ตอนที่ 4
ก่อนหน้านี้พวกเราทั้งหมดทั้งกลุ่มเพิ่งกลับจากไปเยี่ยมพายุที่เชียงใหม่ ต้องบอกว่าตามไปแกล้งฟีนิกซ์มากกว่า พอไปถึงกลับได้เห็นคนหึงแทนเพราะถูกพายุเซอร์ไพรส์ เกือบได้ผัวใหม่จริงๆ ละคนที่มาขายขนมจีบพายุเป็เดือนๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็เพื่อนสมัยเด็กๆ ของไอ้ดินและเป็เ้าของรีสอร์ตที่พายุไปพัก จากวันนั้นจนวันนี้ผ่านมาเกือบปีแล้ว พายุกับฟีนิกซ์ก็กลับมาอยู่บ้านตามเดิม เพิ่มเติมคือสายใยผูกรักถึงสามเส้นด้วยกัน ดูลงตัว อบอุ่น ครอบครัวแฮปปี้
และเกือบปีมานี้กับการที่เกอร์ต้องบริหารบริษัททั้งสองแห่งพร้อมๆ กัน ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ค่อยๆ ลงตัวทีละนิด คุณพ่อวางมืออย่างเป็ทางการแล้วแต่ก็ยังมีเข้ามาช่วยบ้างเมื่อลูกชายสุดที่รักมีปัญหา ตอนนี้เกอร์เลยมีเลขาทั้งหมดสามคนไปโดยปริยาย อาตรียังคงดูแลงานบริษัทนำเข้าผักและผลไม้ ส่วนพี่ฟ้ากับพี่ครามก็ดูแลในส่วนของบริษัทนำเข้าแอลกอฮอล์เหมือนเดิม เกอร์ก็ต้องไปๆมาๆ ทั้งสองบริษัท
วันนี้เป็วันที่เขาขอลาพักผ่อนเนื่องจากร่างกายนั้นล้าเต็มทีเพราะทำงานติดต่อกันหลายวันโดยไม่พัก เลขาทั้งสามได้แต่ยิ้มอย่างให้กำลังใจ เพราะ่ที่ผ่านมาเหมือนเป็มรสุมเลยก็ว่าได้ เกอร์นอนตื่นเกือบสิบโมงได้ยินเสียงน้ำไหลกระทบพื้นดังให้ได้ยินเป็ระยะ ฟาร์น่าจะตื่นได้สักพักแล้ว เกอร์อ้าปากหาวกว้างๆ บิดี้เีแรงๆ ถอดบ็อกเซอร์ใส่ตะกร้าผ้าแล้วเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ
“มึงตื่นไวกว่าที่คิด” ฟาร์ทักขึ้นเมื่อเพื่อนรักเดินตัวเปลือยเข้ามาในห้องน้ำ
“คงเคยชินล่ะมั้ง” เกอร์ตอบกลับแล้วเดินมาหยุดยืนที่หน้ากระจกบีบยาสีฟันใส่แปรงแล้วเริ่มแปรงฟัน เพราะเกือบปีที่ผ่านมาเขาต้องตื่นเช้าเข้าบริษัททุกวันจนร่างกายมันเกิดความเคยชินไปเอง อยากตื่นสายแค่ไหนก็ได้แค่นี้ เหมือนการย้ำคิดย้ำทำ อะไรต้องทำเวลาไหนเหมือนเป็ลูทีนของชีวิตไปแล้ว
“คงงั้น” ฟาร์พยักหน้าล้างตัวแล้วลงไปแช่น้ำอุ่นในอ่าง หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยเกอร์ก็เริ่มอาบน้ำฟอกสบู่ ล้างฟองออกจากตัวจนสะอาดก็ตามลงไปแช่น้ำในอ่างกับฟาร์
“วันนี้ไปไหน?” ฟาร์
“นอน” เกอร์ตอบคำเดียวสั้นๆ ฟาร์ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ นอนก็คือนอนจริงๆ นอนทั้งวันโดยที่ไม่ทำอะไร อย่างมากก็ลุกมาเข้าห้องน้ำ กินข้าว และนอนเหมือนเดิม นอนหลับหรือไม่หลับก็นอน สำหรับเขาและเกอร์การนอนคือการชาร์ตแบตให้ร่างกายในรูปแบบหนึ่ง
