แต่ทว่า ณ เวลานี้เองที่โทรศัพท์มือถือของหลินเยว่ดังขึ้น
หลินเยว่ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าจอ ใบหน้าของเขาก็มีแต่ความประหลาดใจ
เพราะคนที่โทรมาคืออาจารย์ฉางไท่ของเขา
อาจารย์คงไม่ได้โทรมาเพื่อเช็กว่าเขาได้ฝึกฝนการแกะสลักอยู่หรือเปล่าหรอกนะ?
หรือว่าที่บ้านของเขามีเื่ร้ายแรงเกิดขึ้น?
หลินเยว่เริ่มคิดถึงฉินเหยาเหยาก่อนใครเพื่อนเพราะว่าตอนที่เขาออกเดินทาง เขาได้รบกวนอาจารย์ของเขาให้ช่วยดูแลฉินเหยาเหยาด้วยและสองสามวันมานี้ฉินเหยาเหยาก็กำลังยุ่งเกี่ยวกับเื่แปลนรีสอร์ต ถึงแม้ว่าคนของสำนักงานรับออกแบบอาคารได้ลงพื้นที่เรียบร้อยแล้วแต่ทว่าหลินยังไม่พอใจกับรูปแบบอาคารของรีสอร์ตการเลือกตำแหน่งรวมทั้งการออกแบบผังทั้งหมด
เมื่อเห็นแปลนรีสอร์ตที่ฉินเหยาเหยาส่งมาให้ดูหลินเยว่ก็รู้สึกผิดหวังกับผลงานของคนในสำนักงานรับออกแบบอาคารแห่งนี้หากสถานที่ที่เต็มไปด้วยูเางามแม่น้ำสวยเช่นนี้ แต่กลับถูกพวกเขาออกแบบจนดูขัดกับบรรยากาศไปอย่างสิ้นเชิงมันก็ถือว่าเป็ความขายหน้าของทางสำนักงานฯ อย่างแท้จริง
หลินเยว่จึงโทรศัพท์หาฉินเหยาเหยาบอกให้เธอเปลี่ยนสำนักงานฯใหม่ ให้เลือกสำนักงานรับออกแบบอาคารที่มีการศึกษาลักษณะสวนโบราณของประเทศจีนเช่นนี้จึงจะสามารถสะท้อนความงามตามธรรมชาติสไตล์จีนได้ดียิ่งขึ้น อันที่จริงส่วนตัวของฉินเหยาเหยาก็รู้สึกไม่พอใจผลงานการออกแบบของทางสำนักงานฯแห่งแรกเช่นกัน เธอจึงทำตามความเห็นของหลินเยว่โดยการเดินทางกลับคุนิก่อนและ่นี้เธอก็กำลังพยายามหาสำนักงานรับออกแบบอาคารแห่งใหม่
ฉินเหยาเหยาคงไม่ได้เกิดเื่อะไรหรอกนะ?
หลินเยว่รับโทรศัพท์อย่างร้อนใจ
“อาจารย์ สวัสดีครับ”
“อืม ่นี้อยู่ที่จิ่งเต๋อเจิ้นเป็อย่างไรบ้างล่ะ?คงไม่ได้เป็เพราะยุ่งกับการพิสูจน์เครื่องเคลือบจนถึงกับทิ้งการแกะสลักไปล่ะ?”
น้ำเสียงของท่านฉางไท่ยังคงดังกังวานเช่นเคย
เมื่อได้ยินอาจารย์ของตนถามเช่นนี้หลินเยว่จึงลอบถอนหายใจไปชั่วครู่ ดูแล้วที่บ้านของเขาคงไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรอก
“อาจารย์วางใจได้เลยครับศิษย์ยังคงฝึกอย่างเอาจริงเอาจังอยู่”
หลินเยว่ตอบอย่างหนักแน่น
“อย่างนั้นหรือ? แต่ทำไมอาจารย์ถึงได้ยินมาว่าตลอดครึ่งเดือนมานี้คุณอยู่กับตาแก่เฮ่อทุกวัน วันๆ เอาแต่ศึกษาเครื่องเคลือบกับเขาไม่ใช่หรอ?”
