หึ่ง!
ในเวลานี้เอง ในขณะที่กระบี่เล่มใหญ่สีทองกำลังจะผ่าลงไปยังเย่ชิงหาน ูเาทางด้านหลังฝั่งตะวันตกพลันมีแสงสว่างโชติ่สายหนึ่งปรากฏขึ้น มันเป็แสงสีเขียวที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั่งลานที่พักฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงร้องคำรามที่น่าเกรงขาม
“ใครกล้าทำร้ายหลานสาวสุดที่รักของข้า?”
ผู้คนที่อยู่ในสวนเมามายเมื่อได้ยินเข้ากับเสียงนี้ต่างพากันตื่นตระหนกมองไปทางูเาด้านหลังด้วยความหวาดกลัว แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวยิ่งกว่าคือพวกเขาพบว่าตนเองไม่สามารถที่จะขยับร่างกายได้ แม้แต่กระดิกนิ้วหรือขยับคอไปมาก็ไม่สามารถทำได้
เวลาในลานที่พักด้านทิศตะวันตกในตอนนี้ราวกับว่าถูกทำให้หยุดนิ่ง ชายเสื้อผ้าของเหล่าผู้าุโที่ลอยอยู่บนอากาศต่างหยุดการพลิ้วไหว หนวดเคราของเย่เทียนชิงปลิวลอยอยู่กลางอากาศดังเดิม เย่ชิงอู่ยังคงอยู่ในท่าพุ่งทะยาน เย่เจี้ยนยังคงยิ้มอย่างเ็าจนเห็นไรฟันขาว เย่ชิงหานยังคงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ที่พื้น กระบี่เล่มใหญ่สีทองที่แผ่พลังอานุภาพมหาศาลยังคงลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะของเย่ชิงหาน ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับถูกแสงสว่างสีเขียวที่ปกคลุมอยู่ทำให้หยุดนิ่งฉันนั้น
‘อาณาเขตพลังปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์!’
ภายในใจเหล่าผู้าุโนึกถึงคำพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปราชศักดิ์สิทธิ์จะมีความสามารถที่แหกกฎ์อย่างหนึ่งคือ อาณาเขตพลังปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์! เย่เจี้ยนแม้จะยังยิ้มเ็าจนเห็นไรฟันอยู่ แต่ภายในใจของเขานั้นเริ่มรู้สึกขมขื่นและนึกเสียใจขึ้นมา เขาสั่งปิดล้อมูเาด้านหลังไปแล้วแท้ๆ ถ้าหากไม่มีคนไปกระทบเข้ากับม่านพลังที่ครอบูเาด้านหลังอยู่ต่อให้ตระกูลที่พักด้านนี้คนตายไปมากเท่าไร สู้กันเสียงดังเพียงใด ผู้ที่อยู่ในูเาด้านหลังรับรองว่าไม่มีทางรู้ได้ เพียงแต่เขาคำนวณผิดพลาดไปอย่างหนึ่งซึ่งก็คือหลานสาวของเย่ชิงหนิว เย่ชิงอู่ เย่ชิงหนิวรักและเอ็นดูเย่ชิงอู่ถึงเพียงนี้ทำไมเขาจะไม่มอบสิ่งของบางอย่างไว้ให้กับนางเล่า?
เย่เชียงและเย่เทียนชิงรู้สึกยินดีออกมาในใจพร้อมๆ กัน แม้ร่างกายจะขยับไม่ได้แต่สมองกลับครุ่นคิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เย่เชียงกำลังคิดว่าจะใช้โอกาสในครั้งนี้หาวิธีโจมตีเย่เจี้ยนให้เจ็บหนักที่สุดได้อย่างไร ส่วนเย่เทียนชิงกลับกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถขอร้องให้ท่านหัวหน้าตระกูลไว้ชีวิตเย่ชิงหานได้
ปัง!
ในขณะที่ทุกคนต่างใช้สมองครุ่นคิดเื่ราวที่อยู่ในหัวของตนเองอยู่นั้น เงาร่างสีเขียวสายหนึ่งที่ราวกับอุกกาบาตพุ่งออกมาจากูเาทางด้านหลัง แต่ในเวลาเดียวนั้นเองูเาด้านหลังพลันปรากฏประกายแสงขึ้นอีก เงาร่างสองสายหนึ่งขาวหนึ่งดำก็ไล่ติดตามมาอย่างรวดเร็ว
“ฮึ!”
