จังหวะที่เ้าหน้าที่ที่พาหลินเยว่เข้ามาที่นี่เปิดประตูเข้ามาเมื่อเขาเห็นสายตาที่กำลังจดจ่อของหลินเยว่ก็ถึงกับตกตะลึง นี่เป็สายตาที่มีสมาธิจดจ่อมากที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ
ไม่มีใครมีสายตาจดจ่อมากไปกว่าคนเบื้องหน้าคนนี้อีกแล้ว
บางทีอาจจะมีเพียงคนแบบนี้ที่จะสามารถกลายเป็นักพิสูจน์เครื่องเคลือบอย่างแท้จริงก็ได้
เพียงแต่ว่า... น่าเสียดายเกินไป...
เขาเคยได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับการจัดการพิสูจน์เครื่องเคลือบครั้งนี้มาบ้างและรู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ถูกคนอื่นกลั่นแกล้งหากรอให้เด็กหนุ่มมีเวลาศึกษาเครื่องเคลือบมากกว่านี้ แค่วัดจากสายตาที่มีความจดจ่อเช่นนี้เขาก็รู้สึกเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป คนอื่นๆ คงไม่สามารถสู้คนตรงหน้านี้ได้เลย
แต่ทว่า... ตอนนี้... ความรู้ของเด็กหนุ่มยังน้อยจนเกินไป
เ้าหน้าที่ที่เปิดประตูเข้ามาจึงส่ายศีรษะหลังจากนั้นจึงทำตามหน้าที่รับผิดชอบของตนโดยการพูดเตือนเด็กหนุ่ม
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับเกร็งไปทั้งตัวสภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พลังพิเศษตาทิพย์ก็ค่อยๆหายตามไปเช่นกัน
หลินเยว่ไม่ได้ยึดติดกับความรู้สึกนั้นแต่เขาก้มศีรษะพร้อมขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากนั้นจึงค่อยๆเดินมาทางประตูห้อง
เมื่อเ้าหน้าที่ที่เปิดประตูเห็นหลินเยว่กำลังก้มหน้าครุ่นคิดเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องกำลังข้องใจในบางส่วน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ส่งเสียงรบกวนหลินเยว่
เมื่อเ้าหน้าที่เห็นว่าหลินเยว่เดินออกไปนอกห้องแล้วเขาจึงค่อยๆ ปิดประตู และเดินตามหลังหลินเยว่มาอย่างเงียบๆ
เวลานี้ หลินเยว่กำลังคิดทบทวนถึงความรู้สึกขณะััความหนืดจากชามลายครามใบนั้นณ จังหวะสุดท้ายก่อนที่จะหมดเวลา เขาได้ััถึงความหนืดที่มีลักษณะเฉพาะนั้นแล้ว
ความหนืดนี้มันเป็ความหนืดของ่เวลาไหนกันแน่นะ?
เมื่อสักครู่ที่สภาวะเ่าั้หายไปอย่างกะทันหันทำให้เขารู้สึกอ่อนล้าอยู่ชั่วขณะเพียงแต่ว่าเขากำลังฝืนตัวเองเพื่อทำตัวเหมือนเวลาปกติแต่หากสังเกตให้ดีก็จะพบว่าเวลานี้สีหน้าของหลินเยว่กำลังซีดขาว
สภาพจิตใจที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงทำให้สมองของหลินเยว่เกิดเป็ความว่างเปล่าความทรงจำชั่วคราวจู่ๆ ก็หายไป ตอนนี้เขาจำอะไรไม่ได้เลย
ดังนั้น ตอนนี้เขาทำได้เพียงพยายามย้อนคิดทบทวน
หลินเยว่ที่กำลังเดินลงบันไดอย่างช้าๆก็เกร็งตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จังหวะการก้าวเท้าของเขาก็หยุดลงทันที
เขาคิดออกแล้ว!
ความหนืดนั้นเป็ความหนืดในสมัยรัชศกว่านลี่แห่งราชวงศ์ิ!
นั่นก็หมายความว่า......
ดวงตาทั้งสองข้างของหลินเยว่เกิดเป็ประกายแวววาวขึ้นทันทีสีหน้าของเขาแสดงอาการดีใจอย่างเต็มที่
ชามลายครามในรัชศกว่านลี่แห่งราชวงศ์ิใบนั้นเป็ของแท้!!!
มันจะมีหลักฐานไหนที่จะมีความถูกต้องแม่นยำยิ่งกว่าการััความหนืดอีกล่ะและเมื่อบวกกับการพิสูจน์ก่อนหน้านี้ หลินเยว่ก็มั่นใจว่าในจำนวนเครื่องเคลือบทั้ง10 ชิ้นนี้ ชามลายครามในรัชศกว่านลี่แห่งราชวงศ์ิต้องเป็ของแท้อย่างแน่นอน
หลินเยว่รู้สึกดีใจมากจนร่างกายเกิดอาการสั่นเทิ้มไม่หยุด
ในที่สุดเขาก็หาเจอ!
