หอคอยเทียนสุ่ย เป็ภัตตาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองชื่อ ผู้คนเนืองแน่นร้านทุกวัน มันยากที่จะหาโต๊ะว่าง ในวันนี้ภัตตาคารแห่งนี้กลับว่าง ศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยนอยู่ที่นี่ ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฎิเสธ
หลี่ชางเยว่และเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นเข้าไปยังหอคอยเทียนสุ่ยและพบเ้าของหอคอยเทียนสุ่ย
"ท่านผู้นำตระกูลทั้งสอง ท่านมาแล้วหรือ"
เ้าของร้านเป็ชายชรา เขาดูท้วม ดูจากภาพลักษณ์ของเขาบอกได้ว่าอาหารของที่นี่เลิศรสใช้ได้เลย เมื่อเขาเห็นหลี่ชางเยว่และเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นก็รีบมาโค้งให้พวกเขาอย่างสุภาพ ในเมืองชื่อแห่งนี้ไม่มีผู้ใดที่กล้าไม่สุภาพกับพวกเขาทั้งสอง
"คนจากนิกายเทียนเจี้ยนอยู่ที่ไหนกัน?"
หลี่ชางเยว่ถาม
"พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงหลักชั้นบนขอรับ พวกเขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามาจากนิกายเทียนเจี้ยน"
เ้าของร้านตอบ
"เพราะเหตุใดเ้าถึงได้คิดเช่นนั้น"เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นถาม
"ทั้งสามคนนั้นดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน ข้าแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้มาจากเมืองนี้ พวกเขาอายุประมาณยี่สิบ แต่พวกเขาทั้งหมดอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ พวกเขาต้องมาจากส่วนในของแคว้นฉีเป็แน่ และสวมเครื่องแบบมีตรากระบี่ที่งดงามอยู่ที่หน้าอก มันคือสัญลักษณ์ของนิกายเทียนเจี้ยน นั่นว่าทำไมข้าถึงได้คิดว่าพวกเขามาจากนิกายเทียนเจี้ยน ข้าสงสัยว่าศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยนมาที่แห่งนี้ข้ามเขาต้นกำเนิดกว่าหมื่นลี้มายังเมืองชื่อทำไม"
ชายเ้าของร้านผู้มากประสบการณ์และพบผู้คนมานับไม่ถ้วนในชีวิตเขาไม่มีทางจำผิดกับผู้อื่น
"เข้าใจล่ะ งั้นขึ้นไปดูกันเถอะ"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นผงกหัว
"ข้าได้อธิบายสถานการ์ณตอนนี้ในเมืองชื่อแล้วและบอกพวกเขาเกี่ยวกับทั้งสองตระกูล ข้าจะไม่ตามพวกท่านขึ้นไปนะ"
เ้าของบอกกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นและหลี่ชางเยว่ได้ขึ้นไปชั้นสอง ที่ติดกับบันไดก็คือห้องโถงขนาดใหญ่ ตกแต่งอย่างหรูหรา ภายในห้องโถงตอนนี้ มีหนุ่มสาวสามคนนั่งจิบน้ำชาชั้นดีอยู่ ดูพวกเขาสบายอารมณ์อย่างยิ่ง
ศิษย์นอกของนิกายเทียนเจี้ยน ทั้งสถานะทั้งความแข็งแกร่ง พวกเขาเหนือกว่าคนทั่วไป แต่ทั้งสามนั้นมัวแต่บ่มเพาะภายในนิกายอยู่ตลอด จึงไม่ได้ออกมาหาความสุขภายนอกนิกาย ความรู้สึกการได้รับความเคารพยำเกรงนี่มันช่างดีเหลือเกิน ในฐานะหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ในแคว้นฉี มีศิษย์ชั้นในมากกว่าหมื่นคน พวกเขาเป็เพียงศิษย์ชั้นนอก
เมื่อเห็นใครบางคนมา ทั้งสามปั้นหน้าจริงจังทันที
"ข้าหลี่ชางเยว่ คารวะศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยน"
"ข้าเยี่ยนเจิ้นอวิ๋น คารวะศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยน"