เงาร่างสีเขียวที่มาถึงก่อนเป็ชายแก่ที่อยู่ในชุดเสื้อสีเขียว หน้าตาธรรมดาทั่วไปอวัยวะทั้งห้ามีครบสมบูรณ์เป็ปกติ จะมีก็แค่เพียงลูกตาเท่านั้นที่อาจจะดูใหญ่โตและปูดโปนไปสักหน่อย ให้ความรู้สึกถึงพลังดุดันเหี้ยมเกรียมแก่ผู้ที่พบเห็น ชายแก่ชุดเขียวเมื่อเท้าแตะลงสู่พื้นก็กระแทกเสียงที่เ็าออกมาก่อนเป็ลำดับแรก สายตาไม่มองผู้คนที่อยู่ในสวนเมามายแห่งนี้แม้แต่น้อย ทำเพียงจ้องมองดูเย่ชิงอู่อย่างละเอียด ราวกับว่าจะตรวจสอบดูว่าหลานสาวสุดที่รักของตนเองถูกทำร้ายหรือได้รับาเ็ตรงส่วนไหนหรือไม่อย่างไร
ปัง!
เงาร่างสีดำและเงาร่างสีขาวเคลื่อนตัวลงสู่พื้นอย่างช้าๆ มองดูสวนเมามายที่สับสนวุ่นวาย เห็นร่างของเย่หรงที่นอนเอามือกุมคอตายตาไม่หลับอยู่บนพื้น รวมทั้งกระบี่เล่มใหญ่สีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศ ชายแก่ชุดดำคิ้วขมวดขึ้นในทันที เขาสะบัดมือออกไปง่ายๆ ทีหนึ่งทำการสลายกระบี่เล่มใหญ่สีทองที่เย่เจี้ยนโคจรพลังปราณรบทั่วทั้งร่างประสานขึ้นมา จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ชิงหนิวสลายอาณาเขตพลังซะ”
“อืม”
เย่ชิงหนิวเห็นว่าหลานสาวสุดที่รักไม่ได้เป็อะไรจึงวางใจลงได้ ทำการสะบัดมือออกไปครั้งหนึ่งสลายอาณาเขตพลังปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจึงเริ่มตรวจสอบดูสภาพในที่แห่งนี้ขึ้น ที่แห่งนี้คล้ายกับว่าเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรงขึ้น? เอ๊ะ...ทำไมถึงได้มีกลิ่นไอพลังแห่งเทพสายหนึ่งอยู่ด้วย? เขามองไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งแหงนหน้าขึ้นอย่างยโสและเ็า เย่ชิงหนิวรู้สึกได้ว่าวันนี้จะต้องเกิดเื่ที่น่าสนใจอย่างมากขึ้นเป็แน่ ดังนั้นจึงรีบหันไปพูดคุยกับเย่ชิงอู่ขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก
ฟิ้ว ฟิ้ว!
เหล่าผู้าุโที่อยู่กลางอากาศเมื่อเห็นเย่ชิงหนิวสลายอาณาเขตพลังปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ออกจึงพากันรีบเคลื่อนตัวลดต่ำลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง จากนั้นจึงพากันคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับพวกเย่เจี้ยนอีกสี่คนที่อยู่บนพื้นก่อนหน้าแล้วพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง “คารวะท่านหัวหน้าตระกูลและท่านผู้าุโสูงสุดทั้งสอง”
“อืม!” เย่เทียนหลงพูดออกมาอย่างราบเรียบ แม้ว่าเขาจะยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นไม่ได้ปลดปล่อยพลังปราณรบหรือพลังคุกคามใดๆ ออกมา แต่ทุกคนกลับรู้สึกว่าเงาร่างที่ไม่นับว่าเป็คนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ผู้นี้กลับดูราวกับขุนเขาที่สูงตระหง่านฉันนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เย่เทียนหลงกวาดสายตามองไปยังทุกคนที่อยู่ในสวนเมามายแห่งนี้ มองดูเย่หรงที่ตายอย่างน่าสลด มองดูเย่ชิงหานที่หน้าตาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อยภายใต้กระบี่เล่มใหญ่สีทองที่จ่ออยู่บนศีรษะ สุดท้ายมองดูเย่ชิงอวี่ที่นอนหลับอย่างสงบอยู่ในชุดสีขาวพร้อมกับเส้นผมที่กลายเป็สีขาวทั้งหมด ใบหน้าของเย่เทียนหลงเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยความความรู้สึกที่มีโทสะ
“เด็กสาวคนนั้นเป็ใคร?”
