“เ้าอย่าพูดมากขนาดนั้นได้หรือไม่? คิดว่าเกณฑ์การเลือกคู่ครองของเปี่ยวเกอเ้าคือดูว่าใครพูดเยอะหรืออย่างไร?” เยวี่ยเจาหรานเอียงหัว พร้อมกับขยับลำคอเล็กน้อยชี้แจงอย่างไม่อ้อมค้อม ว่าสวี่ชิวเยวี่ยนั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่เป็ไปได้ในเกณฑ์การเลือกคู่ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมาแต่ไหนแต่ไร และเยวี่ยเจาหรานเองก็ไม่ได้ถือว่าโป้ปด ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็น่าจะยังชอบผู้ชาย
แต่คำพูดนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับสวี่ชิวเยวี่ยอย่างมากจริงๆ สวี่ชิวเยวี่ยโกรธจนไม่สนใจความสกปรกแล้วหยิบเศษผ้านั้นขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง ทำท่าเหมือนจะยัดกลับเข้าปากเยวี่ยเจาหราน
เยวี่ยเจาหรานที่ถูกเศษผ้าชิ้นนั้นทรมานจนเกือบจะขาดใจตาย ได้รับความรู้สึกเช่นนั้นมามากพอแล้วจริงๆ เขาขมวดคิ้วพูดอย่างลนลาน “ข้าพูดมากไป ข้าพูดมากไป เปี่ยวเกอของเ้าชอบหญิงสาวผอมบางน่ามองเช่นเ้านี่แหละ เชื่อข้าสิเ้าจะต้องมีหวัง จริงๆ จริงๆ จริงๆ” หลังจากที่เยวี่ยเจาหรานเอ่ย ‘จริงๆ’ โดยละทิ้งความภาคภูมิไปแล้วนั้น ในที่สุดสวี่ชิวเยวี่ยก็โยนผ้าในมือทิ้งไปอย่างขยะแขยง
ว่าไปแล้วก็เห็นได้อย่างหนึ่ง ของที่สวี่ชิวเยวี่ยแม้แต่จะใช้มือหยิบยังแขยงแต่เยวี่ยเจาหรานกลับต้องยัดมันเข้าไปในปาก เ้าว่าใครจะไปทนได้กันล่ะ?!
“ข้าจะบอกเ้า ถึงแม้ตอนนี้เ้าจะเป็ภรรยาเอกของเปี่ยวเกอ แต่เ้าไม่มีทางเป็เสือขวางทางข้าไม่ให้แต่งกับเปี่ยวเกอได้ เพราะเ้ามันไม่คู่ควรมาั้แ่แรก!”
สวี่ชิวเยวี่ยแค่นเสียงเฮอะอย่างเ็าใส่เยวี่ยเจาหราน พลางก้มหน้าหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในแขนเสื้อของตนออกมา เช็ดทุกนิ้วที่ััเศษผ้าชิ้นเมื่อครู่อย่างละเอียด เยวี่ยเจาหรานมองด้วยความตะลึงงัน คิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่สวี่ชิวเยวี่ยขยะแขยงจริงๆ แล้วคงจะไม่ใช่น้ำลายของตนหรอกนะ?
“คุณหนู เ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ ข้าไม่เคยคิดที่จะเป็เสือขวางทางอะไรเ้าเลยนะ คนที่ไม่อยากแต่งกับเ้าคือเยี่ยนอวิ๋นเฟยต่างหาก ไม่ใช่ข้าสักหน่อย?!” เยวี่ยเจาหรานไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ แต่กลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็เสือขวางทางหมูขวางทางอะไรนั่นอยู่ได้ทุกครั้ง ช่างไม่เป็ธรรมทั้งยังน่าปวดใจเกินไปแล้วจริงๆ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยแก้ต่างให้ตนเองออกไปสองสามคำอย่างไม่รู้ตัว
หากแต่สวี่ชิวเยวี่ยนั้นจะโทษเยี่ยนอวิ๋นเฟยเทพบุตรของตนได้อย่างไรกัน? แม้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะต่างกับเยี่ยนอวิ๋นเฟยแม้กระทั่งเพศ แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้นางก็คลุม ‘หนัง’ ของเยี่ยนอวิ๋นเฟยเอาไว้แล้ว ย่อมนำไปสู่การใส่บรรยากาศอันน่าหลงใหลอย่างเกินจริงจากสวี่ชิวเยวี่ยที่เห็นอีกฝ่ายเป็เยี่ยนอวิ๋นเฟยตัวจริงอย่างไร้ข้อแตกต่าง
“เ้าพูดเหลวไหล!” น้ำเสียงของสวี่ชิวเยวี่ยสูงขึ้นกะทันหัน ทำเอาเยวี่ยเจาหรานใจนตัวแข็งทื่อ พักใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ “ระหว่างข้ากับเปี่ยวเกอมีความสัมพันธ์เป็เหมยเขียวม้าไผ่รักกันแต่ยังเยาว์ หากไม่ใช่เพราะสตรีอย่างเ้ามาเป็ก้างขวางคอ ปิดกั้นโอกาสที่ข้าจะได้แต่งงานกับเปี่ยวเกอ มีหรือข้าจะมาลงเอยเช่นดั่งตอนนี้ได้!”