หลี่ชางเยว่และเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นพูดออกมาในเวลาเดียวแสดงความเคารพต่อหน้าทั้งสาม ซึ่งปกติแล้วพวกเขาไม่จำเป็ต้องเคารพคนหนุ่มสาว แต่นี่ด้วยสถานะของศิษย์เหล่านี้ทำให้ไม่กล้าที่จะไม่สุภาพ
ทั้งคู่ได้มองดูเครื่องแบบทั้งสามและระดับขั้นการบ่มเพาะ พวกเขาต่างประหลาดใจนักเพราะทั้งสามอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ั้แ่ยังหนุ่ม พวกเขาจะต้องมาจากนิกายเทียนเจี้ยนอย่างไม่ต้องสงสัย
"ท่านผู้นำตระกูลหลี่ หลี่ชางเยว่ ท่านผู้นำตระกูลเยี่ยน เยี่ยนเจิ้นอวิ๋น ข้าได้ยินว่าพวกท่านทั้งคู่ต่างเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองชื่อแห่งนี้ และพวกท่านอยู่ระดับแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลาย ข้าพูดถูกหรือไม่"
เฉินซวงมองไปยังทั้งสองและพูดอย่างเฉยเมย หน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิง สำหรับผู้ที่มาจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ในแคว้นฉี แค่เมืองเล็กๆอย่างเมืองชื่อเป็เพียงแค่บ้านนอก
"ถูกต้องแล้ว ข้าจะเรียกคุณชายว่าอย่างไรดี?"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นถาม
"ข้ามีนามว่าเฉินซวง เป็ศิษย์นอกของนิกายเทียนเจี้ยน"
เมื่อเขากล่าวถึงนิกายเทียนเจี้ยน ใบหน้าของเขาดูเย่อหยิ่งหนักกว่าเก่า
"นิกายเทียนเจี้ยนเป็หนึ่งในสี่นิกายใหญ่ของแคว้นฉี ข้าขอทราบสาเหตุที่คุณชายเดินทางยาวไกลมายังเมืองชื่อแห่งนี้ด้วย"
หลี่ชางเยว่ถาม
เฉินซวงลุกขึ้นมา
"โปรดมอบคำสั่งมาเถิดคุณชายเฉิน มันเป็เกียรติสำหรับตระกูลหลี่ที่จะทำเพื่อนิกายเทียนเจี้ยน"
หลี่ชางเยว่รีบพูดออกมา
"อืม.... ท่านผู้นำตระกูลหลี่รู้ว่าสมควรพูดเช่นไร"
เฉินซวงผงกหัว
"ขอทราบว่าท่าน้าให้พวกเราทำอะไรหรือ"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นถาม
"ตามล่าหมา....."
หร่วนหลิงกล่าวออกมา เมื่อนางเน้นคำว่า 'หมา' ใบหน้างดงามของนางเปลี่ยนกลายเป็เดือดดาล นางไม่พูดอะไรออกมาเมื่อขบฟันแน่น หญิงสาวผู้นี้แสดงความเกลียดชังต่อหมาตัวนี้อย่างมาก มันน่าแปลกนัก
อะไรนะ?
ค้นหาหมา?
หลี่ชางเยว่และเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นแทบล้มคะมำลงบนพื้น พวกเขายังสงสัยเลยว่าพวกเขาฟังผิดหรือไม่ อย่าบอกนะว่าศิษย์นิกายเทียนเจี้ยนทั้งสามเดินทางไกลขนาดนี้เพื่อหาหมาเพียงตัวเดียว? นี่มันมุกตลกอันใดนั่น?
นอกจากนี้ตระกูลหลี่และตระกูลเยี่ยนนั้นทรงพลังที่สุดในเมืองชื่อ ขอให้พวกเขาไปหาหมาทั้งเมือง นี่มันเื่บ้าบอคอแตกอะไรกัน? พวกเ้าดูดูกพวกเรางั้นรึ?
"อย่าได้ประหลาดใจไป ที่พวกข้ามาที่นี่นั้นจริงๆคือเพื่อตามหาหมาตัวหนึ่ง ....พวกข้าหลงทางในเขาต้นกำเนิดและมาที่นี่ พวกข้าสงสัยว่ามันอาจซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเมืองแห่งนี้ ตราบใดที่พวกท่านพาไอ้หมาเวรนั่นมาได้ ข้าจะไม่ปฎิบัติต่อพวกท่านแย่แน่นอน"
เฉินซวงพูดออกมา สามารถเห็นถึงความโกรธเกรี้ยวของเขาเมื่อเขาเอ่ยถึงหมาตัวนั้น
หลี่ชางเยว่และเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นต่างมองกันเอง พวกเขาต่างรู้สึกอับอายที่ทั้งสามมาเพื่อตามหาหมา
มันแค่หมาเพียงตัวเดียว หมาบ้านไหนที่ทำให้ศิษย์ทั้งสามของนิกายเทียนเจี้ยนออกตามล่าไกลนับหมื่นลี้เช่นนี้