ทุกคนที่อยู่ภายในสวนเมามายต่างพากันเงียบกริบ นับั้แ่เย่เทียนหลงมาถึงพวกเขาต่างพากันครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าจะอธิบายเื่ราวที่เกิดขึ้นให้ท่านหัวหน้าตระกูลเข้าใจได้อย่างไร ทำได้แค่เพียงพากันเฝ้ารอรับความโกรธเดือดดาลของท่านหัวหน้าตระกูล แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าคำถามแรกที่ท่านหัวหน้าตระกูลถามขึ้นกลับเป็การถามว่าเด็กผู้หญิงคือใคร? คำถามเช่นนี้พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบออกมาว่าอย่างไรดีเช่นกัน
“นางมีชื่อว่าเย่ชิงอวี่ เป็น้องสาวของข้า นางตายแล้ว”
ในขณะที่เหล่าผู้าุโทั้งหลายกำลังจะหาคำพูดดีๆ มาอธิบายอยู่นั้น พลันมีเสียงที่เ็าเสียงหนึ่งดังขึ้น
เย่เทียนหลงได้ยินคำตอบจึงค่อยๆ หมุนตัวกลับไป เห็นเด็กหนุ่มชุดดำที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยคราบเืพร้อมกับใบหน้าที่เ็า เขารู้สึกคุ้นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ เย่เทียนหลงขมวดคิ้วเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง “เ้าเป็ใคร?”
เย่ชิงหานราวกับได้ยินเื่ที่ตลกขบขันอย่างที่สุด อยากจะหัวเราะออกมาแต่กลับไม่มีเสียง มุมปากกระตุกขึ้นครั้งหนึ่งก่อนที่จะพยายามยืนขึ้นด้วยขาสองข้างที่สั่นเทิ้ม “ข้าชื่อเย่ชิงหาน ลูกชายของเย่เตา เมื่อก่อนเป็หลานของท่าน แต่ตอนนี้...ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว”
“เย่เตา ลูกชายของเย่เตา?” ได้ยินเย่เตาชื่อนี้อีก คิ้วของเย่เทียนหลงยิ่งขมวดหนักขึ้นยิ่งกว่าเก่า เขาโบกมือส่งสัญญาณให้เหล่าผู้าุโที่อยู่ด้านหลังที่กำลังอยากจะพูดสิ่งใดให้สงบปากไปก่อน จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นอีกด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมเมื่อก่อนใช่แล้วตอนนี้ทำไมไม่ใช่? แล้วทำไมเขาจึง้าฆ่าเ้า?”
มองดูใบหน้าที่ทั้งคุ้นเคยและทั้งแปลกหน้าของเย่เทียนหลง เย่ชิงหานหัวเราะขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงไม่ใช่น่ะรึ? เพราะว่า...ข้าไม่อยากเป็หลานของท่านอีกต่อไปแล้ว เพราะข้าไม่อยากแซ่เย่ สำหรับทำไมพวกเขาอยากจะฆ่าข้า? เหตุผลง่ายมาก วันนี้ข้าฆ่าคนไปมาก ฆ่าเย่เป้า ฆ่าศิษย์สายในของตระกูลเย่ชิงเส ทำลายวรยุทธ์นายน้อยใหญ่ของตระกูลเย่ชิงขวง และยังฆ่าผู้าุโเย่หรง หากเป็ไปได้...ข้ายังอยากจะฆ่าเย่เจี้ยน!”
ครืน!
เย่ชิงหนิวกับผู้าุโสูงสุดเสื้อขาวอีกท่านหนึ่ง เย่ไป๋หู่ สีหน้าแสดงอาการคาดไม่ถึงออกมา มองดูเด็กหนุ่มที่ยืนด้วยอาการสั่นเทิ้มอยู่กลางลาน ภายในใจของทั้งสองรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา
ลูกชายของเย่เตาดุดันขนาดนี้เลย? เหมือนกับว่าปีที่แล้วที่ออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝนเพิ่งจะได้ยินว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็ไอ้ขยะด้านการฝึกยุทธ์ ขนาดสัตว์อสูรยังไม่สามารถเรียกออกมาได้เลย เย่ชิงเส เย่ชิงขวงล้วนเป็รุ่นลูกหลาน เย่ชิงหานสามารถฆ่า สามารถทำลายวรยุทธ์พวกเขาได้แม้จะดูแปลกไปบ้างแต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้ แต่เ้าเด็กน้อยเย่หรงไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็ยอดฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิ เย่ชิงหานจะฆ่าได้ง่ายดายอย่างนั้นเชียวรึ?
