หลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ สมาชิกในครอบครัวต่างแยกย้ายกันไปทำงาน และเข้าเรียนตามหน้าที่ เมื่อก่อนเจิ้งหยวนก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน แต่เธอโดนคุณพ่อตี เลยขอลาหยุดรักษาแผลอยู่ในบ้าน
ถึงกระนั้น เธอก็ไม่ได้อยู่ว่างเฉยๆ เมื่อก่อนเฉินชุ่ยอวิ๋นต้องเลี้ยงดูแลเด็กสองคน ทั้งยังซักผ้า ทำอาหารในบ้าน ยุ่งวุ่นวายทั้งวัน เธอหยุดอยู่บ้านเลยได้โอกาสช่วยคุณแม่แบ่งเบางาน เมื่อคุณแม่พาเด็กๆ ออกไปเล่นข้างนอก จนเหลือเธออยู่คนเดียว เธอจึงเข้าไปยังมิติอีกครั้งและค้นห้องทีละห้อง เพื่อดูว่ามีของอะไรที่สามารถเอามาใช้ในยุคนี้ได้บ้าง
โรงแรมจิ่นต๋าใหญ่โตโอ่อ่า เพียงแค่ห้องพักแขกก็มีนับร้อยห้องแล้ว ไม่รวมพวกหอพักพนักงานและห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก เวลาแค่นี้ไม่มีทางค้นหาจนเสร็จ เธอจึงค่อยๆ ค้นไปเรื่อยๆ โชคดีตรงที่เธอค้นเจอหนังสือปรุงอาหารเล่มหนึ่งในหอพักพนักงานั้แ่วันแรก เนื้อหาในนั้นจดพวกสูตรเครื่องปรุงรส หัวเชื้อ รวมทั้งวิธีหมักผักดองไว้ เธออ่านแล้วจึงตัดสินใจลองทำดู ที่บ้านมีแปลงปลูกผักจำนวนมากอยู่สองแปลง ผักที่กินเหลือเฉินชุ่ยอวิ๋นก็มักจะหมักเก็บไว้กินถึง่ฤดูหนาว พูดกันตามตรงรสมือของแม่ไม่ค่อยดีนัก ผักดองเ่าั้เลยมีรสเค็มเพียงอย่างเดียว
“อารอง อากำลังทำอะไรเหรอ?” ซิงซิงนั่งยองลงข้างๆ เจิ้งหยวนด้วยดวงตากลมแป๋ว ท่าทางสงสัยใคร่รู้อย่างน่าเอ็นดู
เจิ้งหยวนออกแรงกดเครื่องสูบน้ำ ทุกครั้งที่กดจะมีน้ำบ่อใสสะอาดไหลออกมา เ้าสิ่งนี้ไม่ได้มีกันทุกครัวเรือนในยุคนี้ อย่ามองว่าบ้านเธอยากจน ที่บ้านเธอจนเพราะต้องซื้อยาให้คุณแม่จำนวนมากทุกปี พ่อของเธอเป็หัวหน้ากองผลิต และครอบครัวเธอยังเป็บ้านแรกในกองที่ทุบสร้างบ่อสูบน้ำ เมื่อมีบ่อสูบน้ำอยู่จึงไม่ต้องไปตักน้ำหน้าหมู่บ้าน สะดวกสบายอย่างยิ่ง เพื่อนบ้านรอบบริเวณก็มักมาตักน้ำที่บ้านเธอประจำ
“ไม่เห็นฉันกดน้ำเหรอ” เพราะตากแดดมาสักพักแล้ว เจิ้งหยวนจึงเอ่ยขึ้นพลางเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
“งั้นกดน้ำทำไมเหรอ?”
“ล้างโอ่งดินเผา”
“ล้างทำไมเหรอคะ?”
“หมักผักดอง”
“หมักผักดองทำไมล่ะ?”
“กินสิ” เจิ้งหยวนยกเท้าเตะก้นของเด็กหญิงเบาๆ “เธอถามมากเหลือเกิน หลบไปด้านข้างก่อน ดูสิ เดี๋ยวน้ำเลอะตัวหมดฉันก็ต้องมาซักเสื้อให้”
เด็กหญิงยังไม่ลุกขึ้น นั่งยองขยับตัวไปข้างๆ พลางจ้องมองเจิ้งหยวนทำงานต่อทั้งอย่างนั้น
เจิ้งหยวนสูบน้ำได้เกือบกะละมังหนึ่ง ครั้นรู้สึกพอประมาณแล้วก็เริ่มล้างโอ่งดินเผาต่อ
เด็กหญิงเขยิบเข้ามาถามอีก “งั้นผักดองที่อาหมักอร่อยไหม?”
