ถึงแม้ชีวิตในสำนักศึกษาสตรีจะดีเพียงใด แต่ก็สู้วันหยุดไม่ได้ เฉียวเยว่พบว่าตราบใดที่ต้องไปเรียนหนังสือ การมีวันหยุดก็มักทำให้คนมีความสุขเสมอ
นางกำลังเปลี่ยนอาภรณ์ วันนี้ทั้งครอบครัวจะออกไปย่ำขจีด้วยกัน นึกแล้วก็เบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก
ไท่ไท่สามมักแต่งกายที่ดูสุขุมสง่างาม พอเห็นบุตรสาวก็ครุ่นคิดแล้วถามว่า "เหตุใดเ้าใส่ชุดนี้?"
เฉียวเยว่ไม่รู้สึกว่าการแต่งตัวชุดนี้ไม่ดีตรงไหน นางก้มลงพิจารณาตนเอง แล้วถามมารดาด้วยรอยยิ้ม "ไม่สวยหรือเ้าคะ?"
เสื้ออ่าวสีฟ้าอ่อนแบบเรียบๆ แทรกดิ้นทอง ทับด้วยเสื้อคลุมสีฟ้าสดใส ของทุกชิ้นของเฉียวเยว่ล้วนแต่มีราคา แม้แต่อาภรณ์ที่เรียบง่ายตัวหนึ่งราคาก็เท่ากับรายรับของครอบครัวคนทั่วไปครึ่งปีแล้ว เนื้อผ้ารูปแบบล้วนดียิ่ง
นางแต่งตัวแบบคุณหนูชนชั้นสูง สีสันไม่ค่อยสดใสมากนัก แต่ไท่ไท่สามกลับขมวดคิ้ว นางรู้สึกว่าแม่นางน้อยควรสวมเสื้อผ้าที่ดูมีชีวิตชีวามากกว่านี้ ชุดนี้แม้ว่าจะภูมิฐานสง่างามก็จริง แต่ก็ยังดูจืดชืดเกินไป
"สตรีอายุยังไม่มาก วันไปสำนักศึกษาก็ให้สวมใส่ชุดธรรมดาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ก็ควรแต่งเนื้อแต่งตัวเสียบ้าง ยังมาแต่งแบบนี้ ข้าว่าอาจารย์ของพวกเ้าคงจะทำให้ทัศนะเื่ความงามของเ้าไขว้เขวเสียแล้วกระมัง"
ไท่ไท่สามเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกเสื้ออ่าวลายดอกไม้กระจิริดสีชมพูดอกท้อออกมาแล้วพยักหน้า "ตัวนี้ถึงจะสวย"
แม้ว่าลวดลายดอกไม้จะดูหยาบไร้รสนิยม แต่เมื่อจับคู่กันแล้วให้ความรู้สึกสดใสน่ารัก ไท่ไท่สามรู้สึกว่าเฉียวเยว่สวมใส่แล้วสวยมาก"
"ดูซิ เ้ามีเสื้อแบบนี้ตั้งเยอะแต่ไม่เคยเอามาสวมใส่ ใส่แต่สีฟ้าจืดชืดอะไรก็ไม่รู้ มาเอาไปเปลี่ยน"
ไท่ไท่สามยืนกรานหนักแน่น
"ท่านแม่ ท่านเองยังไม่สวมใส่เสื้อผ้าสีสดใสเลย ยังจะมาขอให้ข้าใส่แบบนี้อีก"
ไท่ไท่สามถลึงตา "พวกเราจะเหมือนกันได้อย่างไร ข้าอายุเท่าไร เ้าอายุเท่าไร"
เฉียวเยว่ยิ้มน้อยๆ ก่อนรับเสื้อไปเปลี่ยน นางสวมชุดนี้ขึ้นมากดังคาด เฉียวเยว่มีความงามเฉกเช่นบุปผาล้ำค่า เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดยิ่งขับเน้นความพิลาสเฉิดฉันของนางออกมา
"เ้าดูสิ เชื่อฟังแม่ไม่มีทางพลาด บุตรสาวของข้าควรแต่งตัวเช่นไรข้ารู้ดีที่สุด ทัศนะเื่ความงามของเ้าไม่ไหวจริงๆ" ไท่ไท่สามกล่าว
อยู่ดีๆ นางก็ถูกรังเกียจเฉยเลย
ขณะพวกเขาออกจากบ้าน ฉีอันก็พูดพลางหัวเราะเยาะ "เ้าแต่งตัวเหมือนด้วงเต่าลายเลย"
เฉียวเยว่ "..."