“เป็อะไร?” ฟาร์ต้องถามเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของเพื่อนเหมือนกับมีเื่เครียดในใจ
“กูแค่ฝันร้าย” เกอร์พูดด้วยความกังวล เขาฝันไม่ดีเลยจริงๆ
“ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่ความฝัน” ฟาร์
“อืม” เกอร์
“แล้วคืนนี้เอาไง?” ฟาร์ยกยิ้มกรุ้มกริ่ม นัยต์ตามีแต่ความเ้าเล่ห์
“แน่นอน” เกอร์พยักหน้ารับอย่างกวนๆ การนอนย่อมสำคัญแต่เซ็กส์สำคัญยิ่งกว่า
“เค” ฟาร์
เกอร์และฟาร์อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาเป่าผม สวมเสื้อผ้า เสียงโทรศัพท์ฟาร์ดังขึ้นจากนั้นฟาร์ก็ออกไปจากห้อง เกอร์รู้อยู่แล้วว่าฟาร์ออกไปไหนเลยเตรียมจานไว้ รอไม่ถึงห้านาทีฟาร์กลับเข้าห้องมาพร้อมถุงของกินเต็มมือ เกอร์ยิ้มร่าเมื่อเพื่อนรักรู้ใจเสมอ ตื่นมาแล้วหิวคือนิสัยของเขาเองไม่ใช่ฟาร์ ทั้งคู่ช่วยกันแกะอาหารใส่จานจากนั้นก็นั่งกินด้วยกัน กินเสร็จฟาร์ก็เอาจานไปล้างส่วนเกอร์ก็มานั่งดูหนังที่ห้องนั่งเล่น พอล้างจานเสร็จฟาร์ก็มานั่งลงที่โซฟาด้านข้างของเกอร์
“Trrrrr………………….” ยังไม่ทันที่จะได้กลับไปนอนต่อตามที่ใจคิดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ครับแม่” เกอร์ไม่ปล่อยให้โทรศัพท์เสียงดังนาน เมื่อเห็นว่าเป็เบอร์แม่ก็รีบกดรับสายทันที
“เกอร์รับแม่ที่ รพ.XX หน่อยลูก” เกอร์ขมวดคิ้วเป็ปมเมื่อได้ยินเสียงปลายสายจากผู้เป็แม่ เขารู้ได้เลยว่ามันต้องมีเื่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ น้ำเสียงของแม่ต่อให้พยายามปิดบังแค่ไหนมันก็ยังคงสั่นเครือ ยิ่งไปกว่านั้นโรงพยาบาลที่แม่อยู่ตอนนี้คือโรงพยาบาลของฟีนิกซ์
“แม่เป็อะไรครับ?” เกอร์ถามด้วยความร้อนใจ
“แม่ไม่ค่อยสบายลูก ไม่มีอะไร ขับรถระวังๆ ด้วย แม่เป็ห่วง” แม่พูดแค่นั้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แล้วก็พูดเปลี่ยนเื่ทันที
“ครับแม่” เกอร์ตอบรับคำสั่ง แม่วางสายไปแล้วแต่เกอร์ยังถือโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
“แม่เป็อะไร?” ฟาร์ที่นั่งอยู่ใกล้สังเกตเห็นสีหน้าเพื่อนเปลี่ยนไป ดูไม่ดีนักนั่นทำให้เขาพลอยร้อนใจไปด้วย
“ไม่รู้ว่ะ แต่น้ำเสียงไม่ดีเลย” เกอร์ตอบฟาร์เสียงเบา น้ำเสียงปนเศร้าของแม่มันยังก้องอยู่ในหู
“เดี๋ยวกูขับเอง” ฟาร์บอกเสียงดุ รู้ดีว่าเพื่อนรักเวลาร้อนใจตีนก็ร้อนเป็ไฟเช่นกัน เขากลัวมันจะตายก่อนถึงโรงพยาบาล
ฟาร์แย่งกุญแจจากมือของเกอร์มาถือแล้วเก็บของจำเป็ลงกระเป๋า เกอร์เองก็ไม่ต่างกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปยังโรงพยาบาลโดยมีฟาร์เป็คนขับ พอมาถึงโรงพยาบาลก็รีบลงจากรถตรงไปหาแม่ทันที