เมื่อได้หลินเช่นนี้หลินเยว่ก็รู้สึกว่าเหงื่อของตนกำลังแตกพลั่ก หากรู้เช่นนี้ั้แ่แรก เขาไม่มีทางพูดอย่างหนักแน่นขนาดนั้นหรอก
ก่อนที่อาจารย์ฉางไท่จะโทรหาเขา ท่านก็ต้องโทรหาท่านเฮ่อก่อนอยู่แล้วและอาจารย์ของเขาย่อมรู้การกระทำทั้งหมดของเขาอย่างชัดเจน
หลินเยว่จึงพยายามพูดกลบเกลื่อน “อาจารย์ครับผมมีคำถามเกี่ยวกับการแกะสลักอยู่บางส่วน ผมรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจอยากจะถามอาจารย์อยู่พอดียังไม่ทันได้โทรหาอาจารย์ แต่คาดไม่ถึงว่าอาจารย์จะโทรมาหาผมก่อนครับ”
“อ้อ? คำถามอะไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินว่าลูกศิษย์ของตนมีคำถามท่านฉางไท่จึงลืมความไม่พอใจก่อนหน้านี้ไปในทันทีและพุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังคำถามที่หลินเยว่จะถามออกมา
ลูกศิษย์ของตนมีคำถามนั่นก็แสดงว่าเขาได้ฝึกฝนอย่างหนักแล้วจริงๆ อีกทั้งยังต้องตั้งใจฝึกฝนอีกด้วยมิฉะนั้นแล้วเขาจะมีคำถามได้อย่างไร?
“คือมันเป็แบบนี้ครับ......”
หลินเยว่จึงตั้งคำถามเกี่ยวกับปัญหาที่เขาพบในหลายวันมานี้ออกมาทันทีและปัญหาเหล่านี้ก็รบกวนจิตใจของเขามาหลายวันแล้วเขาจึงถือโอกาสนี้นำปัญหาทั้งหมดถามออกมา และให้อาจารย์ของตนช่วยไขคำตอบให้กับเขา
ท่านฉางไท่ฟังปัญหาของหลินเยว่อย่างเงียบๆเมื่อหลินเยว่พูดจบแล้ว ท่านจึงจะค่อยๆ ตอบคำถามทีละข้ออย่างชัดเจน
ท่านใช้คำพูดง่ายๆในการอธิบายปัญหาที่มีความยากและลึกซึ้งซึ่งคำตอบที่หลินเยว่ได้รับก็ทำให้ปัญหาที่รบกวนจิตใจของเขามานานหมดไปทันทีทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งขึ้น แต่ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เกิดข้อสงสัยต่อเขาจึงตั้งคำถามออกมาอีก ส่วนท่านฉางไท่ก็ต้องตอบคำถามเ่าั้อีกครั้ง
การตั้งคำถามและตอบคำถามเหล่านี้ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะมันได้ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ในที่สุด หลินเยว่ก็ตั้งคำถามที่เขาพบทั้งหมดออกมาเรียบร้อยและคำถามเหล่านี้เขาก็ได้รับคำตอบจากอาจารย์ของตนทีละจุดอย่างชัดเจน
“ที่อาจารย์พูดมาทั้งหมด คุณฟังเข้าใจแล้วหรือยัง?”
ท่านฉางไท่ถามในตอนสุดท้าย
“ฟังเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับอาจารย์”
“แล้วยังมีปัญหาอะไรอีกหรือเปล่า?”
“ไม่มีแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ขอเข้าเื่สำคัญก็แล้วกัน”
เข้าเื่สำคัญ?
มุมปากของหลินเยว่เกิดอาการกระตุกขึ้นทันทีท่านอาจารย์โทรมาถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ได้พูดเข้าเื่สำคัญอีกหรือ?