ไท่ไท่สามนึกฉุน "ขนาดของกินยังอุดปากเ้าไม่อยู่ เด็กน้อยตัวกะเปี๊ยกอย่างเ้าสายตาใช้ไม่ได้ ถามบิดาเ้าสิ สวยหรือไม่?"
"งามมาก สวยมาก" ซูซานหลางยิ้มน้อยๆ
ฉีอันหดศีรษะไม่กล้าคัดค้าน
แม้จะบอกว่าออกไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว แต่ไม่รวมอิ้งเยว่ นางยุ่งอยู่กับการศึกษาตำราหายากที่อาจารย์ฉีหามาได้ั้แ่สองสามวันก่อน ไม่คิดจะออกไปไหนอยู่แล้ว
ซูซานหลางไม่บังคับใจบุตรสาวคนโต จึงพาแต่ฉีอันกับเฉียวเยว่ไปด้วยกัน
ขณะปีนเขา เฉียวเยว่นึกถึงครั้งแรกที่ตนเองออกมาท่องเที่ยวกับอวี้อ๋อง ก็ถอนหายใจ "คราก่อนเคยมากับอวี้อ๋อง พริบตาเดียวข้าก็โตแล้ว ตอนนั้นเขายังอุ้มข้าอยู่เลย"
"ให้ผู้อื่นอุ้ม เ้าไม่รู้สึกร้อนใบหูบ้างเลยหรือ" ไท่ไท่สามตำหนิ
วสันตฤดูคือฤดูกาลที่งดงามตระการตา ผู้มาย่ำขจีมีจำนวนไม่น้อย เฉียวเยว่ยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้เขียวขจีสวยสะคราญยิ่งกว่ามวลผกา
แม่นางน้อยที่หน้าตาสะสวยใครๆ ล้วนแต่อยากมอง ซูซานหลางเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณอันตราย มักวิตกว่าบุตรสาวจะถูกเ้าหนุ่มสารเลวเ่าั้มาหลอกไป "เฉียวเยว่ เ้าอายุยังน้อย แยกแยะคนดีคนเลวไม่ออก บางคนดูไม่เลว น่าเคารพนับถือ แต่แท้จริงแล้วมีแต่มีของเน่าเสียเต็มท้อง บางคนนิ่งขรึมพูดน้อย ดูเป็คนสัตย์ซื่อ แต่ในใจกลับซ่อนความคดเคี้ยวเอาไว้ ไม่ว่าเื่ใดก็ต้องมองให้มาก ถามคนข้างกายให้มาก พวกเราจะให้ความคิดเห็นที่ดีที่สุดแก่เ้าเสมอ"
คนดีมีไม่มากเหมือนคำกล่าวของท่านพ่อจริงๆ เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก "ข้าทราบเ้าค่ะ"
"ซูเฉียวเยว่"
น้ำเสียงใสกระจ่างของเด็กสาวดังขึ้น เฉียวเยว่มองไป ก็เห็นฉินอิ๋งสหายร่วมชั้น ฉินอิ๋งทำความเคารพซูซานหลางสองสามีภรรยา หลังจากนั้นก็เข้ามาจับมือเฉียวเยว่ "ไม่นึกเลยว่าจะพบเ้าที่นี่ เ้าก็ออกมาย่ำขจีเหมือนกันหรือ?"
นางมองฉีอัน ยิ้มพยักหน้าให้เขา "พวกเ้าสองพี่น้องหน้าตาไม่ค่อยเหมือนกันเลย"
หลังจากนั้นก็มองฉีอันอย่างพินิจ ดวงหน้าแดงระเรื่อ เฉียวเยว่ตกตะลึง หลังจากนั้นก็หันไปมองฉีอันด้วยความรู้สึกไม่คาดคิด เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบเดี๋ยวนี้ก็มีความรักกันแล้วหรือ?