“แม่ครับ เกิดอะไรขึ้น แม่เป็อะไร?” เกอร์รีบถามแม่ที่นั่งดมยาหอมอยู่บนวีลแชร์ด้วยความร้อนใจ เพราะใจเขาตอนนี้ล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มั้แ่เห็นสภาพของแม่แล้ว
“เปล่าลูก แม่แค่เป็ลม” แก้วบอกลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงและสั่นเครือ นัยต์ตาแดงกร่ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไม่กล้าบอกลูกชายกลัวจะช็อคเหมือนเธอ
“ฮึก อื้ออออออ” เกอร์รีบกอดปลอบแม่ทันที แก้วปล่อยโฮใส่ลูกอย่างไม่อายใคร เสียงร้องไห้ปนสะอื้นของแม่เหมือนมีดที่กรีดลงหัวใจเขาซ้ำๆ มันเจ็บจนอธิบายไม่ถูก
“แม่เป็อะไร แม่บอกเกอร์สิ” เกอร์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ มือหนาลูบหลังคนเป็แม่อย่างปลอบโยน แม่เขาเป็คนใจแข็งไม่ค่อยร้องไห้แต่การที่แม่ร้องไห้ครั้งนี้มันต้องมีเื่ร้ายแรงมากจริงๆ ได้แต่ภาวนาให้ไม่เป็อย่างที่คิด เพราะเขาเองก็กลัว
“ฮึก พ่อเขา…ไม่อยู่กับเราแล้วลูก ฮื้อออ” แก้วบอกลูกรักปนสะอื้นตัวโยน ก่อนจะปล่อยโฮใส่ไหล่ลูกอีกรอบอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ คู่ชีวิตของเธอจากไปแล้วอย่างไม่มีวันกลับ มันคือสิ่งที่ยากเกินจะรับไหว ก่อนลูกมาเธอช็อคหมดสติไปแล้วรอบนึงหลังจากนั้นน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลลงมาไม่หยุด ร้องไห้เหมือนคนเสียสติ
“พ่อเป็อะไรแม่ พ่อเป็อะไร?” ด้วยความใกับสิ่งที่ได้ยินทำให้เกอร์สติหลุดถึงกระเผลอผละกอดออกจากแม่แล้วเขย่าแขนท่านไม่เบามือนัก
“เกอร์มึงใจเย็นก่อน” ฟาร์ทนดูไม่ได้ ใช้มือตบลงบ่นบ่าเพื่อนรักแล้วบีบแรงๆ สองครั้งพูดอย่างใจเย็น เขารู้ว่าตอนนี้สิ่งที่เกอร์เพิ่งรับรู้มันยากที่จะรับได้ และสติเริ่มหลุดไปทุกที
“อืม ผมขอโทษครับ แม่เจ็บไหม?” เกอร์เหมือนเพิ่งได้สติหลังเพื่อนรักเตือนสติ เกอร์ปล่อยมือจากแขนแม่อย่างไวแล้วรีบมองสำรวจแขนเล็กของแม่ทันที
“ไม่เป็ไรลูก ฮึก ไม่เป็ไรเลย” แก้วบอกลูกอย่างเข้าใจและไม่ได้ใกับการกระทำของลูกเลยแม้แต่น้อย
“แล้วเมื่อกี้ที่แม่พูดว่าพ่อไม่อยู่ พ่อเป็อะไร?” เกอร์ลูบหน้าตัวเองแล้วถามแม่อย่างใจเย็น
“เมื่อเช้ากู้ภัยโทรมาบอกว่าพ่อประสบอุบัติเหตุ มีรถบรรทุกสิแปดล้อเบรกแตกพุ่งฝ่าไฟแดงชนรถพ่อจนพลิกคว่ำ พ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุลูก เขาให้แม่ตามมาที่โรงพยาบาล ส่วนคนที่ชนก็ยืนรอมอบตัวและให้การกับตำรวจไม่ได้หนีไปไหน” แก้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ก่อนจะค่อยๆ เล่าเหตุการณ์เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วให้ลูกฟัง ก่อนเธอจะโทรหาลูกเธอก็นั่งทำใจอยู่เกือบชั่วโมงก่อนตัดสินใจโทรออก