ในขณะเดียวกันในใจของเขาก็รู้สึกอยากรู้ว่าสิ่งที่อาจารย์ของตนกำลังจะพูดถึงคือเื่อะไรกันแน่
“เชิญอาจารย์พูดได้เลยครับ”
“บ้านของคุณยังมีห้องว่างเยอะแยะอยู่ใช่ไหม?อาจารย์อยากให้คุณช่วยรับชิงเมิ่งศิษย์พี่ของคุณเข้าไปอยู่ด้วยน่ะ”
“ศิษย์พี่? ศิษย์พี่ไม่ได้อยู่หอพักของมหา’ลัยหรือครับ? แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้ย้ายออกมาล่ะ?”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปชั่วครู่เขาจึงถามออกมาอย่างข้องใจ
“ไอ้หนุ่มอย่างคุณกลายเป็คนซื่อบื้อแล้วหรือไงตอนนี้ศิษย์พี่ของคุณอยู่ชั้นปี 4 แล้วและตอนนี้ก็เป็่ปลายเดือนมิถุนายน อีกไม่กี่วันเธอก็จะเรียนจบแล้วพอเธอเรียนจบเธอก็จะไม่มีที่พัก ดังนั้นอาจารย์จึงอยากให้เธอเข้าไปพักกับคุณที่นั่นเพราะเห็นว่าบ้านของคุณมีขนาดใหญ่เพียงพอ ไม่จำเป็จะต้องกังวลว่าจะต้องอยู่อย่างเบียดกัน”
เมื่อได้ยินคำเทศนาของอาจารย์หลินเยว่ก็ได้แต่ยิ้มอย่างขัดเขิน หลายวันมานี้เขายุ่งจนลืมวันลืมคืนตอนนี้ถึงเพิ่งคิดได้ว่ามันเป็่ปลายเดือนมิถุนายนที่เป็่เวลาจบการศึกษาศิษย์พี่ของเขาเรียนอยู่ชั้นปี 4 แล้ว เธอก็ต้องบอกลาชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วล่ะ
หลินเยว่พอจะคาดการณ์ความคิดของอาจารย์ของตนเองได้ศิษย์พี่ชิงเมิ่งเป็คนสวยขนาดนั้น การที่เธอพักอยู่ในมหาวิทยาลัยก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่หากต้องก้าวเข้าสู่สังคมภายนอกจริงๆ คงไม่สามารถรับรองได้ว่าจะไม่มีคนเล็งเห็นถึงความงามของเธอแล้วมีเจตนาไม่ดีเพราะหญิงสาวที่เช่าบ้านอยู่ข้างนอกตัวคนเดียวก็ดูอันตรายจริงๆ
หลินเยว่ไม่ได้มีความลังเลใดๆ เขาจึงตอบรับขึ้น“ไม่มีปัญหาครับ ศิษย์พี่สามารถเข้าพักที่บ้านผมได้ตลอด”
หลินเยว่ไม่ได้รู้สึกกังวลว่าศิษย์พี่จะเป็คนขัดขวางโลกส่วนตัวระหว่างเขากับฉินเหยาเหยาเพราะห้องในคฤหาสน์มีเยอะแยะขนาดนั้น เขาก็แค่ให้ศิษย์พี่พักที่ชั้น 3 ส่วนเขาและฉินเหยาเหยาพักอยู่ที่ชั้น 2 เท่านั้นก็พอ อีกทั้งหากหลี่ชิงเมิ่งอยู่ด้วยเธอก็สามารถอยู่เป็เพื่อนกับฉินเหยาเหยา เพราะตัวเขาเองมักจะไม่ได้อยู่กับบ้านฉินเหยาเหยาอาจจะรู้สึกเบื่อและเหงา การที่มีคนอยู่เป็เพื่อนก็สามารถคลายความเบื่อและเหงาไปได้เช่นกัน
เมื่อได้ยินว่าหลินเยว่ตกลงแล้วท่านฉางไท่จึงพูดอย่างโล่งใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วเดี๋ยวสองสามวันนี้อาจารย์จะให้เธอย้ายเข้าไปนะ”
หลังจากนั้นท่านฉางไท่ก็ได้กำชับหลินเยว่อีกหลายประโยค บอกให้เขาอย่าละเลยการฝึกฝนการแกะสลักหลังจากที่หลินเยว่รับคำแล้วท่านจึงวางสายไป
เมื่อวางสายจากท่านฉางไท่แล้วหลินเยว่จึงโทรศัพท์หาฉินเหยาเหยาบอกเธอว่าสองสามวันนี้ศิษย์พี่ของเขาจะย้ายเข้าไปพักในบ้านด้วยกัน คาดไม่ถึงว่านอกจากฉินเหยาเหยาจะไม่ปฏิเสธแล้วเธอยังรู้สึกดีใจมากอีกด้วย เธอรับคำอย่างยินดีซึ่งปฏิกิริยาของเธอก็ทำให้หลินเยว่รู้สึกโล่งใจหากฉินเหยาเหยากับศิษย์พี่ของเขาเข้ากันไม่ได้ คนอยู่ตรงกลางเช่นเขาก็คงจะลำบากใจเป็อย่างมาก
