เนื่องจากจินเฟิงบอกว่าสิ่งนั้นคือหยก หร่านซวี่จือจึงไม่ได้คิดอะไรมาก เขายื่นมือไปหยิบผ้ามาพันแผลให้จินเฟิง ส่วนมือขวาโอบเอวของจินเฟิงไว้เพราะกลัวว่าเขาจะนั่งไม่มั่นคงแล้วจะหล่นลงไป
เมื่อมือของหร่านซวี่จือโอบเข้ามา ่ล่างของจินเฟิงก็แนบกับท้องน้อยของหร่านซวี่จือเข้าไปอีก จินเฟิงหน้าแดงแล้วรีบยื่นมือไปผลักเขาออกอย่างกระวนกระวายเพราะอยากดึงระยะห่างออกมา แต่ต้องโทษร่างกายที่ไม่มีเรี่ยวแรง ข้อมือก็ออกแรงไม่ได้จึงทำให้เขาโมโหแทบบ้า
“เ้าจะขยับไปเรื่อยทำไมกัน? ” ขณะที่หร่านซวี่จือพูด เสียงนั้นอยู่ที่ข้างใบหู ลมหายใจอุ่นและชื้นพัดผ่านมา บางทีคงเพราะเขาเพิ่งดื่มชาไป จึงได้กลิ่นหอมของชาอ่อนๆ
มือของจินเฟิงที่กำเสื้อของหร่านซวี่จือไว้ก็กำแน่นขึ้นอีกโดยไม่รู้ตัว ในสมองนั้นเสมือนถูกปั่นจนเบลอไปหมด เมื่อเลื่อนสายตาลงไปด้านล่างก็เห็นคอเสื้อที่หลวมโครกของคนผู้นี้
หร่านซวี่จือมักจะสวมชุดคลุมสีดำด้านนอก เนื้อผ้าหรูหราที่ปักลวดลายด้วยด้ายสีทอง เข้ากันกับลำคอที่ขาวเหมือนหิมะมิอาจมีสิ่งใดเทียบได้ ผิวพรรณนวลเนียนแทบจะเหมือนคริสตัล เนื่องจากขณะนี้กำลังดูแลจินเฟิง เสื้อผ้าจึงไม่ค่อยเป็ระเบียบและชุดคลุมด้านนอกก็เลื่อนลงไปเล็กน้อย จึงทำให้เห็นขอบของชุดชั้นในตัวสีขาว
จินเฟิงสะลึมสะลือแล้วเคลื่อนมือไปจับ จากนั้นเขาก็ดึงคอเสื้อของเสื้อคลุมสีดำตัวนอกแล้วดึงลงมาเบาๆ เสื้อชั้นในก็ถูกดึงลงมาพร้อมกันด้วยเล็กน้อย ไหปลาร้าที่ถูกซ่อนอยู่นานนั้นก็ถูกทำให้เผยออกมา มันขาวดุจหิมะและละเอียดอ่อน โผล่พ้นขึ้นมาจากิันุ่มลื่นเล็กน้อย
ณ ขณะนี้ ในสายตาของจินเฟิงนั้นไหปลาร้าส่วนนี้ช่างยั่วยวนเหลือเกิน กระทั่งพาให้ความคิดจินตนาการเตลิดไปถึงส่วนด้านล่างที่ถูกเสื้อผ้าปกปิดไว้ ราวกับสามารถได้กลิ่นหอมจางๆ จากเนื้อหนังอยู่รางๆ ทุกสิ่งเหล่านี้กำลังกระตุ้นความใคร่อยากปรารถนาทั้งหมดในตัวจินเฟิง
ขณะที่หร่านซวี่จือกำลังพันแผลให้จินเฟิงอยู่นั้น เขาไม่ทันสังเกตว่าคอเสื้อของตนถูกดึงลงมา ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความเ็ปที่ส่งผ่านมาจากตรงไหปลาร้า เมื่อก้มศีรษะดู ก็เห็นหมาป่าน้อยเ้าเล่ห์บางตัวกำลังกัดเข้าที่ตรงนั้น
หร่านซวี่จือโมโหขึ้นมาจึงตบเข้าที่ท้ายทอยของจินเฟิง “ข้าช่วยเ้าพันแผล เ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? ”
ฝ่ามือครั้งนี้เหมือนปลุกจินเฟิงให้มีสติแล้วจดจ้องรอยฟันที่อยู่บนิัตรงหน้า ไม่รู้ว่าทำไมในใจกลับเกิดความรู้สึกพึงพอใจบางอย่าง
หร่านซวี่จือดึงคอเสื้อขึ้นมาเหมือนเดิมแล้วอุ้มจินเฟิงขึ้นมาวางลงบนเตียง จากนั้นก็ห่มผ้าให้เขาและพินิจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็วางมือลงบนศีรษะของเขาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ขอบคุณเ้ามากนะ สำหรับเื่ในวันนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จินเฟิงก็หน้าแดงขึ้นมาอีกแล้วหดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม บดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของตนเองไว้ใต้ผ้าห่ม เพราะเขากลัวว่าหร่านซวี่จือจะสังเกตเห็น