“พ่อไปคนเดียวเหรอครับ” เกอร์ถามเสียงเบา
“ใช่จ๊ะ พ่อบอกว่าจะไปธุระ แล้วขับรถไปเอง” แก้วบอกอย่างเศร้าใจ เกอร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“พี่เกลล่ะ?” หลังจากที่ได้ยินเื่ราวทั้งหมดเกอร์ก็ค่อยๆลำดับเหตุการณ์ที่มันตีวนอยู่ในสมองกับใจที่มันชาไปหมดแล้วในตอนนี้ถามแม่ถึงพี่สาวอย่างใจเย็น
“เกลกำลังมา” แก้วบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือปนสะอื่น
“อืม ไม่เป็ไรน่ะแม่ หลังจากนี้เกอร์จะดูแลแม่กับพี่เกลแทนพ่อเอง” เกอร์พูดอย่างหนักแน่นมั่นคง พ่อไม่อยู่แล้วนั่นคือความจริง ต่อให้มันยากแค่ไหนแต่ก็ต้องรับให้ได้เพราะคือความจริง หากเข้าล้มอีกคนครอบครัวจะอยู่ยังไงไหนจะบริษัทอีก ลูกน้องอีก เพราะงั้นเขาจึงต้องเข้มแข็ง
“จ๊ะ ลูกจะดูหน้าพ่อไหม?” แก้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ น้ำตาที่กลั้นไว้กำลังจะไหลลงมาอีกรอบ เธออยากให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็แค่ฝันร้ายเท่านั้น
“ครับ” เกอร์ตอบ แล้วก็บอกพนักงานที่คอยดูแลคุณแม่อยู่ห่างๆ
สักพักเ้าหน้าที่ก็พาญาติผู้เสียชีวิตเข้ามาดูศพในห้องER เนื่องจากผู้ตายเป็ลูกค้าวีไอพีของโรงพยาบาลทุกอย่างจึงถูกบริการอย่างรวดเร็ว สภาพศพพ่อเหมือนคนที่นอนหลับไปเฉยๆ ตามเนื้อตัวไม่พบาแ มีแค่รอยฟกช้ำตามตัวแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ผลชันสูตรออกมาว่าคอหักทำให้เสียชีวิต เกอร์เอื้อมไปจับมือพ่อเอาไว้พบว่ายังอุ่นอยู่เลย แม่เป็ลมล้มพับไปอีกรอบจนพยาบาลรีบเข้ามาดูแลทันที
ในระหว่างที่รอทำเื่รับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาและรอแม่ฟื้น เกลก็วิ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่แม่นอนหลับอยู่
“ฮึก ฮื้ออออ เกอร์” เกอร์อ้าแขนรับพี่สาวแทบไม่ทัน เกลกอดเกอร์แน่นไหล่บางสั่นไหวอย่างรุนแรงน้ำตาไหลพรากแทบเป็สายเื เพราะพ่อคือบุคคลอันเป็ที่รักของคนทั้งบ้าน
หลังจากปลอบแม่เสร็จก็ต้องปลอบพี่สาวอีกรอบ ฟาร์ได้แต่ยืนให้กำลังใจอยู่ห่างๆ
“พี่มาคนเดียว?” หลังจากที่พี่เกลหยุดร้องไห้เกอร์ก็ถามอีกฝ่ายทันที
“อือ” เกลครางรับในลำคอพร้อมปาดน้ำตาออกจากใบหน้าสวย
“แล้วมันอยู่ไหน?” เกอร์ถามเสียงนิ่งเรียบติดดุเล็กน้อย
“เขาติดคุยธุระกับลูกค้าคนสำคัญ” เกลตอบน้องชายไปตามตรง
“หึ คงสำคัญมาก” เกอร์ร้องหึในลำคอด้วยความไม่พอใจ มีที่ไหนพ่อเมียตายแต่ติดธุระคุยกับลูกค้ามาไม่ได้ มันเป็เหตุผลที่ทุเรศสิ้นดี