แต่ไม่ช้าก็รู้สึกว่าตนเองช่างโง่งมเหลือเกิน คนต้าฉีส่วนใหญ่อายุสิบห้าสิบหกก็หมั้นหมาย อายุสิบเจ็ดก็แต่งงานแล้ว
เมื่อการแต่งงานดูเหมือนว่าจะไม่เร็วเกินไปสำหรับยุคสมัยโบราณ ความคิดแก่แดดแก่ลมก่อนวัยอันควรก็ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้
นางเอียงคอมอง "ฉินอิ๋ง เ้ามาเองหรือ? น่าจะไม่ใช่กระมัง?"
"ไม่ได้มาเองคนเดียวอยู่แล้ว ข้ามาพร้อมกับพี่สาวน้องสาวที่บ้านน่ะ" ฉินอิ๋งอมยิ้ม
ขณะกำลังสนทนากันอยู่ แม่นางคนหนึ่งก็ตามมาหา นางโตกว่าพวกนางเล็กน้อย ฉินอิ๋งแนะนำให้รู้จัก "เฉียวเยว่ นี่คือหร่วนหลี ญาติผู้พี่ของข้า"
เฉียวเยว่พยักหน้ายิ้ม นับเป็การทักทาย
"พี่สาวข้าก็เรียนที่สำนักศึกษาสตรีเหมือนกัน โตกว่าพวกเราสามปี นางเก่งมากเลยนะ" ฉินอิ๋งกล่าวเสริม
"ญาติผู้น้องอย่ากล่าวเช่นนี้ เมื่อเทียบกับสองพี่น้องสกุลซูข้าไหนเลยจะนับว่าเป็อันใดได้" หร่วนหลีพูดอย่างถ่อมตัว
สายตาของนางมองไปที่เฉียวเยว่ มีทั้งความชื่นชมแกมริษยา
เฉียวเยว่อมยิ้ม "ระหว่างคนกับคนด้วยกันไม่จำเป็ต้องเปรียบเทียบ แข่งกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
เห็นมีบุรุษมองมาจากอีกทาง เฉียวเยว่ก็พูดต่อ "พวกเ้าไปพักผ่อนกันเถอะ เที่ยวกันให้สนุกล่ะ พวกเราก็จะไปกันต่อเหมือนกัน บิดามารดาข้าคงรอแย่แล้ว"
นางโบกมือ แล้วรีบเดินตามซูซานหลางไปอย่างรวดเร็ว
ฉีอันเอื้อมมือไปช่วยประคองนาง "หากเ้าอยู่นิ่งๆ ก็พอจะเหมือนเทพธิดาแห่งเก้า์ชั้นฟ้าหลอกใครต่อใครได้อยู่ แต่พอขยับตัวนิดเดียวก็จบเห่เลย"
เฉียวเยว่หัวเราะพรืด "จบเห่อันใด สาวน้อยจอมซ่าเช่นข้าย่อมเป็ที่นิยมชมชอบอยู่แล้ว"
"เออ จริงสิ ญาติผู้พี่ของสหายร่วมชั้นของเ้าผู้นั้นท่าทางหยิ่งผยองน่าดู ราวกับคิดว่าตนเองสูงส่งมาก" ฉีอันถอนหายใจ
ซูซานหลางขมวดคิ้ว "อย่านินทาผู้อื่นลับหลัง เป็บุรุษไม่ควรพูดเช่นนี้"
ฉีอันห่อไหล่อีกหน
เฉียวเยว่หัวเราะขบขัน ยามกลับมาถึงจวนก็พบกับหรงเยว่ พวกนางสองคนไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้ว เฉียวเยว่ย่อมจะชวนนางมานั่งเล่น
หรงเยว่ก็รับปาก
"เมื่อเช้าได้ยินว่าเรือนสามของพวกเ้าออกไปย่ำขจีด้วยกัน" หรงเยว่ยิ้ม "แต่ข้าเดาว่าอิ้งเยว่ต้องไม่ไปแน่ๆ"
พอเริ่มโตขึ้น หรงเยว่ก็มีความอ่อนโยนมากขึ้น ไม่ปากร้ายเหมือนเมื่อก่อน