แต่เมื่อพวกเขามองไปเห็นเด็กสาวที่อยู่ในชุดสีขาวที่อยู่ด้านหลังของเย่ชิงหาน ก็พอคาดเดาอะไรได้บางอย่าง ทั้งสองจึงสงบเงียบไม่พูดสิ่งใดเฝ้ารอให้เด็กหนุ่มไขปริศนาต่างๆ ออกมาด้วยตัวเอง
“คิดไม่ถึงว่าลูกชายของเย่เตาจะดุดันกว่าเขาเป็อย่างมาก นิสัยถอดแบบกันออกมาเลยก็ว่าได้” เย่ชิงหนิวทอดถอนใจออกมาภายในใจ เมื่อนึกถึงชื่อของบุรุษผู้ที่มีพร์เป็หนึ่งในแผ่นดินเมื่อสิบกว่าปีก่อน
“ทำไมเ้าถึงฆ่าพวกเขา? เ้าไม่รู้หรือว่ามีกฎของตระกูล มีหอผู้คุมกฎ มีหอผู้าุโ?” เย่เทียนหลงแม้ภายในใจจะคาดเดาอะไรได้บางอย่าง แต่ก็ยังถูกคำพูดของเย่ชิงหานที่พูดออกมาทำเอาตื่นตระหนกใไปเช่นกัน แต่สีหน้าภายนอกยังแสดงอาการสงบราบเรียบอยู่เช่นเดิม
“ฮ่าๆ...” เย่ชิงหานหัวเราะด้วยเสียงอันดังขึ้นมาทันที ได้ยินเื่ตลกขบขันที่สุดสองเื่ติดต่อกันในที่สุดก็อดกลั้นต่อไม่ไหวอีกต่อไป แต่ภายในเสียงหัวเราะนั้นกลับแฝงไปด้วยความเปล่าเปลี่ยวเย้ยหยันอย่างไม่มีการปกปิดใดๆ เขากวาดสายตาเยือกเย็นมองไปยังเหล่าผู้าุโที่อยู่ทางด้านหลังของเย่เทียนหลง “กฎเกณฑ์ กฎเกณฑ์ขี้หมา! หอผู้คุมกฎ? ผู้าุโรองหัวหน้าฝ่ายหอผู้คุมกฎนอนตายอยู่บนพื้นนี้อย่างไรเล่า ส่วนหอผู้าุโไม่ต่างอะไรกับขี้หมากองหนึ่ง เย่เทียนหลงท่านแก่จนเลอะเลือนเกินไปแล้วใช่ไหม? กฎเกณฑ์ของตระกูล หอผู้คุมกฎ หอผู้าุโ ถ้าหากสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มันใช้การได้จริงข้าจะเสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อฆ่าคนทำไม?”
“เ้าเด็กน้อย เ้าจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!”
“เย่ชิงหานเ้ากล้าเสียมารยาทต่อท่านหัวหน้าตระกูล? เ้ามันสมควรตาย”
“ท่านพ่อ เย่ชิงหานคงบ้าไปแล้ว ให้ข้าจัดการกับไอ้คนชาติชั่วของตระกูลคนนี้เถอะ”
“…”
คำด่าที่ออกมาจากปากเย่ชิงหานราวกับฟ้าที่ผ่าลงตอนกลางวัน ทำเอาทุกคนตื่นตระหนกไปตามๆ กัน พริบตาเดียวคนจำนวนมากชี้หน้าด่าทอเย่ชิงหานด้วยอาการโกรธแค้นจนตัวสั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เจี้ยนะโลอยขึ้นไปบนอากาศเปลี่ยนฝ่ามือเป็กรงเล็บคร่ากุมไปยังบริเวณลำคอของเย่ชิงหาน
ปัง!
เย่เทียนหลงสะบัดมือเพียงเบาๆ พลังที่มองไม่เห็นสายหนึ่งกระแทกไปยังทรวงอกของเย่เจี้ยน เย่เจี้ยนครางออกมาคำหนึ่งก่อนจะถอยหลังกลับไป เย่เทียนหลงหันหน้ากลับมาดูเย่เจี้ยนที่กำลังกุมทรวงอกและเหล่าผู้าุโที่กำลังด่าทอด้วยความโกรธแค้น จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ “ไป๋หู่ ในขณะที่เื่ราวยังไม่ได้สืบสวนให้กระจ่าง หากมีใครกล้าส่งเสียงออกมาหรือกระทำการใดๆ จงจัดการมันผู้นั้นโดยทันที”
“ทั้งหมดหุบปาก ท่านหัวหน้าตระกูลไม่ได้ถาม ใครก็ห้ามส่งเสียงขึ้นมาอีก” ชายแก่เสื้อขาวเย่ไป๋หู่สายตาเป็ประกาย เขาเองก็รู้สึกได้ว่าเื่ราวค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน จึงเอ่ยปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เย่เทียนหลงเห็นดังนั้นจึงค่อยพยักหน้าแล้วหันมาทางเย่ชิงหานที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่ แล้วพูดขึ้น “อุ้มน้องสาวของเ้าไปหอผู้คุมกฎกับข้า ข้าจะให้ความยุติธรรมกับเ้า และแน่นอนว่าเ้าก็จะต้องให้ความกระจ่างแก่ข้าเช่นกัน”