“น่าจะอร่อยนะ” เจิ้งหยวนตอบส่งๆ ก่อนดึงมือเด็กหญิงที่อยากน้ำเล่นออก “ทำไมเธอมาใกล้ฉันอีกล่ะ ไปเล่นตรงนู้นก่อนไป”
เด็กหญิงดื้อรั้นมาก ฤดูร้อนอากาศกำลังอบอ้าว เด็กๆ ต่างชอบเล่นน้ำกัน เธอจึงคะยั้นคะยอเป็พิเศษ “ฉันช่วยนะ อารอง ฉันช่วยนะคะ” ไม่เพียงพูดเปล่า ยังกวักน้ำอีกด้วย เพียงสองทีก็ทำกางเกงเปียกโชกเสียแล้ว
“ตายแล้ว” เจิ้งหยวนเห็นก็รีบอุ้มเด็กหญิงขึ้นทันที ด้วยเพราะมือยังเปียกชื้นอยู่ เธอจึงพยายามอุ้มไว้ด้วยแขน เด็กหญิงบิดตัวนิดหน่อย ก็ลื่นไถลลงข้างล่างแล้ว เธอจึงรีบวางเด็กน้อยลงด้านข้าง ก่อนะโบอกเฉินชุ่ยอวิ๋นที่กำลังคุยเล่นกับเพื่อนบ้านอยู่ด้านนอก “แม่! แม่! ทำอะไรอยู่น่ะ?”
เฉินชุ่ยอวิ๋นตอบรับเสียงดัง “ฉันอยู่ข้างนอก!”
“แม่พาซิงซิงไปด้วยสิ เธอเอาแต่เล่นน้ำ! เสื้อเปียกหมดแล้ว!”
แต่เฉินชุ่ยอวิ๋นกลับตอบว่า “แกปล่อยเธอเล่นไปก่อน เล่นเสร็จฉันค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทีเดียว”
เจิ้งหยวนพูดอะไรไม่ออก “…” ก็ได้ เธอมองหลานสาว หลานสาวมองเธอกลับตาปริบๆ ท่าทางน่าสงสาร เหมือนจะอยากเล่นน้ำมากจริงๆ
“มาๆ” เจิ้งหยวนเอ่ยอย่างท้อใจ แล้วชวนเด็กหญิงมาล้างโอ่งด้วยกัน
ทว่าล้างไปสักพัก เด็กหญิงก็ห้ามปากไม่อยู่ถามขึ้นอีก “อารองๆ อาล้างโอ่งทำไมเหรอ?”
“หมักผักดองไง เพิ่งพูดไปเองนี่” โอ่งดินเผาใบนี้ใช้สำหรับหมักผักดองมาก่อน หลังผักดองหมดคุณแม่เธอไม่ได้ล้างเก็บ เลยค่อนข้างสกปรก ไม่นานน้ำในกะละมังก็ขุ่นคลั่ก เธอเทน้ำออก แล้วกดน้ำเพิ่มอีก
“อารองๆ ฉันช่วยอากดนะ!”
“อย่าๆๆ ไม่ต้อง! เธอหลบออกไปก่อน ไม่งั้นก็ไปเล่นน้ำดีกว่า” บ่อสูบน้ำทำมาจากเหล็ก หากกระแทกเด็กเข้าจะทำอย่างไร
แม้เด็กหญิงจะถูกปฏิเสธกลับไม่ร้องไห้ เธอยื่นมือเล็กขาวไปอังที่ช่องจ่ายน้ำ แล้วเล่นน้ำใสที่ไหลออกมาเป็สาย ชั่วครู่หนึ่ง เธอจึงถามต่อ “อารองๆ ผักดองหมักยังไงคะ?”
“อารองๆ ทำไมน้ำเย็นจังเลยคะ?”
“อารอง ตอนเย็นอาทำกับข้าวอีกไหม ฉันว่าอาทำอร่อยมาก”
“อารอง ผักดอกที่อาหมักจะอร่อยเหมือนเนื้อที่อาเคยอบหรือเปล่า?”
“อารอง ฉันอยากกินเนื้ออีก อาอบเนื้อให้ฉันกินเถอะ”
“อารอง…”
เด็กหญิงช่างจำนรรจาเสียจริง ถึงเจิ้งหยวนไม่สนใจเธอก็คุยสนุกอยู่คนเดียวเหมือนเดิมจนเจิ้งหยวนเริ่มรำคาญ อยากหาอะไรมาอุดหูเสียเดี๋ยวนั้น เด็กวัยนี้เซ้าซี้ขนาดนี้เลยหรือ? เธอจำได้ว่าเมื่อก่อนเผิงเผิงไม่เห็นพูดมากเท่านี้ พอคิดถึงเผิงเผิง ใจก็ตื้อตันไปหมด เธอจึงถอนหายใจ พลางสะบัดศีรษะไล่ความคิดยุ่งเหยิง
ในขณะนั้นเอง อยู่ๆ เสียงของเฉินชุ่ยอวิ๋นพลันดังขึ้น
“พี่สะใภ้ใหญ่ มาทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้