจำ ปล่อยให้เจิ้งซูอี้และหลิวซีฮันรอตนอยู่ที่หน้าโรงน้ำชา สองพี่น้องพยักหน้าพร้อมกันอย่างเชื่อฟัง
คล้อยหลังหลิวตงจวิ้นเจิ้งซูอี้ก็พาหลิวซีฮันเดินไปแถวหน้าที่ว่าการอำเภอ ที่นั่นมีแผ่นป้ายติดประกาศเื่สำคัญเอาไว้มากมาย เจิ้งซูอี้ไล่อ่านทีละแผ่นจนมาสะดุดตากับข่าวหนึ่ง มือปราบที่เฝ้าหน้าที่ว่าการมองนางและเด็กชายตัวน้อยด้วยสายตาสงสัย หญิงชาวบ้านธรรมดาอ่านหนังสือออกด้วยหรือ แล้วความสงสัยของเขาก็ได้รับการเฉลยเมื่อเจิ้งซูอี้เดินตรงมาหามือปราบหนุ่มผู้นั้น
“นี่พี่ชายข้าขอสอบถามได้หรือไม่ ข่าวนี้เอามาติดไว้ั้แ่เมื่อใด”
มือปราบหนุ่มมองตามนิ้วของเจิ้งซูอี้ที่ชี้ไป ข่าวของแม่ทัพหญิงเดินทางกลับมาที่หนานหยางเพราะได้รับาเ็ มือปราบหนุ่มจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
“เ้ารู้จักกับแม่ทัพหญิงของเราหรือ”
เจิ้งซูอี้ชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นจึงส่ายหน้า นั่นสิอยู่ดีๆ ก็มีชาวบ้านมาสอบถามเื่คนใหญ่คนโตของแคว้นซีหยวนพวกเขาไม่สงสัยก็แปลกแล้ว
“พอดีว่าญาติของข้าสังกัดในกองทัพที่แม่ทัพหญิงดูแลอยู่ เขาขาดการติดต่อไปนานข้าเลยคิดว่ามาที่นี่อาจจะได้ข่าวคราวของเขาบ้างเ้าค่ะ”
มือปราบหนุ่มพยักหน้าเป็เชิงเข้าใจ
“อย่างนี้นี่เอง ข้าเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอกรู้เพียงว่าแม่ทัพหญิงาเ็จากสนามรบกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง ส่วนทหารในสังกัดของนางจะถูกโยกย้ายไปให้ผู้ใดดูแลนั้นข้าเองก็ไม่รู้”
เจิ้งซูอี้พยักหน้าขอบคุณมือปราบหนุ่มจากนั้นจึงพาหลิวซี ฮันเดินออกมา เข้าเมืองมาคราวนี้นางก็ยังไม่ได้ข่าวที่เป็ชิ้นเป็อันเลยรู้เพียงร่างของนางยังไม่ตายแต่เหตุใดิญญาของนางถึงได้ออกจากร่างนั้นนางเองก็ไม่รู้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้