เฉียวเยว่หัวเราะ พลางพยักหน้า "นางไม่ไปจริงๆ แต่ตอนนี้คนไปย่ำขจีกันเยอะมาก ข้ายังเจอสหายร่วมชั้นด้วย อ้อ จริงสิ ญาติผู้พี่ของนางคงจะเป็รุ่นเดียวกับท่าน ชื่อ... ชื่อว่าหร่วนหลี"
พอเอ่ยถึงคนผู้นี้ หรงเยว่ก็แค่นเสียงเยาะ "ข้านึกว่าใคร ที่แท้ก็นางนี่เอง"
"พี่หรงเยว่ ท่านกับฉีอันคงจะคุยกันได้เลย เขามองปราดเดียวก็รู้สึกว่านางไม่ใช่คนดี"
หรงเยว่ถอนหายใจ "วีรบุรุษมักเห็นสิ่งเดียวกันแท้ๆ"
หร่วนหลีมีพื้นเพเป็คนเจียงหนาน บิดาเป็บัณฑิตของครอบครัวหนึ่ง ฐานะทางบ้านของนางนับว่าธรรมดา เดินทางมาเมืองหลวงครานี้ก็พำนักอยู่กับสกุลฉินผู้เป็น้าของตนเอง ถึงตอนนี้ก็อยู่มาสามปีแล้ว
ดูเหมือนว่านางจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกพี่ลูกน้องสกุลฉิน แต่ความสัมพันธ์กับสหายร่วมชั้นในสำนักศึกษากลับไม่ดีอย่างยิ่ง ยิ่งเหยียดหยันดูแคลนคนที่อาศัยเส้นสายเข้ามาในสำนักศึกษาเช่นหรงเยว่
ในความคิดเห็นของสหายร่วมชั้นของพวกนาง หร่วนหลีมักทำตัวเ็าห่างเหิน แต่กลับใฝ่หาชีวิตที่หรูหราฟุ้งเฟ้อ ส่วนหรงเยว่ก็เคยเห็นนางรับของขวัญจากนักศึกษาชายของกั๋วจื่อเจียน จุดนี้ทำให้นางรู้สึกดูแคลนเป็ที่สุด
นางไม่สนว่าผู้อื่นจะเป็อย่างไร ก็รับของขวัญของบุรุษมาแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่คนเดียว หรือครั้งเดียว ช่างไม่รักศักดิ์ศรีของตนเองสักนิดเลย
เฉียวเยว่ฟังเื่ราวเหล่านี้ ก็นิ่งไปสักพัก หลังจากนั้นก็ถามขึ้นว่า "พี่หรงเยว่มิได้บอกผู้อื่นกระมัง?"
หรงเยว่หัวเราะ บีบแก้มของนาง "เ้าเห็นข้าโง่หรือ ไยข้าต้องบอกผู้อื่น มันไม่ดี อย่างไรเสียก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง ถึงข้าจะไม่ชอบนาง แต่จะไม่ทำร้ายนาง"
หรงเยว่เว้นจังหวะ ก่อนพูดอีกว่า "แต่เื่ที่นางรับของขวัญจากบุรุษ มีคนเห็นไม่น้อย เ้าก็รู้แล้วนี่ไง มีกำแพงที่ไหนลมทะลุผ่านไม่ได้บ้าง เ้าเห็นข้าไม่ค่อยมีคนชอบ นางยิ่งไม่มีคนชอบยิ่งกว่าข้าอีก ไม่มีใครอยากคบหากับนาง"
"ผู้อื่นก็ไม่ยินดีเล่นกับท่านด้วยใช่ไหมเล่า?" เฉียวเยว่ยิ้ม
หรงเยว่พยักหน้า "ก็ใช่สิ นางใช้เล่ห์กลสารพัดเพื่อที่จะเป็สหายกับคุณหนูจ้าว แม้คุณหนูจ้าวจะมาจากตระกูลพ่อค้าวาณิช แต่ก็มีเงินทองเยอะ ของที่นางใช้ทั้งหลายล้วนเป็คุณหนูจ้าวมอบให้ทั้งสิ้น เพราะแบบนี้ คุณหนูจ้าวถึงรู้สึกว่าตนเองต้องใช้เงินถึงจะสามารถเข้ามาเป็สหายกับคนที่นางไม่คู่ควร จิ๊จิ๊"