หร่านซวี่จือรู้ดีว่าจินเฟิงนั้นเขินอาย เขาจึงยกยิ้มที่มุมปาก “พรุ่งนี้พักผ่อนให้ดี”
อาการจากพิษในตัวเ่าั้เริ่มหายไป ร่างกายของจินเฟิงนับว่าเริ่มสบายตัวขึ้น หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน เขาจึงผล็อยหลับไปเสียสนิท
จินเฟิงฝัน
ในความฝัน เขายืนอยู่ท่ามกลางความมืดแล้วเดินไปรอบทิศ ไม่นานนักก็เห็นหน้าต่างบานหนึ่งตรงหน้า ด้านในนั้นมีแสงสว่างขึ้นมาอย่างเลือนราง จินเฟิงก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า เมื่อเข้าใกล้หน้าต่างบานนั้นก็พบว่านั่นคือประตูหนึ่งบาน
ประตูนั้นแง้มไว้เล็กน้อย จินเฟิงผลักประตูออกเบาๆ จากนั้นก็มองลอดเข้าไปในรอยแยก
รู้สึกคุ้นเคยกับห้องนั้นเป็อย่างมากเพราะเป็ห้องของตนเอง เพียงแต่ว่าการตกแต่งนั้นต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ไม่ไกลออกไปมีกระถางไม้ไผ่หยกวางอยู่ จินเฟิงรู้ว่านั่นคือต้นไผ่หยกที่ตนเองปลูกไว้
เมื่อจินเฟิงเงยหน้าขึ้นมอง เขาก็ต้องสะดุ้ง เพราะเห็นคนคนหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงของตนเอง ผมดำสยายปล่อยลงมา คนคนนั้นสวมชุดชั้นในสีขาว มีใบหน้าที่สะสวยน่ามอง และสิ่งที่น่าใคือ ใบหน้านั้นคือใบหน้าของหร่านซวี่จือ
เขาลงจากเตียง เท้าที่ขาวดุจหิมะเหยียบลงบนพื้น เดินไปรินน้ำชาบนโต๊ะ จินเฟิงมองดูอย่างละเอียด ถึงพบว่าบนข้อเท้านั้นมีโซ่เหล็กสีดำคล้องอยู่ ขณะที่หร่านซวี่จือเดินก็ส่งเสียงครืดคราด
ขณะนี้เอง จินเฟิงได้ยินเสียงฝีเท้าจากฝั่งขวาของตนจึงรีบหลบเข้ามุม เมื่อยื่นศีรษะมาดู รูม่านตาของเขาถึงกับหดเล็กลง
ชายหนุ่มที่เดินมาจากทางนั้น สวมชุดจีนสีดำ เครื่องหน้าที่หล่อเหลาคมเข้ม ตรงหว่างคิ้วมีลายสักสีแดงเข้ม ทำให้ใบหน้านั้นออกไปทางชั่วร้ายถึงขั้นสุด ชายหนุ่มผู้นี้มีท่าทีเ็าดุจน้ำแข็งแต่ฝีเท้านั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กำลังภายในมิอาจอ่านออกได้ แต่นี่น่าในั่นคือจินเฟิงหลังจากเติบใหญ่
เพียงแต่ว่า จินเฟิงคนนี้คือลักษณะของจินเฟิงที่กระทั่งตนเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ฉับพลันนั้นเขาก็ยืนตะลึงอยู่กับที่
จินเฟิงที่เป็ผู้ใหญ่คนนั้นเดินไปข้างประตูแล้วก็ผลักประตูออก หร่านซวี่จือที่อยู่ในห้องสะดุ้งจนเกือบทำแก้วน้ำชาหล่นพื้น เมื่อหันสายตาไปเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงประตู เขาก็เอ่ยด้วยความโมโห “เ้าจะขังข้าไปจนถึงเมื่อไหร่? ”
จินเฟิงที่เป็ผู้ใหญ่กลับไม่ตอบคำถามของหร่านซวี่จือ หากแต่หันหลังแล้วปิดประตู
จินเฟิงที่อยู่ด้านนอกปิดประตูใส่ หร่านซวี่จือจึงได้แต่เดินวนรอบห้อง จนเจอหน้าต่างหนึ่งบาน เขาเขย่งเท้าขึ้นมองด้านใน