เมื่อได้ยินการพูดจาด้วยความชอบธรรมของสวี่ชิวเยวี่ยแล้ว ตัวเยวี่ยเจาหรานเองก็ถูกโน้มน้าวอย่างรวดเร็ว เขาแทบอยากจะตบหน้าตัวเองสักสองทีเสียเดี๋ยวนั้น ทั้งยังต่อว่าตนด้วยว่าช่างไร้มนุษยธรรมยิ่ง ทำลายความฝันอันสูงสุดของหญิงสาวผู้หนึ่งไปได้อย่างไร?! ช่างไม่คู่ควรเป็มนุษย์เอาเสียเลย! น่าโมโหนัก!
เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจ แล้วเอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดี “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าแม่นางน้อยหรอกนะ เ้าชอบเยี่ยนอวิ๋น... เยี่ยนอวิ๋นเฟยขนาดนี้เลยหรือ?”
แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ หากสวี่ชิวเยวี่ยชอบเยี่ยนอวิ๋นเฟย ชอบจนต้องแต่งงานกับเขาให้ได้จริงๆ เหตุใดจึงมองไม่ออกแม้แต่เื่ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเป็ตัวปลอมได้กัน? เยวี่ยเจาหรานได้ให้นิยามกับสวี่ชิวเยวี่ยผู้คลั่งไคล้ตัวยงผู้นี้อยู่ในใจว่า รักแต่ยังไม่ลึกซึ้งพอ
“หุบปาก! เื่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะต้องมายุ่ง!” ที่สวี่ชิวเยวี่ยปฏิเสธการตอบคำถามต่อหน้าเยวี่ยเจาหรานนั้น แน่นอนว่าเป็เพราะในใจมีเงื่อนงำ ค่อนข้างกระวนกระวายและร้อนตัว ถึงอย่างไรความทรงจำทั้งหมดที่นางมีต่อเยี่ยนอวิ๋นเฟยนั้นก็เป็เพียงเื่ราวเล็กๆ ในตอนที่ทั้งสองยังเป็เด็กน้อยแก่นแก้วอยู่เลย
แต่สำหรับความประทับใจในฐานะชาติตระกูลของเยี่ยนอวิ๋นเฟยนั้น คือความรักอันลึกซึ้งอย่างไม่มีข้อแก้ตัว
ดังนั้นหากว่าเยวี่ยเจาหรานเปลี่ยนคำถามเมื่อครู่ เป็การถามว่าเหตุใดสวี่ชิวเยวี่ยถึงมีความรู้สึกศรัทธาและยึดมั่นอันแรงกล้าเช่นนี้ต่ออำนาจและอิทธิพลเื้ัของเยี่ยนอวิ๋นเฟยล่ะก็ สวี่ชิวเยวี่ยก็คงจะมีคำตอบให้เป็กระบุงแน่นอน
น่าเสียดายที่ถามไม่ตรงคำตอบเสียนี่ ผู้ตอบจะตอบไม่ได้ก็เป็เื่ที่พอเข้าใจได้ล่ะนะ!
“ก็ได้ เช่นนั้นข้าไม่พูดแล้ว แล้วเ้าเสียแรงมาหาข้าขนาดนี้ มีสิ่งใดอยากจะพูดกันแน่?” เยวี่ยเจาหรานผ่อนลมหายใจ รู้สึกอยู่ภายในว่านักปราชญ์ขงจื่อว่าไว้ไม่มีผิด มีเพียงผู้หญิงและคนถ่อยเท่านั้นที่เข้าหายาก! ในใจของเหล่าแม่นางวัยหนุ่มสาวพวกนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ ช่างยากจะเข้าใจจริงๆ !
สวี่ชิวเยวี่ยขมวดคิ้ว เหมือนกับว่าตนเองก็ลืมจุดประสงค์ในการมาเยือนไปแล้ว นางโทษปากของเยวี่ยเจาหรานพูดจาเพ้อเจ้อ ทำให้ตนพูดจาโง่เขลา! รู้เร็วกว่านี้ตอนแรกก็คงไม่ใจอ่อนเอาผ้าอุดปากออกมาหรอก...
ทั้งสองเข้าสู่ความเงียบชั่วขณะอย่างยากเย็น ประตูศาลบรรพชนกลับส่งเสียงเปิดออกอีกครั้ง สวี่ชิวเยวี่ยและเยวี่ยเจาหรานทั้งสองคนที่รู้กันโดยไม่ต้องอธิบายหันหัวมองไปยังประตู แต่กลับเห็นเพียงเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่นิ่งอึ้งอยู่กับที่...
