เมื่อกูเฟยเยี่ยนกลับมาถึงจิ้งหวางฝู่ หญิสาวก็โยนเื่ตระกูลฉีทิ้งแล้วรีบไปหาเซี่ยเสี่ยวหม่าน
“ได้ยินมาว่าเตี้ยนเซี่ยถูกฝ่าาลงโทษให้ไปนั่งสำนึกผิดที่วัดต้าฉือแล้ว? ”
“เหอะ! ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านหันหลังเดินออกไปด้วยความหยิ่งยโส แต่เมื่อพ้นจากสายตาของกูเฟยเยี่ยนแล้วเขาก็รีบวิ่งไปถามหมางจ้งทันที เนื่องจากเขาก็ไม่ทราบว่าเ้านายของตนเองอยู่ที่ใดเช่นกัน
ยามนี้จวินจิ่วเฉินกำลังเล่นหมากรุกกับเทียนอู่ฮ่องเต้ในตำหนักบรรทมของเทียนอู่ฮ่องเต้
สีหน้าของเทียนอู่ฮ่องเต้ไม่แย่นัก เพียงแต่ว่าไม่อาจประทับได้นาน พระองค์ตะแคงพิงอยู่ที่ประทับด้านข้างของกุ้ยเฟย ในส่วนของจวินจิ่วเฉินนั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา
กระดานหมากรุกทำมาจากไม้สักทอง มีความสง่างามและประณีต หมากสีดำและสีขาวทำมาจากก้อนผลึกหยกขาว มีความหรูหราและสง่างาม สองพ่อลูกเพิ่งจะเริ่มเล่นจึงยังมองไม่ออกว่าสถานการณ์จะเป็เช่นไร
ดูเหมือนว่าจิตใจของเทียนอู่ฮ่องเต้จะไม่ได้อยู่ที่หมากรุก พระองค์มักจะเงยหน้าขึ้นมาพินิจพิเคราะห์จวินจิ่วเฉิน ทว่าจวินจิ่วเฉินกลับใจจดใจจ่อไม่ละสายตาไปจากกระดานหมากรุก
ภายในห้องมีเพียงพวกเขาสองพ่อลูก คนรับใช้และไท่อีล้วนถูกขับไล่ให้ออกไปด้านนอก
ท่ามกลางความเงียบสงบจวินจิ่วเฉินหยิบหมากสีขาวขึ้นมา ทว่าไม่ได้วางลงแต่ทำการเคาะไปที่กระดานเบาๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดและกำลังลังเล นิ้วมือของเขายาวและชัดเจน ดูดีสะดุดตาจนทำให้ก้อนผลึกหยกขาวบนกระดานดูหม่นหมองไร้สี
เทียนอู่ฮ่องเต้ชำเลืองตามองพลางเอ่ยถามเบาๆ “จิตใจไม่สงบ ทำไม ยังหาคนร้ายตัวจริงไม่พบอย่างนั้นหรือ? ”
แม้ว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ก็กำลังรอข่าวจากทางด้านศาลต้าหลี่เช่นกัน ทว่าไม่ได้ใส่ใจมากนักจึงไม่ค่อยทราบรายละเอียด
“ยังคงตรวจสอบอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
จวินจิ่วเฉินกล่าวตอบพลางวางหมากลง เขาดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่หมากที่เดินกลับเป็หมากอันตรายและทำให้เทียนอู่ฮ่องเต้ได้โอกาสในการสังหารที่ยอดเยี่ยม
เทียนอู่ฮ่องเต้จริงจังขึ้นมาในทันที พระองค์ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานถึงจะวางหมากสีดำลง เห็นได้ชัดว่าเขามีโอกาสในการล้อมสังหาร ทว่ากลับใช้วิธีรักษาเส้นทางและล่าถอยกลับไป