กว่าคุณแม่จะฟื้นก็ร่วมชั่วโมง คุณแม่ พี่สาวไปวัดที่จะประกอบพิธีกับคนขับรถ ส่วนร่างของพ่อรถของโรงพยาบาลจะพาไปส่ง ฟาร์ขับรถให้เกอร์นั่งตามเดิม ตลอดทางที่ขับไปวัดเกอร์เอาแต่เงียบ ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา แต่ฟาร์รับรู้ได้ว่าเพื่อนรักกำลังเสียใจอย่างหนัก ฟาร์ยกมือขวาวางลงบนหน้าขาเพื่อนแล้วบีบเบาๆ เกอร์สบตากับฟาร์อย่างขอบคุณ พอเดินทางมาถึงวัดทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้หมดแล้วตามคำสั่งของแม่
“กูขอบคุณพวกมึงทุกคนมากๆ น่ะเว้ย !!” เกอร์ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนจากใจ เพื่อนในกลุ่มต่างกอดปลอบอย่างให้กำลังใจ แม้แต่พายุกับฟีนิกซ์ก็มาแต่ฝากลูกๆ ไว้กับพ่อและแม่
“เพื่อนกัน” ธีร์
“มึงมีพวกกูเสมอ” ดิน
“กอดๆ” แม้แต่วิสกี้เองยังอดกอดเกอร์ไม่ได้ เพราะครั้งนึงเขาเองก็เคยมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้และเคยสูญเสียแบบนี้มาก่อน
“มึงก็รู้พวกเราไม่เคยทิ้งกัน” พายุพูดแล้วยกยิ้มตามฉบับของตัวเอง
“ขอบใจว่ะ” เกอร์ยกยิ้มบางๆ ให้เพื่อนทุกๆ คน
ทุกคืนในระหว่างที่บำเพ็ญกุศลศพเพื่อนๆ ของเขาอยู่ช่วยงานตลอด เวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกินสำหรับคนที่สูญเสีย เพราะวันนี้เป็วันฌาปนกิจแล้ว มันยากเกินจะทำใจ แม่เป็ลมล้มพับไปอีกดีที่คราวนี้ฟาร์อยู่ใกล้เลยรับร่างแม่ไว้ได้ทัน เกลก็ร้องไห้จนตาบวมส่วนสามีเกลก็โผล่หัวมาเป็ครั้งคราวราวกับว่าเป็คนนอกแทบไม่ได้อยู่ปลอบใจคนรักของตัวเองเลย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทุกคนต่างแยกย้ายไปพักผ่อน เช้ามืดของวันถัดมาก็เก็บเถ้ากระดูกของพ่อไปลอยอังคารที่แม่น้ำเ้าพระยา ตลอดทุกๆ พิธีมีเพื่อนๆคอยอยู่ให้กำลังใจเกอร์เสมอแม้เกอร์จะแสดงท่าทีว่าไม่เป็ไรแต่พวกเพื่อนๆ ก็ยังเป็ห่วงมากๆ อยู่ดีจึงไม่ปล่อยให้เกอร์ต้องอยู่คนเดียว ทุกคนต่างหมุนเวียนกันดูแล แต่ฟาร์คือคนเดียวที่ไม่เคยห่างจากเกอร์ไปไหนเลย ในส่วนคดีความเกอร์ปล่อยให้ทางกฎหมายและทนายเป็ฝ่ายจัดการกันไป จากที่ดูจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุอีกฝ่ายก็ไม่ได้ตั้งใจชน
หลังจากเสร็จธุระเื่พ่อเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ก็กลับบ้านกับคนขับรถส่วนเกอร์ก็เดินมาขอคุยกับเกลแค่สองคน กรซึ่งเป็พี่เขยก็เดินออกห่างจากภรรยาอย่างไว เพราะไม่อยากทะเลาะกับน้องชายเมียอีก ฟาร์เองก็ยืนมองอยู่ห่างๆ