เมื่อคุยกะหนุงกะหนิงกับฉินเหยาเหยาอยู่สักพักหลินเยว่ก็วางสายลง หลังจากนั้นเขาจึงหยิบมีดแกะสลักจันทราหนาวเหน็บขึ้นมาและเวลานี้เองที่เขาคิดได้ว่าเขายังไม่ได้บอกอาจารย์ของตนว่าเขาได้ประมูลมีดแกะสลักมาเล่มหนึ่งเขาจึงคิดว่าไว้ค่อยบอกอาจารย์ในโอกาสอื่นๆ ก็แล้วกัน หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มทำภารกิจของวันนี้ที่เขายังทำไม่เสร็จต่อไป
************
เมื่อท่านฉางไท่วางโทรศัพท์ลงท่านจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก มุมปากของท่านปรากฏเป็รอยยิ้มจางๆ“คาดไม่ถึงว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะมีคำถามเยอะขนาดนี้หากไม่ได้เป็เพราะตนเองมีประสบการณ์เยอะ เขาอาจจะตอบคำถามไม่ได้ก็ได้ดูจากสถานการณ์นี้แล้ว หลินเยว่ก็ได้ตั้งใจฝึกฝนแกะสลักแล้วจริงๆ”
“การแกะสลักแบบโบราณได้สูญหายไปนานมากแล้วหากมีสักวันที่หลินเยว่สามารถฝึกได้สำเร็จวันนั้นจะต้องทำให้วงการการแกะสลักสั่นะเืไปทั่วทั้งวงการ หวังว่าหลินเยว่คงไม่ได้แบ่งความสนใจไปในหลายๆเื่จนทำให้ตลอดชีวิตนี้ไม่สามารถฝึกฝนได้สำเร็จและไม่สามารถบรรลุภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ได้”
ขณะที่พูด ท่านฉางไท่ก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆตรงหว่างคิ้วก็เกิดร่องรอยที่มาจากความกังวลในจิตใจ
หลินเยว่เป็คนที่เขาคิดว่ามีโอกาสเป็ไปได้ที่สุดที่จะสืบทอดเทคนิคการแกะสลักแบบโบราณและสามารถพัฒนามันให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้นหากสองมือของหลินเยว่ยังไม่สามารถทำให้การแกะสลักแบบโบราณได้ปรากฏขึ้นบนโลกใบนี้อีกครั้งถ้าเช่นนั้นแล้วยังมีใครที่จะสามารถทำได้อีกล่ะ?
ท่านฉางไท่ไม่เคยคิดจะแทรกแซงความคิดและการกระทำของหลินเยว่เขาปล่อยให้หลินเยว่พัฒนาตนเองตามความสนใจ เพราะหากคนคนหนึ่งไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตนเองแล้วคงไม่มีใครที่จะเข้าไปช่วยเขาได้อีก
ผลแตงที่ฝืนตัดมาก็คงจะไม่มีรสหวานการที่ฝืนบังคับใจใครก็คงจะไม่ใช่เื่ที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสั่งสอนให้ความรู้กับลูกศิษย์ประโยคนี้ก็เป็ข้อเท็จจริงที่สำคัญอย่างยิ่ง
ท่านฉางไท่เห็นด้วยกับประโยคนี้มาก ดังนั้นท่านจึงไม่เคยสร้างเงื่อนไขที่เข้มงวดให้กับหลินเยว่สักเท่าไร
เมื่อครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ท่านฉางไท่ก็ถอนหายใจหลังจากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหลี่ชิงเมิ่งท่านบอกกับเธอว่าท่านหาที่พักให้กับเธอได้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้