ในที่สุดเขาก็สามารถหาเจอว่าเครื่องเคลือบชิ้นไหนเป็ของแท้!
หลินเยว่รู้สึกมีความสุขอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหัวใจทั้งสี่ห้องถูกความสุขเข้าจู่โจมและแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่ได้เป็อะไรใช่ไหม?”
เ้าหน้าที่ที่เดินตามหลินเยว่อยู่ทางด้านหลังพบว่าหลินเยว่มีท่าทางเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคนความแตกต่างที่มากมายเช่นนี้ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้จนต้องถามออกมา
เมื่อหลินเยว่ได้ยินเช่นนี้เขาจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขากำลังอยู่ที่ไหน ดังนั้น เขาจึงพยายามกดความตื่นเต้นภายในให้คืนกลับไปทันทีอีกทั้งยังเก็บใบหน้ายิ้มร่าให้คืนกลับเข้าไปด้านในแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามควบคุมมากขนาดไหนท่าทางของเขาก็ยังคงแสดงถึงความตื่นเต้นอยู่ดี
“ผมไม่เป็ไร”
เ้าหน้าที่ที่เปิดประตูเหลือบมองหลินเยว่อีกครั้งเมื่อมั่นใจว่าหลินเยว่ไม่ได้เป็อะไรจริงๆ จึงได้พยักหน้ารับทราบหลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “ก่อนที่คุณจะเดินออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ขอให้คุณเขียนคำตอบของคุณไว้บนกระดาษก่อน หลังจากนั้นก็ส่งคำตอบมาให้ผมครับ”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้ารับเขาเข้าใจถึงความกังวลของทางจิ่งเต๋อเจิ้น อาจารย์ของผู้ที่เข้าร่วมแข่งขันทั้ง 10คนล้วนเป็ปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบระดับประเทศหากเดินออกไปจากคฤหาสน์นี้แล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถการันตีว่าตนเองจะไม่พูดคุยสอบถามอาจารย์ของตนเมื่อถึงตอนนั้นอาจารย์ของแต่ละคนย่อมทำการตัดสินจากข้อมูลที่ลูกศิษย์ได้บรรยายไว้
ก่อนที่จะเดินออกจากประตูก็ให้เขียนคำตอบไว้ก่อนเช่นนี้ก็เป็การตัดปัญหาการโกงได้เลย
เป็การวางแผนที่รอบคอบทีเดียว
หลินเยว่พยักหน้าเมื่อเขาเดินลงมาถึงประตูคฤหาสน์ชั้นล่าง เขารับกระดาษและปากกามาจากเ้าหน้าที่หลังจากนั้นจึงเขียนคำตอบของตัวเองลงไป
ชามลายครามในรัชศกว่านลี่แห่งราชวงศ์ิ
เมื่อเขียนเสร็จแล้ว หลินเยว่จึงพับกระดาษแผ่นนั้นหลังจากนั้นจึงส่งคืนให้กับเ้าหน้าที่
เมื่อเ้าหน้าที่รับกระดาษไปแล้วจึงพยักหน้าพร้อมพูดขึ้น“อาจารย์ของคุณและคนอื่นๆ กำลังพักผ่อนอยู่ที่ศาลาริมสระว่ายน้ำทางด้านนอกคุณสามารถเดินไปที่นั่นได้เลย”
หลินเยว่พยักหน้าพร้อมส่งยิ้ม และพูด “ขอบคุณ”หลังจากนั้นจึงเดินออกไปทางด้านนอก
เมื่อเดินออกไปยังนอกคฤหาสน์หลินเยว่ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
ในที่สุดการทดสอบส่วนแรกก็สำเร็จเรียบร้อยแล้ว!
ชัยชนะอยู่ในกำมืออย่างแน่นอน!
หลินเยว่เดินตรงไปยังศาลาริมสระว่ายน้ำ แต่แล้วเขาก็คิดถึงรูปปั้นเคลือบเ้าแม่กวนอิมสีขาวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงตอนนี้เขาก็ยังหาข้อพิสูจน์ไม่เจอว่าเครื่องเคลือบชิ้นนั้นจะเป็ของปลอมจากจุดไหน
เครื่องเคลือบชิ้นนั้นจะปลอมที่ส่วนไหนกันนะ?
หลินเยว่พยายามคิดถึงลักษณะเฉพาะของรูปปั้นเคลือบเ้าแม่กวนอิมสีขาวขึ้นอีกครั้งแต่เขาก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดี สุดท้ายเขาจึงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
เดี๋ยวเขาไปถามจากอาจารย์ก็แล้วกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเครื่องเคลือบชิ้นไหนเป็ของแท้
เมื่อคิดว่าการทดสอบส่วนแรกประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นในใจของหลินเยว่ก็รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง
......