ครั้งนี้จวินจิ่วเฉินไม่ลังเล เขาวางหมากลงในทันทีและเป็หมากที่อันตรายอีกครั้ง เทียนอู่ฮ่องเต้ล่าถอยต่อไป สองพ่อลูกไม่ได้พูดคุยกันอีก ทั้งคู่เพียงแค่เล่นสลับกันต่อไปเรื่อยๆ ผ่านไปไม่นานก็กลายมาเป็สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่แอบซ่อนกระแสน้ำเอาไว้ เทียนอู่ฮ่องเต้เป็ผู้ที่ได้เปรียบอยู่
ทันทีที่ได้เปรียบ เทียนอู่ฮ่องเต้ก็ชะลอตัวลง ประการแรกเป็เพราะเขาเหนื่อยแล้ว ประการที่สองเป็เพราะเขาไม่กล้าชะล่าใจ เขาทราบทักษะการเล่นหมากรุกของบุตรชายคนนี้ดี การเดินแต่ละก้าวดูเหมือนจะอันตรายแต่ในความเป็จริงกลับเป็กับดักที่ผ่านการคิดมาอย่างรอบคอบและมีทางหนีทีไล่แอบซ่อนไว้อยู่ เขาทำได้เพียงสอดส่องทุกย่างก้าวและเหลือทางหนีเอาไว้ ไม่มีองค์ชายองค์ไหนกล้าเอาชนะเขา แต่จิ้งหวางกล้า หากเขาชะล่าใจกระดานตานี้เขาจะต้องแพ้อย่างแน่นอน
ผ่านไปไม่นานจู่ๆ เทียนอู่ฮ่องเต้ก็ไอออกมา จวินจิ่วเฉินกำลังจะเรียกไท่อีทว่าถูกห้ามเอาไว้
“ไม่จำเป็ ยากนักที่เจิ้นจะมีกะจิตกะใจนั่งเล่นหมากรุกกับเ้า หากเ้าเรียกไท่อีมาจู้จี้จุกจิกข้างหูเจิ้น เจิ้นจะไล่ออกไปให้หมดรวมถึงตัวเ้าด้วย! ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้เรียกแต่ไปเทน้ำหนึ่งแก้วมาป้อนเทียนอู่ฮ่องเต้ด้วยตัวเอง การกระทำของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังและเคารพนอบน้อมทว่าปราศจากความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อป้อนเรียบร้อยแล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาว่า “สองวันมานี้สีหน้าของฟู่หวงไม่แย่เลย ได้ยินไท่อีบอกว่าใบสั่งยาที่เอ๋อร์เฉินซื้อมาจากหุบเขาเสินหนงมีประสิทธิภาพมาก ฟู่หวงใช้ไปอีกสัก่เวลาหนึ่งจะต้องมีพลานามัยที่แข็งแรงแน่นอน”
โรคที่เทียนอู่ฮ่องเต้เป็อยู่ที่ปอด มีอาการไอมาเป็เวลานานและรักษาไม่หาย ร่างกายค่อยๆ อ่อนแอลงทุกวัน
ซูไท่อีวินิจฉัยไปเมื่อสิ้นปีที่แล้วว่าอาการประชวรของเทียนอู่ฮ่องเต้ไม่ดีนัก ว่ากันว่าหากฤดูนี้ยังไม่หาย ฤดูร้อนจะยิ่งแย่ลง และจะอยู่ไม้พ้นฤดูใบไม้ร่วง เมื่อปีก่อนจวินจิ่วเฉินใช้เวลาไปกว่าครึ่งปีในการตามหาใบสั่งยาทั่วสารทิศ ท้ายที่สุดก็ได้ใบสั่งยาประหลาดที่บรรเทาอาการไอมาจากหุบเขาเสินหนง เพียงแต่ว่ามันสามารถบรรเทาอาการไอได้เท่านั้น เป็การรักษาที่ปลายเหตุไม่ใช่ต้นเหตุ
การที่จวินจิ่วเฉินเอ่ยถึงเื่นี้เป็เพราะว่า้าหยั่งเชิงอย่างแน่นอน
“ร่างกายของเจิ้น เจิ้นทราบดี เ้าไม่จำเป็ต้องปลอบใจ”