“ผมว่าพี่ควรหาผัวใหม่” เกอร์เปิดหัวข้อสนทนาพร้อมมองไปยังพี่เขยที่ยืนมองเขาอย่างกวนตีน
“มึงจะบ้าหรือเกอร์ กรเขาก็ดูแลพี่ดี” เกลพูดแย้งน้องทันทีเพราะสามีเธอก็ยังมีมุมที่ดีอยู่บ้างถึงแม้มันจะน้อยนิดก็ตาม
“มันตอแหล” เกอร์พูดอย่างเหลืออด งานศพพ่อมันยังมาแค่ไม่กี่วันและแทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย มีแต่เอาหน้าทั้งนั้น เป็ผู้ชายที่โคตรหน้าด้านเลย
“เออๆ เื่ครอบครัวพี่เดี๋ยวพี่จัดการเอง เกอร์ไม่ต้องห่วง” เกลพยายามทำให้ทุกอย่างดูเบาลง เพราะรู้ว่าน้องชายเป็ห่วงเธอมากแค่ไหน ถ้าไม่ห่วงเกอร์จะไม่พูดแม้แต่คำเดียว
“ผมแค่เป็ห่วงพี่รู้ใช่ไหม ? ตอนนี้เรามีกันแค่ 3 คนแล้วน่ะ” เกอร์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้เขาไม่พร้อมที่จะสูญเสียใครเพิ่มแล้วจริงๆ
“อื้อ พี่รู้ ให้เวลาพี่หน่อย” เกลยกยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยนให้น้องชายอย่างปลอบโยน
“ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย ผมกลัวว่าสักวัน” เกอร์
“เหอะน่า เชื่อใจพี่” ยังไม่ทันที่เกอร์จะได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เกลก็รีบเบรกเอาไว้เสียก่อน
“อืม” เกอร์
“พี่ไปน่ะ” เกลบอกน้องชาย เกอร์ดึงเกลเข้ากอดเบาๆ แล้วผละออก ปล่อยให้พี่สาวตัวเองเดินไปหาพี่เขยเฮงซวย
“น้องคุณว่าอะไรผมอีกล่ะ นี่เราก็แต่งงานกันมาห้าปีแล้วน่ะ ทำไมน้องคุณมองผมในแง่ร้ายตลอด?” หลังจากที่เกลเดินมาขึ้นรถ กรก็พูดเหน็บแนมทันทีสายตามองไปยังเกอร์ที่ยืนคุยอยู่กับฟาร์อย่างไม่เป็มิตร
“เกอร์มันก็เป็แบบนี้แหละ ปล่อยๆ ไปเถอะคุณอย่าสนใจเลย” เกลพูดอย่างอ่อนใจ
“จะไม่ให้สนใจได้ไงนั่นน้องคุณ ทำอะไรเคยไว้หน้าผมบ้างไหม ผมเป็พี่เขยมันน่ะ” กรพูดเสียงแข็งในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้าน
“คุณห้ามเรียกเกอร์ว่ามัน” เกลพูดเสียงเรียบติดดุด้วยความไม่พอใจ
“คุณก็เข้าข้างแต่น้อง แล้วผมล่ะ? ห่ะ ?!!!” กระโลั่นรถอย่างหัวร้อน ความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกลเห็นท่าไม่ดีรีบเอาเบลล์มาคาดไว้
“คุณใจเย็นๆ ยังไงฉันก็รักคุณ” เกลพูดอย่างใจเย็น พยายามหว่านล้อมให้สามีลดอารมณ์ร้อนลง ถนนก็โล่งเสียเหลือเกินกรก็เหยียบเอาเหยียบเอา
“แล้วมีใครยอมรับผมบ้างไหมนอกจากคุณ?” กรพูดอย่างโกรธแค้น ในครอบครัวเมีย ไม่มีใครยอมรับเขาแม้แต่คนเดียวทั้งที่เขาก็ทำดีมาตลอด
“พ่อ แม่ของฉันไง” เกลยิ้มอ่อน
“ยอมรับแค่ปากสิไม่ว่า เห็นไม่ยกอะไรให้ผมสักอย่าง” กรพูดอย่างแค้นเคืองขึ้นไปอีกเมื่อได้พูดถึงเื่นี้ เพราะทุกวันนี้เขามีทุกอย่างด้วยตัวเอง สร้างบริษัทขึ้นมาเองถึงมันจะไม่ใหญ่โตนัก ไม่เคยได้เงินจากพ่อตาแม่ยายแม้แต่บาทเดียว