"พวกท่านอย่าได้ดูถูกหมาตัวนี้เชียว เ้าหมาตัวนี้น่ารังเกียจยิ่งนัก มันบ้าและฉลาดแกมโกงอีกด้วย การที่จะจับมันยากเย็นมาก ถ้าพวกท่านช่วยพวกข้าหาหมาตัวนี้ พวกท่านจะได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสมจากนิกายเทียนเจี้ยนแน่นอน"
เซียวหัว ยืนขึ้นและพูด
ฟังรายละเอียดหมาตัวนี้จากเซียวหัว เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นและหลี่ชางเยว่ต่างมีความรู้สึกแย่ น่ารังเกียจ ฉลาดแกมโกงแถมยังบ้าบอ หมาประเภทไหนนั่น
"ข้าขอถามหน่อยว่า ลักษณะของหมานั่นเป็เช่นไรรึ?"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นปาดเหงื่อเงียบๆแต่ก็ยังถาม
"มันเป็หมาที่มีขนสีเหลือง ไม่มีสีอื่นปนอยู่และมันมีลักษณะอ้วน สามารถสังเกตุได้ง่ายๆ"
เฉินซวงพูดขึ้น
"อย่ากังวลคุณชายเฉิน ตระกูลหลี่ของข้าจะทำอย่างดีที่สุด ตราบที่มันอยู่ในเมืองข้าจะจับมันมาให้ท่าน"
หลี่ชางเยว่รีบให้คำมั่น มันเป็โอกาสที่ดีที่จะใกล้ชิดกับนิกายเทียนเจี้ยน เขาจะต้องไม่พลาดโอกาสนี้
"ตระกูลเยี่ยนก็จะทำอย่างสุดความสามารถเช่นกัน" เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นเองก็ให้คำมั่นอย่างดี
"ดีมาก พวกข้าจะอยู่ที่หอคอยเทียนสุ่ยแห่งนี้ หากพบเบาะแสเมื่อไรส่งคนมาแจ้งพวกข้าด้วย"
เฉินซวงพูดไปพลางยิ้มไปพลาง
"คุณชายเฉิน ข้ามีเื่ขอร้องท่าน"
ภายในดวงตาหลี่ชางเยว่มีความเฉลียวฉลาดแฝงไว้ เขาเปิดปากถาม
"มีอะไรงั้นรึ? ท่านผู้นำตระกูลหลี่"
เฉินซวงนั่งลง
"ข้ามีบุตรชายอยู่ ชื่อของเขาคือหลี่ชางิ เขาอายุเพียงยี่สิบสามปี เขาเพิ่งจะทะลวงแก่นแท้มนุษย์สำเร็จ ข้าสงสัยว่าเขาจะมีโอกาสที่จะเข้าร่วมนิกายเทียนเจี้ยนหรือไม่"
หลี่ชางเยว่ถามออกมา ท่าทีของเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลี่ชางิทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์แล้วงั้นรึ ในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลเยี่ยน เยี่ยนหยางเป็ผู้ที่มีโอกาสทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์มากที่สุด อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็อยู่ระดับฉีไห่
"โอ้! ข้าไม่คิดเลยว่าสถานที่นี้จะมีผู้มีพร์ใช้ได้อยู่ อัจฉริยะขั้นแก่นแท้มนุษย์สามารถข้ามคุณสมบัติอื่นๆได้และสามารถเป็ศิษย์นอกเหมือนพวกข้าเมื่อเขาได้เข้าร่วมแล้ว ตอนนี้พวกข้ายังอยู่เมืองนี้ พวกข้าอนุญาตให้บุตรชายท่านตามพวกข้ากลับไปทีนิกายเทียนเจี้ยน ในการที่จะเข้าร่วมนิกายนั้นจำเป็ต้องมีการทดสอบก่อน"
เฉินซวงพูด
เมื่อคำตอบเป็สิ่งที่มัน้าได้ยิน หลี่ชางเยว่เหมือนสำลักความสุข เมื่อหลี่ชางิได้เข้าร่วมนิกายเทียนเจี้ยน ตระกูลหลี่จะเป็ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองชื่อ
"คุณชายเฉิน โอกาสที่จะเข้าร่วมนิกายเทียนเจี้ยนสามารถที่จะให้ตระกูลเยี่ยนหนึ่งที่ได้หรือไม่"เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นไม่ยอมให้ตระกูลหลี่ข่มได้ การที่จะเข้านิกายเทียนเจี้ยนนั้นไม่ว่าจะเป็ตระกูลหลี่หรือตระกูลเยี่ยนมีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต
"พี่เฉินเ้าคะ ั้แ่พวกเรามาที่นี่ ทำไมพวกเราไม่จัดการทดสอบล่ะคะ เพื่อให้เหล่าคนรุ่นเยาว์ได้มีโอกาสที่จะเข้าร่วม สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากส่วนในของแคว้นฉี ไม่มีนิกายใดเข้ามารับสมัครศิษย์ใหม่ ถ้าพวกเราได้จัดการทดสอบที่นี่ และนำเหล่าผู้มีพร์กลับไป อย่างน้อยพวกเราก็ทำในสิ่งดีนะ"
หร่วนหลิงกล่าว
"สิ่งที่น้องหร่วนหลิงกล่าวนั้นถูกต้อง พวกเราควรจัดการทดสอบที่นี่"
เซียวหัวเห็นด้วย
"ดี ท่านผู้นำตระกูลทั้งสองโปรดกลับไปก่อน และประกาศในทันที หนุ่มสาวทุกคนที่มีคุณสมบัติให้มาเข้าร่วมการทดสอบ เช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ที่้ารับการทดสอบ จะเข้าไปยังพื้นที่รอบนอกของเขาต้นกำเนิด พวกเขามีเวลาสี่ชั่วโมงในการสังหารสัตว์ปีศาจ และจะจัดลำดับจากจำนวนที่ได้สังหารไป พวกข้าทั้งสามจะนำเพียงไม่กี่คนกลับไปด้วย แน่นอนว่าพวกข้าจะเป็ผู้แนะนำพวกเขา จะเข้าได้หรือไม่นั้นขึ้นกับความสามารถของพวกเขาเอง"
เฉินซวงบอกพวกเขา
เมื่อได้ยังดังนี้ หลี่ชางเยว่และเยี่ยนเจิ้นอวิ๋นต่างรู้สึกมีความสุขยิ่ง เป็โอกาสใหญ่ครั้งสำคัญของคนรุ่นเยาว์ในเมืองชื่อ การทดสอบครั้งนี้เป็ เหตุการณ์ใหญ่ในเมืองแห่งนี้เป็แน่
เฉินซวงและอีกสองคนเป็เพียงแค่ศิษย์นอก พวกเขาไม่มีสิทธิในการที่จะตัดสินใจว่าจะรับใครเข้าหรือไม่รับ มันอาจดูหยาบคายสำหรับพวกเขาในการที่จะให้แนะนำคน หากพวกเขาได้เลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและช่วยพวกนั้นเข้านิกายเทียนเจี้ยนได้ อย่างน้อยพวกเขาก็มีความดีความชอบ
ภายในนิกายเทียนเจี้ยนแม้แต่ศิษย์ชั้นนอกที่มีสถานะอยู่บ้าง สถานะต่างๆนั้นไร้ประโยชน์ มันแทบไม่ได้ดีกว่าศิษย์ที่ไม่เป็ทางการ เมื่อทั้งสามได้มาเมืองนี้พวกเขาได้รับการเคารพ พวกเขารู้สึกเหมือนว่าพวกตนอยู่จุดสูงสุด จัดการทดสอบและแสดงออกว่าเป็ผู้ตัดสินว่าผู้ใดมีคุณสมบัติหรือผู้ใดไม่มีคุณสมบัติ เพื่อเป็โอกาสในการเติมเต็มความปรารถนา นอกจากนี้พวกเขานั้นทำเหมือนมีสิทธิในการแนะนำบุคคลอีก
"กรุณากลับไปก่อนเถิด ท่านผู้นำตระกูลและอย่าลืมตามหาหมาให้พวกข้าด้วย"
เฉินซวงกล่าว
"อย่าได้กังวล เมื่อพวกข้ากลับ พวกข้าจะส่งคนออกไปหาในทันที พวกข้าจะไม่ล่าช้าในการค้นหา ไม่แม้แต่การทดสอบ"
หลี่ชางเยว่กล่าวสัญญากับพวกเขา
ภายนอกหอคอยเทียนสุ่ย
"เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นหากบุตรชายข้าได้เข้าร่วมนิกายเทียนเจี้ยนเมื่อไร เมื่อนั้นตระกูลเยี่ยนพินาศแน่"
หลี่ชางเยว่พูดขึ้นทั้งรอยยิ้มเย็น
"จริงเรอะ! การทดสอบยังไม่ทันเริ่ม เ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีคนจากตระกูลเยี่ยนได้เข้าร่วมนิกายเทียนเจี้ยน"เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นพูดด้วยท่าทีไม่ค่อยมั่นใจ
"งั้นต้องรอดู"
หลี่ชางเยว่โบกแขน หันกลับแล้วออกไป
ภายในห้องโถงประชุมตระกูลเยี่ยน
"อะไรนะ! ไปตามหาหมา?"
ดวงตาเยี่ยนหงไท่เบิกกว้าง หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นบอกกล่าว ทุกๆคนต่างรู้สึกว่า โอ้...โลกนี้ช่างกว้างขวางนัก เื่แปลกๆก็สามารถเกิดขึ้นได้ ศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนเดินทางนับหมื่นลี้เพราะหมาตัวเดียวเนี่ยนะ ยิ่งคิดมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งเงียบจมอยู่กับความคิด