เทียนอู่ฮ่องเต้เอ่ยพลางลูบหน้าอก ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “เจิ้นให้เ้าจับตามองค่ายทหารฝั่งตะวันตก เหตุใดเ้าจึงให้กองกำลังทหารไปตรวจสอบการติดสินบน? ”
น้ำเสียงนี้ฟังดูเหมือนว่ากำลังคุยเล่น แต่ในความเป็จริงกลับเป็การตั้งคำถาม เื่ใหญ่เช่นนี้จวินจิ่วเฉินจัดการโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วมารายงานทีหลัง เทียนอู่ฮ่องเต้จึงไม่พอใจมาก
“เอ๋อร์เฉินถ่ายทอดคำของฟู่หวงให้แก่กองกำลังทหาร เกรงว่าใต้เท้าหลินของกองกำลังทหารจะเข้าใจผิดไป เอ๋อร์เฉินก็เพิ่งจะทราบเื่เมื่อวันรุ่งขึ้น อยากจะไปขัดขวางแต่ก็สายเกินไปแล้ว วันนี้ที่เอ๋อร์เฉินมาเข้าเฝ้าก็เพราะ้าทูลรายงานเื่นี้กับฟู่หวง! เอ๋อร์เฉินดำเนินการไม่เรียบร้อย ฟู่หวงโปรดประทานโทษ”
จวินจิ่วเฉินบอกกล่าวเป็นัยกับใต้เท้าหลิน ทว่ากลับพูดจารวบรัดผลักไสความผิดออกไป
หลังจากที่เทียนอู่ฮ่องเต้ทราบข่าว พระองค์ก็ครุ่นคิดมาสองสามวันแล้ว คิดไม่ออกว่าจิ้งหวางทำไปเพื่อจุดประสงค์ใด มีข้อดีอย่างไร ยามนี้เมื่อได้ยินคำอธิบายของจิ้งหวางแล้วเขาก็ทำได้เพียงปล่อยมันไป
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้กำชับใต้เท้าหลินแห่งกองกำลังทหารแล้วว่าให้ออมมือต่อตระกูลฉี เขาไม่อยากทำลายความสมดุลระหว่างตระกูลฉีกับตระกูลเฉิง ต้องทราบไว้ว่าตระกูลฉีกับตระกูลเฉิงไม่ได้มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกับสองกองทัพใหญ่ แต่พวกเขาพัวพันไปถึงค่ายทหารใหญ่สองค่ายแห่งอาณาจักรเทียนเหยียน เขาไม่้าให้ตระกูลเฉิงยิ่งใหญ่จนครอบงำตระกูลฉี คนของฉีซื่อินั้นซื้อตัวได้ไม่ยาก แต่คนของเฉิงอี้เฟยนั้นต่างก็ดื้อด้านทั้งสิ้น
พวกเขาจงรักภักดีต่อแม่ทัพ ทว่าไม่จงรักภักดีต่อบุตรแห่ง์ ดังนั้นจึงจำเป็ต้องป้องกันเอาไว้
ภายในจิตใจของเทียนอู่ฮ่องเต้มีความหวาดกลัวตระกูลเฉิง การเสียชีวิตของแม่ทัพเฉิงผู้เฒ่าในตอนนั้นเป็เพราะแผนการของฉีซื่อิและเขาเองก็มีความผิดด้วยเช่นกัน
เทียนอู่ฮ่องเต้พยักหน้าขึ้นลงและไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
เขาพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยถามออกมา “สืบเจอผู้ที่เปิดเผยเื่ราววัดต้าฉือหรือยัง? ”
ซูไท่อีเคยเห็นใบสั่งยาปลอมของคดีเฉิงอี้เฟย แน่นอนว่าเทียนอู่ฮ่องเต้ทรงรับรู้ เทียนอู่ฮ่องเต้ทรงทราบเื่ที่จวินจิ่วเฉินใช้ใบเซียมซีของวัดต้าฉือมาเป็ข้ออ้างในการให้กูเฟยเยี่ยนเข้าไปในจวนเช่นกัน เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงหวายหนิงกับตระกูลฉีจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้ด้วย อีกทั้งยังคิดไม่ถึงว่าบุตรชายที่ตนเองให้ความสำคัญที่สุดจะมีข่าวลือกับแพทย์หญิงตัวน้อยที่สกปรก