เฉียวเยว่ขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะหรงเยว่พูดถึงหร่วนหลีในทางที่ไม่ดีทำให้นางรู้สึกไม่ชอบ แต่เป็เพราะนางเชื่อคำพูดของหรงเยว่ แม้ว่านางจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่ไม่ใช่คนไร้จุดหมาย และวันนี้จากที่ัักัน่สั้นๆ นางก็พอรู้สึกได้อยู่บ้าง สายตาของอีกฝ่ายที่มองตนเองชวนให้รู้สึกอึดอัด
"คุณหนูเ้าคะ" อวิ๋นเอ๋อร์เดินเข้ามาพร้ะกร้าใบหนึ่ง "จวนอวี้อ๋องส่งขนมมา บอกว่าท่านอ๋องอวี้ทำเองกับมือ มอบให้คุณหนูเป็ของขวัญขอบคุณที่คุณหนูส่งขนมให้เขาก่อนหน้านี้เ้าค่ะ"
เฉียวเยว่เริงร่าขึ้นมาทันใด หลังจากนั้นก็หันไปพูดกับหรงเยว่ "พี่หรงเยว่ รีบมาชิม ฝีมือของท่านพี่จ้านยอดเยี่ยมมาก หากไม่ใช่ท่านอ๋อง เขาต้องเป็พ่อครัวได้แน่นอน"
หรงเยว่พิจารณาสีหน้าของเฉียวเยว่อย่างละเอียด แล้วเอื้อมไปหยิบหนึ่งชิ้น "เ้าใจกล้าน่าดู แม้แต่ท่านอ๋องอวี้ก็ยังกล้าคบหา"
พูดถึงตรงนี้ เฉียวเยว่ก็ถามทันที "พี่หญิงสาม ข้าเคยถามผู้อื่นแล้วแต่ไม่มีใครยอมบอก แต่ท่านต้องบอกข้านะ พี่จ้านเขาไปทำอะไรหรือ เหตุใดทุกคนกลัวเขากันหมดเลยเล่า?"
เฉียวเยว่พยายามนึกเป็ร้อยเป็พันครั้งก็ไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าั้แ่นางกลับมาจากท่องเที่ยว ก็รู้สึกเหมือนว่าทุกคนจะกลัวหรงจ้านกันมากกว่าเดิม
"พี่จ้านชาติตระกูลดี หน้าตาก็หล่อเหลา สติปัญญาเฉลียวฉลาดมีความสามารถ แม้ว่าจะอนามัยจัดไปหน่อย แต่การรักความสะอาดก็ไม่น่าจะข้อเสียกระมัง?" นางกล่าวอย่างจริงจัง
สีหน้าของหรงเยว่พลันแข็งค้าง เฉียวเยว่เขย่าตัวนาง "พูดเถอะ พูดเถอะ ข้าไม่บอกผู้อื่นหรอก ข้าแค่สงสัยว่าเพราะเหตุใด"
หรงเยว่นิ่งไปสักพัก "ก็ไม่มีอะไร"
นางเม้มปาก
เฉียวเยว่ทำปากยื่น "พี่หญิงสามบอกข้าเถอะนะ ข้าจะได้ป้องกันตัวไว้ ท่านก็รู้ ข้าเองเป็คนไม่ค่อยรู้จักขอบเขต จะได้ไม่ถูกเขาจับผิดเอาได้"
หรงเยว่ขบริมฝีปาก "พูดแล้ว พูดแล้ว พูดแล้ว บอกเ้าก็ได้"
"พี่หญิงสามดีที่สุด" เฉียวเยว่ยิ้มออกทันใด
ปิ๊งป่อง
จอมสอพลอซูเฉียวเยว่ ภารกิจสำเร็จ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้