“ยามนี้สำนักชิงหยาเก๋อกำลังอยู่ในวิกฤตคับขัน เ้าสำนักกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! เ้าจะให้ข้าตอบกับทุกคนว่าอย่างไร? ” คล้อยกันนั้นจินเฟิงที่เป็ผู้ใหญ่ก็เดินเข้าใกล้หร่านซวี่จือทีละก้าว หร่านซวี่จือถอยหลังด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย ริมฝีปากยังคงะโอย่างร้ายกาจ
“ทุกคน? ” จินเฟิงเดินไปตรงหน้าหร่านซวี่จืออย่างรวดเร็ว เขาสูงกว่าหร่านซวี่จือประมาณหนึ่ง่ศีรษะ พลังนั้นน่าเกรงขาม หลังจากมองต่ำอยู่สักพักก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ทุกคนคือใคร? หลิงอวิ้น? หรืออิ่งล่ะ? ”
“ที่แท้ที่เ้ายังสามารถลงจากเตียงได้ เห็นทีคงยังได้รับการลงโทษไม่เพียงพอใช่ไหม? ” เมื่อสิ้นเสียง จินเฟิงก็ปล่อยฝ่ามือพุ่งไปยังหน้าอกของหร่านซวี่จือและฝ่ามือนั้นทำเอาหร่านซวี่จือถึงกับกระเด็น หลังของเขากระแทกกับผนังข้างเตียงอย่างแรง หร่านซวี่จือกุมหน้าอกด้วยความเ็ปและไอไม่หยุด ริมฝีปากมีเืซึมออกมาเล็กน้อย เหมือนใกล้จะกระอักเื
“ตอนนั้นที่ข้าช่วยเ้ารับลมปราณธาตุเย็นมา เป็ความผิดมหันต์ของข้าในภพชาตินี้” หร่านซวี่จือมองดูจินเฟิงด้วยความเ็าพร้อมกับเอ่ยเยาะเย้ย
วินาทีถัดมาจินเฟิงก็จับหร่านซวี่จือกดลงไป จินเฟิงที่อยู่ข้างหน้าต่างตะลึง ทำตัวไม่ถูก รอยสักเข้มบนหน้าผากของจินเฟิงกำลังฉายแสงกระพริบขึ้นมา มองดูแล้วทั้งน่าประหลาดและสร้างความหวาดกลัว
เมื่อเห็นภาพนี้ หร่านซวี่จือก็ถึงกับตะลึงงันไป ท่าทีเปลี่ยนเป็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันใดพร้อมกับจะลุกหนี
เสียดายเพียงข้อเท้าที่ถูกโซ่ตรวนล่ามไว้ จินเฟิงจับโซ่เส้นนั้นแล้วกระชากมาทางตนเองอย่างแรง ร่างของหร่านซวี่จือจึงถูกลากมาตรงข้างเตียงด้านหน้าจินเฟิง มือข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ข้อเท้าขาวดุจหยกของเขา จากนั้นก็ฉีกกระชากเสื้อชั้นในของหร่านซวี่จือเสียงดัง “แควก”
“ท่านพี่” จินเฟิงยิ้มเผยฟันขาวอย่างชั่วร้าย หรี่ตาลง “นี่คือการทำโทษที่ท่านคิดจะหนี”
เขาบีบแก้มสองข้างของหร่านซวี่จือไว้พลางโน้มตัวลงแล้วกัดที่ริมฝีปากของเขาเต็มแรง ปลายลิ้นทะลวงเข้าช่องด้านในปากราวกับปลายมีดแหลมคม หร่านซวี่จือเ็ป ไม่นานนักก็มีเม็ดน้ำตาซึมออกมาตรงหางตา โซ่ตรงข้างเท้าเสียงดังเคร้งคร้าง เป็ค่ำคืนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและน่าโศกเศร้า
หลังจากตื่นขึ้นจากความฝัน จินเฟิงเบิกตากว้างลุกขึ้นนั่งบนเตียงทันใด หลังนั้นเปียกซึมด้วยเหงื่อ เขาจดจ้องผ้าห่มบนร่างกายพร้อมกับหายใจถี่
ตรงข้างเตียงนั้นเปียกชุ่ม เมื่อเปิดผ้าห่มออกก็ได้กลิ่นคาวจากของเหลวบางอย่าง จินเฟิงหัวใจเต้นรัวดุจตีกลอง คำว่า “ท่านพี่” นั้นราวกับดังก้องอยู่ข้างหู
-------------------------------------------------------