สายตาของจวินจิ่วเฉินตกอยู่ที่กระดานหมากรุกได้สักพักแล้ว เขาเดินหมากก่อนจะตอบกลับไป “คนของเอ๋อร์เฉินไม่กล้าเปิดเผย ยามนี้เกรงว่าจะมีคนเจตนาสร้างข่าวลือ”
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา ดูเหมือนว่าเทียนอู่ฮ่องเต้จะทรงคาดเดาได้แล้ว ดวงตาของพระองค์ทอประกายถึงความโกรธเคือง ทันใดนั้นไอออกมา จวินจิ่วเฉินยืนกรานที่จะเรียกไท่อี ทว่าเทียนอู่ฮ่องเต้กลับยืนหยัดที่จะเล่นหมากรุกตานี้ให้จบ
จวบจนกระทั่งกลางดึกจวินจิ่วเฉินถึงได้ออกจากพระราชวัง เสียงกีบเท้าม้าทำลายความเงียบสงบในเมือง เขาเดินทางออกนอกตัวเมืองไปโดยไม่ได้กลับไปที่จิ้งหวางฝู่
แผ่นหลังของจวินจิ่วเฉินจากไปไกลเรื่อยๆ บนหลังคาที่ไม่ไกลนักก็ปรากฏตัวของชายหนุ่มคนหนึ่ง ท่ามกลางความมืดมิดจึงเห็นรูปร่างหน้าตาเขาไม่ชัดเจน เห็นเพียงแค่กรอบหน้าได้รูปที่แฝงไปด้วยเสน่ห์แห่งความชั่วร้าย
เขามีรูปร่างสูงโปร่ง มัดผมครึ่งหนึ่ง สวมใส่เสื้อคลุมรวบรัดสีม่วงโดยที่ไม่มีเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว หากเป็บุคคลอื่นที่สวมใส่เสื้อคลุมสีม่วงตัวนี้ เกรงว่าคงดูธรรมดาไม่น่าสนใจ แต่เมื่อมันถูกสวมใส่อยู่บนร่างกายเขามันกลับให้ความรู้สึกหรูหราสูงศักดิ์ที่ไม่อาจพรรณนาได้
เขายืนอยู่บนหลังคาท่ามกลางแสงจันทร์บางๆ ในยามราตรี เมื่อมองดูแล้วให้ความรู้สึกงดงามราวกับภาพวาดรูปหนึ่ง
เขามองไปยังประตูเมืองที่ปิดตัวลงอย่างช้าๆ มุมปากยกขึ้นอย่างมีเลศนัย เพียงแค่รอยยิ้มบางเบานี้ก็ทำให้ผู้คนััได้ถึงความอันตรายราวกับว่าเป็ใบหน้าหยกของจิ้งจอกที่แอบซ่อนตัวไม่ปรากฏออกมา
เมื่อแน่ใจแล้วว่าจวินจิ่วเฉินจะไม่ย้อนกลับมา เขาก็มุ่งหน้าไปที่จิ้งหวางฝู่ทันที เขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็จิ้งจอกเฒ่าดั่งที่กูเฟยเยี่ยนเรียกขานเอาไว้ เ้านายของอู๋กงกง ผู้ที่อยู่เื้ัของคดีใบสั่งยากับคดีย่าวซ่าน
เป้าหมายของเขาคือตระกูลฉีกับตระกูลเฉิงจริงๆ เพียงแต่ในตอนนี้เป้าหมายของเขาเปลี่ยนมาเป็กูเฟยเยี่ยนแล้ว เขาเกลียดการพ่ายแพ้มาโดยตลอด ทว่าในครั้งนี้กลับพ่ายแพ้อย่างมีความสุข
ล้มเหลวหนึ่งครั้ง ทว่าได้พบกับแพทย์หญิงตัวน้อยที่น่าสนใจ คุ้มมาก!
เขารอให้กูเฟยเยี่ยนสืบมาถึงตัวเขา รอไปรอมาก็เกิดความรู้สึกร้อนใจแล้ว…