“ก็บริษัทแปรรูปไง แล้วยังมีอย่างอื่นอีก” เกลพยายามพูดจาโน้มน้าว แต่ดูเหมือนมันกลับยิ่งแรงขึ้น
“นั่นของคุณ ชื่อคุณทั้งนั้น” กรตะคอกลั่น ทุกอย่างที่พ่อตายกให้ล้วนแล้วแต่เป็ชื่อเมียทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้นคุณพ่อมอบให้ก่อนแต่งงาน นั้นก็เท่ากับว่าเป็สมบัติที่มีก่อนสมรส คือถ้าหย่ากันไปสุดท้ายเขาก็ไม่ได้อะไรสักบาทอยู่ดี
“คุณยังไม่พอใจ? คุณอยากได้อะไร คุณพูดมาเลยฉันจะได้จัดการถูก” เกลพูดสวนกลับอย่างคนเริ่มหมดความอดทน เธอรักกรมากแค่ไหนแต่เธอไม่ใช่คนโง่
“บริษัทนำเข้าผลไม้” กรพูดเสียงดุ มองหาภรรยาด้วยความจริงจัง
“นั่นพ่อยกให้เกอร์” เกลตอบกลับทันควัน บริษัทนั้นสมควรเป็ของเกอร์ และมันต้องเป็ของน้องเธอคนเดียว
“เห็นไหมพอผมบอก คุณก็เอามาให้ผมไม่ได้” กรพูดจบพร้อมๆ กับที่รถจอดหน้าบ้านพอดี
“เราเปลี่ยนเื่คุยดีไหม?” เกลบอกอย่างใจเย็น เก็บของเตรียมลงจากรถ
“คุณก็เป็แบบนี้ตลอด” กรพูดตัดพ้อ เส้นเืเริ่มผุดขึ้นตามแขน นัยต์ตาแข็งกร้าวอย่างโกรธแค้นแต่ก็พยายามเก็บซ่อนมันไว้
“เดี๋ยวผมมา” หลังจากที่เกลเปิดประตูรถกำลังจะเข้าบ้านกรก็พูดขึ้น
“คุณจะไปไหน?” เกลถามอย่างสงสัย เพราะตอนนี้เพิ่งจะบ่ายกว่าๆ และที่เธอรู้มาวันนี้สามีเธอไม่มีงาน
“ผมจะไปดื่ม คุณอยู่บ้านเถอะ” กรพูดเสียงเรียบ
“ค่ะ” เกลตอบแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน ส่วนกรก็ขับรถออกไปทันที
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฟาร์ก็พาเกอร์กลับคอนโด ระหว่างที่เดินทาง เกอร์เอาแต่มองไปนอกรถจนฟาร์รู้สึกเป็ห่วง เกอร์ดูเงียบและซึมอย่างเห็นได้ชัด
กลับถึงคอนโดเกอร์ก็ตรงไปยังห้องทำงานทันที อีกไม่กี่วันคงต้องจัดประชุมครั้งใหญ่ของทั้งสองบริษัท เพราะก่อนหน้านี้่ที่ติดงานศพคุณพ่อ งานต่างๆ เขาก็ปล่อยให้เลขาทั้งสามดูแลแทนทั้งหมด
“เกอร์” ฟาร์คว้าแขนเพื่อนรักเอาไว้แน่น
“อะไร?” เกอร์ถามเสียงเรียบใบหน้านิ่งเฉย
“มึงอ่อนแอบ้างก็ได้ ไม่มีใครว่ามึงหรอก อยากร้องก็ร้อง กูอยู่ตรงนี้ข้างมึงเสมอ” ฟาร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและมองเพื่อนรักด้วยแววตาห่วงใย
“กู จะอ่อนแอได้ไงว่ะ ทุกอย่างจะแย่ลง แม่จะยิ่งเครียด แล้วไหนพี่กูอีก” เกอร์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะใจเขาตอนนี้มันแตกร้าวไม่เหลือชิ้นดี ตอนนี้เลยได้แต่พยายามเข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเขายังมีคนที่ต้องดูแล