นับั้แ่หลินเยว่เดินเข้าไปในคฤหาสน์ถึงแม้ว่าเฮ่อฉางเหอจะกำลังพูดคุยสนทนากับสหายเก่าของเขาแต่ทว่าสายตาของเขากลับไม่ได้คลาดไปจากประตูคฤหาสน์เลย เขามักจะเหลือบมองที่นั่นอยู่ตลอดสายตามีแต่ความร้อนใจ
“เลิกมองได้แล้ว หากเวลายังไม่หมดเขาไม่มีทางออกมาหรอก คุณคิดว่าเครื่องเคลือบ 10 ชิ้นที่ทางจิ่งเต๋อเจิ้นได้เตรียมไว้มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?ผมว่าไม่มีทาง”
เจี่ยเหวยเกิ่งเห็นว่าเฮ่อฉางเหอดูใจลอยตลอดเวลา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา
“ตาแก่หลิว เครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นที่อยู่ด้านในมันเป็เครื่องเคลือบแบบไหนกันหรือ?”เฮ่อฉางเหอหันหน้าไปถามผู้เฒ่าหลิว
เมื่อได้ยินเฮ่อฉางเหอถามคำถามนี้ ใบหูของทุกคนก็เริ่มตั้งขึ้นพร้อมทำงานทันทีพวกเขาต่างหวังว่าจะได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นบ้าง
ผู้เฒ่าหลิวหัวเราะ “ฮ่าๆ” แล้วพูดตอบ “ตาแก่เฮ่อคุณถามแบบนี้แล้วไม่กลัวว่าผมจะบอกความลับของเครื่องเคลือบทั้ง 10 ชิ้นนั้นออกมาหรือ? อยากให้คนอื่นรู้อย่างนั้นหรือ?”
ขณะที่พูดเขาก็เหลือบตามองทุกคนอย่างไม่ให้เป็ที่น่าสังเกตนัก
ท่ามกลางสายตาของผู้เฒ่าหลิว คนอื่นๆ จึงทำเป็ก้มหน้าแล้วก็คุยเกี่ยวกับเื่ของตัวเองต่อไป
การที่ผู้เฒ่าหลิวพูดเช่นนี้ก็เป็การแสดงว่าเขาไม่มีทางพูดข้อมูลใดๆออกมา ถึงพวกเขาจะแอบฟังต่อไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลย
เมื่อสักครู่เฮ่อฉางเหอกำลังกังวลกับสถานการณ์ของลูกศิษย์ตัวเองที่อยู่ด้านในแต่เมื่อพูดประโยคนั้นจบ เขาก็คิดได้ทันทีว่าตอนนี้พวกเขากำลังทำการแข่งขันกันอยู่ดังนั้น เขาจึงกวาดตามองผู้คนรอบๆ อย่างดูถูกพร้อมกับพูดขึ้น “ถึงคุณจะพูดออกมาแต่คนพวกนี้ก็อาจจะเดาไม่ออกก็ได้นะ”
เมื่อประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาคนที่คิดว่าตัวเองแน่ก็ถึงกับสบถอย่างเ็าในลำคอ
ผู้เฒ่าหลิวหัวเราะฮ่าๆ พร้อมตบบ่าของอีกฝ่าย“คุณไม่ต้องร้อนใจขนาดนั้นหรอก หากยังไม่หมดเวลาเขาไม่มีทางออกมาอยู่แล้วถึงแม้ว่าคุณจะเป็คนอยู่ด้านในเอง คุณก็อาจจะไม่สามารถพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้ง 10ชิ้นภายในเวลาครึ่งชั่วโมงก็ได้นะ”
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา คนอื่นๆที่กำลังเตรียมจะเข้าไปแข่งขันก็เกิดอาการเกร็งขึ้นทันที
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดข้อมูลที่ชัดเจนแต่ทว่าประโยคนี้ก็ได้ส่งสารบางอย่างออกมาแล้ว
ถึงแม้จะเป็ผู้าุโ ก็อาจจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ในครึ่งชั่วโมงนั่นก็หมายความว่า......
เครื่องเคลือบด้านในต้องจะพิสูจน์ได้ยากมาก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผู้ที่เข้าแข่งขันทั้ง 9คนต่างขมวดคิ้วขึ้นอย่างอัตโนมัติสีหน้าก็ดูแย่ลงทันที
อาจารย์ของพวกเขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
ดูแล้วการแข่งขันในครั้งนี้ก็ไม่ได้ง่ายเหมือนที่พวกเขาได้คาดการณ์ไว้!
เพราะทางจิ่งเต๋อเจิ้นก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของฝั่งตัวเองเช่นกัน
“ยากขนาดนั้นเลย?”
เฮ่อฉางเหอก็อึ้งไปชั่วขณะหลังจากนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกกังวลกับลูกศิษย์ของตนมากขึ้นตัวเขายังไม่สามารถพิสูจน์เครื่องเคลือบทั้งหมดได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงถ้าเช่นนั้นแล้วหลินเยว่จะพิสูจน์จนครบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดได้อย่างไรล่ะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้