“เปี่ยว เปี่ยวเกอ...” สวี่ชิวเยวี่ยกุมปากอย่างตะลึงงัน พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมา “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”
“เยี่ยน เยี่ยนอวิ๋นเฟย...?” เยวี่ยเจาหรานเองก็ตกตะลึงยิ่ง ถึงอย่างไรในคำเล่าทั้งหมดที่ตนได้ยินมาก่อนหน้านี้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้นี้คือคนที่จะขี่กระเรียนไป์อยู่รอมร่อแล้ว “เ้า… เ้ายังไม่ตายหรือนี่?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เดิมทีวางแผนมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อช่วยชีวิตเยวี่ยเจาหราน เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็สับสนงุนงงโดยสมบูรณ์ ทำไมไม่ค่อยเหมือนกับที่คุยกันไว้เลยล่ะ? ยังไม่ทันที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะตอบคำถามของทั้งสองคน หลิงหลงและชุ่ยเชี่ยวที่อยู่ข้างหลังคนหนึ่งก็ถือไม้ตะบองด้ามหนึ่งพุ่งเข้ามา เตรียมพร้อมที่จะฟาดชายฉกรรจ์สองคนที่รับหน้าที่เฝ้ายามให้ร่วงตามแผนที่เตี๊ยมกันไว้...
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาสองคนนั้นหายกลายเป็อากาศธาตุไปแล้ว
“คุณชะ ไม่สิ คุณหนู... ท่าน ท่านไม่เป็ไรนะเ้าคะ?” ชุ่ยเชี่ยวในมือถือตะบอง นางมองไปทางเยวี่ยเจาหรานก่อนแล้วจึงหันกลับมามองเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอีกที ก่อนจะหันกลับไปมองเยวี่ยเจาหรานอีกครั้งแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“นี่ นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกัน?” ในมือของหลิงหลงเองก็ถือตะบองด้ามหนึ่งที่ไม่ต่างไปจากชุ่ยเชี่ยวนัก นางนิ่งอึ้งด้วยความงงงัน คำถามนี้เองก็ไม่รู้ว่าถามใคร
เ้าว่าสวี่ชิวเยวี่ยจะไม่มึนงงหรือ? แน่นอนว่านางเองก็สับสนเช่นกัน ถึงอย่างไรข้างนอกน่าจะยังมีอาเชวี่ยที่เฝ้าอยู่หน้าประตูนี่นา เหตุใดยามนี้จึงหนีหายไปไหนแล้ว ไม่ทำหน้าที่เลย!
“เปี่ยวเกอ ท่านฟังข้าอธิบาย...” ทว่าใครๆ ก็บอกลงมือก่อนได้เปรียบ ลงมือช้าหายนะ เพื่อไม่ให้ตนต้องประสบหายนะต่อหน้า ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ อีกครั้ง สวี่ชิวเยวี่ยจึงชิงเอ่ยตัดหน้าขึ้นมาก่อน
กลับกลายเป็ว่ายามนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็เป็วัวสันหลังหวะอย่างแท้จริง พูดอะไรมาก็ล้วนไม่เข้าหูทั้งนั้น นางเพียง้าพาเยวี่ยเจาหรานที่หาเหาใส่หัวรีบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ ดังนั้นจึงยกมือไปทางสวี่ชิวเยวี่ยเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างเ็า “เอาเถอะ เ้าไม่จำเป็ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว”
เข้าใจ? เข้าใจกับผีน่ะสิ! สิ่งที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคิดในตอนนี้มีคำเดียว ถอย!
พูดดังนั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เดินไปยังเบื้องหน้าของเยวี่ยเจาหรานที่ถูกพันธนาการ โดยที่แม้แต่เชือกก็ยังไม่ทันได้คลายออก นางก็โอบเ้าตัวเอาไว้และกำลังคิดจะหนีไป ทว่าถึงอย่างไรเยวี่ยเจาหรานก็เป็บุรุษ จึงตัวหนักมากจริงๆ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแสดงออกอย่างขออภัยยิ่ง อุ้มไม่ไหว ปล้ำอยู่นานก็ต้องหยุดแล้วช่วยเขาแก้เชือกแทน
“เ้า เ้ามาได้อย่างไรกัน?” เยวี่ยเจาหรานถือโอกาสขณะที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพยายามแก้เชือกถามขึ้นมาคำหนึ่ง ประจวบกับที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแก้ปัญหาเื่เชือกได้เรียบร้อยพอดี นางจึงเอ่ยอย่างราบเรียบ “การมาช่วยเ้าเป็ความหุนหันพลันแล่นของข้า รีบไปกับข้าเร็วเข้า!”
หุน หุนหันพลันแล่น? แม้ว่าเยวี่ยเจาหรานจะเดินตามมาพร้อมกัน แต่ก็ยังกลอกตา รู้สึกว่าที่ตนวิ่งกระหืดกระหอบจากจวนเยวี่ยมาเพื่อแลกกับคำว่าหุนหันพลันแล่นคำหนึ่งของนางช่างน่าเศร้าใจเกินไปแล้วจริงๆ !
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้