“แต่ตอนนี้มึงอยู่กับกู มีแค่กูกับมึง แค่สองคน” ฟาร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ความที่เป็เพื่อนกันมานาน คือตอนนี้เกอร์ไม่ไหวแล้วจริงๆ และเขาพร้อมอยู่ข้างมันเสมอ
“กูไม่ล้อมึงหรอกน่า ไม่บอกพวกแม่งด้วย” ฟาร์พูดแล้วยิ้มให้เกอร์อย่างอบอุ่นดึงเกอร์เข้ากอดเอาไว้
“ขอบใจว่ะ” เกอร์ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆ ไหลรินหยดลงบนเสื้อของฟาร์หยดแล้วหยดเล่า ตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ปลดปล่อยความรู้สึกหนักอึ้งที่อยู่ในใจ
“ไหล่นี้ว่างให้มึงซบเสมอ” ฟาร์บอกเพื่อนรักพร้อมใช้มือลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายเบาๆ อย่างที่บอกไหล่นี้ว่างสำหรับเกอร์เสมอ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์เราผ่านมันมาด้วยกันเสมอ หากต้องตายแทนเขาก็ยินดี
“เสียใจก็แค่ปล่อยมันออกมา” ฟาร์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยน
“ฮึก” เกอร์สะอื้นจนตัวโยนกอดฟาร์แน่นขึ้น ปล่อยโฮอย่างไม่แคร์อะไรแล้ว การที่พ่อจากไปโดยที่ไม่ได้ลา มันทำให้เกอร์รู้สึกเสียใจอย่างหนักมีหลายสิ่งที่เขาอยากทำมันกับพ่อ และตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว
“กูอยู่ตรงนี้ข้างมึงเสมอ” ฟาร์พูดอย่างหนักแน่น เพื่อให้เกอร์ได้มั่นใจ ต่อให้คนทั้งโลกหันหลังให้มันแต่เขาไม่มีวันทำแบบนั้นกับเกอร์แน่นนอน
“ฮึก ขอบคุณที่อยู่ข้างกู” เกอร์กลั้นเสียงสะอื้น อู้อี้ตอบเพื่อนรัก เขาซึ้งใจเพื่อนรักเหลือเกิน รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็ความจริง และสำหรับเขาก็เป็เช่นนั้นเหมือนกัน
“เออ” ฟาร์
“รักมึงว่ะ” เกอร์บอกเสียงเบา พยายามหยุดร้องและกลั้นสะอื้นแต่ฟาร์ก็ยังลูบหลังอยู่อย่างนั้น
“ร้องให้พอ” ฟาร์
“อือ ฮึก” เกอร์ครางรับในลำคอปนเสียงสะอื้น
“ดีขึ้นไหม?” ฟาร์ถามยิ้มๆ เมื่อเกอร์หยุดร้องไห้ได้แล้ว และผละแขนออกจากเขา
“โล่งว่ะ” เกอร์ตอบ ถึงตอนนี้สภาพจิตใจจะยังแย่แต่ยอมรับว่าการได้ระบายมันทำให้เขาดีขึ้น
“ดีแล้ว กูก็ไม่ได้อยากเห็นมุมนี้ของมึงบ่อยๆ” ฟาร์บอกยิ้มๆ
“ขอบใจที่เป็ห่วง” เกอร์พูดอย่างซึ้งใจ
“เพื่อนกัน” ฟาร์ตบไหล่เกอร์เบาๆ
เกอร์เปลี่ยนใจเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแทนเดินเข้าห้องทำงาน ฟาร์ได้แต่ยิ้มอ่อนอย่างให้กำลังใจ ไม่ลืมโทรสั่งของโปรดไว้ให้ด้วย เพราะ่ที่ผ่านมาเกอร์แทบไม่กินข้าวเลย
………………………………………………..
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้